กำกับ: จ้าวเหลย
แนวละคร: อิงตำนานจีนโบราณ
จำนวนตอน: 30
ถ่ายทำ: 23 มีนาคม 2554 - 19 มิถุนายน 2554
ออกอากาศ: ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.30 - 19.30 น. ทางไทยรัฐทีวี เริ่มวันที่ 10 เมษายน 2559
แนวละคร: อิงตำนานจีนโบราณ
จำนวนตอน: 30
ถ่ายทำ: 23 มีนาคม 2554 - 19 มิถุนายน 2554
ออกอากาศ: ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.30 - 19.30 น. ทางไทยรัฐทีวี เริ่มวันที่ 10 เมษายน 2559
ละคร "เจ้าแม่กวนอิม (เซียงซานฉีหยวน)" ดัดแปลงมาจากตำนานจีนโบราณและนิทานพื้นบ้านที่เล่าขานเกี่ยวกับชาติสุดท้ายของ "พระโพธิสัตว์กวนอิม" โดยพระองค์ได้ลงมาจุติยังโลกมนุษย์เพื่อช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยและยับยั้งสงคราม ในฐานะองค์หญิงสาม "เมี่ยวซ่าน"
มีตำนานเล่าขานว่าในสมัยจีนโบราณมีอ๋องพระองค์หนึ่งนามว่า "เมี่ยวจวาง" (อ๋องแห่งฉินหนิง หรือ ฉินหนิงหวัง) ซึ่งมีพระธิดาทั้งสิ้น 3 พระองค์ ก่อนที่องค์หญิงสามจะประสูติได้ไม่นาน แคว้นฉินหนิงได้เกิดมหาอุทกภัยหลังเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่หลายแห่งพังทลายลง ส่งผลให้ราษฎรเดือดร้อนอย่างหนัก ซ้ำยังเกิดโรคระบาดทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก "เจิ้งกั๋วกง" รู้ดีว่าสาเหตุที่เขื่อนพังทั้งที่เพิ่งสร้างได้ไม่นานหาได้เกิดจากภัยธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะมีขุนนางใหญ่ยักยอกเงินสร้างเขื่อนจึงอาสาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเอง
หลังฮองเฮาทรงมีพระประสูติกาลพระธิดาองค์ที่สาม ท่านอ๋องก็รู้สึกผิดหวังจึงไม่ยอมเสด็จไปหาฮองเฮาและพระธิดาองค์น้อย ฮองเฮาเห็นว่าระหว่างคิ้วขององค์หญิงน้อยมีปานแดงเป็นจุดเล็กๆ คล้ายปานแดงของพระพุทธรูปจึงเชื่อว่าเป็นผู้มีบุญมาเกิด และทรงตั้งชื่อพระธิดาองค์น้อยว่า "เมี่ยวซ่าน" (ซ่านเอ๋อร์)
ขุนนางทรราช "อู๋กุ้ย" ซึ่งโกงกินเงินหลวงหวังนำมาใช้เป็นทุนในการขยายอิทธิพลของตน เกรงว่าจะถูกเจิ้งกั๋วกงเปิดโปงความผิดจึงไปขอความช่วยเหลือจากท่านราชครู โดยกล่าวว่าเหล่าราษฎรที่กำลังเดือดร้อนทุกข์ยากต่างกำลังคลั่งแค้น เดือดดาล และถามหาความรับผิดชอบ เจิ้งกั๋วกงจึงคิดใช้โอกาสนี้จัดการตน เขาสมคบคิดกับราชครูด้วยการโยนความผิดทั้งหมดไปที่องค์หญิงสาม โดยใส่ร้ายว่าองค์หญิงน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานเป็นตัวกาลกิณีที่จะนำหายนะมาสู่บ้านเมือง ทางเดียวที่จะแก้ได้คือการนำองค์หญิงสามไปเซ่นสังเวยให้เทพแม่น้ำ เหล่าราษฎรได้ยินข่าวลือดังกล่าวจึงพากันลุกฮือและเรียกร้องให้ท่านอ๋องเสียสละพระธิดาองค์น้อยเพื่อส่วนรวม
ฮองเฮาได้ยืนข่าวลือจึงเสด็จไปยังท้องพระโรงเพื่อขอร้องเหล่าขุนนางว่าอย่าหลงเชื่อข่าวลือและเรื่องงมงาย มหาเสนาฯอู๋ (อู๋กุ้ย) แกล้งทูลเสนอว่าควรให้องค์หญิงสามเป็นผู้ตัดสินชะตาชีวิตตนเอง โดยบอกว่าในวันพรุ่งนี้หากอุ้มองค์หญิงสามไปยังท้องพระโรงแล้วองค์หญิงร้องไห้ก็ให้เรื่องนี้ผ่านเลยไป แต่ถ้าองค์หญิงไม่ร้องก็ควรทำตามความปรารถนาของราษฎร ทำให้ทั้งท่านอ๋องและฮองเฮาต่างพากันคิดหนัก เมื่อเจิ้งกั๋วกงส่งสัญญาณให้ยอมรับ ฮองเฮาจึงยอมทำตามคำแนะนำของมหาเสนาฯอู๋แต่โดยดี ที่แท้มหาเสนาฯอู๋ได้เตรียมแผนชั่วเอาไว้ล่วงหน้าด้วยการเตรียมซุกสมุนไพรชนิดหนึ่ง (ซึ่งจะทำให้เด็กทารกไม่ร้องไห้) ไว้ในตัวองค์หญิงสาม เมื่อเจิ้งกั๋วกงสืบทราบเรื่องนี้จึงสั่งให้ลูกศิษย์เตรียมกระเพาะปัสสาวะหมูเอาไว้
หลังองค์หญิงสามไม่ร้องไห้ ท่านอ๋องก็มอบหมายให้แม่ทัพหัวอุ้มองค์หญิงน้อยออกจากท้องพระโรง (อุ้มออกจากอ้อมอกฮองเฮา) แม่ทัพหัวสงสารทารกน้อยจึงพยายามทูลขอให้ท่านอ๋องแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น ทำให้ถูกมหาเสนาฯอู๋ตำหนิ ฮองเฮาพยายามถ่วงเวลาเพราะเชื่อว่าอีกไม่นานลูกน้อยจะต้องร้องไห้ แต่ท่านอ๋องไม่อาจคืนคำที่ให้ไว้กับมหาเสนาฯอู๋ จึงสั่งให้เจิ้งกั๋วกงและ "หวงเจี๋ย" นำองค์หญิงสามไปเซ่นสังเวยให้เทพแม่น้ำทันที
หลังองค์หญิงสามไม่ร้องไห้ ท่านอ๋องก็มอบหมายให้แม่ทัพหัวอุ้มองค์หญิงน้อยออกจากท้องพระโรง (อุ้มออกจากอ้อมอกฮองเฮา) แม่ทัพหัวสงสารทารกน้อยจึงพยายามทูลขอให้ท่านอ๋องแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น ทำให้ถูกมหาเสนาฯอู๋ตำหนิ ฮองเฮาพยายามถ่วงเวลาเพราะเชื่อว่าอีกไม่นานลูกน้อยจะต้องร้องไห้ แต่ท่านอ๋องไม่อาจคืนคำที่ให้ไว้กับมหาเสนาฯอู๋ จึงสั่งให้เจิ้งกั๋วกงและ "หวงเจี๋ย" นำองค์หญิงสามไปเซ่นสังเวยให้เทพแม่น้ำทันที
เจิ้งกั๋วกงเห็นว่าหวงเจี๋ยใจไม่แข็งพอที่จะโยนองค์หญิงน้อยลงในแม่น้ำอันเชี่ยวกรากจึงแย่งองค์น้อยมาไว้ในอ้อมอกก่อนโยนองค์หญิงทิ้งลงแม่น้ำด้วยใจลุ้นระทึก ในเวลาต่อมาทหารคนหนึ่งได้ขอเข้าเฝ้าเพื่อทูลท่านอ๋องว่า หวงเจี๋ยและพวกชิงตัวองค์หญิงน้อยหลบหนีไป ท่านอ๋องรู้สึกแปลกใจที่หวงเจี๋ยกล้าขัดคำสั่งตนจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทหารคนดังกล่าวทูลว่าหวงเจี๋ยเห็นองค์หญิงสามไม่จมน้ำเลยเชื่อว่าสวรรค์คุ้มครองนาง เขาจึงกล้าขัดพระบัญชาเพื่อทำตามลิขิตสวรรค์ (สาเหตุที่ไม่จมน้ำเป็นเพราะเจิ้งกั๋วกงเป่าลมใส่กระเพาะปัสสาวะหมู แล้วนำไปใส่ไว้ในผ้าอ้อมที่ห่อตัวองค์หญิงสาม) พอรู้ว่าธิดาของตนไม่จมน้ำท่านอ๋องจึงสั่งให้ทหารคนดังกล่าวประกาศว่าตนได้เซ่นองค์หญิงสามให้เทพแม่น้ำไปแล้ว "อู๋กุ้ยเฟย" ได้ยินดังนั้นจึงให้หญิงรับใช้ไปรายงานมหาเสนาฯอู๋ว่าองค์หญิงสามยังมีชีวิตอยู่
หลังจากนั้นองครักษ์พิทักษ์องค์หญิงทั้งสามคน (รวมทั้งหวงเจี๋ย) ซึ่งนับถือกันเป็นพี่น้องต่างถูกทหารของมหาเสนาฯอู๋ไล่ล่า ถึงกระนั้นทุกคนก็ยอมสละชีวิตของตนเพื่อปกป้ององค์หญิง หวงเจี๋ยเห็นว่าตนได้รับบาดเจ็บจนไปต่อไม่ไหว จึงฝากองค์หญิงสามไว้กับ "หมอซ่ง" ซึ่งเป็นหมอชาวบ้านที่อาศัยอยู่ ณ หมู่บ้านกลางป่าบริเวณเชิงเขาเซียงซาน แต่หมอซ่งไม่อาจทิ้งหวงเจี๋ยไว้กลางป่าตามลำพังจึงพาหวงเจี๋ยไปรักษาอาการบาดเจ็บที่บ้านโดยให้ภรรยาช่วยดูแลทารกน้อย ในตอนนั้นเด็กชาย "ซ่งตัว" (ตัวเอ๋อร์) บุตรชายของหมอซ่ง กำลังป่วยหนักเพราะติดโรคระบาด แต่หมอซ่งยังคิดค้นตัวยาไม่สำเร็จ พอเห็นว่าในตัวทารกน้อยมีสมุนไพรชนิดหนึ่งติดมาด้วย หมอซ่ง ก็นึกออกว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นหนึ่งในตัวยาที่ใช้รักษาโรคระบาดและอาการป่วยของลูกชายตนได้
พอรู้ว่ามีทหารมาตามล่าตนกับองค์หญิงน้อยที่หมู่บ้านใกล้เคียง หวงเจี๋ยจึงฝากฝังองค์หญิงสามไว้กับหมอซ่ง จากนั้นก็นำผ้ามาพันตัวเป็นองค์หญิงหลอกๆ ก่อนควบม้าล่อทหารออกไปทั้งที่ยังบาดเจ็บสาหัส ทำให้ถูกทหารรุมใช้หอกแทงจนตกจากหน้าผา โชคดีที่ร่างไปติดอยู่บนต้นไม้และมีหลวงจีนมาพบเข้า... เจ็ดปีผ่านไป หมอซ่งซึ่งถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้ซ่านเอ๋อร์กับตัวเอ๋อร์มาตั้งแต่เด็กๆ พบว่าตัวเอ๋อร์ไม่มีหัวด้านการแพทย์ซ้ำยังฝันอยากเป็นจอมยุทธ์เลยรู้สึกผิดหวัง (เขามีลูกชายเพียงคนเดียวจึงอยากให้ตัวเอ๋อร์เป็นผู้สืบทอดวิชาแพทย์ประจำตระกูล) ผิดกับเด็กหญิงซ่านเอ๋อร์ที่เรียนอย่างตั้งใจและมีพรสวรรค์ด้านการแพทย์
แม้จะผ่านไปนานเจ็ดปีแล้ว แต่ฮองเฮายังคงตรอมใจเรื่ององค์หญิงสาม นับว่ายังดีที่อดีตสาวใช้คนสนิท "หัวเอ๋อร์" (ลูกสาวแม่ทัพหัว) ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในพระสนมคอยดูแลไม่ห่าง (เมื่อเจ็ดปีก่อนเจิ้งกั๋วกงขอให้หัวเอ๋อร์ถวายตัวเป็นพระสนมเพื่อคอยปกป้องชีวิตและตำแหน่งของฮองเฮา หลังฮองเฮาถูกพรากลูกน้อยจนประชวรหนักทั้งทางกายและทางใจ)
ตัวเอ๋อร์เห็นซ่านเอ๋อร์ถูกลูกชาวบ้านรังแกจึงรีบเข้าไปปกป้องทำให้มีเรื่องชกต่อยกัน หวงเจี๋ยซึ่งปัจจุบันกลายเป็นหลวงจีนผ่านมาเห็นเข้าจึงรีบห้ามปราม เขาเห็นว่าตัวเอ๋อร์ต้องการฝึกวิชาหมายปกป้ององค์หญิงสามจึงรับปากว่าจะสอนให้และบอกให้ตัวเอ๋อร์ฝากตัวเป็นศิษย์ตน
หลายปีผ่านไป ซ่านเอ๋อร์กลายเป็นหญิงรูปงามที่มีความก้าวหน้าด้านวิชาแพทย์จนสามารถวินิจฉัยโรคและสั่งยาได้ ทั้งยังมีจิตใจเมตตาจึงช่วยรักษาผู้ป่วยยากไร้โดยไม่คิดเงินบ่อยครั้ง ขณะที่ตัวเอ๋อร์ยังมุ่งมั่นอยู่กับการเรียนและฝึกฝนวิชาการต่อสู้จึงคอยเป็นลูกมือให้ซ่านเอ๋อร์
"คุณชายจาง" (จางจือเสียน) ไปร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและภาพวาดที่จัดแสดงผลงานของเขา (ผลงานของคุณชายจางเป็นที่เลื่องลือและมีราคาสูง) เพื่อวาดภาพชายนั่งตกปลา เมื่อนางโลม "เหมยเอ๋อร์" มาเห็นเข้าก็รู้สึกชื่นชมและช่วยแต่งแต้มภาพวาดให้สมบูรณ์ขึ้นทำให้คุณชายรู้สึกประทับใจในความสามารถของเหมยเอ๋อร์ วันหนึ่งองค์หญิงใหญ่ "เมี่ยวจิน" แวะมาดูภาพวาดที่ร้านขายภาพ พอเห็นผลงานของคุณชายจางเธอก็รู้สึกชื่นชมและขอซื้อภาพชายตกปลา ถึงแม้ภาพดังกล่าวจะมีราคาสูงมากแต่องค์หญิงใหญ่ก็ตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเล
ภรรยาหมอซ่งเห็นซ่านเอ๋อร์กับตัวเอ๋อร์สนิทสนม รักใคร่ ทั้งยังคอยดูแลกันและกันไม่ห่างจึงคิดทาบทามซ่านเอ๋อร์มาเป็นลูกสะใภ้ ซึ่งหมอซ่งเองก็เห็นด้วยเพราะจะได้มีผู้สืบทอดวิชาแพทย์ประจำตระกูล หลังซ่านเอ๋อร์ตอบตกลง ภรรยาหมอซ่งจึงไปที่วัดเพื่อเสี่ยงทายโชคชะตาของทั้งคู่ หลังหลวงจีนทำนายว่าทั้งคู่ไม่มีวาสนาที่จะเป็นคู่สามีภรรยากัน ถ้าฝืนแต่งก็จะเป็นได้แค่สามีภรรยาในนาม ท่าทีที่นางมีต่อซ่านเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ขณะกำลังนั่งสังสรรค์กับเหล่าเพื่อนบัณฑิตริมระเบียงชั้นสอง คุณชายจางซึ่งกำลังเมาได้ที่เกิดนึกสนุกจึงชวนเพื่อนเล่นเสี่ยงทายหาคู่ จากนั้นก็ลองโยนมงกุฏดอกไม้ลงไปทางด้านล่าง ซ่านเอ๋อร์บังเอิญเดินผ่านมามงกุฏดอกไม้ของคุณชายจางเลยตกลงบนศีรษะของเธอพอดี คุณชายจางเห็นมงกุฏดอกไม้ตกลงบนศีรษะหญิงงามจึงรีบวิ่งลงไปหา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรตัวเอ๋อร์ก็เข้ามาขัดจังหวะและพาซ่านเอ๋อร์เดินหนีไปเสียก่อน ภรรยาหมอซ่งเห็นซ่านเอ๋อร์กับตัวเอ๋อร์เดินเข้าบ้านมาด้วยกันจึงแสดงทีท่าไม่พอใจและสั่งห้ามไม่ให้ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันอีก หลังจากนั้นก็แกล้งใช้งานซ่านเอ๋อร์ เมื่อเห็นซ่านเอ๋อร์ทำงานอย่างขยันขันแข็งโดยไม่ปริปากบ่น ภรรยาหมอซ่งก็ได้แต่รู้สึกผิดในใจ แต่เธอพยายามทำใจแข็งก่อนเดินไปหาเรื่องดุด่าและกลั่นแกล้งซ่านเอ๋อร์ต่างๆ นานา
หลังได้พบซ่านเอ๋อร์คุณชายจางก็วาดภาพผู้หญิงสวมมงกุฏดอกไม้ออกมาอย่างสวยงาม เจ้าของร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและภาพวาดเห็นภาพดังกล่าวก็นึกว่าเป็นภาพนางฟ้านางสวรรค์ คุณชายจางจึงกล่าวว่าหญิงในภาพมีตัวตนจริง เขาเชื่อว่าซ่านเอ๋อร์น่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ และกล่าวว่าภาพนี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่เขาพึงพอใจมากที่สุดในชีวิต
หลังได้ยินภรรยาหมอซ่งสาบานต่อหน้ารูปปั้นพระโพธิสัตว์ว่า เธอจะไม่ยอมให้ตัวเอ๋อร์กับซ่านเอ๋อร์แต่งงานกันโดยเด็ดขาด ซ่านเอ๋อร์เลยแอบหนีออกจากบ้านด้วยความเสียใจ ตัวเอ๋อร์ตำหนิแม่ที่บีบให้ซ่านเอ๋อร์หนีออกจากบ้าน จากนั้นก็รีบออกตามหาท่ามกลางสายฝนโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของแม่
"คุณชายอู๋" (บุตรชายมหาเสนาฯอู๋) แวะมาดูภาพวาดแล้วเห็นภาพซ่านเอ๋อร์เลยเกิดหลงใหลในความงาม จึงสั่งให้คนรับใช้นำภาพ (ซ่านเอ๋อร์) ที่แขวนอยู่ลงมาให้ตน โดยบอกเจ้าของร้านว่าหากต้องการตกลงเรื่องราคาให้ไปหาตนที่จวนมหาเสนาบดี
ซ่านเอ๋อร์เห็นตัวเอ๋อร์ออกติดตามเธออย่างไม่ลดละจึงได้แต่แอบหลบและร่ำไห้ ระหว่างแวะพักที่วัดร้าง ซ่านเอ๋อร์ช่วยตรวจดูอาการหญิงชรายากจนที่กำลังล้มป่วยทั้งยังมอบยาให้โดยไม่เรียกร้องเงินทอง ตัวเอ๋อร์ได้ยินสองยายหลานกล่าวชื่นชมซ่านเอ๋อร์จึงสอบถามว่าซ่านเอ๋อร์อยู่ที่ไหนและรีบตามไปพบเธอทันที หลังขอร้องให้ซ่านเอ๋อร์กลับบ้านกับตนแต่ซ่านเอ๋อร์ปฏิเสธ เขาเลยชวนเธอหนีไปใช้ชีวิตด้วยกันตามลำพัง ซ่านเอ๋อร์ไม่อยากผิดต่อแม่ของตัวเอ๋อร์จึงแอบหลบหนีไปกลางดึก
ท่านอ๋องต้องการคัดเลือกราชบุตรเขยให้องค์หญิงใหญ่ จึงประกาศว่าจะมอบตำแหน่งราชบุตรเขยและตำแหน่งผู้ช่วยเจ้ากรมอาญาให้แก่ผู้ที่สอบขุนนางได้ที่หนึ่ง มหาเสนาฯอู๋ต้องขยายอำนาจจึงพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกศิษย์ของตนได้เป็นราชบุตรเขย รวมทั้งการกำจัดจือเสียน (คุณชายจาง) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเจิ้งกั๋วกงและเป็นบัณฑิตที่มีความรอบรู้มากที่สุดในแคว้นฉินหนิง ทุกคนจึงมองว่าเขาเป็นตัวเก็งในการสอบครั้งนี้ แต่เนื่องจากเขาเป็นคนรักอิสระ ชอบท่องเที่ยว สังสรรค์ วาดภาพ อ่านหนังสือ เล่นดนตรี และแต่งบทกวี จึงไม่อยากข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับเหล่าขุนนางและเกมการเมือง ที่สำคัญเขาตกหลุมรักซ่านเอ๋อร์ตั้งแต่แรกพบจึงไม่คิดเข้าสอบเพราะไม่สนใจตำแหน่งราชบุตรเขย ทำให้เจิ้งกั๋วกงทั้งโกรธและผิดหวัง (เจิ้งกั๋วกงไม่ต้องการให้คนของมหาเสนาฯอู๋ได้รับการแต่งตั้งเป็นราชบุตรเขย เพราะไม่อยากให้มหาเสนาฯอู๋ขยายอิทธิพลครอบงำราชสำนักมากไปกว่านี้)
องค์หญิงรองออกมานั่งชมตลาดที่โรงเตี๊ยมกับสาวใช้ เลยได้เห็นพฤติกรรมอันชั่วช้าของคุณชายอู๋ที่เบ่งใส่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาว ก่อนใช้กำลังขับไล่เจ้าบ่าวและพยายามล่วงเกินเจ้าสาวที่นั่งอยู่ในเกี้ยวโดยไม่แคร์สายตาผู้คน ตัวเอ๋อร์ผ่านมาพบเข้าจึงดึงตัวคุณชายอู๋ออกจากเกี้ยวแล้วสั่งสอน องค์หญิงรองเห็นดังนั้นก็รู้สึกประทับใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานตัวเอ๋อร์ก็ถูกสมุนของคุณชายอู๋รุมทำร้ายจนสะบักสะบอมและหมดสติในที่สุด คุณชายอู๋คิดจะเข้าไปลวนลามเจ้าสาวในเกี้ยวต่อแต่เจ้าสาวชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อนเขาจึงชวนลูกสมุนกลับจวน องค์หญิงรองเห็นตัวเอ๋อร์นอนแน่นิ่งเลยคิดช่วยเหลือ พอเห็นว่าตัวเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัสองค์หญิงรองก็คิดที่จะนำเขากลับไปรักษาที่จวนแต่ถูกสาวใช้ห้ามเอาไว้ด้วยเห็นว่าไม่เหมาะสม องค์หญิงรองเลยได้แต่นำตัวเอ๋อร์มาทิ้งไว้ที่หน้าโรงเตี๊ยม โชคดีที่ซ่านเอ๋อร์พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมดังกล่าว เธอจึงนำตัวเอ๋อร์มารักษาอาการบาดเจ็บที่ห้อง แม้จะเจ็บปางตายแต่ตัวเอ๋อร์ยังคงยืนยันว่าจะปกป้องซ่านเอ๋อร์ชั่วชีวิต ทั้งยังขอร้องซ่านเอ๋อร์ว่าต่อจากนี้อย่าคิดหนีตนไปไหนอีก ซ่านเอ๋อร์เองก็ไม่อยากพรากจากตัวเอ๋อร์จึงยอมรับปากแต่โดยดี
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรติดตามชมได้ใน "เจ้าแม่กวนอิม (Xiang Shan Qi Yuan)" ทางช่องไทยรัฐทีวี
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
สวีซา
รับบท องค์หญิงเมี่ยวซ่าน
(นักแสดง ชาวจีน)
หลิวเสี่ยวหู่
รับบท ซ่งตัว
(นักแสดง ชาวจีน)
จินเฉียวเฉี่ยว
รับบท อู๋กุ้ยเฟย (สนมเอกอู๋)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)
ฟู่อี้เหว่ย
รับบท ฮองเฮาของเมี่ยวจวาง / พระมารดาขององค์หญิงเมี่ยวซ่าน
(นักแสดง ชาวจีน)
(นักแสดง ชาวจีน)
ซุนเยี่ยนจวิน
รับบท เจิ้งกั๋วกง
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท เมี่ยวจวาง (อ๋องแห่งฉินหนิง)
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
คุณชายอู๋หล่อมาก
ตอบลบ