กำกับ: ลี จูฮวาน, ยุน จีฮุน
เขียนบท: ยู ดงยุน, พัง จียอง, คิม ซอนฮี
แนวละคร: แฟนตาซี, ย้อนยุค, โรแมนติก
จำนวนตอน: 24
ออกอากาศ: เกาหลี - วันที่ 4 สิงหาคม 2557 - 21 ตุลาคม 2557 ทางเอ็มบีซี
ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.30-19.50 น. ทางพีพีทีวี ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม 2558 - 20 มิถุนายน 2558
ภาพจาก เอ็มบีซี
(สไลด์ชุดนี้ตั้งค่าการแผยแพร่แบบ "Limited")
เรื่องย่อ
ละครโรแมนติกแฟนตาซี "อัศวินรัตติกาล (The night watchman)" กล่าวถึงเหตุการณ์ในยุคโชซอนที่มีกลุ่มคนหนุ่มสาวคอยปกป้องผู้คนจากภูติผีปีศาจในยามค่ำคืน (3 ทุ่ม - ตี 5) ขณะที่พวกเขาออกไล่ล่าวิญญาณชั่วร้าย เหล่าคนชั่วกลับนำภูติผีปีศาจมาใช้เป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวังหลวงที่เต็มไปด้วยแผนการอันชั่วร้ายของผู้ที่ต้องการยึดอำนาจและหวังโค่นล้มราชบัลลังก์...
องค์ชาย "ลี ริน" ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าและมีชะตาชีวิตที่พลิกผัน หลังพระเจ้าแฮจง (ซึ่งถูกมนต์ดำเข้าครอบงำ) ปลงพระชนม์พระมเหสีก่อนปลิดชีพพระองค์เอง แม้จะเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์โดยตรงแต่องค์ชายรินกลับถูกฝ่ายการเมืองกล่าวหาว่าไม่เหมาะสมที่จะขึ้นครองบัลลังก์ ทั้งยังขับพระองค์ออกจากวัง จากนั้นก็แต่งตั้งองค์ชาย "กีซาน" พระเชษฐาต่างมารดา (โอรสพระสนม) ขององค์ชายริน ขึ้นเป็นพระราชาองค์ใหม่แห่งโชซอนแทน
12 ปีต่อมา องค์ชายรินเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญ แม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นคนรักสนุก เสเพล และชอบเที่ยวเตร่ไปวันๆ แต่ลึกๆ แล้วองค์ชายรินกลับรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว พระองค์มีความสามารถพิเศษในการมองเห็นภูติผี เช่นเดียวกับ "โดฮา" แม่หมอวัยละอ่อนจากเผ่ามาโกแห่งเขาแพคดู ซึ่งลงเขามาตามหาพี่สาวในเมืองฮันยาง
นอกจากโดฮาแล้ว ยังมี "ซาดัม" อีกคนที่เดินทางมาถึงเมืองฮันยางในฐานะนักพรตเต๋า เขาถูกพระราชาเรียกให้ไปขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่คอยตามหลอกหลอนพระองค์ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสิ่งที่พระองค์เห็นคือภาพหลอนที่ตนเองสร้างขึ้น อันที่จริงซาดัมเป็นหัวหน้าเผ่ายงชิน (แปลว่า เทพมังกร) เขาเข้าวังเพื่อตามหาร่างของอีมูกี* ที่ถูกอดีตพระราชาสังหาร หวังชุบชีวิตอีมูกี (ซึ่งเป็นสิ่งที่เผ่ายงชินเคารพบูชา) ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งจะได้กลายร่างเป็นมังกรเต็มตัว เพื่อการนี้ซาดัมจึงวางแผนยุยงให้พระราชาเปิดประตูที่ถูกปิดตายมานาน (เป็นประตูที่ถูกปิดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าภูติผีเข้ามารังควาน) หลังประตูถูกเปิดออกเมืองฮันยางก็เต็มไปด้วยภูติผีปีศาจ
* อีมูกี เป็นสัตว์ในตำนานของเกาหลีลักษณะคล้ายงู มีตำนานเล่าขานที่หลากหลายและแตกต่างกัน โดยทั่วไปมักกล่าวว่าเป็นร่างเดิมของมังกรก่อนที่จะกลายเป็นมังกรเต็มตัว (ซึ่งต้องใช้เวลาในการสะสมพลังหรือมีอายุนับพันปี) บ้างก็ว่าเป็นมังกรที่ถูกสาปทำให้ไม่สามารถกลายร่างเป็นมังกรเต็มตัว เป็นต้น
หลังล่วงรู้แผนการของซาดัม องค์ชายรินก็รื้อฟื้นและจัดตั้งหน่วยปกป้องรัตติกาลขึ้นมาอีกครั้ง (สมัยพระเจ้าแฮจงก็เคยมีทหารหน่วยนี้ แต่หลังจากพระราชาองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ ทหารหน่วยลับนี้ก็ถูกฆ่าตายจนเกือบหมด) นอกจากองค์ชายรินแล้ว ยังมี โดฮา, คัง มูซอก (เดิมไม่เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจ) และซังฮอน (อดีตหัวหน้าหน่วยปกป้องรัตติกาล) เป็นผู้ร่วมขบวนการปราบผี ระหว่างต่อกรกับซาดัมและเหล่าบริวาร องค์ชายรินก็ค้นพบความจริงที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังการสิ้นพระชนม์ของพระบิดาและมารดา
องค์ชาย "ลี ริน" ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าและมีชะตาชีวิตที่พลิกผัน หลังพระเจ้าแฮจง (ซึ่งถูกมนต์ดำเข้าครอบงำ) ปลงพระชนม์พระมเหสีก่อนปลิดชีพพระองค์เอง แม้จะเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์โดยตรงแต่องค์ชายรินกลับถูกฝ่ายการเมืองกล่าวหาว่าไม่เหมาะสมที่จะขึ้นครองบัลลังก์ ทั้งยังขับพระองค์ออกจากวัง จากนั้นก็แต่งตั้งองค์ชาย "กีซาน" พระเชษฐาต่างมารดา (โอรสพระสนม) ขององค์ชายริน ขึ้นเป็นพระราชาองค์ใหม่แห่งโชซอนแทน
12 ปีต่อมา องค์ชายรินเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญ แม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นคนรักสนุก เสเพล และชอบเที่ยวเตร่ไปวันๆ แต่ลึกๆ แล้วองค์ชายรินกลับรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว พระองค์มีความสามารถพิเศษในการมองเห็นภูติผี เช่นเดียวกับ "โดฮา" แม่หมอวัยละอ่อนจากเผ่ามาโกแห่งเขาแพคดู ซึ่งลงเขามาตามหาพี่สาวในเมืองฮันยาง
นอกจากโดฮาแล้ว ยังมี "ซาดัม" อีกคนที่เดินทางมาถึงเมืองฮันยางในฐานะนักพรตเต๋า เขาถูกพระราชาเรียกให้ไปขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่คอยตามหลอกหลอนพระองค์ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสิ่งที่พระองค์เห็นคือภาพหลอนที่ตนเองสร้างขึ้น อันที่จริงซาดัมเป็นหัวหน้าเผ่ายงชิน (แปลว่า เทพมังกร) เขาเข้าวังเพื่อตามหาร่างของอีมูกี* ที่ถูกอดีตพระราชาสังหาร หวังชุบชีวิตอีมูกี (ซึ่งเป็นสิ่งที่เผ่ายงชินเคารพบูชา) ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งจะได้กลายร่างเป็นมังกรเต็มตัว เพื่อการนี้ซาดัมจึงวางแผนยุยงให้พระราชาเปิดประตูที่ถูกปิดตายมานาน (เป็นประตูที่ถูกปิดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าภูติผีเข้ามารังควาน) หลังประตูถูกเปิดออกเมืองฮันยางก็เต็มไปด้วยภูติผีปีศาจ
* อีมูกี เป็นสัตว์ในตำนานของเกาหลีลักษณะคล้ายงู มีตำนานเล่าขานที่หลากหลายและแตกต่างกัน โดยทั่วไปมักกล่าวว่าเป็นร่างเดิมของมังกรก่อนที่จะกลายเป็นมังกรเต็มตัว (ซึ่งต้องใช้เวลาในการสะสมพลังหรือมีอายุนับพันปี) บ้างก็ว่าเป็นมังกรที่ถูกสาปทำให้ไม่สามารถกลายร่างเป็นมังกรเต็มตัว เป็นต้น
หลังล่วงรู้แผนการของซาดัม องค์ชายรินก็รื้อฟื้นและจัดตั้งหน่วยปกป้องรัตติกาลขึ้นมาอีกครั้ง (สมัยพระเจ้าแฮจงก็เคยมีทหารหน่วยนี้ แต่หลังจากพระราชาองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ ทหารหน่วยลับนี้ก็ถูกฆ่าตายจนเกือบหมด) นอกจากองค์ชายรินแล้ว ยังมี โดฮา, คัง มูซอก (เดิมไม่เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจ) และซังฮอน (อดีตหัวหน้าหน่วยปกป้องรัตติกาล) เป็นผู้ร่วมขบวนการปราบผี ระหว่างต่อกรกับซาดัมและเหล่าบริวาร องค์ชายรินก็ค้นพบความจริงที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังการสิ้นพระชนม์ของพระบิดาและมารดา
ละครเปิดฉากด้วยเสียงบรรยายที่เล่าว่า... ครั้งหนึ่งในสมัยโบราณกาล โลกมนุษย์มีแต่ความสับสนวุ่นวายเพราะมนุษย์ต้องอยู่ท่ามกลางเหล่าภูติผี นับว่ายังดีที่มีผู้ปิดผนึกและปราบภูติผีปีศาจทำให้เภทภัยต่างๆ สิ้นสุดลงและนำความสงบสุขมาสู่โลกมนุษย์ หลังจากนั้นไม่นานมนูษย์ได้ถูกกิเลสเข้าครอบงำจึงทำพิธีเรียกวิญญาณอีกครั้งทำให้ผนึกถูกทำลาย โลกมนุษย์จึงเต็มไปด้วยภูติผีปีศาจ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ห้ำหั่นระหว่างกลุ่มคนที่ไม่เชื่อว่าผีมีจริง กลุ่มที่ใช้ภูติผีปีศาจเป็นเครื่องมือ และกลุ่มคนที่ต้องการปิดผนึกวิญญาณภูติผีปีศาจ ในจำนวนนี้มีหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่ออกมาต่อสู้อย่างอาจหาญในฐานะ... "ผู้ปกป้องรัตติกาล"
ชายชราผู้หนึ่งยืนมองปรากฏการณ์สุริยุปราคาอยู่บนยอดเขา ลักษณะคล้ายกำลังทำพิธีกรรมและรับพลังบางอย่าง ทันใดนั้น เขาก็กลายร่างเป็นคนหนุ่ม (ซาดัม) ในชั่วพริบตา ชายคนดังกล่าวมอบไม้เท้า (ที่มี "อีมูกี" พันอยู่) ให้ลูกสมุนคนสนิทนามว่า "โฮโจ" พลางนึกในใจว่า "พลังสังหารปกคลุมไปทั่วโลกแล้ว อีกไม่นานโชซอนจะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด"
องค์ชายน้อย "ลี ริน" สวมหน้ากากเล่นไล่จับกับบรรดาพระสหาย โดยมี "ขันทีซง" คอยดูแลและถวายการรับใช้ไม่ห่าง แต่เนื่องจากองค์ชายรินมองไม่เห็นทาง (เพราะสวมหน้ากาก) จึงวิ่งไปชนองค์ชาย "กีซาน" ที่เดินตัดหน้ากระทันหันจนล้มลง แม้องค์ชายรินจะยิ้มอย่างร่าเริงและบอกว่าไม่เป็นไร แต่ขันทีซงรู้สึกไม่พอใจที่เห็นองค์ชายรินล้มจึงตำหนิองค์ชายกีซานที่เดินไม่ระวัง ขณะที่พระสหายหญิง "ปาร์ก ซูรยอน" บอกให้องค์ชายกีซานขอโทษ ถึงจะไม่เต็มใจนักแต่องค์ชายกีซานก็ยอมก้มศีรษะขอโทษองค์ชายรินแต่โดยดี
ขณะที่องค์ชายรินนำกรงใส่ตัวด้วงที่ชื่อ "คัป" ออกมาอวดเหล่าพระสหาย (ในตอนนั้นองค์ชายกีซานแอบมององค์ชายรินอยู่ห่างๆ ด้วยความรู้สึกคับแค้นและอิจฉา หลังได้ยินว่าพระเจ้าแฮจงทรงทำกรงใส่ตัวด้วงให้องค์ชายริน) อยู่ๆ ตะวันก็อับแสง (เกิดสุริยุปราคา) เป็นเหตุให้ท้องฟ้ามืดสลัว ทุกคนต่างตะลึงมองฟ้า ก่อนพากันวิ่งหนีเอาตัวรอดเนื่องจากมีลูกไฟ (ฝนอุกกาบาต) ตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก คงมีเพียงองค์ชายรินที่ยังยืนนิ่ง ขันทีซงจึงรีบวิ่งเข้าไปอุ้มและเอาตัวบังไว้ พอตั้งสติได้องค์ชายรินก็ร้องหาตัวด้วง ขันทีซงเห็นท่าไม่ดีเพราะมีอุกกาบาตตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงบอกให้องค์ชายรีบหนีเอาตัวรอดก่อน เขาให้องค์ชายรินขึ้นขี่หลังแล้วพาวิ่งหาที่กำบัง โดยมีเหล่านางในและทหารองค์รักษ์จำนวนหนึ่งคอยติดตาม (องค์ชายกีซานเห็นกรงใส่ตัวด้วงถูกวางทิ้งไว้ไม่ไกลจึงเดินไปหยิบอย่างใจเย็นก่อนวิ่งหนีไป)
หลังได้รับรายงานว่าวังหลวงถูกอุกกาบาตซัดถล่มจนตำหนักต่างๆ ได้รับความเสียหาย ไม่เว้นแม้กระทั่งตำหนักขององค๋ชายริน พระเจ้าแฮจงก็รู้สึกตกพระทัยจึงรีบออกตามหาองค์ชายทันที ในเวลาเดียวกันนั้น โฮโจ สมุนมือขวาของจอมมารซาดัมซึ่งจับตามองความเสียหายของวังหลวงอยู่บนยอดเขา ก็ฉวยโอกาสปล่อยบริวารที่เป็นภูติผีปีศาจเข้าไปในวัง (บริวารที่ว่ามีลักษณะเป็นกลุ่มควันสีดำ 2 กลุ่ม จึงขอเรียกว่า "ไอปีศาจ") ทันทีที่เข้าไปในวัง ไอปีศาจก็ออกตามหาคนหรือสิ่งของบางอย่างโดยไม่สนใจและไม่ทำร้ายผู้คนที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งได้พบกับ...องค์ชายริน!
หลังพาองค์ชายรินหนีตายจากอุกกาบาตได้สำเร็จ ขันทีซงก็มีภารกิจในการพาองค์ชายวิ่งหนีไอปีศาจต่อโดยไม่ทันได้พักหายใจหายคอ หลังทหารองค์รักษ์ซึ่งติดตามองค์ชายรินมาตั้งแต่ต้น ชักดาบออกมาฆ่าฟันกันเองและเหล่านางในจนตายเกลี้ยง (ถูกไอปีศาจเข้าสิง) ขันทีซงก็ต้องคอยปกป้ององค์ชายรินแต่เพียงผู้เดียว ระหว่างหลบหนีองค์ชายรินถามขันทีซงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขันทีซงยังจับต้นชนปลายไม่ถูกจึงตอบเพียงว่า "ไม่ต้องกลัวพะยะค่ะ กระหม่อมจะปกป้องพระองค์จนกว่าฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลาย"
แม้จะอยู่ในสภาพอ่อนล้าแต่ขันทีซงยังคงแบกองค์ชายรินวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตโดยมีไอปีศาจลอยตามมาติดๆ เมื่อถูกไอปีศาจดึงขาจนล้มลง ขันทีซงก็ร้องบอกให้องค์ชายรินรีบหนีไปแต่องค์ชายกลับยืนร่ำไห้ไม่ยอมจากไปไหน ขันทีซงจึงตะคอกสั่งให้องค์ชายรินรีบหนี จากนั้นก็พยายามสะบัดขาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ เมื่อทำได้สำเร็จเขาก็ยืนขวางไอปีศาจเอาไว้พลางบอกให้ข้ามศพตนไปก่อน ไอปีศาจจึงเล่นงานขันทีซงจนล้มลงไปนอนแน่นิ่ง
หลังวิ่งหนีมาได้สักพัก องค์ชายรินก็ต้องเผชิญหน้ากับไอปีศาจตามลำพัง เมื่อไอปีศาจลอยเข้าไปหา องค์ชายตัวน้อยก็ถอยหลังด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้น "โจ ซังฮอน" ก็กระโดดเข้ามาขวางและใช้แส้ฟาดไอปีศาจ จากนั้นก็บอกให้องค์ชายหาที่กำบังแต่องค์ชายกลับยืนตัวแข็งทื่อ ซังฮอนปายันต์และลิ่มใส่ไอปีศาจพลางสั่งให้กลับไปยังปรโลก ทันใดนั้น ไอปีศาจ (ซึ่งถูกยันต์ปิดผนึกและถูกลิ่มตอกติดผนัง) ก็ค่อยๆ มลายหายไป ในเวลาเดียวกันนั้น โฮโจได้ลักลอบบุกเข้ามาในวังหลวงและสังหารทหารยามที่ยืนเฝ้าหน้าตำหนักพระคลังข้างที่ จากนั้นก็เข้าไปในคลังเก็บของส่วนพระองค์และขโมยสิ่งของบางอย่างออกไป โดยปักมีดสั้นเอาไว้ให้ดูต่างหน้า
องค์ชายรินวิ่งหนีเตลิดเข้าไปในป่าพลางร้องหาพระบิดาด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้น ก็มีไอปีศาจกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าองค์ชายน้อย องค์ชายรินเดินถอยหลังพลางร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว ถึงกระนั้นก็ยังร้องบอกว่า "ข้าไม่กลัวผี! ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!" ขณะที่ไอปีศาจกำลังจะเล่นงานองค์ชาย พระเจ้าแฮจงก็ถือดาบวิ่งเข้ามาฟันไอปีศาจ องค์ชายรินรีบวิ่งไปหาพระบิดาด้วยความดีใจแต่ถูกไอปีศาจจับตัวไปเสียก่อน ทำให้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศในสภาพโดนรัดที่คอ โชคดีที่ซังฮอนมาช่วยองค์ชายรินทันเวลา (เขาใช้ดาบฟันและใช้ยันต์กับลิ่มตอกไอปีศาจไว้กับต้นไม้) หลังช่วยองค์ชายรินได้แล้ว ตะวันก็กลับมาฉายแสงอีกครั้ง
แม้จะรอดชีวิตมาได้แต่องค์ชายรินก็มีอันต้องล้มป่วยลง พระพันปี "ชองซู" เห็นสภาพพระนัดดาจึงนึกตำหนิขันทีและเหล่านางในที่ไม่ดูแลองค์ชายให้ดี เมื่อพระมเหสี "มิน" ทูลว่าหลังพักผ่อนแล้วองค์ชายคงดีขึ้น พระพันปีจึงบอกให้พระมเหสีดูรอยช้ำที่คอองค์ชาย พลางชี้ว่ามีคนคิดกำจัดผู้สืบทอดราชบัลลังก์ซึ่งนับเป็นการก่อกบฏ พระเจ้าแฮจงจึงควรเร่งสืบหาตัวคนร้ายแล้วนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างสาสม หลังเสด็จออกมาจากตำหนักองค์ชายรินแล้ว พระพันปีก็ตำหนิขันทีซง (ซึ่งรอดชีวิตมาได้ และยืนเฝ้าหน้าหน้าตำหนักองค์ชายรินด้วยความเป็นห่วง ทั้งยังหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ) พลางขู่ว่าหากองค์ชายรินไม่สามารถเข้าพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พระองค์จะสั่งประหารขันทีซงด้วยการแล่เนื้อและอวัยวะต่างๆ ออกเป็นชิ้นๆ
ขณะกำลังว่าราชการในท้องพระโรง "ปาร์ก ซูจอง" กราบทูลพระเจ้าแฮจงว่า มีผู้อาศัยเหตุโกลาหลตอนเกิดฝนอุกกาบาตกระทำการก่อกบฎ จึงควรเร่งสืบหาความจริงและจับตัวผู้ร่วมกระทำผิดมาลงโทษ "ตุง จองซึง" ทูลว่าขณะเกิดฝนอุกกาบาตมีทหารองครักษ์และเหล่านางในจำนวนหนึ่งถูกฆ่าตายอย่างมีเงื่อนงำซ้ำยังมีข่าวลือว่าเป็นฝีมือภูติผี ซูจองตำหนิจองซึงที่พูดจาเหลวไหลต่อหน้าพระพักตร์ พระเจ้าแฮจงได้ยินดังนั้นจึงตรัสว่า การบุกรุกเข้ามาในวังและพยายามลอบสังหารผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ถือเป็นการกระทำที่ท้าทายพระราชอำนาจและเป็นปฏิปักษ์ต่อโชซอน พระองค์ไม่มีวันให้อภัยผู้ก่อเหตุไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นภูติผีหรือคนก็ตาม
คืนนั้นพระเจ้าแฮจงตรัสกับซังฮอนว่า แม้จะเห็นภูติผีปีศาจมากับตา แต่ถ้าพระองค์ยอมรับว่าภูติผีมีจริง เหล่าข้าราชบริพารจะพากันหมดความเชื่อถือศรัทธาในตัวพระองค์ ซังฮอนรายงานว่า แม้ฝนอุกกาบาตจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่มีคนล่วงรู้ว่าอุกกาบาตจะทำลายมนต์คุ้มกันภูติผีในวัง จึงฉวยโอกาสส่งภูติผีปีศาจเข้ามาในวังหลวง เขายังกล่าวด้วยว่า มีคนอาศัยช่วงชุลมุนลอบเข้ามาในวังแล้วทิ้งมีดสั้นเอาไว้ให้ดูต่างหน้า เขาเชื่อว่าการที่องค์ชายถูกภูติผีเล่นงานเป็นเพียงแผนเบี่ยงเบนความสนใจ ความจริงแล้วสิ่งที่ผู้บุกรุกต้องการคือคัมภีร์โบราณที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี (ภาพตัดไปที่ซาดัมซึ่งกำลังเปิดดูคัมภีร์โบราณที่ขโมยมา) พระเจ้าแฮจงสงสัยว่าผู้บุกรุกมีแผนการอะไรกันแน่จึงเรียกประชุมผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาล (เป็นหน่วยลับของพระราชาที่มีหน้าที่ปราบภูติผีปีศาจ)
ทันใดนั้น พระมเหสีมินก็เข้ามาทูลพระเจ้าแฮจงว่าองค์ชายรินหายตัวไป ในตอนนั้นองค์ชายรินกำลังออกตามหาตัวด้วงที่หายไปในสภาพกึ่งละเมอ เมื่อเห็นกรงใส่ตัวด้วงลอยอยู่ในสระน้ำ พระองค์ก็ลงไปในสระและเดินลุยน้ำไปหาตัวด้วง อยู่ๆ ก็มีปีศาจมาดึงขาพระองค์ให้จมลงใต้น้ำ โชคดีที่พระเจ้าแฮจงมาช่วยองค์ชายรินเอาไว้ได้ทัน
หลังจากนั้น พระเจ้าแฮจงก็เสด็จไปหารือในห้องลับกับผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาล (ซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งในราชสำนัก) เพื่อหารือว่าใครกันแน่ที่ต้องการปลงพระชนม์องค์ชายรินและขโมยคัมภีร์โบราณไป เมื่อเห็นลวดลายแกะสลักบนมีดสั้น ผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาลจึงวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นฝีมือของเผ่ายงชินแห่งเขาแพคดูซึ่งบูชา 'อีมูกี' เขาเล่าว่าหัวหน้าเผ่ายงชินมีความสามารถในการบงการภูติผีปีศาจ เมื่อนานมาแล้วพระเจ้าทันกุนเคยปราบเผ่านี้ได้สำเร็จและปิดผนึกวิญญาณอีมูกีเอาไว้ คัมภีร์โบราณที่เพิ่งถูกขโมยไปจึงน่าจะมีเคล็ดลับในการคลายผนึกและปลดปล่อยอีมูกีขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อให้กลายร่างเป็นมังกรเต็มตัว และถ้าเผ่ายงชินทำได้สำเร็จก็จะนำมาซึ่งหายนะครั้งใหญ่ (เหล่ามารจะครองโลก)
ผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาลยังกล่าวด้วยว่า อาการประชวรขององค์ชายรินนั้นไม่อาจรักษาด้วยยาของมนุษย์ เนื่องจากพระองค์ไม่ได้ล้มป่วยจากโรคภัยแต่โดนภูติผีปีศาจเล่นงาน เมื่อพระเจ้าแฮจงถามว่ารู้วิธีรักษาองค์ชายไหม ชายคนดังกล่าวได้แต่อ้ำอึ้ง ซังฮอนจึงกล่าวว่า มีสมุนไพรชนิดหนึ่งชื่อ "ดอกไม้พันปี" ที่สามารถรักษาองค์ชายได้ แต่สมุนไพรดังกล่าวพบได้ที่เผ่ามาโกบนเขาแพคดูเท่านั้น พระเจ้าแฮจงได้ยินดังนั้นจึงสั่งซังฮอนให้เตรียมจัดขบวนทัพทันที
พอรู้ว่าพระเจ้าแฮจงจะเสด็จไปยังเขาแพคดู ซูจองก็รีบคัดค้านเพราะต้องการให้พระองค์เร่งสืบหาคนร้ายที่วางแผนก่อกบฏและลงโทษคนผิด แทนที่จะทิ้งเมืองหลวงแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปตามแนวชายแดน พระเจ้าแฮจงกริ้วมากและชี้ว่ามีผู้ถวายฏีการ้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาชนกลุ่มน้อยมากมาย ซูจองแย้งว่าการปะทะกับชนกลุ่มน้อยเป็นเรื่องปกติของดินแดนทางตอนเหนือ พระเจ้าแฮจงจึงตำหนิซูจองว่าเขาน่าจะรู้สึกละอายใจบ้างที่เป็นถึงเจ้ากรมกลาโหมแต่ไม่มีปัญญาทำให้บ้านเมืองสงบสุข ซูจองได้ยินแล้วถึงกับอึ้งพูดไม่ออก
ก่อนออกเดินทางไปเขาแพคดู พระเจ้าแฮจงเสด็จไปหาองค์ชายรินและพบว่าองค์ชายกำลังนอนร้องไห้เสียใจที่ทำตัวด้วงหาย พระเจ้าแฮจงจึงสัญญาว่าออกตามหาตัวด้วงมาให้และจะซ่อมกรงให้มันใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าในระหว่างที่พระองค์ไม่อยู่องค์ชายรินจะต้องเอาชนะความเจ็บป่วยให้ได้
หลังจากนั้น พระเจ้าแฮจงก็นำกำลังทหารมุ่งหน้าสู่ภูเขาแพคดู โดยไม่รู้ว่าจอมมารซาดัมกำลังจับตามองพระองค์อยู่บนยอดเขา เมื่อถึงเวลาพลบค่ำขบวนเสด็จของพระองค์ก็ถูกขวางโดยก้อนหินลึกลับขนาดใหญ่ทำให้ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ซังฮอนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังมุ่งตรงมาหาขบวนเสด็จจึงสั่งให้จุดไฟลงบนพื้นและบอกให้ให้พลธนูเตรียมพร้อม เมื่อมีม้าตัวหนึ่ง (กลุ่มควันสีดำปรากฏกายเป็นม้า) วิ่งตรงเข้ามา เขาก็สั่งให้พลธนูยิงใส่ทันที ทันใดนั้นม้าก็กลายร่างเป็นก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งใส่เหล่าทหารจนพากันล้มระเนระนาด
ซูจองโวยลั่นด้วยความไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าพระเจ้าแฮจงทรงเคลื่อนพลไปทางเหนือเพื่อจับผี จองซึงแย้งว่าตนได้ยินข่าวลือว่าพระเจ้าแฮจงทรงเคลื่อนพลไปทางเหนือเพื่อจับหมอผีต่างหาก ซูจองโวยวายว่าจะจับผีหรือจับหมอผีก็ไม่ต่างกัน พระราชาแห่งโชซอนต้องยึดมั่นในปรัชญาขงจื๊อเท่านั้น พระองค์จะกระทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้นได้อย่างไร เมื่อถูกขุนนางผู้ใหญ่ตำหนิที่พูดลบหลู่พระราชา (ไม่มีใครรู้ว่าขุนนางผู้นี้เป็นผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาล) จูซองก็ตัดบทว่าผู้มีปัญญาย่อมไม่เสวนาเรื่องเหนือธรรมชาติและภูติผี เพราะไม่มีผีบนแผ่นดินโชซอน
หลังจากนั้น พระเจ้าแฮจงก็เสด็จไปหารือในห้องลับกับผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาล (ซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งในราชสำนัก) เพื่อหารือว่าใครกันแน่ที่ต้องการปลงพระชนม์องค์ชายรินและขโมยคัมภีร์โบราณไป เมื่อเห็นลวดลายแกะสลักบนมีดสั้น ผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาลจึงวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นฝีมือของเผ่ายงชินแห่งเขาแพคดูซึ่งบูชา 'อีมูกี' เขาเล่าว่าหัวหน้าเผ่ายงชินมีความสามารถในการบงการภูติผีปีศาจ เมื่อนานมาแล้วพระเจ้าทันกุนเคยปราบเผ่านี้ได้สำเร็จและปิดผนึกวิญญาณอีมูกีเอาไว้ คัมภีร์โบราณที่เพิ่งถูกขโมยไปจึงน่าจะมีเคล็ดลับในการคลายผนึกและปลดปล่อยอีมูกีขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อให้กลายร่างเป็นมังกรเต็มตัว และถ้าเผ่ายงชินทำได้สำเร็จก็จะนำมาซึ่งหายนะครั้งใหญ่ (เหล่ามารจะครองโลก)
ผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาลยังกล่าวด้วยว่า อาการประชวรขององค์ชายรินนั้นไม่อาจรักษาด้วยยาของมนุษย์ เนื่องจากพระองค์ไม่ได้ล้มป่วยจากโรคภัยแต่โดนภูติผีปีศาจเล่นงาน เมื่อพระเจ้าแฮจงถามว่ารู้วิธีรักษาองค์ชายไหม ชายคนดังกล่าวได้แต่อ้ำอึ้ง ซังฮอนจึงกล่าวว่า มีสมุนไพรชนิดหนึ่งชื่อ "ดอกไม้พันปี" ที่สามารถรักษาองค์ชายได้ แต่สมุนไพรดังกล่าวพบได้ที่เผ่ามาโกบนเขาแพคดูเท่านั้น พระเจ้าแฮจงได้ยินดังนั้นจึงสั่งซังฮอนให้เตรียมจัดขบวนทัพทันที
พอรู้ว่าพระเจ้าแฮจงจะเสด็จไปยังเขาแพคดู ซูจองก็รีบคัดค้านเพราะต้องการให้พระองค์เร่งสืบหาคนร้ายที่วางแผนก่อกบฏและลงโทษคนผิด แทนที่จะทิ้งเมืองหลวงแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปตามแนวชายแดน พระเจ้าแฮจงกริ้วมากและชี้ว่ามีผู้ถวายฏีการ้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาชนกลุ่มน้อยมากมาย ซูจองแย้งว่าการปะทะกับชนกลุ่มน้อยเป็นเรื่องปกติของดินแดนทางตอนเหนือ พระเจ้าแฮจงจึงตำหนิซูจองว่าเขาน่าจะรู้สึกละอายใจบ้างที่เป็นถึงเจ้ากรมกลาโหมแต่ไม่มีปัญญาทำให้บ้านเมืองสงบสุข ซูจองได้ยินแล้วถึงกับอึ้งพูดไม่ออก
ก่อนออกเดินทางไปเขาแพคดู พระเจ้าแฮจงเสด็จไปหาองค์ชายรินและพบว่าองค์ชายกำลังนอนร้องไห้เสียใจที่ทำตัวด้วงหาย พระเจ้าแฮจงจึงสัญญาว่าออกตามหาตัวด้วงมาให้และจะซ่อมกรงให้มันใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าในระหว่างที่พระองค์ไม่อยู่องค์ชายรินจะต้องเอาชนะความเจ็บป่วยให้ได้
หลังจากนั้น พระเจ้าแฮจงก็นำกำลังทหารมุ่งหน้าสู่ภูเขาแพคดู โดยไม่รู้ว่าจอมมารซาดัมกำลังจับตามองพระองค์อยู่บนยอดเขา เมื่อถึงเวลาพลบค่ำขบวนเสด็จของพระองค์ก็ถูกขวางโดยก้อนหินลึกลับขนาดใหญ่ทำให้ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ซังฮอนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังมุ่งตรงมาหาขบวนเสด็จจึงสั่งให้จุดไฟลงบนพื้นและบอกให้ให้พลธนูเตรียมพร้อม เมื่อมีม้าตัวหนึ่ง (กลุ่มควันสีดำปรากฏกายเป็นม้า) วิ่งตรงเข้ามา เขาก็สั่งให้พลธนูยิงใส่ทันที ทันใดนั้นม้าก็กลายร่างเป็นก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งใส่เหล่าทหารจนพากันล้มระเนระนาด
ซูจองโวยลั่นด้วยความไม่พอใจเมื่อได้ยินว่าพระเจ้าแฮจงทรงเคลื่อนพลไปทางเหนือเพื่อจับผี จองซึงแย้งว่าตนได้ยินข่าวลือว่าพระเจ้าแฮจงทรงเคลื่อนพลไปทางเหนือเพื่อจับหมอผีต่างหาก ซูจองโวยวายว่าจะจับผีหรือจับหมอผีก็ไม่ต่างกัน พระราชาแห่งโชซอนต้องยึดมั่นในปรัชญาขงจื๊อเท่านั้น พระองค์จะกระทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้นได้อย่างไร เมื่อถูกขุนนางผู้ใหญ่ตำหนิที่พูดลบหลู่พระราชา (ไม่มีใครรู้ว่าขุนนางผู้นี้เป็นผู้บัญชาการหน่วยปกป้องรัตติกาล) จูซองก็ตัดบทว่าผู้มีปัญญาย่อมไม่เสวนาเรื่องเหนือธรรมชาติและภูติผี เพราะไม่มีผีบนแผ่นดินโชซอน
อีกด้านหนึ่ง พระเจ้าแฮจง ซังฮอน และเหล่าทหาร ยังคงต่อสู้กับภูติผีปีศาจและมนต์ดำที่มาในร่างนักรบโครงกระดูกสูงใหญ่ แถมแทงฟันเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ซังฮอนจึงทูลพระเจ้าแฮจงว่ามีคนร่ายอาคมลงบนศพจึงต้องล้างอาคมเสียก่อนถึงจะปราบนักรบปีศาจเหล่านี้ได้ หลังสั่งให้ลูกน้องแปะยันต์ลงบนหน้าอกนักรบปีศาจแล้วซังฮอนก็ปาดาบให้พุ่งตรงไปที่ยันต์ ไม่นานเหล่านักรบปีศาจก็สลายหายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
ทันใดนั้นก็มีเด็กหญิงตัวน้อยออกมากวักมือเรียกพระเจ้าแฮจง ซังฮอนเตือนว่าอาจเป็นกับดัก แต่พระเจ้าแฮจงไม่มีทางเลือกเพราะเดินทางต่อไม่ได้ (ทางตัน) จึงตามเด็กน้อยไป ปรากฏว่าเด็กน้อยนำทางพระเจ้าแฮจงเข้าไปในป่าเพื่อพบกับหัวหน้าเผ่ามาโกแห่งเขาแพคดู หัวหน้าเผ่ามาโกเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตจึงรู้ว่าพระเจ้าแฮจงจะเสด็จมาที่นี่ เธอกล่าวว่าพวกตนมีดอกไม้พันปีที่พระองค์ต้องการ แต่แม่หมอที่สามารถร่ายมนต์ให้ต้นไม้พันปีออกดอกและผลิบานถูกเผ่ายงชินจับตัวไปทำพิธีบูชายันต์แล้ว
เด็กหญิงตัวน้อย (โดฮา) ขอร้องพระเจ้าแฮจงให้ช่วยเหลือพี่สาว หัวหน้าเผ่ามาโกจึงกล่าวเสริมว่าเผ่ายงชินขึ้นชื่อในเรื่องความอำมหิตและการทำคุณไสยมนต์ดำ เธอและทุกคนในเผ่าพากันคุกเข่าอ้อนวอนพระเจ้าแฮจงให้ช่วยหยุดยั้งการประกอบพิธีกรรมของเผ่ายงชินและช่วยเหลือแม่หมอประจำเผ่าของพวกตน หลังจากนั้นหัวหน้าเผ่ามาโกก็พาพระเจ้าแฮจงเข้าไปในถ้ำพลางกล่าวว่า เนื่องจากเผ่ายงชินไม่มีผู้หญิงพวกเขาจึงจับแม่หมอประจำเผ่าของพวกตนไปตีตราเป็นคนเผ่าตัวเอง ก่อนนำไปประกอบพิธีบวงสรวงและปลดปล่อยอีมูกีขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อให้กลายร่างเป็นมังกร
พระเจ้าแฮจงแย้งว่าตนเป็นพระราชาบนโลกมนุษย์จะเข้าไปแทรกแซงลิขิตสวรรค์ได้อย่างไร หัวหน้าเผ่ามาโกจ้องมองธนูตรงหน้าและกล่าวว่าพระราชาคือผู้ที่มาจากสรวงสวรรค์ จากนั้นก็เล่าว่าธนูดังกล่าวเป็นของพระเจ้าฮวานอุง (พระราชาองค์แรกในตำนานของเกาหลี เป็นเทพแห่งสวรรค์ - เคยถูกกล่าวถึงในละคร "ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (The Legend)") จึงมีเพียงพระราชาแห่งโชซอนเท่านั้นที่หยิบธนูดังกล่าวมาใช้ปราบมารหรือปีศาจได้ ในตอนแรกพระเจ้าแฮจงยกคันธนูไม่ขึ้น แต่สุดท้ายก็หยิบออกมาจากแท่นได้อย่างง่ายดาย
ซาดัมใช้เหล็กร้อนตีตราแม่หมอ "ยอนฮา" แห่งเผ่ามาโก และกล่าวว่าต่อไปนี้เธอคือคนของเผ่ายงชิน เธอจึงต้องอุทิศชีวิตให้อีมูกี (เพื่อช่วยให้อีมูกีกลายร่างเป็นมังกร) หลังจากซาดัมร่ายมนต์ยอนฮาก็กรีดร้องอย่างโหยหวนด้วยความเจ็บปวด... เมื่อถึงเวลาประกอบพิธีกรรม ซาดัมกล่าวกับเหล่าลูกสมุนว่า คืนนี้อีมูกีจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นแผ่นดินนี้ก็จะเป็นของพวกตน ก่อนพิธีจะเริ่มต้นยอนฮาถูกนำตัวมายังลานประกอบพิธีกรรมริมทะเลสาบ ซาดัมบอกให้เธอสักการะอีมูกีในฐานะคนของเผ่ายงชิน แต่ ยอนฮากลับถ่มน้ำลายใส่หน้าซาดัมพร้อมทั้งยืนกรานว่าเธอเป็นคนของเผ่ามาโก และเธอจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของซาดัมโดยเด็ดขาด ทำให้ถูกซาดัมลงโทษ
ในที่สุดพิธีปลุกวิญญาณอีมูกีก็เริ่มต้นขึ้น ยอนฮาถูกสมุนของซาดัมจับล่ามโซ่และแขวนไว้กับต้นไม้ หลังท่องคาถาตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์โบราณแล้ว ซาดัมก็หยิบมีดสั้นแล้วเดินตรงไปหายอนฮา เขาจะใช้มีดแทงหัวใจของเธอ แต่พระเจ้าแฮจงและเหล่าทหารของพระองค์เข้ามาขัดขวางเสียก่อน หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ถึงกระนั้น ซาดัมก็ไม่ยอมพลาดโอกาส เขาตรงเข้าไปหายอนฮาอีกครั้งหมายใช้มีดสั้นแทงเธอ โชคดีที่พระเจ้าแฮจงเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทันเวลา ระหว่างต่อสู้กับพระเจ้าแฮจง ซาดัมยังคงหาโอกาสแทงยอนฮาตลอดเวลา แม้พระเจ้าแฮจงจะขวางเอาไว้แต่มีดก็ยังพลาดไปโดนแขนของยอนฮาจนได้ มิหนำซ้ำ มีดที่เปื้อนเลือดยังตกลงไปในทะเลสาบที่มีร่างอีมูกีนอนแน่นิ่งอยู่ อีมูกีจึงถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งที่โผล่ขึ้นเหนือน้ำ หลังถูกปลุกให้ตื่นอีมูกีตนดังกล่าวก็จับจ้องไปที่ยอนฮาซึ่งถูกซาดัมนำมาเป็นเครื่องเซ่นสังเวย พอตั้งสติได้พระเจ้าแฮจงก็สั่งให้ทหารยิงธนูไฟใส่อีมูกี อีมูกีจึงหันกลับมาโจมตีเหล่าทหารด้วยความโกรธ ซังฮอนสั่งให้ทหารของตน (ผู้ปกป้องรัตติกาล) ตั้งรับเป็นรูปยันต์ 8 ทิศ ทำให้อีมูกีถูกตรึงอยู่ในวงล้อม หลังจากนั้นซังฮอนก็ไปช่วยพระเจ้าแฮจงต่อกรกับซาดัม โดยบอกว่าจะรับมือเอง พระเจ้าแฮจงจึงนำธนูของเทพสวรรค์มาเล็งใส่อีมูกีพลางมองหาจุดตาย ซาดัมเห็นดังนั้นจึงใช้เวทมนต์ซัดลูกธนูใส่ทหารของซังฮอน เพื่อช่วยให้อีมูกึหลุดจากพันธนาการจะได้ไม่กลายเป็นเป้านิ่งของพระเจ้าแฮจง ทั้งยังคอยขัดขวางไม่ให้เหล่าทหารเข้าไปทำร้ายอีมูกี แต่สุดท้ายซาดัมก็ถูกซังฮอนใช้หอกแทงเข้าที่อก ทั้งยังถูกทหารของซังฮอนฟันเข้าที่ลำตัวอีก 2 แผล ก่อนพลัดตกลงไปในทะเลสาบ
หลังหลุดจากพันธนาการอีมูกีก็ตรงเข้าไปหายอนฮา ยอนฮาได้แต่นั่งนิ่งด้วยความหวาดกลัวเพราะถูกล่ามโซ่เอาไว้ พระเจ้าแฮจงเห็นดังนั้นจึงรีบควบม้าไล่ตามพลางมองหาจุดตายของอีมูกี (หัวหน้าเผ่ามาโกบอกว่า จุดตายจะอยู่บริเวณที่เกล็ดเรียงกลับด้าน) ยอนฮามองหน้าพระเจ้าแฮจงด้วยสายตาวิงวอน ขณะที่พระเจ้าแฮจงเหลือบมองยอนฮาด้วยสายตามุ่งมั่น เมื่อพบจุดตายของอีมูกีแล้วพระเจ้าแฮจงจึงยิงธนูใส่ทันที (ช่วยชีวิตยอนฮาได้แบบฉิวเฉียด) หลังจากนั้นพระองค์ก็ช่วยตัดโซ่ให้ยอนฮาและประคองเธอให้ลุกขึ้น
ขณะที่เหล่าทหารช่วยกันนำร่างอีมูกีที่แข็งเหมือนหินขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมขนกลับวังหลวง ยอนฮา พร้อมน้องสาวตัวน้อย และหัวหน้าเผ่ามาโก ก็มาเข้าเฝ้าพระเจ้าแฮจงที่ค่ายพักแรมเพื่อขอบคุณที่ช่วยชีวิตยอนฮาและปกป้องโชซอนจากความชั่วร้ายของเผ่ายงชิน พระเจ้าแฮจงเห็นแขนยอนฮามีเลือดออกจึงช่วยพันแผลให้ จากนั้นก็ขอร้องยอนฮาให้ช่วยพระโอรสของพระองค์ หัวหน้าเผ่ามาโกได้ยินดังนั้นจึงบอกว่ายอนฮาจะร่ายมนต์ให้ต้นไม้พันปีออกดอกและผลิบานทันทีที่อาการของเธอดีขึ้น ขณะที่ยอนฮาเองก็รับปากว่าเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยขององค์ชายให้ได้
แม้ยอนฮาจะทำได้ดังที่พูด แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอได้ถูกมนต์ดำของเผ่ายงชินเข้าครอบงำ (ผ่านรอยตีตราที่ด้านหลังลำคอ) เมื่อยอนฮาร่ายมนต์ให้ต้นไม้พันปีออกดอก ดอกไม้พันปีก็พลอยต้องมนต์ดำของเผ่ายงชินไปด้วย เมื่อพระเจ้าแฮจินทอดพระเนตรดอกไม้ดังกล่าวจึงถูกมนต์ดำเข้าครอบงำอีกคน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในวังหลวง ตลอดจนชะตาชีวิตที่พลิกผันขององค์ชายริน
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
รับบท องค์ชายลี ริน
(นักแสดง / นายแบบ วัย 27 ปี
โก ซองฮี
รับบท โดฮา
(นักแสดง / นางแบบ วัย 25 ปี - เกิดที่อเมริกา คว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมฝ่ายหญิงจากละคร Miss Korea, The Night Watchman)
ยูน แทยอง
รับบท โจ ซังฮอน
(นักแสดง วัย 40 ปี)
* ดูคลิปเบื้องหลังจากช่องเอ็มบีซีได้ ที่นี่
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา