เมื่อเห็นอึนซูตกอยู่ในกำมือของคีชอล ชเวยองก็ยอมจำนนทำให้ถูกนำตัวไปคุมขังในฐานะนักโทษกบฏ โดยถูกตีตรวนอย่างแน่นหนาทั้งแขนและขา หลังได้รับข้อความที่ชเวยองฝากจุงซอกมากราบทูล พระเจ้าคงมินก็รู้ว่าแท้จริงแล้วชเวยองยังเป็นคนของพระองค์ เมื่อได้พบและพูดคุยกับชเวยองอย่างเปิดใจจนรู้ว่าชเวยองยอมรับพระองค์ในฐานะพระราชาแล้ว พระเจ้าคงมินก็สวมบทพระราชาที่กล้าหาญด้วยการถอดฉลองพระองค์แบบหยวนออก แล้วหันมาสวมฉลองพระองค์ของพระราชาโครยอต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก
เนื้อหา
ในที่สุดชเวยองก็ยอมคุกเข่าต่อหน้าคีชอลเพราะไม่ต้องการให้อึนซูได้รับอันตราย ก่อนถูกนำตัวไปคุมขัง ชอน อึมจาสั่งให้ทหารค้นตัวชเวยองซึ่งถูกล่ามโซ่ทั้งแขนและขาเพื่อตรวจหาอาวุธเพิ่มเติม (หลังยึดดาบไปแล้ว) ทำให้พบมีดสั้นอีกหนึ่งเล่ม หลังยึดมีดสั้นแล้วอึมจาก็ส่งสายตาคาดคั้นใส่ชเวยอง ชเวยองมองหน้าอึมจาแบบเซ็งๆ ที่โดนรู้ทัน เขาจึงกางขาออกแต่โดยดี จากนั้นก็เบือนหน้าหนี เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นบริเวณขาก็พบมีดสั้น (กว่า) เหน็บอยู่กับโซ่ตรวนที่ข้อเท้าของชเวยอง พอเห็นอึมจาขมวดคิ้วใส่อีกครั้งชเวยองก็บอกตามตรงว่าไม่มีแล้ว อึมจาเชื่อถือคำพูดของชายชาตินักรบจึงยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ
ในเวลาเดียวกันนั้น คีชอลก็เข้าไปดูองค์ชายคยองชางในห้องบรรทมและพบว่าองค์ชายเสียชีวิตแล้ว เมื่อเปิดดูที่บริเวณหน้าอกเขาก็พบเพียงคราบเลือด รอยแดงไหม้ และแผลพุพอง (เพราะชเวยองแทงองค์ชายทางด้านหลัง) จึงนั่งมองอย่างครุ่นคิด ไม่นานอึมจาก็ตามเข้ามาสมทบและนำดาบของชเวยองมาให้คีชอล โดยบอกว่าดาบเล่มนี้หัวหน้าหน่วยชองวอลแด (หน่วยนักฆ่าลับที่มีฝีมือระดับเทพ) เป็นคนมอบให้ชเวยอง คีชอลตวัดปลายดาบไปที่หน้าอกขององค์ชายแล้วบอกอึมจาว่า องค์ชายเสวยยาพิษที่ตนเตรียมไว้ให้ชเวยอง อึมจาเดาว่าชเวยองคงบังคับให้องค์ชายเสวยยาพิษ คีชอลกล่าวว่า "ถูกแล้ว ความจริงควรเป็นเช่นนั้น (คีชอลพูดพลางถอนใจ) หากเขาได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์จริงๆ...เพื่อรักษาชีวิตตนเอง" อึมจาถามกลับ "ว่าแต่...มันไม่เป็นเช่นนั้นหรือขอรับ" คีชอลไม่ตอบ เขาตัดบทด้วยการเก็บดาบแล้วถามหาอึนซู
อึนซูเป็นห่วงชเวยองที่ถูกจับในฐานะนักโทษกบฏ เธอจึงเดินกลับไปกลับมาพลางครุ่นคิดว่าต้องมีบางอย่างผิดพลาด เพราะถ้าหากพิจารณาตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ชเวยองจะต้องไม่ตายเร็วอย่างนี้ (ประวัติศาสตร์ของเกาหลีจารึกเอาไว้ว่าชเวยองถูกประหารอย่างไม่เป็นธรรมในวัย 72 ปี) เธอจึงพยายามพูดปลอบใจตัวเองว่าชเวยองจะต้องไม่ตาย ฮวา ซูอินได้ยินอึนซูพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต จึงถามว่าอึนซูเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตที่มาจากสวรรค์จริงๆ หรือ อึนซูตอบว่าเธอก็แค่พูดตามเหตุการณ์ที่ถูกจารึกไว้ ซูอินนึกว่าตนเองก็ถูกจารึกชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์เช่นกัน จึงปล่อยพลังไฟออกจากฝ่ามือให้อึนซูดูแล้วถามว่า เธอถูกจารึกชื่อเอาไว้ว่าอย่างไร
อึนซูถึงกับอึ้งเมื่อเห็นซูอินพ่นไฟออกจากฝ่ามือได้ เธอกล่าวว่ามีบางอย่างผิดเพี้ยนไปจากข้อมูลในประวัติศาสตร์ (ซูอินถอนใจอย่างผิดหวังที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้จารึกชื่อเธอ) อึนซูถามซูอินว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับชเวยองหลังเขาถูกจับในฐานะนักโทษกบฏ ซูอินตอบว่า ชเวยองจะมีโทษสถานเดียวคือตาย แถมยังต้องตายอย่างน่าอนาถเพราะเขาจะถูกลงโทษต่อหน้าผู้คน โดยจะถูกจับมัดกับเสาแล้วโดนแล่เนื้อออกทีละนิดเพื่อให้ตายช้าๆ จะได้เจ็บปวดนานๆ และทรมานอย่างแสนสาหัส อึนซูแย้งว่า ถึงยังไงก็ต้องมีการไต่สวนเรื่องราวก่อนไม่ใช่หรือ เธอรู้ว่าชเวยองไม่ได้คิดก่อกบฏและจะไปเป็นพยานให้เขาเอง เธอยังบอกด้วยว่า "คนๆ นั้นอาจเป็นฆาตกรที่ถือดาบไล่ฆ่าผู้คน แต่เขาไม่ได้เป็นกบฏ ชั้นอยู่กับเขาและรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง"
ซูอินบอกให้อึนซูไปพูดเรื่องนี้กับพี่ชายของเธอ (คีชอล) เพราะมีเพียงเขาที่จะช่วยชีวิตชเวยองได้ อึนซูฟังแล้วก็รีบเดินไปที่ประตูห้องทันที ซูอินอวยพรให้อึนซูทำสำเร็จเพราะเธอเองก็รู้สึกเสียดายคนหล่อๆ อย่างชเวยองเช่นกัน ก่อนออกจากห้องอึนซูถามซูอินว่า คีชอลมีจุดอ่อนตรงไหนบ้างหรือเปล่า ซูอินตอบว่าหากเธอรู้ เธอคงจัดการคีชอลไปนานแล้ว และยังเตือนอึนซูด้วยว่า อย่าทำตัวอ่อนแอต่อหน้าคีชอลเด็ดขาด เพราะเขาถนัดนักเรื่องเหยียบย่ำคนที่อ่อนแอกว่า
ขณะที่ชเวยองกำลังนั่งหลับเอาแรงอยู่ในกรงขัง เจ้าเมืองคังฮวาก็เดินเข้ามาทัก "อูดัลจิชเวยอง!...จงอย่านึกตำหนิข้านักเลย" ชเวยองหลับตาพูดว่า "ในเมื่อข้าเดินเข้ามาติดกับด้วยขาของข้าเอง แล้วข้าจะโทษคนอื่นได้อย่างไร" เจ้าเมืองหัวเราะอย่างเห็นด้วย แล้วบอกว่าก่อนหน้านี้ตนไม่มีโอกาสบอกเคล็ดลับสำคัญ 3 ประการที่ตนยึดมั่นเพื่อให้ครอบครัวอยู่ดีกินดีและมีรายได้จากการเป็นข้ารับใช้แผ่นดินได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยหรือเปลี่ยนพระราชามาแล้วกี่พระองค์ ชเวยองถามเจ้าเมืองว่า เขามาเพื่อบอกเรื่องนี้กับตนหรือ เจ้าเมืองกล่าวว่า เป็นเพราะตนรู้สึกผิดเล็กน้อยและอยากมาไถ่โทษด้วย
เจ้าเมืองคังฮวาบอกชเวยองว่า สิ่งสำคัญข้อแรกก็คือ ต้องประเมินว่าใครคือผู้ที่ครองอำนาจอยู่ในมือ ข้อสองคือ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดผู้ที่มีอำนาจคนนั้น และข้อที่สามซึ่งสำคัญมากๆ ก็คือ การเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าที่ตัวเองคิดและลงมือทำทั้งหมดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ชเวยองฟังวิธีเอาตัวรอดของเจ้าเมืองแล้วก็ได้แต่หัวเราะและบอกว่าตนคงไม่เอาด้วย เพราะตนรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการเปลี่ยนยุคสมัยหรือเปลี่ยนพระราชาเต็มทน (ในยุคนั้นคีชอลมีอิทธิพลในราชสำนักจนสามารถโค่นบัลลังก์และแต่งตั้งพระราชาองค์ใหม่ได้ตามต้องการ และก่อนหน้านี้ชเวยองก็เคยรับใช้พระราชาในฐานะอูดัลจิมาแล้ว 2 พระองค์ ไม่นับรวมพระราชาองค์ปัจจุบัน เขาจึงไม่ต้องการเป็นอูดัลจิที่คอยเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องพระราชาองค์แล้วองค์เล่า และไม่ต้องการรับใช้พระราชาที่ไม่ควรค่าแก่การเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้อง)
ทันทีที่คีชอลและพวก รวมทั้งอึนซู เดินมาขึ้นม้าเพื่อเตรียมออกเดินทาง (กลับเมืองหลวง) เจ้าเมืองคังฮวาก็รีบวิ่งไปเสนอหน้า อึนซูหยุดมองชเวยองด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ชเวยองเองก็จ้องอึนซูอย่างไม่วางตาเช่นกัน คีชอลเห็นอึนซูหยุดมองชเวยองโดยไม่ยอมเดินไปขึ้นม้าจึงเดินมาตามแล้วพาเธอไป ชเวยองเห็นดังนั้นเลยก้มหน้า เมื่ออึนซูเดินตามคีชอลไปขึ้นม้า ชเวยองก็เงยหน้ามองเธออีกครั้ง และพบว่าคีชอลช่วยดันเธอขึ้นไปนั่งบนหลังม้าแล้วส่งสายบังเหียนให้อย่างเอาใจ
ขณะเดินผ่านตำหนักของพระเจ้าคงมิน พระมเหสีพบว่ามีเหล่าทหารยามมาทำหน้าที่อารักขาพระองค์แทนอูดัลจิจึงหยุดมอง ชเวซังกุงรายงานว่า ในหมู่ทหารยามมีทหารที่แต่งตัวแปลกๆ ปะปนอยู่ และพวกเขาเหล่านั้นก็คือทหารส่วนตัวของใต้เท้าต็อกซอง (คีชอล) ชเวซังกุงยิ่งรายงานยิ่งรู้สึกคับแค้นใจที่ทหารส่วนตัวของคีชอลถูกส่งเข้ามาแทรกซึมในวังหลวงโดยอ้างว่ามาเพื่อปกป้องพระราชา พระมเหสีฟังแล้วก็รู้ทันทีว่า ความจริงแล้วทหารเหล่านั้นไม่ได้มาเพื่อปกป้องแต่มาเพื่อควบคุมตัวพระเจ้าคงมิน
พระมเหสีถามชเวซังกุงว่า คนร้ายที่บุกมาโจมตีพระองค์คราวก่อนเป็นคนของคีชอลใช่ไหม ชเวซังกุงตอบว่า เหล่าอูดัลจิเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น พระมเหสีได้ยินแล้วยิ่งแค้นใจจึงกล่าวว่า "คีชอลเห็นชีวิตข้าไร้ค่าดุจแมลงวันตัวหนึ่ง ฝ่าบาททรงอภิเษกกับพระมเหสีที่มีค่าน้อยกว่าแมลงวัน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่พระองค์ทรงโดดเดี่ยวยิ่งนักในตอนนี้" ชเวซังกุงถามพระมเหสีว่า จะให้เธอกราบทูลพระเจ้าคงมินว่าพระองค์เสด็จมาขอเข้าเฝ้าไหม พระมเหสีตรัสด้วยน้ำเสียงสุดเศร้าว่า "ฝ่าบาททรงโง่เขลานัก....พระองค์ช่างโง่จริงๆ" จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไป
พระเจ้าคงมินพยายามข่มใจด้วยการวาดรูป แต่จรดพู่กันได้ไม่นานพระองค์ก็ขยำทิ้ง ทำให้มีเศษกระดาษกองเกลื่อนพื้น เมื่อทนอุดอู้อยู่แต่ในห้องไม่ไหวพระองค์ก็ตัดสินใจเปิดประตู แต่แล้วกลับพบว่ามีทหารยามและทหารส่วนตัวของคีชอลยืนประจำการทางด้านนอกหลายนายด้วยกัน คีวอนเห็นดังนั้นจึงรีบเดินไปหาและถวายความเคารพพระเจ้าคงมินด้วยท่าทีนอบน้อม (เช่นเดียวกับเหล่าทหารที่พากันถวายความเคารพ) พระเจ้าคงมินเห็นน้องชายคีชอลมาประจำการหน้าห้องบรรทมด้วยตนเองจึงถอยกลับเข้าไปยืนในห้องอย่างไม่ไว้วางใจ คีวอนกราบทูลด้วยน้ำเสียงและท่าทางกึ่งสั่งว่า หากพระองค์ต้องการเสด็จไปที่ใด ควรแจ้งให้พวกตนทราบล่วงหน้าก่อน เพื่อที่พวกตนจะได้จัดคนคอยติดตามและอารักขา เมื่อคีวอนพูดจบทหารยามก็ปิดประตูใส่หน้าพระเจ้าคงมินทันที
โทกีลากรถเข็นไปที่ค่ายของอูดัลจิเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเหล่าทหารยาม และเปิดทางให้แทมานลอบเข้าไปข้างใน ชุงซอกเห็นแทมานบุกเข้ามาหาพวกตนได้ก็รู้สึกดีใจเพราะนึกว่าเขามากับหัวหน้าชเวยอง เมื่อถูกถามถึงจูซอก แทมานก็ตอบว่า จูซอกไปเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินที่ตำหนัก ชุงซอกถามว่าไปทำไม แทมานตอบติดๆ ขัดๆ ว่า "ทะ...ท่านหัวหน้า บะ...บอกว่า ฝะ...ฝะ...ฝ่าบาท...." ต็อกมานร้อนใจจนทนไม่ไหวจึงตบหัวแทมานแล้วเร่งให้บอกมาเร็วๆ หลังโดนตบหัวไปหนึ่งทีแทมานก็พูดคล่องปรื๋อว่า "เขามีข้อความที่ต้องนำขึ้นกราบทูลฝ่าบาท" ชุงซอกถามต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ท่านหัวหน้าไม่เป็นไรใช่ไหม เขาไม่ได้มากับเจ้าหรือ" เมื่อเห็นแทมานพูดไม่ออกและมีสีหน้ากังวล ชุงซอกก็ตะคอกถามด้วยความร้อนใจว่า "เกิดอะไรขึ้นกับท่านหัวหน้า" โทลแบเองก็อดรนทนไม่ไหวเพราะอยากรู้เต็มแก่จึงคว้าคอเสื้อแทมานมาเขย่าแล้วสั่งให้รีบบอกมาไวๆ เพราะตนอยากรู้ใจแทบขาดแล้ว
แทมานร้องโวยวายให้โทลแบปล่อยตน หลังโดนจับเขย่าแทมานก็เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่าพระเจ้าคงมินถูกทหารและสมุนของคีชอลควบคุมตัวเอาไว้อย่างแน่นหนา จึงไม่มีทางเล็ดลอดเข้าไปได้ หลังจากนั้นเขาก็ทำหน้าจ๋อยแล้วพูดเสียงอ่อยๆ ว่า "ส่วนท่านหัวหน้า..." ต็อกมานรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าชเวยอง แทมานบอก "มีข่าวลือว่าท่านหัวหน้าถูกจับ" ชุงซอกคว้าคอเสื้อแทมานแล้วถามว่าทำไมหัวหน้าชเวยองถึงโดนจับ แทมานตอบ "เขาลือกันว่าหัวหน้าของเราถูกจับที่เกาะคังฮวา และกำลังถูกนำตัวกลับมาที่นี่ในสภาพถูกตีตรวน" ชุงซอกไม่เชื่อว่าหัวหน้าของตนจะยอมให้จับตัวง่ายๆ จึงถามแทมานอย่างคาดคั้นว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือเหลวไหลไร้สาระพวกนี้ แทมานชักเริ่มอึดอัดที่ถูกกดดันจึงโวยวายว่า "ใครๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น ก็ข่าวลือที่ข้าได้ยินมาเป็นอย่างนี้นี่นา"
ต็อกมานถามอย่างสิ้นหวังว่า "ถ้าท่านหัวหน้าโดนจับ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา" โทลแบตอบอย่างมีอารมณ์ว่า "จะเกิดอะไรได้อีกล่ะ เราต้องแหกค่ายออกไปตอนนี้เลย" จากนั้นก็หันไปโม้กับชุงซอกว่า "ข้ากระโดดเตะทีเดียวประตูก็พังแล้ว เราแหกค่ายแล้วบุกไปช่วยท่านหัวหน้ากันเถอะ" ต็อกมานเห็นด้วยกับความคิดของโทลแบ (แต่สีหน้าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจนัก) ชุงซอกถามกลับอย่างเตือนสติว่า "ถ้าช่วยหัวหน้าได้แล้วจะทำยังไงต่อ" ต็อกมานอึ้งเพราะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ขณะที่แทมานได้แต่เกาหัว ส่วนโทลแบตอบหน้าตาเฉยว่า "เราก็แค่หนีออกจากแผ่นดินนี้ ไหนๆ ก็จะมีโทษถึงตายในฐานะที่เป็นกบฏของที่นี่อยู่แล้ว พวกเรามุ่งหน้าไปชายแดนแล้วไปเป็นโจรที่นั่นกันดีกว่า" ชุงซอกได้ยินแล้วอดไม่ได้จึงเตะโทลแบเพื่อเตือนสติไปหนึ่งที จากนั้นก็เตือนว่า ทุกคนต่างโดนยึดอาวุธและชุดเกราะกันหมด แล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครได้
ในที่สุดชเวยองก็ถูกนำตัวกลับมาคุมขังที่เมืองหลวง แต่ยังคงโดนล่ามโซตรวนเอาไว้ แถมยังถูกคุมขังในห้องที่มีประตู 2 ชั้นอีกต่างหาก เมื่ออยู่ในห้องที่ว่างเปล่าตามลำพัง (มีหนูตัวหนึ่งเป็นเพื่อน) เขาก็นึกถึงองค์ชายคยองชางที่ยอมเสวยยาพิษแทนตน ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนเขาต้องช่วยปลิดชีวิตพระองค์ ชเวยองร่ำไห้เสียใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และสิ่งที่ทำให้เขายิ่งเจ็บปวดใจก็คือการที่อึนซูแสดงท่าทางรังเกียจและเดินหนีเขา หลังรู้ว่าเขาเป็นคนลงมือสังหารองค์ชาย
ชเวยองหยิบขวดยาแอสไพรินของอึนซูขึ้นมาดู ปรากฏว่าในขวดนอกจากจะมียาแล้ว ยังมีดอกไม้สีเหลืองที่อึนซูเคยเด็ดมาเสียบหูให้เขารวมอยู่ด้วย ชเวยองหยิบดอกไม้ดังกล่าวขึ้นมาดูด้วยน้ำตาคลอเบ้าแล้วนึกถึงช่วงเวลาที่เขาเคยมีความสุข ทั้งตอนที่อึนซูยื่นดอกไม้ให้โดยบอกว่าเป็นของขวัญ และตอนที่อึนซูบอกให้เขานอนพิงไหล่ หลังนึกถึงความทรงจำอันน่าประทับใจแล้วเขาก็เก็บดอกไม้ไว้ในขวดอย่างทะนุถนอม ก่อนล้มตัวลงนอนพลางนึกถึงคำพูดของอึนซูที่เคยบ่นว่าตัวเขามีแต่กลิ่นคาวเลือด จากนั้นก็นึกถึงภาพตอนที่คีชอลพรากอึนซูไปจากเขา
ในเวลาเดียวกันนั้น อึนซูก็กำลังถูกขังอยู่ภายในห้องเช่นกัน (ที่บ้านของคีชอล - ห้องเดิมที่เธอเคยโดนขังครั้งก่อนแล้วชเวยองบุกมาช่วย) เธอนั่งนึกถึงใบหน้าของชเวยองตอนที่เขาจ้องมองเธอจากกรงขัง (บนเกาะคังฮวา) เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูอึนซูก็หันไปมองและนึกถึงภาพตอนที่ชเวยองเปิดประตูเข้ามาช่วยเธอคราวก่อน แต่คราวนี้คนที่เดินเข้ามาคือชอน อึมจา เขามาเพื่อบอกว่าคีชอลกำลังรอเธออยู่ ในหูของอึนซูได้ยินแต่เสียงชเวยองที่บอกว่า "ได้โปรดทำตามที่ข้าบอก..." อึนซูนึกถึงตอนที่ชเวยองขอร้องเธอก่อนที่เขาจะถูกจับว่า "ข้าบอกแล้วไงว่าให้ท่านอยู่ข้างกายข้า นั่นเป็นทางเดียวที่ข้าจะปกป้องท่านได้" หลังจากนั้นภาพความทรงจำตอนที่ชเวยองพยายามปกป้องเธอก็ผุดเข้ามาในห้วงความคิด ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาบุกเดี่ยวเข้ามาช่วยเธอที่บ้านคีชอลทั้งๆ ที่เพิ่งฟื้นจากความตาย และตอนที่เขาแย่งเหล้ามาดื่มเพื่อทดสอบว่ามียาพิษหรือไม่... อึนซูเพิ่งเข้าใจว่าชเวยองยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ และการที่เขาบุกเข้ามาช่วยเธอในห้องนี้เมื่อคราวก่อน ก็ทำให้เขาลงเอยด้วยการถูกจับและมีโทษประหาร
หลังอึมจามาตาม อึนซูก็เดินไปหาคีชอลในห้องๆ หนึ่งอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เมื่อซูอินแอบหลิ่วตาให้อย่างรู้กันและโบกมือทักทาย อึนซูก็เดินเชิดหน้าเข้าไปคีชอลทันที (ก่อนหน้านี้ซูอินเคยเตือนเธอว่าอย่าทำตัวอ่อนแอหรือแสดงอาการหวาดกลัวต่อหน้าคีชอล) คีชอลสวมบทสุภาพบุรุษด้วยการลุกขึ้นต้อนรับและรอให้อึนซูนั่งลงก่อน แต่อึนซูกลับวางมาดนักเลงด้วยการเตะเก้าอี้ แล้วพยายามลากเก้าอี้ที่แสนหนักอึ้งกลับเข้ามาหาตนอีกครั้ง จากนั้นก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้แล้วยืนเต๊ะท่า ซูอินเห็นดังนั้นก็แอบขำ ส่วนคีชอลและยางซาพากันอึ้งไปชั่วขณะ
คีชอลยิ้มให้อย่างเป็นมิตรและเชิญอึนซูทานอาหาร แต่อึนซูยังคงยืนเท้าเอวแล้วกล่าวว่า "คราวก่อนตอนมาที่นี่ ชั้นยังเป็นนังตัวดี นังตัวแสบอยู่เลย" (ยางซาหน้าจ๋อย เพราะเขาเป็นคนเรียกเธออย่างนั้น) อึนซูหันไปมองหน้าซูอินแล้วพูดต่อว่า "คุณยังบอกชั้นด้วยว่าหัวของชั้นจะถูกนำไปแขวนไว้ที่ไหน และทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โต แล้วนี่มันอะไรกัน คุณใส่ยาพิษเอาไว้ในอาหารนั่นใช่ไหม" คีชอลตอบว่า "หากข้าคิดจะฆ่าท่านหมอใหญ่คงไม่ใช้วิธีการวางยาพิษ... ข้าจะได้ประโยชน์อะไรจากการวางยาพิษผู้รักษาจากสวรรค์" อึนซูถามอย่างท้าทายว่า ถ้าอย่างนั้นเขาคิดที่จะฆ่าเธอด้วยวิธีไหน คีชอลไม่ตอบและตัดบทด้วยการบอกให้เธอนั่งลง
อึนซูยังคงยืนถามด้วยมาดสุดกวนว่า หากเธอไม่นั่งเขาจะฆ่าเธอใช่ไหม คีชอลถามกลับว่าเธอโดนขังให้อยู่แต่ในห้องเลยโมโหหิวใช่รึเปล่า อึนซูจึงกล่าวเข้าเรื่องว่า "ชั้นบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าอยากคุยกับคุณ ระหว่างเดินทางจากเกาะคังฮวามาที่นี่ ชั้นบอกคุณเป็นร้อยครั้งแล้วว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณ นอกจากคุณจะไม่สนใจชั้นแล้ว คุณยังจับชั้นขังเอาไว้ในห้องทั้งวันอีกต่างหาก แล้วตอนนี้คิดจะทำอะไรชั้นอีก" ยางซาทนเห็นอึนซูลบหลู่นายตนไม่ได้จึงรีบต่อว่า แต่ถูกคีชอลห้ามเอาไว้
คีชอลตอบว่าตนต้องการความช่วยเหลือจากอึนซู อึนซูเองก็มีเรื่องอยากขอร้องเขาเช่นกัน เมื่อเห็นว่ามีโอกาสต่อรองอึนซูจึงโม้ว่าเธอถนัดเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ทางธุรกิจและยอมนั่งลงแต่โดยดี จากนั้นก็รีบบอกคีชอลให้มาทำข้อตกลงกัน คีชอลกล่าวว่าถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากเธออยู่ดี อึนซูยังคงวางมาดมาเฟียสาวและบอกให้เขาเปิด 'การ์ด' (ไพ่) ของตัวเองก่อน เมื่อเห็นว่าคีชอลไม่เข้าใจคำว่า 'การ์ด' อึนซูจึงพูดใหม่โดยใช้คำว่า 'เพ' (ศัพท์เกาหลีโบราณที่แปลว่า 'ไพ่')
* คำว่าเปิด 'การ์ด' ของอึนซูหมายถึง เปิดเผยวัตถุประสงค์หรือความต้องการที่แท้จริง
คีชอลยิ้มแล้วส่งสัญญาณบอกยางซา ยางซาจึงหยิบอุปกรณ์ผ่าตัดของอึนซูมาวางบนโต๊ะ อึนซูโวยวายว่าอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของเธอ และถามคีชอลว่าเขาขโมยมาจากสำนักหมอหลวงหรือ ยางซาเปิดกล่องอีกใบให้อึนซูดู เมื่อเห็นว่าข้างในมีอุปกรณ์ผ่าตัดเธอก็ลุกขึ้นไปดูใกล้ๆ แล้วหยิบกรรไกรขึ้นสนิมออกมาดูพลางถามว่าอุปกรณ์พวกนี้มาจากไหน คีชอลไม่ตอบ เขาและยางซาต่างพากันสังเกตปฏิกิริยาของอึนซู อึนซูหยิบมีดอีกเล่มขึ้นมาดูแล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า ทำไมอุปกรณ์เหล่านี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ คีชอลยังคงจ้องหน้าอึนซูโดยไม่ตอบคำถามใดๆ เมื่ออึนซูพลิกดูอีกด้านของมีดผ่าตัด เธอก็พบตัวอักษรภาษาอังกฤษ "Made in Korea" จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมอุปกรณ์สมัยใหม่เหล่านี้จึงหลงมาอยู่ในยุคโครยอได้ เธอเลยถามคีชอลอย่างคาดคั้นว่านี่มันอะไรกัน
หมอหลวงชางบินแอบพาจูซอก (ซึ่งปลอมตัวเป็นคนของสำนักหมอหลวง) ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมิน เมื่อไปถึงหน้าห้องคีวอนก็เข้ามาขวางและถามว่าทำไมหมอหลวงจึงมาอยู่ที่นี่ หมอชางตอบว่าได้เวลาเสวยพระโอสถแล้ว คีวอนถามอย่างจับผิดว่ายาอะไร ทำไมตนไม่เคยได้รับรายงานมาก่อน จากนั้นก็ชะเง้อมองจูซอกซึ่งเป็นคนถือยา หมอชางเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาคีวอนใกล้ๆ แล้วตำหนิว่า คีวอนมีหน้าที่ถวายความปลอดภัยฝ่าบาทแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าเวลาไหนพระองค์ต้องเสวยพระโอสถและต้องได้รับการตรวจจากหมอหลวง เมื่อเห็นคีวอนตีหน้าเซ่อ หมอชางก็แกล้งสั่งให้ผู้ช่วยทำตารางเวลาในการถวายพระโอสถและตรวจพระวรกาย แล้วนำไปแจกจ่ายให้เหล่าทหารยามที่เพิ่งมาถวายอารักขาพระเจ้าคงมิน พูดจบหมอชางก็ตบไหล่คีวอนแล้วพาจูซอกไปเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินในห้องแบบเนียนๆ
เมื่อเห็นหมอหลวงชางบินมาเข้าเฝ้าและนำพระโอสถมาถวายพระเจ้าคงมินก็รู้สึกแปลกใจ หมอชางแกล้งทูลว่า "ได้เวลาเสวยพระโอสถแล้ว พะยะค่ะ" จากนั้นก็เหลือบมองไปที่ประตู เมื่อพระเจ้าคงมินมองตามก็พบว่าคีวอนกำลังแอบดูพระองค์อยู่ตรงประตู พระองค์จึงรับมุกและกล่าวว่า "จริงสิ ได้เวลาแล้วหรือนี่" หลังจากนั้นผู้ช่วยหมอชางก็ปิดประตูทันที เมื่ออยู่กันตามลำพังจูซอกก็รีบคุกเข่า หมอชางเห็นพระเจ้าคงมินเดินออกมาดูหน้าจูซอก จึงขออนุญาตให้จูซอกขยับเข้าไปคุกเข่าใกล้ๆ พระองค์ และขอให้พระองค์ทรงตรัสเบาๆ
จูซอกขยับเข้าไปหาพระเจ้าคงมินแล้วถอดหมวกออก ก่อนรายงานตัวว่า "กระหม่อมอูดัลจิ จูซอก พะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินเดินเข้าไปหาจูซอกแล้วนั่งลงตรงหน้าพลางกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าอูดัลจิทุกคนถูกทหารยามควบคุมตัวเอาไว้" จูซอกสารภาพว่า "กระหม่อมขัดพระบัญชาและแอบไปพบท่านหัวหน้าที่เกาะคัวฮวาตามลำพังพะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินตรัสด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คืออูดัลจิคนนั้น คนที่แอบติดต่อกับหัวหน้าอย่างลับๆ ตามคำสั่งของรองหัวหน้า" จูซอกรีบก้มหน้ากล่าว "กระหม่อมสมควรตายพะยะค่ะ" (พระเจ้าคงมินโกรธที่จูซอกเชื่อฟังหัวหน้ามากกว่าพระองค์)
พระเจ้าคงมินถามจูซอกว่าเขาได้พบกับชเวยองแล้วใช่ไหม เมื่อได้รับคำตอบว่าใช่ พระองค์ก็ถามต่อว่าตอนนั้นชเวยองกำลังทำอะไร จูซอกตอบตามตรงว่า ในตอนนั้นชเวยองได้พาองค์ชายคยองชางและหมอใหญ่ไปซ่อนตัวบนภูเขา พระเจ้าคงมินตรัสถามว่า "ซ่อนตัวรึ...บนภูเขา...ทำไม" จูซอกตอบว่า หัวหน้าของตนตกหลุมพราง พระเจ้าคงมินลุกขึ้นแล้วตรัสว่า "ข้าได้ยินว่าชเวยองถูกทหารยามจับตัว ไป" จูซอกทูลว่า "กระหม่อมคิดว่าท่านหัวหน้าคงถูกจับหลังแยกทางกับกระหม่อม" พระเจ้าคงมินได้ยินดังนั้นจึงตรัสว่า "เจ้าเพิ่งมาพบข้าหลังจากชเวยองถูกจับแล้วเนี่ยนะ" จูซอกรีบอธิบาย "กระหม่อมอยากมาเร็วกว่านี้ แต่ทหารยาม..." จูซอกพูดยังไม่จบพระเจ้าคงมินก็แทรกขึ้นว่า "เจ้าคือแผนสำรองที่จะถูกนำมาใช้ ในกรณีที่ชเวยองถูกจับใช่ไหม" จูซอกได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง
พระเจ้าคงมินตรัสถามจูซอกว่า "เขา (ชเวยอง) สั่งเจ้าเช่นนี้ใช่ไหม... หากแผนก่อกบฎล้มเหลว เจ้าจะต้องมาหาข้าและบอกข้าว่าทั้งหมดเป็นหลุมพราง เพื่อที่ชเวยองจะได้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์" จูซอกพยายามปฏิเสธโดยบอกว่าหัวหน้าของตนไม่เคยคิดเช่นนั้น พระเจ้าคงมินจึงตรัสว่า "ถ้่าเช่นนั้น เขาคงบอกเจ้าว่า... พระราชาที่ไร้ค่าและไร้ยางอายจะอ้าแขนรับเจ้าเพราะเชื่อว่าชเวยองอยู่ฝ่ายตน เขาพูดเช่นนั้นใช่ไหม" จูซอกก้มศีรษะขอร้องให้พระเจ้าคงมินเชื่อใจตนและชเวยอง แต่พระเจ้าคงมินกลับโยนดาบให้จูซอก แล้วตรัสว่า "เจ้าขัดพระบัญญาและแอบติดต่อกับผู้สมรู้ร่วมคิดในการก่อกบฏอย่างลับๆ เมื่อกี๊เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือว่าเจ้าสมควรตาย ถ้าอย่างนั้นก็จงตายซะ" พูดจบพระองค์ก็หันหลังให้จูซอกทันที
จูซอกหยิบดาบขึ้นมาจ่อคอตนเองแล้วกราบทูลว่า "ท่านหัวหน้าขอให้กระหม่อมนำความมากราบทูลฝ่าบาท หลังกระหม่อมกราบทูลจบแล้ว กระหม่อมจะปลิดชีพตนเองทันทีพะยะค่ะ... ท่านหัวหน้าฝากกระหม่อมให้มาทูลว่า 'หัวหน้าอูดัลจิชเวยอง ยังปฏิบัติภารกิจที่ฝ่าบาททรงมอบหมายไม่ลุล่วง" พระเจ้าคงมินถามว่า ชเวยองฝากข้อความมาถึงพระองค์เพียงเท่านี้หรือ จูซอกกล่าวว่า "ข้อความทั้งหมดได้ถูกนำมากราบทูลแล้ว (เขายิ้มดวยความภาคภูมิใจที่ทำงานสำเร็จ) ถ้าเช่นนั้น ฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ตลอดไป และเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินโครยอพะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินหันไปมองหน้าหมอชาง ขณะที่หมอชางก็หันไปมองหน้าพระองค์เช่นกัน
หลังถวายพระพรแล้ว จูซอกก็เตรียมปลิดชีพตัวเองโดยเงื้อดาบขึ้นหมายฟันเข้าที่ลำคอ โชคดีที่หมอชางใช้ด้ามพัดปัดดาบออกจากมือจูซอกได้ทัน หลังจากนั้นพระเจ้าคงมินก็ตรัสว่า "ยังไม่ถึงเวลาตายของเจ้า"
คีชอลพาอึนซูเข้ามาคุยในห้องเก็บของสำคัญตามลำพัง พร้อมทั้งนำอุปกรณ์ผ่าตัดที่เหลือออกมาให้อึนซูดู อึนซูหยิบอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาดูแล้วถามว่า "อุปกรณ์พวกนี้เป็นของฮวาตางั้นเหรอ....เป็นของเมื่อหลายร้อยปีก่อนเนี่ยนะ" คีชอลกล่าวว่านอกจากอุปกรณ์เหล่านี้แล้ว ตนยังมีของอีกสองอย่างที่เป็นของฮวาตา อึนซูบอกให้คีชอลนำของทั้งหมดออกมาให้เธอดู เมื่อเห็นคีชอลยืนจ้องหน้านิ่ง อึนซูก็ถามว่า เขาพาเธอมาที่นี่เพื่อให้เธอดูของทั้งหมดนี้ไม่ใช่หรือ (อีนซูเข้าใจว่า 'การ์ด' หรือไพ่ ของคีชอลคืออุปปรณ์ผ่าตัดของฮวาตา)
คีชอลจึงเฉลยว่า "ความจริงแล้วข้าและฝ่าบาทได้พนันกันไว้โดยมีท่านเดิมพัน" คีชอลและพระเจ้าคงมินพนันกันว่า คีชอลจะครอบครองหัวใจอึนซูได้สำเร็จภายใน 7 วันหรือไม่ อึนซูถามคีชอลว่า ถ้าเขาชนะผลจะเป็นอย่างไร คีชอลตอบว่า หากตนชนะจะได้ครอบครองอึนซู แต่ถ้าตนแพ้อึนซูก็จะกลับไปเป็นคนของพระเจ้าคงมินตามเดิม คีชอลถามอึนซูด้วยสีหน้าจริงจังว่า "ตอนนี้หัวใจของท่านอยู่ที่ใคร ท่านหมอใหญ่" อึนซูตอบว่า "หัวใจของชั้นก็ต้องอยู่ที่ชั้นสิ" คีชอลขอดื้อๆ "ท่านมอบให้ข้าได้ไหม" อึนซูตอบตรง "ชั้นไม่ให้คุณหรอก"
คีชอลแทบไม่เชื่อหู เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างผิดหวังแล้วกล่าวว่า "ต่อหน้าข้า...ใต้เท้าต็อกซอง ท่านยังกล้าพูดคำว่าไม่ให้" อึนซูถือโอกาสเสนอข้อแลกเปลี่ยนโดยบอกว่า "คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าอุปกรณ์พวกนี้คืออะไร" คีชอลหูผึ่ง "คุณบอกไม่ใช่เหรอว่ายังมีของอีกสองอย่าง แล้วคุณก็อยากรู้เหมือนกันใช่ไหมว่าของทั้งหมดนั่นคืออะไร" คีชอลถามอย่างมีความหวังว่า "ท่านกำลังบอกข้าว่า ท่านรู้จักของเหล่านั้นใช่ไหม" อึนซูยังไม่เห็นของอีกสองอย่างจึงบอกตามตรงว่า "ชั้นไม่รู้ว่าของพวกนั้นคืออะไร แต่ถ้ามันมาพร้อมกับอุปกรณ์พวกนี้ (อุปกรณ์ผ่าตัด) แล้วล่ะก็ ชั้นต้องรู้แน่ๆ ว่ามันคืออะไร เพราะว่ามันมาจากโลกของฉัน คุณอยากให้ชั้นบอกคุณมั๊ยล่ะ" คีชอลถามว่า "แล้วถ้าข้าอยากรู้ล่ะ" อึนซูรอโอกาสนี้มานานจึงเปิด 'การ์ด' ของตัวเองโดยกล่าวว่า "อูดัลจิชเวยอง...ท่านต้องช่วยชีวิตเขา!"
คีชอลกล่าวอย่างเหนือชั้นกว่าว่า อึนซูคิดผิดที่หยิบยกข้อเสนอดังกล่าวมาต่อรอง เพราะถ้าเธอกลายเป็นคนของเขาเมื่อไหร่ เธอก็จะบอกให้เขารู้เองว่าสิ่งของต่างๆ เหล่านี้คืออะไร ดังนั้น สิ่งที่เธอควรนำมาต่อรองกับเขา (เพื่อแลกกับชีวิตชเวยอง) ก็คือ หัวใจของเธอ หากเธอเสนอหัวใจให้เขา เขาอาจช่วยชีวิตชเวยอง
คีวอนเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยภายในคุก เมื่อเห็นว่าชเวยองยังคงนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น เขาก็ถาม ทหารยามว่าชเวยองยังไม่ตื่นอีกหรือ เมื่อทหารยามรายงานว่าชเวยองนอนหลับแบบนอนสต็อปตั้งแต่เมื่อวาน โดยไม่ยอมตื่นขึ้นมากินน้ำและอาหาร คีวอนก็ถึงกับอึ้ง
ในตอนนั้น ชเวยองกำลังฝันว่าตัวเองยืนมองบิดาตกปลาอยู่บนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง บิดาของเขาหันมาถามว่า "นี่เจ้ายังหาไม่เจออีกรึ" ชเวยองทำหน้างงๆ แล้วถามกลับว่า "ข้าต้องหาอะไรหรือขอรับ ท่านพ่อ" ชเวยองจะเดินไปหาบิดาแต่แล้วอยู่ๆ เขาก็จมลงไปในทะเลสาบและเริ่มสำลักน้ำ หลังจากนั้นภาพในความฝันของชเวยองก็เปลี่ยนจากโลกสีเทาที่อ้างว้างและหนาวเหน็บ มาเป็นบรรยากาศริมทะเลสาบอันสวยงาม ร่มรื่น และมีชีวิตชีวา
เมื่อเห็นชเวยองนั่งสำลักริมทะเลสาบ บิดาของเขาก็เดินเข้ามาถามว่า "นั่นเจ้ากำลังทำอะไร" ชเวยองถามด้วยความตกใจว่า "น้ำแข็งละลายตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับท่านพ่อ" บิดาของชเวยองได้ยินดังนั้นจึงถามด้วยความแปลกใจว่า "เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน" ชเวยองลุกขึ้นแล้วบอกบิดาว่า "ก่อนหน้านี้ ที่นี่...ทะเลสาบ....ทุกอย่างเป็นน้ำแข็งหมดเลย" บิดาของเขากล่าวว่า "ทะเลสาบแห่งนี้ไม่เคยกลายเป็นน้ำแข็งมาก่อน ดูสิ ที่นี่ยังคงเป็นแบบเดิมเหมือนที่เคยเป็นมาโดยตลอด" เมื่อชเวยองมองไปรอบๆ ก็พบว่าเขากำลังยืนอยู่ริมทะเลสาบท่ามกลางทัศนียภาพที่งดงาม.... เมื่อตื่นจากความฝันชเวยองก็ถึงกับน้ำตาซึม
ขณะกำลังมุ่งหน้าไปยังท้องพระโรง พระเจ้าคงมินยังคงครุ่นคิดและตีความคำกล่าวของชเวยองที่ฝากจูซอกมากราบทูลว่า เขายังทำภารกิจที่พระองค์ทรงมอบหมายไม่ลุล่วง พระองค์นึกถึงวันที่ชเวยองนำกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ดูโดยบอกว่าเป็นสิ่งที่อดีตพระราชา (องค์ชายคยองชาง) ประทานให้ตน เนื้อความในกระดาษระบุว่า การเดินทางไปรับเสด็จพระเจ้าคงมินที่ต้าหยวนแล้วพากลับมาโครยอเป็นภารกิจสุดท้ายของตน หลังจากพระองค์เสด็จมาถึงเมืองแค-กยองอย่างปลอดภัย ตนสามารถลาออกจากการเป็นอูดัลจิและออกจากวังเพื่อไปใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนได้
หลังจากนั้น พระเจ้าคงมินก็นึกถึงคำพูดที่พระองค์เคยตรัสกับชเวยองเอาไว้ว่า หากเขาทำงานที่พระองค์ทรงมอบหมายให้อีกหนึ่งอย่างจนสำเร็จลุล่วง พระองค์จึงจะพิจารณาเรื่องการลาออกของเขา ชเวยองพยายามแย้งว่าตนได้รับอนุญาตจากอดีตพระราชาแล้ว พระเจ้าคงมินจึงย้อนถามด้วยความโกรธว่า "ระหว่างอดีตพระราชากับพระราชาองค์ปัจจุบัน เจ้าจะเชื่อฟังคำสั่งใคร" ในที่สุด พระเจ้าคงมินก็เข้าใจความหมายของชเวยอง การที่เขาบอกว่า เขายังทำภารกิจที่พระองค์ทรงมอบหมายไม่ลุล่วง แปลว่าเขายังคงทำตามคำสั่งและจงรักภักดีต่อพระองค์ (ไม่ได้ทำตามคำสั่งขององค์ชายคยองชางอย่างที่พระองค์ระแวง) เมื่อรู้ดังนั้น พระเจ้าคงมินก็รู้สึกดีใจและยิ้มอย่างมีสุข จากนั้นพระองค์ก็รีบเสด็จไปยังท้องพระโรงทันที
พระเจ้าคงมินพยายามเก็บอาการดีใจเอาไว้ขณะขึ้นไปว่าราชการบนบัลลังก์... โจ อิลชินทำหน้าที่เป็นตัวแทนเหล่าขุนนางโดยลุกขึ้นกราบทูลว่า ที่ประชุมมีมติให้ลงโทษกบฏชเวยองขั้นเด็ดขาดและเร่งด่วนที่สุด พระเจ้าคงมินเห็นด้วยและบอกให้ทำตามนั้น โดยตรัสว่าเพื่อให้สามารถลงโทษชเวยองขั้นเด็ดขาดและเร่งด่วนที่สุด พระองค์จึงจะทำการไต่สวนด้วยวิธีชินกุก (การไต่สวนนักโทษเป็นการส่วนตัวโดยพระราชา) โจ อิลชินรีบแย้ง พระเจ้าคงมินจึงแทรกขึ้นว่า "ทำไม ข้าไร้ความสามารถจนไม่อาจไต่สวนด้วยวิธีชินกุกได้งั้นรึ" โจ อิลชินรีบคุกเข่าแล้วทูลว่า ตนแค่รู้สึกเป็นห่วงที่พระองค์จะไต่สวนนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ พระเจ้าคงมินจึงตรัสถามว่า "เจ้ากำลังบอกว่า ข้าอ่อนแอเกินกว่าจะไต่สวนนักโทษคดีอุกฉกรรจ์งั้นรึ"
จาอูน ซึ่งเป็นลิ่วล้อของคีชอลรีบทูลว่า พวกตนพร้อมที่จะสอบปากคำทุกคนที่เกี่ยวข้องกับชเวยอง ขอแค่พระองค์ทรงมีพระบัญชา พระเจ้าคงมินจึงตวาดเสียงดังลั่นว่า "ข้ากำลังบัญชาพวกเจ้าว่า ข้าจะไต่สวนนักโทษชเวยองด้วยตัวเอง" พูดจบพระเจ้าคงมินก็เสด็จออกจากท้องพระโรงทันที โจ อิลชินรีบวิ่งตามไปห้าม พระเจ้าคงมินจึงถือโอกาสสั่งให้เขาพาพระองค์ไปพบชเวยองที่ห้องคุมขัง จาอูนรีบวิ่งไปขวางหน้าพระเจ้าคงมิน พระเจ้าคงมินจึงตรัสว่า เจ้ากล้าขวางทางข้าต่อหน้าเหล่าขุนนางในราชสำนักและข้าราชบริพารของข้างั้นรึ เมื่อได้ฟังดังนั้น จาอูนจึงรีบถอยออกไป หลังจากนั้น พระเจ้าคงมินก็ตรัสกับขันทีประจำพระองค์และโจ อิลชินว่า "ไปกันเถอะ ไปไต่สวนนักโทษด้วยวิธีชินกุก"
ระหว่างเสด็จเข้าไปในคุก โจ อิลชินพยายามหว่านล้อมให้พระเจ้าคงมินทรงเปลี่ยนพระทัย โดยอ้างว่าครอบครัวมีกฏระเบียบ บ้านเมืองมีกฏหมาย แต่พระเจ้าคงมินไม่สนใจ เมื่อไปถึงหน้าห้องคุมขัง โจ อิลชินอ้างว่า ก่อนทำการไต่สวนต้องจัดเตรียมสถานที่ให้ถูกต้องตามระเบียบก่อน พระเจ้าคงมินร้อนใจจึงสั่งให้เปิดประตูทันที โจ อิลชินและจาอูนรีบขวางประตูไว้ แล้วห้ามไม่ให้พระองค์เสด็จเข้าไปภายในคุกโดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย พระเจ้าคงมินเห็นชเวยองโดนล่ามโซ่ทั้งแขนและขา จึงตรัสว่า "เขาถูกล่ามโซ่ขนาดนั้นยังไม่ปลอดภัยอีกหรือ"
พระองค์หันไปถามคีวอนว่า เขาใช้โซ่คุณภาพต่ำล่ามชเวยองเอาไว้หรือ โจ อิลชินถึงได้เป็นห่วงความปลอดภัยของพระองค์มากขนาดนั้น คีวอนรีบอธิบายว่า โซ่ที่ตนนำมาใช้ไม่ได้มีคุณภาพต่ำ เพราะพี่ชายตน (คีชอล) กำชับเอาไว้ว่าโซ่ธรรมดาไม่อาจต้านทานพลังภายในอันแก่กล้าของนักโทษชเวยองได้ ตนจึงใช้โซ่ที่ผลิตจากโลหะชนิดพิเศษ พระเจ้าคงมินยิ้มและถามย้ำว่า "โลหะชนิดพิเศษงั้นหรือ วางใจได้ใช่ไหม" คีวอนรีบถอดโซ่คล้องประตูออกมานำเสนอด้วยความภาคภูมิใจ แล้วบอกว่าโซ่ดังกล่าวผลิตโดยช่างตีเหล็กเก่งที่สุดในเมือง ทั้งยังแข็งแรงทนทานกว่าโซ่ธรรมดาถึง 12 เท่า พระเจ้าคงมิน มองโซ่ในมือแล้วเปรยว่า "ไม่ธรรมดาจริงๆ" เมื่อเห็นคีวอนยังคงคุยโวเรื่องโซ่ พระองค์จึงตัดบทว่า "ถ้าเช่นนั้น มันยังไม่ปลอดภัยพอที่จะเปิดประตูให้ข้าเข้าไปข้างในอีกหรือ" คีวอนโม้เรื่องโซ่เอาไว้เยอะ เมื่อได้ยินพระเจ้าคงมินตรัสเช่นนั้นจึงรีบสั่งให้ทหารเปิดประตู
เมื่อเข้าไปในห้องคุมขังแล้วพระเจ้าคงมินก็ใช้โซ่ในมือล่ามประตูด้านนอกเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครบุกเข้ามารบกวน โจ อิลชินเกาะประตูและร้องเรียกพระเจ้าคงมินเสียงดังลั่น พระองค์จึงสั่งให้ทุกคนหุบปาก และประกาศว่าจะเริ่มทำการไต่สวนนักโทษชเวยองเดี๋ยวนี้ พูดจบพระองค์ก็เปิดประตูด้านในแล้วเดินเข้าไปหาชเวยอง ชเวยองรีบคุกเข่าถวายความเคารพพระเจ้าคงมินทันที
พระเจ้าคงมินถามชเวยองว่า "ภารกิจที่ข้ามอบหมายให้เจ้า เจ้าบอกว่ายังทำไม่ลุล่วงงั้นหรือ" ชเวยองตอบว่า "กระหม่อมยังทำไม่แล้วเสร็จพะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินถามย้ำเพื่อความแน่ใจ "เจ้าต้องการบอกข้าว่า เจ้าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายต่อไป" ชเวยองตอบ "ถูกแล้วพะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินตรัสว่า ที่ผ่านมาพระองค์มอบหมายงานให้ชเวยองทำ 2 อย่าง งานแรกคือการหาหลักฐานว่าใครอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่ (รมควันพิษ) เหล่าขุนนางที่จงรักภักดีต่อพระองค์... ชเวยองกล่าวว่าตนทำงานดังกล่าวลุล่วงแล้ว พระเจ้าคงมินจึงถามถึงภารกิจที่สอง
ชเวยองนึกถึงตอนที่พระเจ้าคงมินสั่งให้ตนสืบหาว่า ใครคือคนที่พระองค์จะต้องต่อกรด้วย และทำไมพระองค์จึงต้องลุกขึ้นสู้ ในตอนนั้นพระองค์ยังย้ำกับเขาด้วยว่า "นี่คือภารกิจที่เจ้าต้องทำ ข้าในฐานะพระราชาองค์ปัจจุบัน ขอสั่งให้เจ้าไปทำหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมายให้ลุล่วง" หลังนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว แล้ว ชเวยองก็ตอบว่า "จากหลักฐานที่กระหม่อมพบ ฝ่าบาทคงรู้แล้วว่าศัตรูของพระองค์เป็นใคร แต่เหตุผลที่ฝ่าบาทต้องลุกขึ้นสู้ กระหม่อมยังตอบไม่ได้พะยะค่ะ"
พระเจ้าคงมินตรัสว่า "ข้ารู้แล้วว่าทำไมข้าถึงต้องลุกขึ้นสู้" ชเวยองเงยหน้ามองพระเจ้าคงมินแล้วกล่าวว่า "งั้นหรือพะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินยืนยันว่า "ข้าเข้าใจดีว่าทำไมข้าถึงต้องสู้ สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้ก็คือบอกข้าว่าควรรับมือยังไง" ชเวยองยิ้มแล้วกล่าวว่า "กระหม่อมเป็นเพียงนักโทษที่ถูกจองจำข้อหาก่อกบฏ" พระเจ้าคงมินตรัสถามว่า "เจ้าคิดที่จะตายอย่างกบฏงั้นรึ... นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการจริงๆ ใช่ไหม... เจ้าอยากจบชีวิตเช่นนี้จริงๆ หรือ" เมื่อเห็นชเวยองยังคงนั่งนิ่ง พระเจ้าคงมินก็นั่งลงตรงหน้าชเวยอง แล้วขอร้องให้เขาสอนพระองค์ว่าควรสู้ยังไงจึงจะช่วยให้เขาพ้นจากอันตราย ชเวยองได้แต่นั่งก้มหน้า พระเจ้าคงมินจึงจับแขนที่ถูกตีตรวนของชเวยองแล้วบอกว่า "ข้ามอบท่านหมอให้ใต้เท้าต็อกซอง เพราะข้ารู้ว่านางจะปลอดภัยมากที่สุดถ้าอยู่ที่นั่น หากปล่อยให้นางอยู่ใกล้ตัวข้าต่อไปจะยิ่งทำให้นางมีภัย ข้าไม่มีกำลังที่จะต่อกร จึงไม่มีทางเลือกอื่น" ชเวยองเงยหน้ามองพระเจ้าคงมินแล้วถามว่า "นางจะอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัยจริงๆ หรือพะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินตอบตามตรงว่า "ข้าเองก็ไม่อาจยืนยันได้"
หลังจากพระเจ้าคงมินไปพบชเวยองในห้องคุมขัง จาอูนก็รีบบึ่งไปหาคีชอลที่บ้าน เมื่อพบชอน อึมจานั่งเป่าขลุ่ย เขาก็รีบบอกว่าตนมีเรื่องจะรายงาน อึมจาเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า ใต้เท้าต็อกซองห้ามไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนโดยเด็ดขาด จากนั้นก็บรรเลงเพลงขลุ่ยต่อ
ขณะนั้นอึนซูกำลังผสมค็อกเทลโดยนำเหล้าแรงๆ (ที่ฮวา ซูอินนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการโจมตีด้วยไฟ) มาผสมกับเหล้าที่มีดีกรีต่ำกว่า (เหล้าที่ใช้สำหรับดื่ม) จากนั้นก็เขย่าแล้วดื่มก่อนเป็นคนแรก หลังดื่มจนหมดแก้ว เธอก็หันไปหาซูอิน แล้วบอกว่า "ถึงตาคุณแล้ว พี่สาว" ซูอินคว้าเหล้ามาดื่มจนหมดแต่ก็ไม่วายสำลักเพราะความแรงของเหล้า อึนซูมองหน้าคีชอลแล้วบอกว่า "คุณลุง...ไม่สิ ใต้เท้า ถึงตาคุณดื่มแล้ว" คีชอลประท้วง "ไหนท่านบอกว่าจะมอบหัวใจให้ข้า แล้วทำไมท่านถึงมอบเหล้าให้ข้าดื่มแทน" อึนซูแย้งว่า "คุณเอาแต่พูดเรื่องนี้อยู่ได้ หัวใจคนเราไม่เหมือนกระเป๋าของดีไซเนอร์ซักหน่อย มันใช้เงินซื้อไม่ได้ แม้คุณจะใช้กำลังบังคับเพื่อให้ได้มันมา แต่มันก็ยังไม่เป็นของคุณอยู่ดี จริงมั๊ย"
เมื่อเห็นว่าคีชอลยังไม่ยอมดื่ม อึนซูก็นำแก้วเหล้าของตนไปชนแก้วของคีชอลที่วางบนโต๊ะ ก่อนยกเหล้าซดจนหมดแก้ว ซูอินเห็นดังนั้นจึงทักอึนซูว่าเธอไม่ใช่ผู้รักษาแต่เป็นขี้เมางั้นหรือ (เพราะเหล้าที่เธอผสมแรงมาก) อึนซูเห็นคีชอลยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมดื่มจึงถามว่า "ใต้เท้าไม่อยากได้หัวใจชั้นแล้วเหรอ ไม่ดื่มเหล้าที่ชั้นอุตส่าห์รินให้ได้ยังไงกัน" คีชอลยกเหล้าขึ้นดื่มอย่างเสียไม่ได้ ครั้นพอดื่มหมดแก้วเขาก็รีบคว้าของกินใส่ปากเพื่อลดความแรงของเหล้าทันที อึนซูเห็นดังนั้นจึงบอกว่า "โอเค ชั้นจะให้เหล้าเป็นรางวัลอีก 2 แก้ว"
อึนซูจะรินเหล้าให้คีชอล แต่คีชอลคว้าข้อมือเธอไว้ แล้วเตือนว่า "ไม่ว่าจะเป็นพระราชาของแผ่นดิน หรือผู้รักษาจากสวรรค์ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาล้อเล่น ตลอดชีวิตของข้า ข้ายังไม่เคยถูกใครเล่นตลกเลยสักครั้ง" อึนซูกล่าวว่า "ชั้นก็เหมือนกัน ชั้นไม่ใช่คนที่จะเอาหัวใจไปล้อเล่นกับใคร ถ้าคุณอยากได้หัวใจชั้น คุณก็ต้องแสดงให้ชั้นเห็นถึงความพยายามก่อน" คีชอลถามว่า "จริงหรือ ถ้าเช่นนั้นการดื่มเหล้าในความหมายของท่านก็คือการใช้ความพยายามใช่ไหม" อึนซูตอบว่า "มีแต่คนฉลาดน้อยด้อยฝีมือเท่านั้นที่ต้องให้คนอื่นคอยบอกซ้ำๆ ชั้นจะบอกคุณเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคุณอยากได้หัวใจชั้นคุณต้องดื่มเหล้ากับชั้นอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ในระหว่างที่ดื่มเหล้าความสัมพันธ์ของคนสองคนจะค่อยๆ พัฒนา คุณไม่รู้เหรอว่าการจับมือถือแขนเค้าเอาไว้ทำกันตอนหลัง" คีชอลได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะและปล่อยมือออกจากแขนอึนซู
ทหารยามที่เฝ้าหน้าห้องคุมขังสังเกตเห็นชเวยองนั่งแขนตกราวกับหมดสติ และมีเลือดไหลหยดลงมาเต็มพื้น ก็นึกว่าเขากรีดข้อมือฆ่าตัวตาย จึงรีบเปิดประตูเข้าไปดูด้วยความตกใจ (เพราะถ้าหากชเวยองตาย พวกเขาจะมีความผิด) ครั้นพอทหารเข้าไปดูใกล้ๆ ชเวยองก็ใช้ฝ่ามือทำร้ายทหารคนดังกล่าวจนหมดสติ ก่อนที่จะจัดการกับทหารอีกคนอย่างง่ายดาย เขานำกุญแจที่อยู่ในตัวทหารมาไขโซ่ตรวนออกจากแขนและขาแล้วเดินออกจากห้องคุมขังไป (เมื่อเขายกเท้าขึ้น ก็เผยให้เห็นหนูตัวหนึ่งนอนบี้แบนอยู่ใต้ฝ่าเท้า ซึ่งหมายความว่าเลือดที่เห็นก็คือเลือดหนูตัวนี้นี่เอง)
ในเวลาเดียวกันนั้น อึนซูก็กำลังเดินเล่นกับคีชอลโดยมีชอน อึมจา และทหารส่วนตัวเดินตามเป็นพรวน อึนซูเห็นดังนั้นจึงชี้ไปที่สมุนของคีชอลแล้วบ่นว่า จริงๆ แล้วมันไม่ควรเป็นอย่างนี้ คีชอลถามว่า "การไขว่คว้าหัวใจของผู้หญิงที่มาจากสวรรค์ จะต้อง ออกเด..เด่...." อึนซูรีบบอก "เดท!" คีชอลไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนจึงอยากรู้ความหมาย อึนซูอธิบายกึ่งบ่นว่า "การออกเดทเป็นกิจกรรมระหว่างคนสองคน คุณจะปล่อยให้คนพวกนี้มาเดินตามก้นเราต้อยๆ อย่างนี้ไม่ได้นะ" คีชอลถามหน้าซื่อว่า "ไม่ได้งั้นหรือ" อึนซูตอบว่า "มีแต่คนคอยจ้องมองอย่างนี้ แล้วเราจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้นได้ยังไง" เมื่อเห็นคีชอลทำหน้าครุ่นคิด อึนซูก็ออกตัวว่า "ชั้นไม่ได้หมายความว่าจะยกระดับความสัมพันธ์ไปอีกขั้นนะ แต่ตามหลักแล้วมันเป็นอย่างนี้นี่นา" คีชอลส่งสัญญาณให้ทหารถอยไป เมื่อเห็นอึมจายังคงเดินตาม คีชอลจึงสั่งให้อึมจาถอยไปเช่นกัน อึนซูแอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่าคีชอลไม่มีผู้ติดตาม
หลังแหกคุกแล้ว ชเวยองก็ออกมาดูให้เห็นกับตาว่าอึนซูอยู่ที่บ้านคีชอลอย่างปลอดภัยตามที่พระเจ้าคงมินทรงคาดการณ์เอาไว้หรือไม่ (เนื่องจากพระเจ้าคงมินบอกชเวยองก่อนหน้านี้ว่า พระองค์เองก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าอึนซูจะปลอดภัย เขาเลยมาดูให้แน่ใจด้วยตนเอง) ชเวยองยืนมองคีชอลและอึนซูเดินเคียงข้างกัน เขาได้ยินคีชอลคุยกับอึนซูอย่างเป็นมิตรว่า "ท่านบอกข้าว่า อยากออกไปชมตลาดในแค-กยองงั้นหรือ" อึนซูตอบด้วยท่าทีผ่อนคลายว่า "แน่นอน นั่นเป็นที่ๆ ควรออกไปเที่ยวชมก่อนเป็นอันดับแรก" คีชอลตอบว่า "ถ้าเช่นนั้นเราก็ออกไปชมตลาดด้วยกัน ที่นั่นมีทั้งแม่น้ำแล้วก็ดอกไม้" อึนซูทวนคำพูด "แม่น้ำ ดอกไม้งั้นเหรอ" จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังลั่น "สุดยอดไปเลย!" (ออกอาการเมาเล็กน้อย) คีชอลจึงผายมือด้วยทีท่าเชื้อเชิญ
ระหว่างเดินชมวิวทิวทัศน์ อึนซูก็เล่าถึงการปกครองบนสวรรค์ (เกาหลีในยุคปัจจุบัน) ให้คีชอลฟังว่า ที่นั่นไม่มีพระราชา คีชอลรู้สึกแปลกใจที่บนสวรรค์ไม่มีพระราชา จึงถามว่าแล้วใครทำหน้าที่ปกครองประชาชน อึนซูตอบว่า "ประธานาธิบดี" คีชอลไม่รู้จักคำว่าประธานาธิบดี จึงถามด้วยความสงสัยว่าประธานาธิบดีเป็นพระราชาแบบไหน อึนซูอธิบายว่า ประธานาธิบดีไม่เหมือนพระราชา เพราะตำแหน่งพระราชาจะสืบทอดอำนาจ (ราชบัลลังก์) โดยสายเลือด ส่วนตำแหน่งประธานาธิบดีจะถูกเลือกโดยประชาชนด้วยวิธีเลือกตั้ง ซึ่งหมายความว่าในหมู่ประชาชนด้วยกัน พวกเขาจะเลือกคนที่ตนเองชอบมากที่สุด คีชอลถามว่า แล้วประชาชนจะรู้ได้ยังไงว่าใครคือคนที่พวกเขาควรเลือก อึนซูตอบว่า ผู้สมัครจะทำการหาเสียงก่อนเลือกตั้ง จากนั้นก็พูดหาเสียงให้ดูเป็นตัวอย่างว่า "ชั้นเป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ถ้าชั้นได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ชั้นจะทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้"
คีชอลขำกลิ้งเมื่อได้ฟังเรื่องดังกล่าว อึนซูจึงถามว่า เขาขำอะไรนักหนา หรือว่าเขาเป็นพวกที่เวลาเมาแล้วชอบหัวเราะ คีชอบตอบ "ลองนึกภาพคนนับหมื่นนับแสนออกมาประกาศว่าตนเองมีคุณสมบัตืเหมาะสมที่จะเป็นพระราชามากที่สุด ท่านว่ามันไม่ตลกงั้นรึ" เมื่อเห็นอึนซูเหม่อมองดอกไม้สีเหลือง (ที่เธอเคยเด็ดมาเสียบหูให้ชเวยอง) คีชอลก็ถามอึนซูว่า "ท่านชอบดอกไม้นั่นหรือ" อึนซูตอบโดยที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ดอกไม้ว่า "ก็แค่ดอกไม้ที่ชั้นเคยเห็นมาก่อน" (สิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่ดอกไม้ แต่เป็นความทรงจำระหว่างเธอกับชเวยอง) ขณะนั้น ชเวยองก็กำลังแอบมองอึนซูอยู่ห่างๆ โดยยืนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ข้างๆ ตัวเขามีต้นไม้ที่กำลังออกดอกสีเหลืองเช่นกัน
คีชอลเด็ดดอกไม้สีเหลืองขึ้นมาดูแล้วหันไปมองอึนซู จากนั้นเขาก็หลับตาดมดอกไม้ในมือ ทันใดนั้น จาอูนก็เข้ามาขัดจังหวะ คีชอลถามว่าตอนที่พระเจ้าคงมินเข้าไปในคุก ทหารที่ตนส่งเข้าไปแทรกซึมในวังมัวทำอะไรอยู่ (อึนซูเห็นคีชอลคุยกับจาอูลจึงถือโอกาสวิ่งหนี) จาอูนตอบว่า พวกตนไม่อาจทัดทานพระเจ้าคงมินได้ (แม้จะเป็นข่าวที่ไม่สู้ดีนักแต่คีชอลก็ยังอารมณ์ดี เขาหันไปมองอึนซูที่กำลังวิ่งหนีเข้าไปในป่าด้วยสีหน้าขบขัน) จาอูนอ้างว่า มันเกิดขึ้นเร็วมากราวกับมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า คีชอลถามว่าพวกเขาคุยอะไรกัน จาอูนตอบว่า ตนไม่ได้ยิน คีชอลมองดอกไม้ในมือแล้วเปรยอย่างย่ามใจว่า สองคนนั้นจะทำอะไรได้
จาอูนเห็นคีชอลปล่อยให้อึนซูวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา จึงชี้ไปที่อึนซูแล้วถามคีชอลว่า "ก่อนที่ท่านหมอใหญ่จะหนีไปไกลกว่านี้ ทำไมเราไม่...." คีชอลหันไปมองอึนซูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วกล่าวอย่างนึกสนุกว่า "จับตัวเธอกลับมา...." จากนั้นก็หัวเราะอย่างใจเย็น
อึนซูพยายามวิ่งหนีเข้าไปในป่า และเกือบลื่นไถลลงจากเนินเขาเพราะมัวแต่หันไปดูว่าคีชอลตามมาหรือไม่ โชคดีที่ชเวยองเข้ามาประคองตัวเธอจากทางด้านหลังเอาไว้ได้ทัน อึนซูนึกว่าคีชอลจับตัวเธอไว้จึงพยายามดิ้นและสะบัดตัวออก พลางร้องบอกว่า "ปล่อยนะ ชั้นแค่อยากรู้ว่าตัวเองจะไปได้ไกลซักแค่ไหนเท่านั้นเองใต้เท้า ชั้นขอโทษ" เมื่ออึนซูดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมแขน ชเวยองก็หลบไปอยู่หลังต้นไม้โดยไม่ให้เธอเห็น เมื่อหันกลับมาดูแล้วไม่พบใครอึนซูก็รู้สึกแปลกใจ เธอพยายามมองหาคนที่ช่วยเธอเอาไว้แต่คนๆ นั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
อึนซูเดินจับเอวตัวเองออกมาจากป่าแบบงงๆ (เมื่อสักครู่นี้ชเยองประคองเอวเธอไว้) และยังคงมองหาว่ามีใครอยู่แถวนั้นไหม คีชอลตามมาพบและเห็นอึนซูยืนหันรีหันขวางจึงถามว่าเธอมองหาอะไร อึนซูรีบปฏิเสธว่าไม่มีอะไรแล้วเดินออกไปทันที คีชอลซึ่งซ่อนดอกไม้ไว้ทางด้านหลังรู้สึกสงสัยจึงเดินไปดูตรงจุดที่อึนซูเพิ่งเดินออกมา จากนั้นก็ถามว่า "มีใครอยู่แถวนี้รึเปล่า" อึนซูหยุดกึกแล้วหันกลับไปมองหน้าคีชอลโดยไม่ได้พูดอะไร
หลังออกเดทกันแล้วคีชอลและอึนซูก็ขี่ม้ากลับไปที่บ้าน คีวอนและยางซารีบวิ่งมาบอกว่าชเวยองแหกคุก (อึนซูรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น เธอจึงคอยจับตาดูอยู่บนหลังม้าเงียบๆ) คีชอลหันไปถามยางซาเบาๆ เพื่อไม่ให้อึนซูได้ยินว่า ตอนนี้สามารถระดมกำลังทหารมาได้สักกี่คน ยางซารายงานว่า "ถ้าไม่นับรวมพวกที่ถูกส่งเข้าไปในวัง และพลลาดตระเวน...." คีชอลแทรกขึ้นโดยไม่รอคำตอบว่า "ระดมทหารมาเดี๋ยวนี้" ยางซารีบออกไปทำตามคำสั่งแต่แล้วเขาก็เดินกลับมาถามว่าจะให้ระดมทหารไปที่ใด คีชอลตอบว่า "หากเป็นข้า ข้าจะกลับไปหาผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนเป็นลำดับแรก" จากนั้นเขาก็หันไปบอกน้องชายว่า "ค่ายอูดัลจิ"
คีวอนนำทหารมุ่งหน้าไปที่ค่ายของเหล่าอูดัลจิทันที เมื่อไปถึงเขาก็บอกชุงซอกและเหล่าอูดัลจิ (ซึ่งตั้งแถวรออยู่แล้ว) ว่าจะมาขอตรวจค้นและสั่งให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ จากนั้นเหล่าทหารก็ทำการตรวจค้นทันที
อีกด้านหนึ่ง หมอหลวงชางบินและผู้ช่วยก็กำลังเดินถือถาดยาที่มีควันพวยพุ่งเข้าไปในตำหนักของพระเจ้าคงมิน พลางพูดถึงส่วนผสมของยาที่ตนถือมาอย่างใจเย็นขณะเดินผ่านทหารยามว่า "...ดอกแตรนางฟ้า (หรือดอกลำโพง ซึ่งเป็นดอกไม้มีพิษและมีฤทธิ์หลอนประสาท), น้ำส้มสายชู, กำยาน... กรรมวิธีการปรุงถือเป็นความลับ และสรรพคุณของมันก็คือ...." หมอชางไม่จำเป็นต้องบรรยายสรรพคุณต่อ เพราะเหล่าทหารยามที่สูดดมควันพิษเข้าไป ต่างทยอยล้มลงไปกองกับพื้น
หลังหมอชางบินและผู้ช่วยรมยาเหล่าทหารแล้ว ชเวยองและแทมานก็ตามเข้าไปในตำหนักพระเจ้าคงมิน เมื่อจูซอกเปิดประตูให้ ชเวยองก็สั่งให้จูซอกออกไปเฝ้าทางด้านนอก จากนั้นก็เข้าไปรายงานตัวต่อหน้าพระเจ้าคงมิน เมื่อเห็นชเวยองมาเข้าเฝ้าพระเจ้าคงมินก็หัวเราะชอบใจและรู้สึกทึ่งในความสามารถของชเวยอง พระองค์ลุกขึ้นแล้วตรัสว่า "ดูเหมือนว่าคงไม่มีที่ใดที่นักโทษกบฏคนนี้จะไปไม่ได้" ชเวยองยิ้มทักทายแล้วกล่าวว่า "ขออภัยที่บังอาจบุกรุก กระหม่อมมาที่นี่เพื่อตั้งคำถามและตอบคำถามฝ่าบาทพะยะค่ะ"
คีชอลขี่ม้าตามไปที่ค่ายอูดัลจิ ทันทีที่ไปถึงคีวอนก็รีบเข้าไปรายงานพี่ชายว่า ชเวยองไม่ได้อยู่ที่นี่และไม่มีอะไรน่าสงสัยด้วย คีชอลจึงกล่าวว่า "เป็นฝ่าบาท....ไอ้เลวนั่นไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท" พูดจบเขาก็ควบม้าออกไปทันที
ชเวยองทูลถามพระเจ้าคงมินตรงๆ ว่า "แม้เป็นการมิบังควรที่บังอาจทูลถาม แต่ฝ่าบาท พระองค์ทรงตรัสกับกระหม่อมว่าพระองค์รู้แล้วว่าทำไมถึงต้องลุกขึ้นสู้... เพราะเหตุใดพระองค์จึงต้องลุกขึ้นสู้พะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินตอบว่า "เพื่อจะได้เป็นพระราชา" ชเวยองถามต่อว่า "ฝ่าบาททรงเป็นพระราชาอยู่แล้วมิใช่หรือพะยะค่ะ" พระเจ้าคงมินมองหน้าชเวยองแล้วกล่าวอย่างรู้ทันว่า "ชเวยอง! แม้แต่เจ้าเองก็ยังไม่เห็นข้าเป็นพระราชา ข้าคงหมดกำลังใจถ้าเจ้าเอ่ยถ้อยคำที่ไร้ค่าเช่นนั้น" ชเวยองได้ฟังดังนั้นก็อึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นเขาก็กล่าวว่า "ฝ่าบาททรงถามกระหม่อมว่าพระองค์ควรสู้ยังไงใช่ไหมพะยะค่ะ" เมื่อพระเจ้าคงมินพยักหน้ารับ ชเวยองจึงทูลว่า "กระหม่อมจะตอบคำถามพระองค์เดี๋ยวนี้พะยะค่ะ"
ชเวยองกล่าวว่า พระราชาไม่ใช่ผู้ที่ควรถืออาวุธ แต่เป็นผู้ครอบครอง (อาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพล) สิ่งเดียวที่ทำให้พระราชาแตกต่างกันคือจำนวนของอาวุธและทหารที่อยู่ในครอบครอง ชเวยองรู้ดีว่าพระเจ้าคงมินไม่มีทั้งกำลังทหารและอาวุธ (ทหารส่วนใหญ่ในโครยอถูกครอบงำโดยคีชอล) จึงทูลพระองค์ว่า "เริ่มจากครอบครองกระหม่อมก่อน แล้วกระหม่อมจะสู้เพื่อพระองค์เอง" (ชเวยองยอมรับพระเจ้าคงมินในฐานะพระราชาแล้ว และพร้อมที่จะรับใช้พระองค์ด้วยความจงรักภักดี ไม่ใช่แค่ทำตามหน้าที่เหมือนที่ผ่านมา)
เมื่อมาถึงตำหนักของพระเจ้าคงมิน คีชอลก็พบว่าทหารยามที่ตนส่งมาล้วนถูกรมยาพิษ จึงรีบบุกเข้าไปในห้องพระบรรทม แต่แล้วก็พบว่าพระเจ้าคงมินทรงนั่งอยู่ในห้องตามลำพังโดยไร้วี่แววของชเวยอง พระเจ้าคงมินบอกคีชอลว่า เขามาช้ากว่าที่คิด จากนั้นก็ถามว่าเขาเป็นคนส่งทหารยามมาเฝ้าหน้าประตูห้องของพระองค์ใช่ไหม พระองค์ได้ทำการทดสอบทหารเหล่านี้และผลก็เป็นอย่างที่เห็น ทหารชุดนี้ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะถวายการอารักขา จึงสั่งให้คีชอลส่งทหารชุดใหม่มาทำหน้าที่แทน
คีชอลน้อมรับพระบัญชาและถามพระเจ้าคงมินว่า ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของชเวยองใช่ไหม พระเจ้าคงมินแกล้งถามว่า "ชเวยองรึ ใครกัน เจ้าหมายถึงคนที่ถูกขังอยู่ในคุกงั้นหรือ ข้าจำได้ว่าเป็นน้องชายเจ้าที่คอยจับตาดูเขาอยู่ไม่ใช่หรือ รึว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น"
คีชอลรีบตรงไปยังห้องคุมขังและพบว่าชเวยองกำลังนั่งหลับอยู่ข้างใน เขาจึงเรียกชเวยองแบบเต็มยศ "อูดัลจิชเวยอง!" ชเวยองเงยหน้าขึ้นมาทัก "ใต้เท้าต็อกซอง" คีชอลกล่าวกับชเวยองเหมือนผู้ใหญ่ตำหนิเด็กว่า "ทำไมถึงดื้อรั้นเช่นนี้ คนฉลาดอย่างเจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้นานแล้วว่าทั้งหมดที่ข้าทำลงไปก็เพื่อให้เจ้ามาเป็นฝ่ายข้า และเป็นเพราะข้าเห็นคุณค่าในตัวเจ้า" ชเวยองตอบว่า "ทั้งหมดที่ท่านทำลงไปหมายถึง การกล่าวหาว่าข้าเป็นกบฏ ทั้งยังปลดอาวุธและควบคุมตัวพี่น้องอูดัลจิของข้า และวางยาพิษองค์ชายคยองชางใช่ไหม"
คีชอลออกตัวว่า "นั่นเป็นเพราะข้าไม้รู้ว่าเจ้าภักดีต่อพระราชาองค์ไหน ข้าเลยจำเป็นต้องบังคับให้เจ้าเลือก....อ้อ ข้ามีบางอย่างที่อยากถามเจ้า สุดท้ายแล้วเจ้าเป็นคนถวายยาพิษให้องค์ชายคยองชางเสวยใช่ไหม ข้าตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะปล่อยเจ้าในวันพรุ่งนี้ และเดือนหน้าทหารจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้า ขอเพียงเจ้านั่งรออย่างอดทน ทำไมเจ้าถึงทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนี้นะ เจ้าหนีออกไปหาผู้หญิงและพระราชาหนุ่มนั่นงั้นรึ เฮ้อ! เห็นทีข้าคงปวดหัวต่อไปอีกหลายวัน แผนการข้าชักเริ่มยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ท่านหมอใหญ่ก็พยายามทำตัวดีกับข้าและอ้อนวอนข้าให้รีบปล่อยตัวเจ้าโดยเร็ว ดังนั้น เจ้าก็เลิกทำตัวผลุบๆ โผล่ๆ เสียที ข้าไปล่ะ"
ชเวยองเรียกคีชอลแล้วเดินไปหาเขาที่ประตู จากนั้นก็บอกว่า "คนเรามักพูดว่า 'ข้ายังมีชีวิตอยู่' แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ที่ถูกควรพูดว่า 'ข้ากำลังจะตาย' เพราะกว่าจะถึงวันตาย คนเราล้วนอยู่ในสถานะที่กำลังจะตายทุกวัน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้าเคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะจากไปเงียบๆ และตายอย่างสงบสุข แต่ท่านกลับคอยปลุกข้าซึ่งเคยทำตามความตั้งใจของตัวเอง (รอวันตาย) มาโดยตลอด ท่านเป็นคนบอกข้าให้หยุดฝัน ให้ตื่นขึ้น ให้ลองมีชีวิตอยู่ต่อไป" เมื่อรู้ว่าตนเพิ่งปลุกเสือหลับคีชอลก็ได้แต่ยิ้ม ส่วนชเวยองจ้องหน้าคีชอลด้วยสายตาแข็งกร้าว (แต่มีน้ำตาคลอเบ้า) และยิ้มให้เขาเช่นกัน
หลังประทับพระราชลัญจกร (ตราประจำพระองค์) ลงบนเอกสารแล้ว พระเจ้าคงมินก็เสด็จไปพบพระมเหสีที่ตำหนักฝ่ายใน พระมเหสีมีสีหน้าแปลกใจที่อยู่ๆ พระองค์ก็เสด็จมาหากลางดึก พระเจ้าคงมินตรัสว่า พระองค์มาเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยบอกว่าต่อไปนี้พระองค์จะกล้าหาญมากขึ้น เพราะมีใครบางคนที่พระองค์ทรงปรารถนา และเพื่อให้ได้คนๆ นั้นมา พระองค์จำเป็นต้องแสดงความกล้าหาญให้เขาเห็นก่อนเป็นลำดับแรก
พระเจ้าคงมินยังกล่าวกับพระมเหสีด้วยว่า "มีเพียงความช่วยเหลือจากเจ้า ในฐานะที่เป็นพระมเหสี จึงจะช่วยให้ข้าแสดงความกล้าหาญออกมาได้ เจ้าจะยอมช่วยข้าไหม แม้เจ้าจะคิดว่าข้าเป็นคนเย็นชา น่าสมเพช และน่าดูถูกเหยียดหยาม แต่ตอนนี้ข้าอยากจะลองทำบางอย่างเพื่อเป็นการตอบโต้แบบซึ่งหน้า เจ้าจะช่วยข้าไหม" เมื่อเห็นพระมเหสียังคงยืนนิ่ง (และไม่แสดงทีท่าปฏิเสธ) พระเจ้าคงมินก็มอบชุดใหม่ให้
วันรุ่งขึ้น คีชอลพาอึนซูมาเย้ยพระเจ้าคงมินและร่วมประชุมที่ท้องพระโรง ทันทีที่ทั้งคู่เดินเข้ามา เหล่าขุนนางต่างพากันก้มศีรษะคำนับโดยพร้อมเพรียง เมื่อพระเจ้าคงมินเสด็จมาถึงท้องพระโรง ทุกคนก็ลุกขึ้นยืนและก้มศีรษะถวายความเคารพ เมื่อเห็นว่าพระเจ้าคงมินไม่ได้ถักเปียแบบชาวหยวน แต่กลับเกล้าผมขึ้นแบบชาวโครยอ คีชอลก็จ้องไปที่พระเจ้าคงมินอย่างไม่วางตาด้วยความสงสัย แถมขันทีที่ตามเสด็จยังถือฉลองพระองค์ชุดใหม่มาด้วย
หลังมีรับสั่งให้ทุกคนนั่งลงแล้ว พระเจ้าคงมินก็ตรัสว่าพระองค์มีเรื่องจะแจ้งให้ขุนนางทุกคนทราบ และขอให้ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีเพื่อจะได้นำสิ่งที่ได้ยินไปประกาศในพื้นที่ๆ แต่ละคนรับผิดชอบ เมื่อพระองค์ตรัสว่า "เรื่องแรก" เหล่าขันทีก็เดินเข้าไปถอดฉลองพระองค์ (แบบหยวน) ต่อหน้าขุนนางทุกคน แล้วนำชุดพระราชาของโครยอมาสวมให้พระองค์แทน จากนั้นพระมเหสีซึ่งเป็นองค์หญิงมองโกลแห่งราชวงศ์หยวนก็เสด็จเข้ามายืนเคียงข้างพระเจ้าคงมินบนบัลลังก์โดยสวมชุดแบบโครยอ
โจ อิลชินลุกขึ้นประกาศว่า ประวัติศาสตร์จะจารึกว่า พระราชาและพระมเหสีแห่งโครยอ ได้ทรงถอดฉลองพระองค์แบบหยวนแล้วสวมฉลองพระองค์แบบโครยอแทน โดยพระราชาได้สวมชุดที่มีลายมังกรสีเหลืองและสวมอิกซอนกวาน (หมวกสีดำที่สวมบนศีรษะ) คีชอลส่งสายตาให้จาอูน จาอูนจึงลุกขึ้นขอใช้สิทธิออกความเห็น ทำให้ถูกพระเจ้าคงมินตวาดลั่นว่าพระองค์ยังพูดไม่จบ จาอูนจึงต้องนั่งลงตามเดิม
หลังจากนั้น พระเจ้าคงมินก็ประกาศว่า "เรื่องที่สอง... ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ข้าถูกส่งไปอยู่ในดินแดนที่ ห่างไกลจากแผ่นดินเกิด ข้าจึงไม่เคยรับรู้ถึงความเป็นไปในโครยอเลย แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่ช่วยสืบเรื่องราวต่างๆ อย่างลับๆ และช่วยสะสางปัญหาในนามของข้า พวกเขาล้วนทำงานให้ข้าด้วยความจงรักภักดี ข้าจึงขอมอบรางวัลให้แก่พวกเขาตามความเหมาะสม...ให้พวกเขาเข้ามา"
เหล่าขุนนางในท้องพระโรง รวมทั้งคีชอลและอึนซูต่างหันไปมองที่ประตู ชเวยองเดินนำเหล่าอูดัลจิที่ต่างก็สวมชุดเกราะแบบใหม่เข้ามาในท้องพระโรง เมื่อมาถึงหน้าบัลลังก์ทุกคนก็คุกเข่าถวายความเคารพ สายตาของพระเจ้าคงมินและพระมเหสีต่างจับจ้องไปที่ชเวยองและเหล่าอูดัลจิด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อชเวยองลุกขึ้น เขาก็มองไปที่พระพักตร์ของพระเจ้าคงมินด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา