เรื่องย่อ มู่หลาน...จอมทัพหญิงกู้แผ่นดิน (Legend of Mulan)

กำกับ: สงอวี่,  เว่ยเทา
เขียนบท: ซูเสี่ยวเยวี่ยน, เซี่ยงอี้เซียน, หลิวจี้อัน  

แนวละคร: โรแมนติก, ดราม่า
จำนวนตอน: 48
ออกอากาศ: จีน - วันที่ 18 กรกฎาคม 2556 - 14 สิงหาคม  2556 ทางซีซีทีวี-1
                 ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15-21.10 น. ทางไทยพีบีเอส ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2558 - 9 มกราคม 2559

ละคร "มู่หลาน...จอมทัพหญิงกู้แผ่นดิน (Legend of Mulan)" ดัดแปลงมาจากลำนำจีนโบราณ เนื้อหากล่าวถึงหญิงสาวที่ปลอมเป็นชายแล้วไปออกรบแทนบิดาผู้สูงวัย แต่ในเวอร์ชั่นนี้ได้เพิ่มเนื้อหาก่อนมู่หลานออกรบมากถึง 21 ตอน เพื่อให้คนดูได้ชมมู่หลานทั้งในฐานะที่เป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา (แต่มีฝีมือในด้านการปักผ้าขั้นเทพ) และในฐานะทหารกล้าที่มีลีลาการรบอันน่าตื่นตาตื่นใจ

*ข้อมูลโดย luvasianseries

เรื่องย่อ (จากไทยพีบีเอส)

ซีรีส์จีนเรื่องเยี่ยมสะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญู ความเสียสละ และความกล้าหาญ ของหญิงสาวนามว่า มู่หลาน (Mulan) ที่่ตัดสินใจแต่งเป็นชาย เข้าเป็นทหารแทนพ่อซึ่งแก่ชรามากแล้ว ขณะเดียวกันก็เกิดความรักที่ยากจะลืมเลือนกับองค์ชายแห่งเมืองโหรวหร่าน ความพยายามอดทนกับอุปสรรคต่างๆ กล้าหาญ มุ่งมั่น และความเฉลียวฉลาดของเธอ ทำให้สงครามระหว่างสองแคว้นอย่างเป่ยเว่ยและโหรวหร่านที่มีมาอย่างช้านานนั้นจบลงได้ด้วยดี

คริสต์ศักราชปี 423 โหรวหร่านองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเป่ยเว่ยได้ทำศึกสงครามกับท่านข่านแห่งแคว้นโหรวหร่าน หลังจากที่โหรวหร่านชนะศึกแล้ว กลับได้รับข่าวร้ายว่าพระบิดาได้สิ้นพระชนม์แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ทั่วป๋าถาวจึงได้ทำสัญญาอภิเษกสมรสขึ้นระหว่างสองแคว้น โดยทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าหลังจากนี้ครึ่งปี องค์หญิงของเป่ยเว่ยจะต้องนำผ้าไหมปักลายปรองดองระหว่างสองแคว้นติดตัวมาและอภิเษกสมรสกับโหรวหร่าน

บิดาของฮัวมู่หลาน ฮัวหู ถูกเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารด้วย ซึ่งตามจริงแล้วฮัวหูยังมีแผลเก่าอยู่ อีกทั้งไปครั้งนี้คงจะเจอความลำบากมาก ฮัวมู่หลานเป็นห่วงบิดาอย่างมาก แต่ฮัวหูก็ยังยืนยันจะไปให้ได้ เพื่อนบ้านที่ชื่อจู้จื่อ ครอบครัวเขามีทั้งหมดเก้าคน แต่มีเจ็ดคนตายอยู่ในสนามรบ เหลือแค่จู้จื่อและย่าบอดของเขาเท่านั้น และด้วยคำพูดกำลังใจที่ย่าบอดพูดกับมู่หลาน ทำให้มู่หลานไม่หวาดกลัวต่อการออกไปรบอีกต่อไป

ข่าวคราวการสวรรคตของทั่วป๋าซือกระจายมาถึงหุบเขาหวู่ฟ้ง มีคนแอบเอาผ้าปักลายดอกซิงอี๋ ใส่ลงไปในห่อผ้าที่พ่อค้าชาวโหรวหร่านที่มาซื้อผ้าไหมให้กับวังของโหรวหร่าน จินฉานจื่อ เสนาบดีของโหรวหร่าน พบเจอผ้าปักผืนนี้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อหลายปีก่อน เพราะว่าดอกซิงอี๋ จินฉานจื่อได้ประสบพบเจอกับความรักที่ยากจะลืมเลือน และก็เป็นเพราะดอกซิงอี๋ที่ทำให้ในราชวังของเป่ยเว่ยเกิดคดีที่เลวร้าย ฉะนั้น ดอกซิงอี๋จึงกลายเป็นของต้องห้ามในเมืองเป่ยเว่ย และคดีที่เกิดขึ้นในวังตอนนั้น ก็เป็นความลับน้อยคนนักที่รู้ และผ้าปักลายดอกซิงอี๋กลับปรากฏขึ้นมาแบบนี้ ทำให้จินฉานจื่อได้ข้อมูลที่เขารอมานานหลายปี

โม่เจี้ยง พ่อค้าชาวกาวเชอ ปรากฏตัวที่หุบเขาหวู่ฟ้ง ดูผิวเผิน อาจจะนึกว่าเขามาเพื่อขายม้า แต่กลับทำตัวลึกลับ ที่แท้ จริงๆ แล้วเขาคือองค์ชายรอง ตัวหลุน ของแคว้นโหรวหร่าน รับคำสั่งของจินฉานจื่อมาสืบหาความจริงว่าใครกันแน่ที่เอาผ้าปักลายดอกซิงอี๋ใส่ปนลงในผ้าไหมของราชวัง จินฉานจื่อเชื่อว่า ถ้าเกิดอาฉาจักรเป่ยเว่ยและโหรวหร่านทำศึกสงครามกันอีกครั้ง เจ้าของดอกซิงอี๋คนนี้จะต้องเป็นประโยชน์กับเขาอย่างแน่นอน

บิดาของมู่หลานต้องการซื้อม้าของโม่เจี้ยง ซึ่งเป็นม้าสวยสีขาวบริสุทธิ์ แต่กลับถูกปฏิเสธ มู่หลานไม่ยอมจึงไปคุยกับโม่เจี้ยงอีกครั้ง โม่เจี้ยงเลยแกล้งมู่หลาน บอกเธอว่าถ้าเธอสามารถปราบม้าตัวนี้ได้ ก็จะยกม้าตัวนี้ให้เธอ มู่หลานที่ขี่ม้าไม่เป็นขึ้นไปคร่อมบนหลังม้าทันที เลยถูกม้าขาวเหวี่ยงลงพื้นเป็นสิบๆ รอบ แต่กระนั้นมู่หลานก็ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นแล้วขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเรื่อยๆ ความเข้มแข็งของมู่หลานทำให้โม่เจี้ยงประทับใจยิ่งนัก ส่วนฝูหลิงลูกสาวสำนักจิ่นซิ่วนั้นเมื่อเห็นความหล่อเหลาของโม่เจี้ยงก็เกิดอาการรักแรกพบ

เหล่าบรรดาชายชาตรีของหุบเขาหวู่ฟ้งใกล้จะต้องเตรียมตัวออกไปรบแล้ว และบ้านของมู่หลานกำลังเผชิญหน้ากับการแยกจากกัน และแล้วในเวลานี้ แม่ทัพเซี่ยชี่เฉินได้มาที่นี่เพื่อประกาศว่าเป่ยเว่ยและโหรวหร่านจะสงบศึกกัน และหุบเขาหวู่ฟ้งรับผิดชอบทำภาพผ้าปักปรองดองระหว่างสองแคว้น ตอนนี้สงครามยุติชั่วคราว ทำให้ชาวบ้านนั้นยินดีปรีดากันทั่วหน้า เซี่ยชี่เฉินได้อ่านราชโองการ ความว่าผู้ปักภาพผ้าปักปรองดองระหว่างสองแคว้นนั้นจะถูกแต่งตั้งเป็น “สาวปักผ้าที่หนึ่งในใต้หล้า” ซึ่งบิดาหรือพี่น้องของเธอจะได้รับสิทธิ์ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ทำให้มู่หลานสนใจเป็นยิ่งนัก

ในขณะเดียวกัน โม่เจี้ยงที่กำลังตามหาเจ้าของดอกซิงอี๋อยู่ แต่ดอกซิงอี๋เป็นของต้องห้ามของเป่ยเว่ย ทำให้ไม่เจอเบาะแสและร่องรอยของดอกซิงอี๋เลย ทุกวันเช้าตรู่ บรรดาสาวปักผ้าจะต้องมาล้างมือแช่มือที่เทียนซิงถัง ซึ่งกะลังมังที่ใช้ล้างมือนั้นบ่งบอกถึงฝีมือและตำแหน่งของสาวปักผ้าทั้งหลาย โดยกะลังมังของปาเป้ยฉานเป็นทองคำ มารดาของมู่หลาน เจี่ยอวิ๋น และมารดาของฝูหลิง ซือเหนียง จะทำมาจากเงิน ส่วนของมู่หลาน ฝูหลิง ชุนโฉว จื่อซูทำมาจากทองแดง ส่วนของหญิงอื่นๆ เป็นกะละมังเหล็ก 

เซี่ยชี่เฉินได้มาคาราวะปาเป้ยฉานซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในการปักผ้า เพื่อที่จะให้ปาเป้ยฉานปักภาพผ้าปักปรองดองระหว่างสองแคว้นด้วยตัวเอง แต่ว่าปาเป้ยฉานร่างกายไม่แข็งแรงอีกทั้งอายุมากแล้วจึงไม่สามารถรับงานนี้ได้ เซี่ยชี่เฉินเลยอยากให้ปาเป้ยฉานเสนอสำนักปักฝีมือดี ซึ่งทำให้ปาเป้ยฉานลำบากใจยิ่งนัก

เซี่ยชี่เฉินได้ไปเยี่ยมเยียนสำนักปักผ้าทั้งห้าสำนัก พบว่าฝีมือของสำนักจิ่นซิ่ว สำนักฮัวเอ๋อจิ่น สำนักฮั่วฮัวเหยี้ยน ต่างก็มีฝีมือใกล้เคียงกัน ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากว่าจะให้สำนักไหนเป็นคนปักภาพผ้าปักปรองดองระหว่างสองแคว้น หลังจากปรึกษากับปาเป้ยฉานแล้ว เซี่ยชี่เฉินตัดสินใจจัดเวทีการแข่งขันหาสำนักที่จะปักและสาวปักผ้าขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยตำแหน่ง "สาวปักผ้าที่หนึ่งในใต้หล้า" และบิดาหรือพี่น้องของผู้ได้รับตำแหน่งจะได้รับสิทธิ์ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ทำให้ผู้คนในหุบเขาหวู่ฟ้งกระตือรือร้นอยากแข่งขันเป็นจำนวนมาก 

หลังจากการคัดเลือก ฮัวมู่หลานจากสำนักฮัวเอ๋อจิ่น ฝูหลิงจากสำนักจิ่นซิ่ว จื่อซูจากสำนักฮั่วฮัวเหยี้ยน และชุนโฉวจากสำนักลั่วเสินได้เข้าแข่งขันกันรอบสุดท้าย หญิงสาวทั้งสี่คน ต่างก็คิดอยากจะได้รางวัลชนะเลิศ เพื่อที่จะรู้เขารู้เรา ฝูหลิงจึงหาข้ออ้าง แอบดูผ้าปักที่มู่หลานได้เตรียมเอาไว้

บนเวทีการแข่งขันนั้น หลังจากผ่านด่านการแข่งขันแยกผ้าไหม ร้อยด้าย ปักดอกไม้ ซึ่งมู่หลานมีคะแนนนำทุกคน และในด่านสุดท้าย มีการโชว์ผลงานผ้าปักที่เตรียมเอาไว้ มู่หลานได้เตรียมผ้าปักรูปดอกโบตั๋นไว้ แต่พอเปิดกล่องออกมา กลับพบว่าเป็นดอกซิงอี๋ที่เป็นของต้องห้ามของเป่ยเว่ย เซี่ยชี่เฉินจึงได้เข้าจับตัวมู่หลาน มู่หลานร้องบอกว่าถูกใส่ร้าย มีคนจงใจที่จะทำให้เธอมีความผิด แต่คนทำจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร มู่หลานเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่จริงในใจลึกๆ แล้วเซี่ยชี่เฉินรู้ว่ามู่หลานอาจจะไม่ได้ทำ แต่หลังจากสืบหาหลักฐานอย่างลับๆ แล้ว เซี่ยชี่เฉินไม่สามารถหาหลักฐานและคนกระทำได้เลย

ฝูหลิงบอกมารดาว่า เขาเคยแอบดูผลงานผ้าปักของมู่หลาน ซึ่งมันคือดอกโบตั๋นจริงๆ มู่หลานอาจจะถูกใส่ร้ายจริงๆ ก็ได้ แต่ซือเหนียงกลัวว่าจะทำให้ตนลำบากและติดห่วงไปด้วยเลยบอกฝูหลิงว่า อย่าบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ ซึ่งทำให้ฝูหลิงสับสนเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อการปักภาพผ้าปักปรองดองระหว่างสองแคว้นจะล่าช้าไม่ได้ แล้วมู่หลานก็ยังอยู่ในคุก ฉะนั้นเซี่ยชี่เฉินเลยให้ฝูหลิงผู้ซึ่งได้ที่สองมารับหน้าที่ปักภาพครั้งนี้ ทำให้มารดาของมู่หลานสงสัยว่าคนที่ใส่ร้ายมู่หลานก็คือซือเหนียงนั้นเอง

ดอกซิงอี๋ที่หายไปสิบห้าปี อยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น ทำให้โม่เจี้ยงดีใจยิ่งนัก และเขาคิดว่า ในตัวของมู่หลานจะต้องมีเบาะแสเกี่ยวกับเจ้าของดอกซิงอี๋อย่างแน่นอน เพื่อที่จะช่วยมู่หลาน โม่เจี้ยงได้มอบม้าขาวให้กับเซี่ยชี่เฉิน เพื่อที่จะได้คุยกับมู่หลานซักสองสามประโยค แต่เซี่ยชี่เฉินกลับปฏิเสธ และได้บอกโม่เจี้ยงว่าอย่ายุ่งเรื่องในเมืองนี้นัก

ปาเป้ยฉานผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าปักผ้าของหุบเขาหวู่ฟ้งและบรรดาสาวปักผ้าได้ลงนามประกันตัวมู่หลาน ถึงแม้ซือเหนียงจะไม่ยอมให้ฝูหลิงพูดความจริง แต่เธอก็เข้าลงนามด้วย และถึงแม้จะมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือมู่หลานเป็นจำนวนมาก แต่ว่าเรื่องดอกซิงอี๋นั้นใหญ่หลวงนัก ในเมื่อสืบหาหลักฐานไม่เจอ เซี่ยชี่เฉินจึงต้องตัดสินใจประหารมู่หลาน มู่หลานไม่ยอม จึงได้ถามเซี่ยชี่เฉินว่า ทำไมแค่เพียงดอกซิงอี๋ดอกเดียว ถึงเอาชีวิตข้าไปได้ เซี่ยชี่เฉินบอกแค่ว่าเป็นเรื่องความลับในพระราชวัง ไม่สามารถบอกอะไรมู่หลานได้

มู่หลานถูกนำตัวมายังลานประหาร ฮัวหูเจี๋ยร้องไห้จนล้มลงพื้น ฝูหลิงไม่สนใจมารดาที่คอยห้าม วิ่งฝ่าฝูงชนออกมาบอกว่าผลงานผ้าปักของมู่หลานถูกคนอื่นเปลี่ยนจริงๆ เพราะตนเคยเห็นผลงานของมู่หลานที่เตรียมไว้ก่อน แต่เมื่อเซี่ยชี่เฉินถามว่าผู้ใดเป็นคนเปลี่ยน ฝูหลิงไม่สามารถตอบได้ เซี่ยชี่เฉินจึงสั่งให้ดำเนินพิธีต่อ

ตอนบ่ายสามยาม ขณะที่กำลังจะประหาร อยู่ๆ ชุยเฮ่า เสนาบดีของเป่ยเว่ยได้เชิญราชโองการมา หลังจากที่ชุยเฮ่าได้พูดคุยกับเซี่ยชี่เฉินแล้วนั้นก็ได้ประกาศให้ฮัวมู่หลานพ้นโทษและปล่อยตัวทันที ทำให้ทุกคนตกตะลึงใจมาก ที่แท้ท่านข่านของโหรวหร่านได้ยินว่าทั่วป๋าซือสวรรคตแล้ว และเชื่อว่าทั่วป๋าทาวจะได้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป ซึ่งเป็นการดีที่โหรวหร่านจะทำศึก แต่เนื่องด้วยได้ทำสัญญาสงบศึกไว้แล้ว จึงไม่สามารถทำอย่างโจ่งแจ้งได้ 

จินฉานจื่อได้ออกแบบภาพผ้าปักปรองดองระหว่างสองแคว้นที่มีดอกซิงอี๋เพื่อทำให้เมืองเว่ยลำบากใจ และเพราะอยากให้บ้านเมืองสงบสุข ทั่วป๋าทาวจึงได้อดทนต่อคำลบหลู่เช่นนี้ และได้ยกเลิกกฎห้ามมีดอกซิงอี๋ ทำให้มู่หลานรอดพ้นจากการประหารในวินาทีสุดท้าย

ถึงแม้มู่หลานจะสามารถรอดพ้นมาได้ แต่ก็ยังไม่ยอมจึงได้ถามกับเซี่ยชี่เฉินว่าเหตุใดแค่ดอกซิงอี๋ดอกเดียว ถึงเอาชีวิตคนได้ เซี่ยชี่เฉินปฏิเสธที่จะตอบ และใครกันแน่ที่ใส่ร้ายมู่หลาน ซึ่งยังคงเป็นปริศนาอยู่ เซี่ยชี่เฉินบอกมู่หลานว่า “ข้าจะสืบหาความจริงต่อไป” ทั่วป๋าทาวได้ยกเลิกกฎของห้ามของฮ่องเต้คนก่อน ยิ่งทำให้จินฉานจื่อแน่ใจว่าจักรพรรดิองค์ใหม่นี้ช่างอ่อนแอยิ่งนัก และยิ่งมั่นใจว่าภายในครึ่งปีจะต้องเข้าตีเมืองเป่ยเว่ยให้ได้ 

จินฉานจื่อให้ลูกน้องส่งข่าวไปบอกโม่เจี้ยงว่า ห้ามให้ภาพผ้าปักปรองดองระหว่างสองแคว้นนี้ปักสำเร็จเด็ดขาด สำหรับเจ้าของดอกซิงอี๋นั้น ให้สืบค้นหาเจ้าของต่อไป โม่เจี้ยงคิดว่าจินฉานจื่อดูถูกทั่วป๋าทาวมากเกินไป แต่ก็ยังคงทำตามคำสั่ง ออกตามหาแคว้นฮั่นของฮัวเอ๋อจิ่นต่อไป

โม่เจี้ยงมาถึงสำนักฮัวเอ๋อจิ่นทำเป็นว่าจะซื้อผ้าไหม แล้วก็ชวนมู่หลานคุยเพื่อที่จะสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับดอกซิงอี๋ มู่หลานเองก็ได้ยืนยันว่าตัวเองถูกใส่ร้าย ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับดอกไม้นั้นเลย

เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน  "มู่หลาน...จอมทัพหญิงกู้แผ่นดิน (Legend of Mulan)" ทางไทยพีบีเอส 

* ดูเรื่องย่อแต่ละตอนโดยไทยพีบีเอสได้ ที่นี่

นักแสดงนำ

 

โหวเมิ่งเหยา

รับบท ฮัวมู่หลาน

(นักแสดง ชาวจีน)

 

กัวผิ่นเชา (ดีแลน กัว)

รับบท ตัวหลุน / โม่เจียง   

(นักร้อง นักแสดง ชาวไต้หวัน)

 

หลิวเต๋อข่าย

รับบท ปาเป้ยฉาน

(นักแสดง / ผู้กำกับ / โปรดิวเซอร์ / นักเขียนบท ชาวไต้หวัน)

 

หลี่เหลียงเหว่ย

รับบท จินฉานจื่อ

(นักแสดงฮ่องกง เกิดที่เวียดนาม)

 

เหยาอันเหลียน

รับบท ฮัวหู 

(นักแสดง ชาวจีน)

 

หยางลี่จิง

รับบท เจี่ยอวิ๋น

 (นักแสดง ชาวไต้หวัน)

 

หวังโอว

รับบท ฝูหลิง

(นักแสดง ชาวจีน)

 

อ้ายตง

รับบท เซี่ยชี่เฉิน

(นักแสดง ชาวจีน)

 

ฉางเฉิน

รับบท หลัวเจา

(นักแสดง ชาวจีน)

ละครที่เกี่ยวข้อง

- มู่หลาน จอมทัพหญิงโลกไม่ลืม (Mu Lan 2013)

*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***