กำกับ: หลี่ฮุ่ยหมิน (ชาวฮ่องกง), เย่เจาอี๋ (ชาวฮ่องกง), หลูเยี่ยนจิน, จูลี่ลี่
เขียนบท: ป๋อหยวน, หร่วนเสี่ยวน่า, ซูปินหัว
แนวละคร: ย้อนยุค, ศิลปะการต่อสู้
จำนวนตอน: 40/42
ออกอากาศ: ไต้หวัน - วันที่ 9 ธันวาคม 2545 ทางซีทีวี
ไทย - ทุกวันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.35-21.45 น. ทางช่อง 3SD ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2558 - 27 มกราคม 2559
เรื่องย่อ
"ฝ่ามือยูไล (Palm of Ru Lai)" เป็นละครที่สร้างสรรค์โดยผู้ผลิตชื่อดังชาวไต้หวัน "หยางเพ่ยเพ่ย" ภายใต้ความร่วมมือในการถ่ายทำจากบริษัท "มีเดียคอร์ป สตูดิโอ" ประเทศสิงคโปร์ นำทีมกำกับโดยผู้กำกับชื่อดังชาวฮ่องกง "หลี่ฮุ่ยหมิน" และ "เย่เจาอี๋" มีนักแสดงแสดงจากหลายประเทศมาร่วมแสดงนำ
มีตำนานเล่าขานว่า เมื่อ 300 ปีก่อนโลกนี้มีวิชากังฟูอยู่ 2 ชนิดที่น่าเกรงขามและยากจะต่อกร คือ วิชา "ฝ่ามือยูไล" และ วิชา "เท้าเทพฤทธิ์" หากใครฝึกสองสุดยอดวิชานี้ได้สำเร็จจะเป็นจ้าวยุทธภพ ที่ผ่านมาวิชาดังกล่าวได้หายสาบสูญและเกือบถูกลืมเลือนไป แต่ตอนนี้เคล็ดวิชาฝ่ามือยูไลซึ่งตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้หวนคืนสู่ยุทธภพอีกครั้ง ทำให้เกิดความหวาดหวั่นว่าเคล็ดวิชาดังกล่าวจะถูกผู้กระหายอำนาจแย่งชิงไปฝึกปรือเพื่อความเป็นหนึ่งในยุทธภพ
หลังฝันกลางวันว่าตนเองเป็นจอมยุทธผู้กล้าประจำสำนักคุ้มภัยฉางหลง ซึ่งมีหน้าที่คอยคุ้มกันสิ่งของ ตลอดจนปกป้องพี่น้องร่วมสำนัก และ "หลิ่วหมิงหลวน" ศิษย์ผู้น้องที่ตนหลงรักจากหมู่มาร... "ต้วนเฟย" ก็ตื่นมาพบสองจอมยุทธถูกทำร้ายระหว่างเดินทาง หนึ่งในนั้นโดนพิษร้ายทำให้ทรมานจนทนไม่ไหวเลยใช้ดาบฟันคอตัวเองต่อหน้าต่อตาต้วนเฟย หลังจากนั้นจอมยุทธผู้พี่ก็ออกเดินทางไปปฏิบัตภารกิจตามลำพัง แต่แล้วก็ถูกกลุ่มนักฆ่าซุ่มโจมตี โชคดีที่ "โอวจิ้งหาว" ผ่านมาพบเข้าจึงใช้ฝ่ามือตรียุทธต่อกรกับกลุ่มนักฆ่าและช่วยชีวิตเขาเอาไว้ พ่อของจิ้งหาวเห็นดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจที่ลูกชายแอบฝึกวิชาของพรรคมาร
ต้วนเฟยและหมิงหลวนเห็นจอมยุทธผู้หนึ่งมาที่สำนักคุ้มภัยจึงพากันแอบดู ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวคือ จอมยุทธเฮ่อหลง ที่เพิ่งสูญเสียศิษย์ผู้น้องและถูกทำร้ายกลางทางจนได้รับบาดเจ็บ เขารู้ตัวว่าไปต่อไม่ไหวจึงนำทองคำหมื่นตำลึงมาให้ "หลิ่วจงเยวี๋ยน" (เจ้าสำนักคุ้มภัยฉางหลง / บิดาหมิงหลวน) โดยบอกว่าเป็นค่าจ้างสำหรับการส่งของ เขาถามจงเยวี๋ยนว่ากล้ารับงานนี้ไหม จงเยวี๋ยนกล่าวว่าไม่มีอะไรที่สำนักคุ้มภัยของตนไม่กล้าทำ จอมยุทธเฮ่อหลงจึงมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้จงเยวี๋ยนแล้วบอกให้นำไปส่งที่สำนักเยียนเสีย พูดจบก็มีคนซัดเข็มพิษใส่จอมยุทธเฮ่อหลง ศิษย์น้องของจงเยวี๋ยนเห็นดังนั้นจึงบอกว่านี่คือเข็มพิษ 7 ดาว ซึ่งเป็นอาวุธลับของพรรค 7 ภพ จงเยวี๋ยนชี้ว่าคนที่โดนพิษชนิดนี้จะเจ็บปวดและทรมานมาก โดยพิษจะแทรกซึมเข้าสู่เส้นเลือดจนถึงแก่ความตาย
เขากล่าวว่าพรรค 7 ภพ เป็นพรรคฝ่ายอธรรม ถึงแม้พวกตนจะยอมมอบกล่องไม้ให้ คนของพรรค 7 ภพก็ไม่มีทางละเว้นพวกตนอยู่ดีจึงต้องเดินหน้าต่อไป เขาบอกให้ศิษย์น้องเตรียมเดินทางไปส่งของในวันรุ่งขึ้นพลางนึกสงสัยว่าของในกล่องคืออะไร ต้วนเฟยอาสาช่วยส่งของเพราะอยากตอบแทนบุญคุณ เขากล่าวว่าตนเป็นเด็กกำพร้าที่จงเยวี๋ยนอุตส่าห์รับมาเลี้ยงดู แต่ที่ผ่านมาตนยังไม่เคยช่วยส่งของเลยสักครั้ง จงเยวี๋ยนปฏิเสธเพราะเห็นว่าเป็นงานที่อันตราย แถมต้วนเฟยยังมีวรยุทธที่อ่อนด้อย และของที่จะไปส่งก็มีความสำคัญ ต้วนเฟยจึงได้แต่ทำตาละห้อยเมื่อเห็นเจ้าสำนักและพี่น้องคนอื่นๆ ออกไปส่งของ
หมิงหลวนเห็นว่าต้วนเฟยอยากไปส่งของใจจะขาดจึงนัดให้เขาออกมาพบเธอกลางดึก ต้วนเฟยนึกว่าหมิงหลวนอยากอยู่กับตนตามลำพังจึงซุ่มทำกล้องสลับลาย (โดยใช้กระบอกไม้ไผ่) หวังมอบให้หมิงหลวนเป็นขวัญแทนใจ พอรู้ว่าหมิงหลวนนัดตนเพื่อแอบออกไปข้างนอก ต้วนเฟยก็เตือนว่าทำเช่นนั้นเป็นการขัดคำสั่งท่านเจ้าสำนัก ทันใดนั้น คนของพรรค 7 ภพก็บุกมาโจมตีสำนักคุ้มภัยฉางหลงด้วยธนูเพลิงจนเกิดไฟลุกท่วม พี่น้องร่วมสำนักจึงบอกให้ต้วนเฟยรีบพาหมิงหลวนหนีไป อีกด้านหนึ่ง จงเยวี๋ยนและคนในสำนักก็กำลังถูกคนของพรรค 7 ภพลอบโจมตีระหว่างเดินทางไปส่งของเช่นกัน
"ถูเสวี่ยหัว" ปลอมตัวเป็นจอมยุทธหนุ่มมานั่งดื่มน้ำชาตามลำพังที่โรงเตี๊ยมผิงอัน "ลู่เสี่ยวอวี๋" (ซึ่งดูแลโรงเตี๊ยมร่วมกับลูกน้องอีกสองคน) เห็นดังนั้นจึงแกล้งเข้าไปตีสนิทและช่วยรินน้ำชาให้เสวี่ยหัว เสวี่ยหัวจึงสั่งให้เก็บเงินทันที เธอรู้ว่าเสี่ยวอวี๋ใส่ยานอนหลับลงในกาน้ำชาหวังปลดทรัพย์ตนจึงชิงลงมือสั่งสอน เสี่ยวอวี๋ซึ่งไม่มีวรยุทธยอมรับสารภาพและร้องขอชีวิต โดยบอกว่าตนจะไม่เก็บเงินค่าน้ำชา หลังเล่นงานเสี่ยวอวี๋จนน่วมแล้ว เสวี่ยหัวจึงบอกให้เสี่ยวอวี๋ไปจัดเตรียมห้องพักให้ตน หลังจากนั้นไม่นาน จงเยวี๋ยนก็พาพี่น้องร่วมสำนักมาเข้าพักที่โรงเตี๊ยมผิงอัน
หลังสำนักคุ้มภัยถูกไฟไหม้ ต้วนเฟยก็พาหมิงหลวนออกเดินทางตามจงเยวี๋ยนไป ระหว่างทางทั้งคู่ได้ยิน คนของพรรค 7 ภพคุยกันว่าเจ้าสำนักของพวกตนกำลังไปที่โรงเตี๊ยมผิงอัน ถ้าไปถึงที่นั่นเมื่อไหร่คนของสำนักคุ้มภัยฉางหลงจะถูกฆ่าตายทั้งหมด ต้วนเฟยจึงจุดพลุเตือนภัยเพื่อบอกให้จงเยวี๋ยนระวังตัว จงเยวี๋ยนและคนของสำนักคุ้มภัย (ซึ่งถูกเสวี่ยหัวคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลา) เห็นดังนั้นจึงรีบเก็บของออกจากโรงเตี๊ยมแต่ก็สายเกินไป เพราะคนของพรรค 7 ภพได้บุกมาที่โรงเตี๊ยมแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนโรงเตี๊ยมพังย่อยยับต่อหน้าต่อตาเสี่ยวอวี๋ เสวี่ยหัวเห็นจงเยวี๋ยนพยายามปกป้องกล่องไม้จึงเข้าไปร่วมวงต่อสู้พลางถามว่าของในกล่องคืออะไร
ในเวลาเดียวกันนั้นต้วนเฟยและหมิงหลวนก็กำลังมีภัย เพราะการจุดพลุทำให้นักฆ่าของพรรค 7 ภพรู้ว่าทั้งคู่หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดจึงตามไปหมายสังหาร ด้านเสี่ยวอวี๋เห็นลูกน้องทั้งสองคนของตนถูกฆ่าตายคาโรงเตี๊ยมทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แถมโรงเตี๊ยมของตนยังพังพินาศจึงเกิดความแค้น แต่เนื่องจากเสี่ยวอวี๋ไม่มีวรยุทธเขาจึงเผาโรงเตี๊ยมกะย่างสดเหล่าจอมยุทธและเผาศพลูกน้องในคราวเดียว
ต้วนเฟยและหมิงหลวนถูกคนของพรรค 7 ภพไล่ล่า ระหว่างต่อสู้หมิงหลวนเกิดพลัดตกลงไปในน้ำ ขณะที่ต้วนเฟยต่อสู้กับเหล่านักฆ่าอย่างกล้าหาญ เขาเกือบถูกคนของพรรค 7 ภพซัดเข็มพิษ 7 ดาวใส่ โชคดีที่จงเยวี๋ยนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน เขามอบห่อผ้าสีแดงที่ภายในมีกล่องไม้ให้ต้วนเฟยแล้วบอกให้ต้วนเฟยรีบนำไปส่งสำนักเยียนเสีย เมื่อเห็นต้วนเฟยลังเลเพราะเป็นห่วงหมิงหลวน เขาจึงโยนต้วนเฟยขึ้นบนหลังม้าแล้วรับมือกับเหล่านักฆ่าแทน
หลังสูญเสียทั้งลูกน้องและโรงเตี๊ยม เสี่ยวอวี๋ซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนแรงก็มานั่งร้องไห้คร่ำครวญในป่า พอรู้สึกดีขึ้นแล้ว เขาก็บอกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ถึงแม้ว่าจะไม่มีที่ซุกหัวนอนก็ตาม ในเวลาเดียวกันนั้นต้วนเฟยซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญเป็นครั้งแรกก็กำลังควบม้ามุ่งหน้าไปยังสำนักเยียนเสียอย่างเร่งรีบ พอเห็นเสี่ยวอวี๋เดินตัดหน้ากระทันหัน ต้วนเฟยก็ดึงบังเหียนสุดแรงจนทำให้ม้าทั้งเจ็บและตกใจ เสี่ยวอวี๋เห็นห่อผ้าสีแดงตกอยู่บนพื้นก็จำได้ว่าเป็นของสำนักคุ้มภัยจึงรีบเข้าไปตะครุบ แต่ต้วนเฟยไวกว่าจึงชิงกลับคืนมาเสียก่อน เมื่อถูกถามว่าทำไมห่อผ้าจึงมาอยู่ที่นี่ ต้วยเฟยจึงบอกว่าตนเองเป็นคนของสำนักคุ้มภัยฉางหลง ศิษย์เอกหลิ่วจงเยวี๋ยน ชื่อต้วนเฟย
เสี่ยวอวี๋พยายามแย่งชิงห่อผ้ามาจากต้วนเฟยโดยบอกว่าของสิ่งนี้ทำให้ตนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งคู่ยื้อแย่งกันไปมาเหมือนเด็กแย่งของเล่น เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอวี๋ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่ ต้วนเฟยจึงเตะผ่าหมากแล้วกล่าวขอโทษก่อนเดินหนีไป แต่เสี่ยวอวี๋ไม่ยอมเลิกราจึงกระโดดตะครุบขาต้วนเฟยแล้วกอดเอาไว้แน่นทำให้ถูกต้วนเฟยเตะซ้ำจนเลือดกำเดาไหล ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงวิ่งตามต้วนเฟยไปพลางกล่าวหาว่าต้วนเฟยและพวกฆ่าลูกน้องของตน
ต้วนเฟยถือห่อผ้าวิ่งหนีเสี่ยวอวี๋จนต่างฝ่ายต่างอ่อนแรง เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอวี๋ไม่มีทางยอมเลิกราง่ายๆ แน่ ต้วนเฟยจึงใช้อุบายหลอกล่อก่อนวิ่งหนีไปแอบเหมือนกำลังเล่นซ่อนหา แต่เสี่ยวอวี๋ก็หาต้วนเฟยพบจนได้ทำให้เกิดศึกชิงห่อผ้าอีกครั้ง คราวนี้ต่างฝ่ายต่างยื้อยุดชนิดไม่มีใครยอมใคร เมื่อเสี่ยวอวี๋ทำปลายห่อผ้าข้างหนึ่งหลุดมือ ห่อผ้าก็กระเด็นออกจากระเบียงชั้นสอง เสี่ยวอวี๋จะเอื้อมมือออกไปตะครุบทำให่เสียหลักและห้อยต่องแต่งอยู่บนหลังคาชั้นล่าง เขาจึงขอร้องให้ต้วนเฟยช่วยโดยรับปากว่าจะไม่แย่งชิงห่อผ้ากับต้วนเฟยอีก เมื่อเสี่ยวอวี๋รับปากต้วนเฟยจึงช่วยดึงเสี่ยวอวี๋ขึ้นมาแต่กลับถูกเสี่ยวอวี๋ชิงห่อผ้าไป เสวี่ยหัวเห็นดังนั้นจึงเข้าไปชิงกล่องไม้ในมือเสี่ยวอวี๋ พอเห็นลวดลายบนกล่องเธอก็ถึงกับตกตะลึง
ต้วนเฟยเห็นกล่องไม้อยู่ในมือเสวี่ยหัวจึงกระโดดลงจากชั้นสองแล้วแย่งชิงกลับคืนมา ก่อนที่ร่างจะกระแทกพื้นเต็มๆ (เขายังอ่อนด้อยเรื่องวรยุทธและกำลังภายใน) ถึงกระนั้นเขาก็ยังกอดกล่องไม้เอาไว้แน่น เสวี่ยหัวกล่าวว่าคนอ่อนหัดอย่างเขาจะคุ้มครองของสำคัญได้อย่างไร ต้วนเฟยกล่าวว่าถึงยังไงตนก็จะนำของสิ่งนี้ไปส่งที่สำนักเยียนเสียให้ได้ เสี่ยวอวี๋ได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าถ้ารู้แต่แรกตนคงไม่แย่งชิงให้เปลืองแรง เขาห้ามไม่ให้ต้วนเฟยไปที่นั่นโดยบอกว่าคนสำนักนั้นไม่ใช่คนดี เสวี่ยหัวบอกว่าตนเป็นคนของสำนักเยียนเสียและเตือนว่าของสิ่งนี้จะนำภัยมาให้ต้วนเฟย ต้วนเฟยยืนกรานว่าถึงยังไงตนก็จะนำของไปส่งที่สำนักเยียนเสียให้จงได้ เสวี่ยหัวจึงบอกว่าสัญลักษณ์บนกล่องเป็นแบบเดียวกับฝ่ามือยูไลของมารเมฆอัคคี เสี่ยวอวี๋แย้งว่ามารเมฆอัคคีตายไป 20 ปีแล้ว ทันใดนั้น คนของพรรค 7 ภพที่ดักซุ่มอยู่ก็ซัดเข็มพิษ 7 ดาวใส่ต้วนเฟย โชคดีที่พลาดเป้า เสวี่ยหัวจึงบอกให้ต้วนเฟยรีบหนี เสี่ยวอวี๋เห็นดังนั้นจึงวิ่งตามทั้งคู่ไป
ทั้งสามคนวิ่งเข้าไปหลบในหมู่บ้านสกุลเซียวซึ่งเป็นหมู่บ้านร้าง โดยมีกลุ่มชายชุดดำสะกดรอยตามไปทำให้เกิดการต่อสู้กัน เมื่อเห็นกลุ่มชายชุดดำโดนฝูงนกรุมกัดกินจนเหลือแต่กระดูก ทั้งสามคนก็วิ่งหนีออกจากกระท่อมร้าง ปรากฏว่าในหมู่บ้านเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษ เมื่อเห็นว่าบนพื้นเต็มไปด้วยฝูงแมงป่อง เสวี่ยหัวจึงบอกให้ทุกคนขึ้นไปหลบบนหลังคา (สองหนุ่มต้องปีนขึ้น ขณะที่เธอเหินขึ้นไปอย่างง่ายดายเพราะมีวิชาตัวเบา) แต่ขึ้นมาแล้วก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เพราะบนหลังคามีทั้งแมงป่องและงูพิษ แถมเสวี่ยหัวยังถูกงูกัดอีกต่างหาก อยู่ๆ หลังคา (มุงจาก) ก็ทะลุทำให้ต้วนเฟยเกือบพลัดตกไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งเต็มไปด้วยหนอนพิษและแมงป่อง โชคดีที่เสวี่ยหัวคว้าแขนและดึงตัวเขาขึ้นมาได้ แต่โชคร้ายที่เสวี่ยหัวโดนงูกัด ทั้งสามคนยังซวยซ้ำซวยซ้อนหลังเสี่ยวอวี๋ตกใจที่เห็นงูจึงลุกหนีทำให้หลังคาพังถล่ม แถมยังต้องวิ่งลงน้ำเพื่อหนีแมงป่องยักษ์อีกด้วย
ระหว่างซ่อนตัวในกระท่อมร้าง ต้วนเฟยสงสัยว่าคนในหมู่บ้านหายไปไหนกันหมด เสี่ยวอวี๋จึงบอกว่าทุกคนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ชาวบ้าน 208 ชีวิตถูกชายคนหนึ่งสังหารจนกลายเป็นหมู่บ้านร้างภายในคืนเดียว ต้วนเฟยถามว่าใครเป็นคนลงมือสังหาร เสวี่ยหัวจึงเล่าว่าเป็นฝีมือมารเมฆอัคคี ที่เขาเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มากมายขนาดนี้เป็นเพราะเขาไม่ใช่คนแต่เป็นมารร้าย นอกจากสังหารผู้คนอย่างโหดเหี้ยมแล้ว เขายังใช้ฝ่ามือยูไลยึดครองยุทธภพอีกด้วย... เมื่อ 20 ปีก่อน 7 พรรคใหญ่ได้ร่วมมือกันกำราบโดยประลองกับเขาสามวันสามคืน แต่แล้วอยู่ๆ หิมะก็ถล่มลงมาทำให้ผู้นำทั้ง 7 พรรคตาย ส่วน "กู่เจี้ยนหุน" (มารเมฆอัคคี) กับเคล็ดวิชาฝ่ามือยูไลหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ต้วนเฟยสงสัยว่าบางทีมารเมฆอัคคีอาจยังมีชีวิตอยู่ เสวี่ยหัว (ซึ่งโดนพิษงูจนทำให้ปากมีสีดำ) กล่าวว่าเรื่องนี้เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องต้องเป็นเคล็ดวิชาฝ่ามือยูไลแน่ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คนของพรรค 7 ภพพยายามแย่งชิงกล่องไม้ เสี่ยวอวี๋ได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งและจะเปิดกล่องออกดูเพื่อที่ตนจะได้นำเคล็ดวิชามาฝึกปรือบ้าง ต้วนเฟยยืนกรานว่านอกจากเจ้าสำนักเยียนเสียแล้วคนอื่นไม่มีสิทธิเปิดดู จากนั้นก็ถามเสวี่ยหัวว่าเธอเป็นคนของสำนักเยียนเสียจริงหรือ เมื่อเสวี่ยหัวยืนยันว่าเธอพูดความจริง ต้วนเฟยก็แนะนำตัวและถามชื่อแซ่ของเธอ (เขานึกว่าเธอเป็นผู้ชาย) เสวี่ยหัวบอกเพียงว่าตนแซ่ถู เสี่ยวอวี๋จึงถือโอกาสแนะนำตัว (ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยากรู้) โดยบอกว่าตนแซ่ลู่
เสวี่ยหัวอธิบายว่าสาเหตุที่เธอต้องการชิงกล่องไม้ทั้งๆ ที่เป็นคนของสำนักเยียนเสีย เป็นเพราะอาจารย์ของตนได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือจากซื่อหลานซันฮ่วน ตนจึงได้รับมอบหมายให้มาสืบสาวราวเรื่อง แต่ไม่นึกว่าจะได้มาเจอต้วนเฟยซึ่งกำลังเสี่ยงชีวิตส่งของไปให้อาจารย์ของตน และยิ่งคิดไม่ถึงว่าของในกล่องจะเกี่ยวข้องกับกู่เจี้ยนหุน แถมยังต้องมาหลบซ่อนตัวในกระท่อมร้างกลางหมู่บ้านผีสิง ทันใดนั้น ก็ปรากฏเงาประหลาดอยู่ทางด้านนอก เสวี่ยหัวไม่เชื่อว่าเป็นผีจึงแข็งใจลุกขึ้นไปดูทั้งที่พิษกำเริบ เสี่ยวอวี๋เห็นดังนั้นจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ต้วนเฟยนึกขึ้นได้ว่าเสวี่ยหัวเพิ่งโดนงูพิษกัดจึงตามไปดูห่างๆ แบบกล้าๆ กลัวๆ พอเห็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ในมุมมืด ทั้งคู่ก็นึกว่าเป็นผีจึงพากันวิ่งหนี แต่แล้วก็ถูกชายชราคนดังกล่าวใช้พลังดัชนีจัดการจนหมดสติ
เมื่อรู้สึกตัว ต้วนเฟย เสวี่ยหัว และเสี่ยวอวี๋ ก็พบกับชายชราท่าทางสติไม่ดีและโมโหร้าย ชายคนดังกล่าวปรบมือให้เสวี่ยหัวที่รู้สึกตัวเร็วทั้งๆ ที่โดนพิษงู เขารู้วิธีถอนพิษแต่ไม่ยอมบอก ต้วนเฟยเลยแบกเสวี่ยหัวตามชายชราไปหวังให้ชายชราช่วยถอนพิษให้เธอ เขารู้ว่าตะขาบสามารถถอนพิษได้จึงคุกเข่าขอยืมตะขาบคู่ใจของชายชรา แต่ชายชราอยู่ในโลกนี้ตามลำพังโดยมีตะขาบเป็นเพื่อนเพียงตัวเดียวจึงไม่ยอมให้ เสวี่ยหัวกับต้วนเฟยเลยต้องขโมยตะขาบไปถอนพิษจนทำให้ตะขาบตาย เมื่อชายชรามาพบเข้าก็รู้สึกโกรธจึงอาละวาดและทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ต้วนเฟยเห็นว่าชายชราเป็นยอดฝีมือจึงพยายามทำใจดีสู้เสือเพื่อไม่ให้ชายชราฆ่าทุกคน เสี่ยวอวี๋เตือนว่าถ้าฆ่าพวกตนเขาก็จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีเพื่อน ชายชราจึงสั่งให้ทุกคนอยู่ที่นี่กับตน ต้วนเฟยขอร้องให้ชายชราปล่อยตัวเสวี่ยหัวและเสี่ยวอวี๋ โดยบอกว่าตนจะอยู่เป็นเพื่อนเขาเอง ชายชราได้ยินดังนั้นจึงตอบตกลง
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรติดตามชมได้ใน "ฝ่ามือยูไล (Palm of Ru Lai)" ทางช่อง 3SD
มีตำนานเล่าขานว่า เมื่อ 300 ปีก่อนโลกนี้มีวิชากังฟูอยู่ 2 ชนิดที่น่าเกรงขามและยากจะต่อกร คือ วิชา "ฝ่ามือยูไล" และ วิชา "เท้าเทพฤทธิ์" หากใครฝึกสองสุดยอดวิชานี้ได้สำเร็จจะเป็นจ้าวยุทธภพ ที่ผ่านมาวิชาดังกล่าวได้หายสาบสูญและเกือบถูกลืมเลือนไป แต่ตอนนี้เคล็ดวิชาฝ่ามือยูไลซึ่งตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้หวนคืนสู่ยุทธภพอีกครั้ง ทำให้เกิดความหวาดหวั่นว่าเคล็ดวิชาดังกล่าวจะถูกผู้กระหายอำนาจแย่งชิงไปฝึกปรือเพื่อความเป็นหนึ่งในยุทธภพ
หลังฝันกลางวันว่าตนเองเป็นจอมยุทธผู้กล้าประจำสำนักคุ้มภัยฉางหลง ซึ่งมีหน้าที่คอยคุ้มกันสิ่งของ ตลอดจนปกป้องพี่น้องร่วมสำนัก และ "หลิ่วหมิงหลวน" ศิษย์ผู้น้องที่ตนหลงรักจากหมู่มาร... "ต้วนเฟย" ก็ตื่นมาพบสองจอมยุทธถูกทำร้ายระหว่างเดินทาง หนึ่งในนั้นโดนพิษร้ายทำให้ทรมานจนทนไม่ไหวเลยใช้ดาบฟันคอตัวเองต่อหน้าต่อตาต้วนเฟย หลังจากนั้นจอมยุทธผู้พี่ก็ออกเดินทางไปปฏิบัตภารกิจตามลำพัง แต่แล้วก็ถูกกลุ่มนักฆ่าซุ่มโจมตี โชคดีที่ "โอวจิ้งหาว" ผ่านมาพบเข้าจึงใช้ฝ่ามือตรียุทธต่อกรกับกลุ่มนักฆ่าและช่วยชีวิตเขาเอาไว้ พ่อของจิ้งหาวเห็นดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจที่ลูกชายแอบฝึกวิชาของพรรคมาร
ต้วนเฟยและหมิงหลวนเห็นจอมยุทธผู้หนึ่งมาที่สำนักคุ้มภัยจึงพากันแอบดู ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวคือ จอมยุทธเฮ่อหลง ที่เพิ่งสูญเสียศิษย์ผู้น้องและถูกทำร้ายกลางทางจนได้รับบาดเจ็บ เขารู้ตัวว่าไปต่อไม่ไหวจึงนำทองคำหมื่นตำลึงมาให้ "หลิ่วจงเยวี๋ยน" (เจ้าสำนักคุ้มภัยฉางหลง / บิดาหมิงหลวน) โดยบอกว่าเป็นค่าจ้างสำหรับการส่งของ เขาถามจงเยวี๋ยนว่ากล้ารับงานนี้ไหม จงเยวี๋ยนกล่าวว่าไม่มีอะไรที่สำนักคุ้มภัยของตนไม่กล้าทำ จอมยุทธเฮ่อหลงจึงมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้จงเยวี๋ยนแล้วบอกให้นำไปส่งที่สำนักเยียนเสีย พูดจบก็มีคนซัดเข็มพิษใส่จอมยุทธเฮ่อหลง ศิษย์น้องของจงเยวี๋ยนเห็นดังนั้นจึงบอกว่านี่คือเข็มพิษ 7 ดาว ซึ่งเป็นอาวุธลับของพรรค 7 ภพ จงเยวี๋ยนชี้ว่าคนที่โดนพิษชนิดนี้จะเจ็บปวดและทรมานมาก โดยพิษจะแทรกซึมเข้าสู่เส้นเลือดจนถึงแก่ความตาย
เขากล่าวว่าพรรค 7 ภพ เป็นพรรคฝ่ายอธรรม ถึงแม้พวกตนจะยอมมอบกล่องไม้ให้ คนของพรรค 7 ภพก็ไม่มีทางละเว้นพวกตนอยู่ดีจึงต้องเดินหน้าต่อไป เขาบอกให้ศิษย์น้องเตรียมเดินทางไปส่งของในวันรุ่งขึ้นพลางนึกสงสัยว่าของในกล่องคืออะไร ต้วนเฟยอาสาช่วยส่งของเพราะอยากตอบแทนบุญคุณ เขากล่าวว่าตนเป็นเด็กกำพร้าที่จงเยวี๋ยนอุตส่าห์รับมาเลี้ยงดู แต่ที่ผ่านมาตนยังไม่เคยช่วยส่งของเลยสักครั้ง จงเยวี๋ยนปฏิเสธเพราะเห็นว่าเป็นงานที่อันตราย แถมต้วนเฟยยังมีวรยุทธที่อ่อนด้อย และของที่จะไปส่งก็มีความสำคัญ ต้วนเฟยจึงได้แต่ทำตาละห้อยเมื่อเห็นเจ้าสำนักและพี่น้องคนอื่นๆ ออกไปส่งของ
หมิงหลวนเห็นว่าต้วนเฟยอยากไปส่งของใจจะขาดจึงนัดให้เขาออกมาพบเธอกลางดึก ต้วนเฟยนึกว่าหมิงหลวนอยากอยู่กับตนตามลำพังจึงซุ่มทำกล้องสลับลาย (โดยใช้กระบอกไม้ไผ่) หวังมอบให้หมิงหลวนเป็นขวัญแทนใจ พอรู้ว่าหมิงหลวนนัดตนเพื่อแอบออกไปข้างนอก ต้วนเฟยก็เตือนว่าทำเช่นนั้นเป็นการขัดคำสั่งท่านเจ้าสำนัก ทันใดนั้น คนของพรรค 7 ภพก็บุกมาโจมตีสำนักคุ้มภัยฉางหลงด้วยธนูเพลิงจนเกิดไฟลุกท่วม พี่น้องร่วมสำนักจึงบอกให้ต้วนเฟยรีบพาหมิงหลวนหนีไป อีกด้านหนึ่ง จงเยวี๋ยนและคนในสำนักก็กำลังถูกคนของพรรค 7 ภพลอบโจมตีระหว่างเดินทางไปส่งของเช่นกัน
"ถูเสวี่ยหัว" ปลอมตัวเป็นจอมยุทธหนุ่มมานั่งดื่มน้ำชาตามลำพังที่โรงเตี๊ยมผิงอัน "ลู่เสี่ยวอวี๋" (ซึ่งดูแลโรงเตี๊ยมร่วมกับลูกน้องอีกสองคน) เห็นดังนั้นจึงแกล้งเข้าไปตีสนิทและช่วยรินน้ำชาให้เสวี่ยหัว เสวี่ยหัวจึงสั่งให้เก็บเงินทันที เธอรู้ว่าเสี่ยวอวี๋ใส่ยานอนหลับลงในกาน้ำชาหวังปลดทรัพย์ตนจึงชิงลงมือสั่งสอน เสี่ยวอวี๋ซึ่งไม่มีวรยุทธยอมรับสารภาพและร้องขอชีวิต โดยบอกว่าตนจะไม่เก็บเงินค่าน้ำชา หลังเล่นงานเสี่ยวอวี๋จนน่วมแล้ว เสวี่ยหัวจึงบอกให้เสี่ยวอวี๋ไปจัดเตรียมห้องพักให้ตน หลังจากนั้นไม่นาน จงเยวี๋ยนก็พาพี่น้องร่วมสำนักมาเข้าพักที่โรงเตี๊ยมผิงอัน
หลังสำนักคุ้มภัยถูกไฟไหม้ ต้วนเฟยก็พาหมิงหลวนออกเดินทางตามจงเยวี๋ยนไป ระหว่างทางทั้งคู่ได้ยิน คนของพรรค 7 ภพคุยกันว่าเจ้าสำนักของพวกตนกำลังไปที่โรงเตี๊ยมผิงอัน ถ้าไปถึงที่นั่นเมื่อไหร่คนของสำนักคุ้มภัยฉางหลงจะถูกฆ่าตายทั้งหมด ต้วนเฟยจึงจุดพลุเตือนภัยเพื่อบอกให้จงเยวี๋ยนระวังตัว จงเยวี๋ยนและคนของสำนักคุ้มภัย (ซึ่งถูกเสวี่ยหัวคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลา) เห็นดังนั้นจึงรีบเก็บของออกจากโรงเตี๊ยมแต่ก็สายเกินไป เพราะคนของพรรค 7 ภพได้บุกมาที่โรงเตี๊ยมแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนโรงเตี๊ยมพังย่อยยับต่อหน้าต่อตาเสี่ยวอวี๋ เสวี่ยหัวเห็นจงเยวี๋ยนพยายามปกป้องกล่องไม้จึงเข้าไปร่วมวงต่อสู้พลางถามว่าของในกล่องคืออะไร
ในเวลาเดียวกันนั้นต้วนเฟยและหมิงหลวนก็กำลังมีภัย เพราะการจุดพลุทำให้นักฆ่าของพรรค 7 ภพรู้ว่าทั้งคู่หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดจึงตามไปหมายสังหาร ด้านเสี่ยวอวี๋เห็นลูกน้องทั้งสองคนของตนถูกฆ่าตายคาโรงเตี๊ยมทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แถมโรงเตี๊ยมของตนยังพังพินาศจึงเกิดความแค้น แต่เนื่องจากเสี่ยวอวี๋ไม่มีวรยุทธเขาจึงเผาโรงเตี๊ยมกะย่างสดเหล่าจอมยุทธและเผาศพลูกน้องในคราวเดียว
ต้วนเฟยและหมิงหลวนถูกคนของพรรค 7 ภพไล่ล่า ระหว่างต่อสู้หมิงหลวนเกิดพลัดตกลงไปในน้ำ ขณะที่ต้วนเฟยต่อสู้กับเหล่านักฆ่าอย่างกล้าหาญ เขาเกือบถูกคนของพรรค 7 ภพซัดเข็มพิษ 7 ดาวใส่ โชคดีที่จงเยวี๋ยนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน เขามอบห่อผ้าสีแดงที่ภายในมีกล่องไม้ให้ต้วนเฟยแล้วบอกให้ต้วนเฟยรีบนำไปส่งสำนักเยียนเสีย เมื่อเห็นต้วนเฟยลังเลเพราะเป็นห่วงหมิงหลวน เขาจึงโยนต้วนเฟยขึ้นบนหลังม้าแล้วรับมือกับเหล่านักฆ่าแทน
หลังสูญเสียทั้งลูกน้องและโรงเตี๊ยม เสี่ยวอวี๋ซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนแรงก็มานั่งร้องไห้คร่ำครวญในป่า พอรู้สึกดีขึ้นแล้ว เขาก็บอกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ถึงแม้ว่าจะไม่มีที่ซุกหัวนอนก็ตาม ในเวลาเดียวกันนั้นต้วนเฟยซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญเป็นครั้งแรกก็กำลังควบม้ามุ่งหน้าไปยังสำนักเยียนเสียอย่างเร่งรีบ พอเห็นเสี่ยวอวี๋เดินตัดหน้ากระทันหัน ต้วนเฟยก็ดึงบังเหียนสุดแรงจนทำให้ม้าทั้งเจ็บและตกใจ เสี่ยวอวี๋เห็นห่อผ้าสีแดงตกอยู่บนพื้นก็จำได้ว่าเป็นของสำนักคุ้มภัยจึงรีบเข้าไปตะครุบ แต่ต้วนเฟยไวกว่าจึงชิงกลับคืนมาเสียก่อน เมื่อถูกถามว่าทำไมห่อผ้าจึงมาอยู่ที่นี่ ต้วยเฟยจึงบอกว่าตนเองเป็นคนของสำนักคุ้มภัยฉางหลง ศิษย์เอกหลิ่วจงเยวี๋ยน ชื่อต้วนเฟย
เสี่ยวอวี๋พยายามแย่งชิงห่อผ้ามาจากต้วนเฟยโดยบอกว่าของสิ่งนี้ทำให้ตนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งคู่ยื้อแย่งกันไปมาเหมือนเด็กแย่งของเล่น เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอวี๋ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แน่ ต้วนเฟยจึงเตะผ่าหมากแล้วกล่าวขอโทษก่อนเดินหนีไป แต่เสี่ยวอวี๋ไม่ยอมเลิกราจึงกระโดดตะครุบขาต้วนเฟยแล้วกอดเอาไว้แน่นทำให้ถูกต้วนเฟยเตะซ้ำจนเลือดกำเดาไหล ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงวิ่งตามต้วนเฟยไปพลางกล่าวหาว่าต้วนเฟยและพวกฆ่าลูกน้องของตน
ต้วนเฟยถือห่อผ้าวิ่งหนีเสี่ยวอวี๋จนต่างฝ่ายต่างอ่อนแรง เมื่อเห็นว่าเสี่ยวอวี๋ไม่มีทางยอมเลิกราง่ายๆ แน่ ต้วนเฟยจึงใช้อุบายหลอกล่อก่อนวิ่งหนีไปแอบเหมือนกำลังเล่นซ่อนหา แต่เสี่ยวอวี๋ก็หาต้วนเฟยพบจนได้ทำให้เกิดศึกชิงห่อผ้าอีกครั้ง คราวนี้ต่างฝ่ายต่างยื้อยุดชนิดไม่มีใครยอมใคร เมื่อเสี่ยวอวี๋ทำปลายห่อผ้าข้างหนึ่งหลุดมือ ห่อผ้าก็กระเด็นออกจากระเบียงชั้นสอง เสี่ยวอวี๋จะเอื้อมมือออกไปตะครุบทำให่เสียหลักและห้อยต่องแต่งอยู่บนหลังคาชั้นล่าง เขาจึงขอร้องให้ต้วนเฟยช่วยโดยรับปากว่าจะไม่แย่งชิงห่อผ้ากับต้วนเฟยอีก เมื่อเสี่ยวอวี๋รับปากต้วนเฟยจึงช่วยดึงเสี่ยวอวี๋ขึ้นมาแต่กลับถูกเสี่ยวอวี๋ชิงห่อผ้าไป เสวี่ยหัวเห็นดังนั้นจึงเข้าไปชิงกล่องไม้ในมือเสี่ยวอวี๋ พอเห็นลวดลายบนกล่องเธอก็ถึงกับตกตะลึง
ต้วนเฟยเห็นกล่องไม้อยู่ในมือเสวี่ยหัวจึงกระโดดลงจากชั้นสองแล้วแย่งชิงกลับคืนมา ก่อนที่ร่างจะกระแทกพื้นเต็มๆ (เขายังอ่อนด้อยเรื่องวรยุทธและกำลังภายใน) ถึงกระนั้นเขาก็ยังกอดกล่องไม้เอาไว้แน่น เสวี่ยหัวกล่าวว่าคนอ่อนหัดอย่างเขาจะคุ้มครองของสำคัญได้อย่างไร ต้วนเฟยกล่าวว่าถึงยังไงตนก็จะนำของสิ่งนี้ไปส่งที่สำนักเยียนเสียให้ได้ เสี่ยวอวี๋ได้ยินดังนั้นจึงบอกว่าถ้ารู้แต่แรกตนคงไม่แย่งชิงให้เปลืองแรง เขาห้ามไม่ให้ต้วนเฟยไปที่นั่นโดยบอกว่าคนสำนักนั้นไม่ใช่คนดี เสวี่ยหัวบอกว่าตนเป็นคนของสำนักเยียนเสียและเตือนว่าของสิ่งนี้จะนำภัยมาให้ต้วนเฟย ต้วนเฟยยืนกรานว่าถึงยังไงตนก็จะนำของไปส่งที่สำนักเยียนเสียให้จงได้ เสวี่ยหัวจึงบอกว่าสัญลักษณ์บนกล่องเป็นแบบเดียวกับฝ่ามือยูไลของมารเมฆอัคคี เสี่ยวอวี๋แย้งว่ามารเมฆอัคคีตายไป 20 ปีแล้ว ทันใดนั้น คนของพรรค 7 ภพที่ดักซุ่มอยู่ก็ซัดเข็มพิษ 7 ดาวใส่ต้วนเฟย โชคดีที่พลาดเป้า เสวี่ยหัวจึงบอกให้ต้วนเฟยรีบหนี เสี่ยวอวี๋เห็นดังนั้นจึงวิ่งตามทั้งคู่ไป
ทั้งสามคนวิ่งเข้าไปหลบในหมู่บ้านสกุลเซียวซึ่งเป็นหมู่บ้านร้าง โดยมีกลุ่มชายชุดดำสะกดรอยตามไปทำให้เกิดการต่อสู้กัน เมื่อเห็นกลุ่มชายชุดดำโดนฝูงนกรุมกัดกินจนเหลือแต่กระดูก ทั้งสามคนก็วิ่งหนีออกจากกระท่อมร้าง ปรากฏว่าในหมู่บ้านเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษ เมื่อเห็นว่าบนพื้นเต็มไปด้วยฝูงแมงป่อง เสวี่ยหัวจึงบอกให้ทุกคนขึ้นไปหลบบนหลังคา (สองหนุ่มต้องปีนขึ้น ขณะที่เธอเหินขึ้นไปอย่างง่ายดายเพราะมีวิชาตัวเบา) แต่ขึ้นมาแล้วก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ เพราะบนหลังคามีทั้งแมงป่องและงูพิษ แถมเสวี่ยหัวยังถูกงูกัดอีกต่างหาก อยู่ๆ หลังคา (มุงจาก) ก็ทะลุทำให้ต้วนเฟยเกือบพลัดตกไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งเต็มไปด้วยหนอนพิษและแมงป่อง โชคดีที่เสวี่ยหัวคว้าแขนและดึงตัวเขาขึ้นมาได้ แต่โชคร้ายที่เสวี่ยหัวโดนงูกัด ทั้งสามคนยังซวยซ้ำซวยซ้อนหลังเสี่ยวอวี๋ตกใจที่เห็นงูจึงลุกหนีทำให้หลังคาพังถล่ม แถมยังต้องวิ่งลงน้ำเพื่อหนีแมงป่องยักษ์อีกด้วย
ระหว่างซ่อนตัวในกระท่อมร้าง ต้วนเฟยสงสัยว่าคนในหมู่บ้านหายไปไหนกันหมด เสี่ยวอวี๋จึงบอกว่าทุกคนถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ชาวบ้าน 208 ชีวิตถูกชายคนหนึ่งสังหารจนกลายเป็นหมู่บ้านร้างภายในคืนเดียว ต้วนเฟยถามว่าใครเป็นคนลงมือสังหาร เสวี่ยหัวจึงเล่าว่าเป็นฝีมือมารเมฆอัคคี ที่เขาเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มากมายขนาดนี้เป็นเพราะเขาไม่ใช่คนแต่เป็นมารร้าย นอกจากสังหารผู้คนอย่างโหดเหี้ยมแล้ว เขายังใช้ฝ่ามือยูไลยึดครองยุทธภพอีกด้วย... เมื่อ 20 ปีก่อน 7 พรรคใหญ่ได้ร่วมมือกันกำราบโดยประลองกับเขาสามวันสามคืน แต่แล้วอยู่ๆ หิมะก็ถล่มลงมาทำให้ผู้นำทั้ง 7 พรรคตาย ส่วน "กู่เจี้ยนหุน" (มารเมฆอัคคี) กับเคล็ดวิชาฝ่ามือยูไลหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ต้วนเฟยสงสัยว่าบางทีมารเมฆอัคคีอาจยังมีชีวิตอยู่ เสวี่ยหัว (ซึ่งโดนพิษงูจนทำให้ปากมีสีดำ) กล่าวว่าเรื่องนี้เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องต้องเป็นเคล็ดวิชาฝ่ามือยูไลแน่ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คนของพรรค 7 ภพพยายามแย่งชิงกล่องไม้ เสี่ยวอวี๋ได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งและจะเปิดกล่องออกดูเพื่อที่ตนจะได้นำเคล็ดวิชามาฝึกปรือบ้าง ต้วนเฟยยืนกรานว่านอกจากเจ้าสำนักเยียนเสียแล้วคนอื่นไม่มีสิทธิเปิดดู จากนั้นก็ถามเสวี่ยหัวว่าเธอเป็นคนของสำนักเยียนเสียจริงหรือ เมื่อเสวี่ยหัวยืนยันว่าเธอพูดความจริง ต้วนเฟยก็แนะนำตัวและถามชื่อแซ่ของเธอ (เขานึกว่าเธอเป็นผู้ชาย) เสวี่ยหัวบอกเพียงว่าตนแซ่ถู เสี่ยวอวี๋จึงถือโอกาสแนะนำตัว (ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยากรู้) โดยบอกว่าตนแซ่ลู่
เสวี่ยหัวอธิบายว่าสาเหตุที่เธอต้องการชิงกล่องไม้ทั้งๆ ที่เป็นคนของสำนักเยียนเสีย เป็นเพราะอาจารย์ของตนได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือจากซื่อหลานซันฮ่วน ตนจึงได้รับมอบหมายให้มาสืบสาวราวเรื่อง แต่ไม่นึกว่าจะได้มาเจอต้วนเฟยซึ่งกำลังเสี่ยงชีวิตส่งของไปให้อาจารย์ของตน และยิ่งคิดไม่ถึงว่าของในกล่องจะเกี่ยวข้องกับกู่เจี้ยนหุน แถมยังต้องมาหลบซ่อนตัวในกระท่อมร้างกลางหมู่บ้านผีสิง ทันใดนั้น ก็ปรากฏเงาประหลาดอยู่ทางด้านนอก เสวี่ยหัวไม่เชื่อว่าเป็นผีจึงแข็งใจลุกขึ้นไปดูทั้งที่พิษกำเริบ เสี่ยวอวี๋เห็นดังนั้นจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ ต้วนเฟยนึกขึ้นได้ว่าเสวี่ยหัวเพิ่งโดนงูพิษกัดจึงตามไปดูห่างๆ แบบกล้าๆ กลัวๆ พอเห็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ในมุมมืด ทั้งคู่ก็นึกว่าเป็นผีจึงพากันวิ่งหนี แต่แล้วก็ถูกชายชราคนดังกล่าวใช้พลังดัชนีจัดการจนหมดสติ
เมื่อรู้สึกตัว ต้วนเฟย เสวี่ยหัว และเสี่ยวอวี๋ ก็พบกับชายชราท่าทางสติไม่ดีและโมโหร้าย ชายคนดังกล่าวปรบมือให้เสวี่ยหัวที่รู้สึกตัวเร็วทั้งๆ ที่โดนพิษงู เขารู้วิธีถอนพิษแต่ไม่ยอมบอก ต้วนเฟยเลยแบกเสวี่ยหัวตามชายชราไปหวังให้ชายชราช่วยถอนพิษให้เธอ เขารู้ว่าตะขาบสามารถถอนพิษได้จึงคุกเข่าขอยืมตะขาบคู่ใจของชายชรา แต่ชายชราอยู่ในโลกนี้ตามลำพังโดยมีตะขาบเป็นเพื่อนเพียงตัวเดียวจึงไม่ยอมให้ เสวี่ยหัวกับต้วนเฟยเลยต้องขโมยตะขาบไปถอนพิษจนทำให้ตะขาบตาย เมื่อชายชรามาพบเข้าก็รู้สึกโกรธจึงอาละวาดและทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ต้วนเฟยเห็นว่าชายชราเป็นยอดฝีมือจึงพยายามทำใจดีสู้เสือเพื่อไม่ให้ชายชราฆ่าทุกคน เสี่ยวอวี๋เตือนว่าถ้าฆ่าพวกตนเขาก็จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีเพื่อน ชายชราจึงสั่งให้ทุกคนอยู่ที่นี่กับตน ต้วนเฟยขอร้องให้ชายชราปล่อยตัวเสวี่ยหัวและเสี่ยวอวี๋ โดยบอกว่าตนจะอยู่เป็นเพื่อนเขาเอง ชายชราได้ยินดังนั้นจึงตอบตกลง
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรติดตามชมได้ใน "ฝ่ามือยูไล (Palm of Ru Lai)" ทางช่อง 3SD
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
จางจื้อหลิน (จูเลียน จาง)
รับบท ต้วนเฟย
(นักแสดง นักร้อง นักแต่งเพลง ชาวฮ่องกง (สัญชาติออสเตรเลีย) - พระเอกมังกรหยก และเล็กเซียวหงส์)
รับบท ถูเสวี่ยหัว, ซุนจินหลิง, ซุนปี้อวิ๋น (สมัยสาวๆ)
(นักแสดง นักร้อง ชาวฮ่องกง - นางเอกมังกรหยก)
หลี่หมิงชวน (คริสโตเฟอร์ ลี)
รับบท ลู่เสี่ยวอวี๋
(นักแสดง ชาวมาเลเซีย - ต้นสังกัดอยู่ที่สิงคโปร์)
กัวเฟยลี่ (ฟิลลิส เควก)
รับบท ถูเสวี่ยเจวียน
(นักแสดง นักร้อง นางแบบ ชาวมาเลเซีย - ต้นสังกัดอยู่ที่สิงคโปร์)
(นักแสดง นักร้อง นางแบบ ชาวมาเลเซีย - ต้นสังกัดอยู่ที่สิงคโปร์)
ซุนซิง (โคโค่ ซุน)
รับบท กู่เจี้ยนหุน
(นักแสดง ชาวจีน)
หลิวเสวี่ยหัว
รับบท ซุนปี้อวิ๋น
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)
หลี่ลี่ฉวิน
รับบท ปี้ฝาน (เป่ยต้าวฉางหลี่)
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)
กู้เป่าหมิง
รับบท ปี้กู (ตงต้าวฉางหลี่)
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)
เยวี่ยเยว่ลี่
รับบท ถูจิ้น
(นักแสดง ชาวจีน)
หงฮุ่ยฟาง
รับบท หลิ่วเพียวเพียว
(นักแสดง ชาวสิงคโปร์)
อู๋เจียหนี
รับบท หลิ่วหมิงหลวน
(นักแสดง ชาวจีน - ภรรยานักแสดงชื่อดังชาวไต้หวัน "หม่าจิงเทา")
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา