วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องย่อ ขังใจไว้ด้วยรัก (The Cage of Love)




บทประพันธ์: ถงหัว (ผู้แต่งนวนิยายเรื่อง "ฝ่ามิติลิขิตสวรรค์ (Scarlet Heart)")
กำกับ: อู๋จิ่นเยวี๋ยน  (ชาวฮ่องกง - ผู้กำกับ "ฝ่ามิติลิขิตสวรรค์"), เติ้งเหยี่ยนเฉิง (ชาวฮ่องกง)
เขียนบท: เหมยอิงจวี๋, เฉียนจิงจิง
แนวละคร: ย้อนยุค, ดราม่า
จำนวนตอน: 35
ออกอากาศ: จีน -  26 พฤษภาคม 2558 ทางเจ้อเจียงทีวี/ดราก้อนทีวี
            ไทย - ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.15-14.00 น. ทางไทยรัฐทีวี (ช่อง 32) ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 - 13 มกราคม 2560




ละคร "ขังใจไว้ด้วยรัก (The Cage of Love หรือ จวาจู้ไฉ่หงเตอหนานเหริน)" ผลิตโดย บริษัท เจ้อเจียง ดรีม สตาร์ ปาร์ค สตูดิโอส์ ซึ่งมีนักเขียนชื่อดังชาวจีน "ถงหัว" เป็นผู้อำนวยการผลิตหลัก และละครเรื่องนี้ถงหัวก็เป็นทั้งผู้ประพันธ์และผู้อำนวยการผลิต หลังเคยรับหน้าที่ดังกล่าวและประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในละครเรื่อง "ฝ่ามิติลิขิตสวรรค์" เมื่อปี ค.ศ. 2011

เนื้อหาในละครกล่าวถึงแรงรักรอยแค้นระหว่าง "เจียงอวี๋" เจ้าสัวโรงงานย้อมผ้า กับ "อู๋ไฉ่หง" (ไฉ่หง แปลว่า "สายรุ้ง") ลูกสาวศัตรูของตระกูลเจียง หลังพ่อของไฉ่หงเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา เจียงอวี๋จึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ ไฉ่หงปักใจเชื่อว่าเจียงอวี๋คือคนร้ายที่ฆ่าพ่อของเธอจึงหาทางเข้าใกล้เขาเพื่อหาหลักฐานมามัดตัว ขณะที่เจียงอวี๋เองก็พยายามสืบหาความจริงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองและใช้โอกาสนี้ระบายความแค้นกับไฉ่หง แต่ยิ่งใกล้ชิดกันเจียงอวี๋ก็ยิ่งมีใจให้ไฉ่หงจนยากที่จะเก็บซ่อนความในใจเอาไว้ เขาจึงต้องแปรเปลี่ยนแรงรักให้เป็นแรงแค้นและทำร้ายจิตใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงกระนั้นไฉ่หงก็ยังไม่ยอมแพ้และยอมเป็นผู้ถูกกระทำ หลังได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน ทั้งคู่ก็เริ่มเข้าใจกันมากขึ้น สุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่เมื่อความจริงปรากฏ มาร่วมลุ้นความรักของทั้งคู่ได้ใน "ขังใจไว้ด้วยรัก (The Cage of Love)" ทางไทยรัฐทีวี

เนื้อหาตอนที่ 1

เหตุการณ์ในละครเกิดขึ้นในแถบเจียงหนาน ณ เมืองหูโจว (ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียง) ยุคปลายของราชวงศ์ชิง

* เจียงหนาน คือ พื้นที่บริเวณตอนล่างของแม่น้ำแยงซีในปัจจุบัน มีพื้นที่ครอบคลุมนครเซี่ยงไฮ้ ตอนใต้ของมณฑลเจียงซู ตอนใต้ของมณฑลอานฮุย ตอนเหนือของมณฑลเจียงซี และตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียง



ละครเปิดฉากขึ้นในวันเกิดของ "เจียงเหวินเยวียน" ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานย้อมผ้า "หลิงหลง" ที่กำลังเฟื่องฟูและได้ชื่อว่าเป็นโรงงานย้อมผ้าที่ใหญ่ที่สุดในแถบเจียงหนาน "คุณนายเจียง" พาลูกชายตัวน้อย "เจียงอวี๋" และลูกสาวบุญธรรม "ฟางเฟยเฟย" มายืนต้อนรับแขกเหรื่อที่หน้าบ้าน เฟยเฟยสงสัยว่าทำไมชื่อของแขกแต่ละคนถึงฟังดูแปลกหู (หม่าเค่อ (มาร์ค), เวยเหลียน (วิลเลี่ยม))    เจียงอวี๋เลยอธิบายว่าจีนกำลังจะเปิดทำการค้ากับต่างประเทศ อีกไม่นานทุกคนจะต้องติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เลยพากันเปลี่ยนชื่อให้เป็นแบบสากลเพื่อความสะดวกในการติดต่อธุรกิจ คุณนายเจียงเห็นแขกเหรื่อมากันเต็มบ้านแต่เจ้าของวันเกิดกลับยังไม่มาจึงรู้สึกร้อนใจ   เจียงอวี๋บอกแม่ว่าคนงานเพิ่งพัฒนาสีและเทคนิคการย้อมผ้าแบบใหม่ สองสามวันมานี้พ่อเลยขลุกอยู่แต่ในโรงย้อมเพื่อรอดูผลการทดสอบทำให้ไม่มีเวลามาสนใจวันเกิด พอเห็นว่าแม่เป็นกังวลเจียงอวี๋เลยอาสาไปตามพ่อที่โรงงาน

เมื่อพบว่าผ้าล็อตใหม่มีสีสันสดใสและให้สัมผัสที่อ่อนนุ่ม เหวินเยวียนและเหล่าคนงานจึงต่างพากันดีใจ เหวินเยวียนเห็นคนงานหญิงแซ่โจวกำลังทำงานอย่างขมักเขม้นจึงถามถึงอาการเจ็บป่วยของสามีเธอ พอรู้ว่าสามีของเธอเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป เหวินเยวียนเลยบอกว่าถ้าหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินแบบเร่งด่วนให้มาบอกตนเพราะที่หลิงหลงเบิกเงินเดือนล่วงหน้าได้ คนงานหญิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ เมื่อคนงานเตือนว่างานเลี้ยงวันเกิดกำลังจะเริ่ม เหวินเยวียนเลยฝากเหล่าคนงานดูแลส่วนที่เหลือและสั่งให้จัดอาหารมื้อเย็นมาเลี้ยงคนงานเพิ่ม


ทันใดนั้น ผู้ตรวจการ "อู๋หงต๋า" ก็นำกำลังจำนวนมากบุกมาที่โรงงานย้อมผ้าหลิงหลง โดยอ้างว่าตนได้รับรายงานในทางลับว่าหลิงหลงเปิดโรงงานย้อมผ้าบังหน้าแต่ความจริงแล้วลักลอบขายฝิ่น จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องรื้อค้นจนทั่วเป็นเหตุให้ข้าวของเสียหายและสร้างความตระหนกตกใจให้กับเหล่าคนงาน เหวินเยวียนขอร้องหงต๋าว่าอย่านำความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน และอธิบายว่าหลิงหลงทำธุรกิจในหูโจวอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา และถูกต้องตามกฏหมาย มาหลายชั่วอายุคน ซึ่งความจริงข้อนี้ใครๆ ต่างรู้ดี แต่หลังบุกตรวจค้นได้ไม่นานเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็นำฝิ่นของกลางที่พบในหลิงหลงมาให้หงต๋าดู หลังจากนั้นหงต๋าก็ชวนเหวินเยวียนไปเจรจากันตามลำพัง

เหวินเยวียนกล่าวว่าตนถูกใส่ร้ายและร้องขอความเป็นธรรมกับหงต๋า หงต๋าจึงแย้งว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม  แต่ถ้าเหวินเยวียนต้องการความเป็นธรรมให้นำของสำคัญที่สุดของตระกูลเจียงมาแลก  เหวินเยวียนจึงบอกให้หงต๋าเลือกหยิบของที่ต้องการในห้องนี้ไปได้เลย หงต๋าชี้ว่าสิ่งที่ตนต้องการคือสูตรลับในการย้อมผ้าของตระกูลเจียง เหวินเยวียนได้ยินดังนั้นจึงเข้าใจทุกอย่าง หงต๋ายังบอกอีกว่าหากเหวินเยวียนมอบสูตรลับให้ตนแต่โดยดี ตนจะช่วยให้เหวินเยวียนพ้นคุก แต่ถ้าเหวินเยวียนยังคงดื้อรั้นจนตนต้องใช้วิธีบีบบังคับ ตนจะทำให้เหวินเยวียนสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศ ชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ และชีวิตของทุกคนในครอบครัวเจียง แม้จะโดนข่มขู่แต่เหวินเยวียนไม่อาจยอมรับข้อกล่าวหาและยิ่งไม่มีทางมอบสูตรลับประจำตระกูลให้แก่หงต๋า จึงปฏิเสธทันควัน


เมื่อเด็กชายเจียงอวี๋มาถึงโรงงานหลิงหลงก็พบเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังที่หน้าโรงงานและพยายามกันคนงานไม่ให้ฝ่าเข้าไปทางด้านใน เขาจึงอาศัยช่วงชุลมุนมุดฝ่าฝูงชนเข้าไปตามหาพ่อในโรงงานและเห็นพ่อตกลงมาจากชั้นสองต่อหน้าต่อตา ครั้นพอเข้าไปดูก็พบว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าต่างชั้นสองก็พบหงต๋ากำลังยืนช็อค เจียงอวี๋จึงจ้องหน้าหงต๋าด้วยความเคียดแค้น หลังจากนั้นทางการก็ประกาศว่า เนื่องจากฝิ่นเป็นยาเสพติดร้ายแรง คนที่ตกเป็นทาสจะคิดชั่วทำชั่ว แม้กระทั่งคนดีก็จะกลายเป็นปีศาจ เจียงเหวินเหยียนใช้โรงงานย้อมผ้าหลิงหลงเป็นที่ลักลอบค้าฝิ่นจึงสมควรโดนลงโทษหนัก ตามกฏหมายแล้วเขาต้องโดนลงโทษประหาร แต่เนื่องจากเขาชิงฆ่าตัวตายหนีความผิดไปเสียก่อน ดังนั้น โรงงานย้อมผ้าหลิงหลงและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของสกุลเจียงจะถูกยึดเป็นของหลวง โรงงานจะต้องปิดตัวลง ส่วนคนงานทั้งหมดจะถูกไล่ออกทันที

ขณะที่ครอบครัวเจียงกำลังจัดงานศพให้เหวินเยวียนภายในบ้าน เหล่าคนตระกูลเจียงก็บุกเข้ามาในบ้านเพื่อทำลายงานศพและขับไล่คุณนายเจียง เจียงอวี๋ และเฟยเฟยออกจากบ้าน (มือเจียงอวี๋ถูกถาดใส่ถ่านร้อนๆ กระเด็นใส่จนเป็นแผล) หลังโดนลากออกจากบ้านตนเอง เจียงอวี๋ก็โวยลั่นว่านี่เป็นบ้านของตน ชายคนหนึ่งชี้ว่าบ้านหลังนี้เป็นสมบัติของตระกูลเจียง แต่ตอนนี้คุณนายเจียงและลูกถูกขับออกจากตระกูลแล้ว โทษฐานที่ทำผิดกฏและนำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูล เจียงอวี๋พยายามร้องขอความเห็นใจโดยบอกว่าพ่อของตนถูกคนใส่ร้ายแต่ไม่มีใครสนใจฟัง


 

เด็กชาย "โจวเส้าเทียน" บีบนวดให้พ่อที่กำลังป่วยเป็นวัณโรคและมีอาการไอเป็นเลือดพลางบอกให้พ่ออดทนอีกสักสองสามวัน พอเงินเดือนแม่ออกก็จะมีเงินมาซื้อยาบรรเทาอาการเจ็บป่วยของพ่อ แต่แล้วอยู่ๆ พ่อของเส้าเทียนก็ไอหนักขึ้น เมื่อแม่กลับมาบ้านเส้าเทียนจึงรีบบอกแม่ว่ายาพ่อหมดแล้ว พอรู้ว่าหลิงหลงถูกปิดกระทันหันทำให้แม่ตกงานและไม่ได้รับค่าจ้างจึงไม่มีเงินมาซื้อยาให้พ่ออีกต่อไป เส้าเทียนเลยออกไปหาเงินมาซื้อยาและข้าวสารเพราะข้าวที่บ้านหมดเกลี้ยง

หลังโดนขับออกจากตระกูล คุณนายเจียง เจียงอวี๋ และเฟยเฟย ก็พากันเดินออกจากบ้านในชุดไว้ทุกข์ เมื่อเดินผ่านตลาดก็ถูกหญิงคนหนึ่งสาดน้ำล้างผักใส่ด้วยความแค้นเพราะลูกชายคนเดียวของเธอติดฝิ่นจนไม่เป็นผู้เป็นคน เจียงอวี๋จะเถียงกลับว่าพวกตนไม่ได้ค้าฝิ่นแต่ถูกแม่ห้ามเอาไว้ ครั้นพอแผลโดนน้ำเจียงอวี๋ก็รู้สึกแสบจนเผลอร้องออกมา คุณนายเจียงเห็นแผลที่มือเจียงอวี๋จึงคิดที่จะพาไปหาหมอเพราะกลัวว่าถ้าขืนปล่อยไว้อาจเป็นแผลเป็น แต่เจียงอวี๋กล่าวว่าแผลนี้เกิดขึ้นหลังจากหงต๋าทำลายครอบครัวของตน  ตนจึงอยากเก็บรอยแผลไว้ย้ำเตือนตัวเองว่าพ่อตายยังไง



เส้าเทียนบากหน้าไปขอยืมเงินนายน้อยหม่า แต่นายน้อยหม่าไม่ให้เพราะเห็นว่าบ้านของเส้าเทียนยากจน มิหนำซ้ำพ่อของเขายังล้มป่วย ขืนให้ยืมไม่มีทางได้คืนแน่ เส้าเทียนพยายามอ้อนวอนโดยบอกว่าตนขอยืมแค่หนึ่งหยวน (หนึ่งเหรียญเงิน - ยุคนั้นจีนเพิ่งเริ่มผลิตเหรียญเงินออกมาใช้เป็นครั้งแรก โดยเหรียญแบบที่เจียงอวี๋ให้เส้าเทียนผลิตแล้วเสร็จจากโรงกษาปณ์ในเจียงหนานเมื่อปี ค.ศ. 1911) นายน้อยหม่าจึงบอกให้เส้าเทียนคลานลอดหว่างขาตนแล้วเห่าเหมือนหมา หากทำให้ตนพอใจตนจะให้ยืมเงิน เพื่อพ่อแล้วเส้าเทียนจึงยอมทำตามด้วยความเจ็บปวดใจ หลังทำตามที่บอกแล้วนายน้อยหม่าไม่เพียงไม่ให้เงิน แต่ยังเยาะเย้ยและสั่งให้ลูกน้องรุมซ้อมเส้าเทียนอีกด้วย ถึงกระนั้นเส้าเทียนก็ยังพยายามอ้อนวอนโดยย้ำว่าตนต้องการยืมแค่หยวนเดียวเพื่อนำไปซื้อยามาช่วยชีวิตพ่อ และรับปากว่าจะคืนเงินให้แน่นอน เมื่อเจียงอวี่มาพบเข้าก็รู้สึกสงสารจึงแบ่งเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เส้าเทียนหนึ่งหยวน (ขณะยื่นมือไปรับเหรียญ เส้าเทียนเห็นว่าที่มือของเจียงอวี่มีบาดแผล)

แม่เส้าเทียนเห็นว่าสามีไอหนักขึ้นจึงขอให้เขาอดทนเพราะเส้าเทียนออกไปซื้อยามาให้แล้ว พ่อเส้าเทียนขอโทษที่ตนล้มป่วยจนกลายเป็นภาระของครอบครัว ทำให้เธอกับลูกมีชีวิตที่ยากลำบากและต้องกู้หนี้ยืมสินมารักษาตน เขาขอร้องให้ปล่อยตนไปแทนที่จะยื้อให้อยู่แบบตายทั้งเป็นและต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ หลังไอเป็นเลือดเขาก็ขอให้เธอช่วยอีกครั้งเพื่อที่ตนจะได้พ้นทุกข์ เมื่อเส้าเทียนกลับมาบ้านแล้วเห็นแม่ใช้ผ้าห่มกดหน้าพ่อก็ถึงกับช็อค แม่เส้าเทียน (ซึ่งกำลังร่ำไห้ขณะทำตามคำขอร้องของสามี) ได้ยินลูกชายร้องเรียกเลยรู้สึกตกใจ ครั้นพอเปิดผ้าห่มออกดูก็พบว่าสามีเสียชีวิตแล้ว เส้าเทียนเห็นดังนั้นก็พูดไม่ออก ขณะที่แม่เส้าเทียนได้แต่ยืนตัวสั่นและไม่กล้าสบตาลูก


หลังกลับจากไปซื้อผักที่ตลาด เจียงอวี๋ก็พบว่ามีกลุ่มชาวบ้านมาตะโกนขับไล่และด่าทอพวกตนที่หน้าบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งทั้งเก่าและอยู่ในสภาพทรุดโทรม เขาจึงใช้ไม้กวาดขับไล่ทุกคนออกไป ครั้นพอเปิดประตูเข้าไปในบ้านก็พบว่าแม่พยายามผูกคอตาย นับว่ายังโชคดีที่ช่วยเอาไว้ได้ทัน เพื่อไม่ให้แม่ต้องทนทุกข์อยู่กับความทรงจำและสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย เจียงอวี๋จึงตัดสินใจพาแม่กับเฟยเฟยไปจากหูโจว ระหว่างทางเจียงอวี๋เห็นหงต๋ากำลังได้รับการปูนบำเน็จหลังสามารถปราบขบวนการลักลอบค้าฝิ่น (ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นการใส่ร้ายสกุลเจียง) โดยถูกเลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นหก และได้รับเงินรางวัลก้อนโต เขาจึงหยุดดูด้วยความแค้น  เส้าเทียนซึ่งกำลังช่วยแม่ลากศพพ่อไปฝังเห็นหงต๋าได้รับการปูนบำเน็จจึงหยุดดูด้วยความแค้นเช่นกัน (ถ้าหงต๋าไม่บุกเข้าไปปิดโรงงานย้อมผ้าหลิงหลง แม่ของเขาก็จะมีเงินมาซื้อยาให้พ่อ และถ้าพ่อของเขาได้ทานยาก็คงไม่ทรมานจนต้องร้องขอความตาย)

12 ปีต่อมา


หงต๋าพาลูกสาวอันเป็นที่รักนามว่า "อู๋ไฉ่หง" ไปส่งที่ตลาด โดยบอกอย่างเอาใจว่าอยากได้อะไรก็เลือกซื้อตามสบาย เมื่อถึงเวลาเส้าเทียนจะมารับเธอกลับบ้านเอง  หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่โรงงานย้อมผ้าหลิงหลงทันที (หงต๋าคือเจ้าของคนใหม่ของหลิงหลง) 

ไฉ่หงอุ้มแมวชื่อ "อูหลง" ไปหาซื้อของขวัญวันเกิดครบรอบ 50 ปีให้พ่อ เมื่อไปที่ร้านนำเข้าสินค้าสุดหรูเธอเห็นเจียงอวี๋กำลังจะซื้อปากกาหมึกซึมราคาแพง ซึ่งคนขายสาธยายว่ามีเพียงด้ามเดียวในหูโจว ขนาดเซี่ยงไฮ้ยังไม่มีขาย แถมยังทำจากวัสดุชนิดพิเศษ ปลายด้ามแหลม ให้สัมผัสเรียบลื่น ตกแต่งด้วยสีทอง ถ้าใช้กับหมึกเล่ยเต๋อจะยิ่งเขียนลื่นและอ่านง่าย นอกจากจะใช้งานได้ดีแล้วยังบ่งบอกถึงรสนิยมและฐานะของผู้ใช้อีกด้วย


พอได้ยินดังนั้นไฉ่หงจึงคิดว่าปากกาด้ามนี้เหมาะที่จะซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดพ่อ เธอแย่งปากกาจากมือเจียงอวี๋หน้าตาเฉยพลางบอกคนขายว่าตนจะซื้อปากกาด้ามนี้ เมื่อคนขายแย้งว่าเจียงอวี๋เห็นก่อน ไฉ่หงจึงขอให้เจียงอวี๋ยกปากกาด้ามนี้ให้ตน โดยบอกว่าตนยินดีจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า พอเห็นเจียงอวี๋จ่ายเงินค่าปากกา ไฉ่หงก็หลงดีใจเพราะคิดว่าเจียงอวี๋ทุ่มทุนซื้อของแพงให้คนแปลกหน้าอย่างตน เธอบอกเขาว่าวันหลังจะเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นการตอบแทน และถามเป็นชุดว่าเขาชอบทานอะไร จะเจอกันอีกครั้งได้ที่ไหน เขาพักที่ไหน และชื่ออะไร เจียงอวี๋กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ตนจ่ายเงินซื้อปากกาด้ามนี้แล้ว หากไฉ่หงบังอาจนำปากกาของตนออกนอกร้าน ตนจะแจ้งความว่าเธอเป็นขโมย พูดจบเขาก็แย่งปากกาคืนแล้วเดินออกจากร้านไป (ไฉ่หงสังเกตเห็นเจียงอวี๋ถือถุงสีขาวที่มีตราสัญลักษณ์หรือโลโก้ประทับอยู่)

หลังยืนงงครู่หนึ่งไฉ่หงก็รีบวิ่งตามไปถามชื่อเจียงอวี๋ เจียงอวี๋จึงถามว่าเธอคิดที่จะซื้อชื่อตนด้วยหรือ และบอกว่าเงินของเธอซื้อชื่อตนไม่ได้ ไฉ่หงโวยลั่นว่าเธอไม่เคยเจอผู้ชายที่หยายคาย ใจแคบ และไร้มารยาทอย่างนี้มาก่อน เจียงอวี๋สวนกลับว่าตนก็ไม่เคยเจอผู้หญิงเอาแต่ใจและไร้เหตุผลอย่างเธอมาก่อนเช่นกัน ไฉ่หงกล่าวว่าถึงเขาไม่ยอมบอก เธอก็สามารถสืบหาชื่อของเขาได้อยู่ดี เมื่อเจียงอวี๋ไม่เชื่อเธอจึงท้าเดิมพันโดยบอกว่าหากเธอสืบจนรู้ชื่อเขาโดยไม่เสียเงินสักแดง ปากกาหมึกซึมต้องเป็นของตน เจียงอวี๋ตัดบทว่าไว้ค่อยคุยกันใหม่ถ้าเธอหาตนเจอ และขึ้นรถม้าจากไปทันที  ไฉ่หงจึงหมายมั่นว่าจะต้องหาเจียงอวี๋ให้พบ



เมื่อเส้าเทียนมารับไฉ่หงก็พบว่าเธอกำลังอารมณ์เสีย พอรู้ว่าไฉ่หงเพิ่งทะเลาะเรื่องแย่งปากกาหมึกซึมกับคนอื่น เส้าเทียนจึงบอกว่าจะหาปากกาที่เหมือนกันมาเป็นของขวัญวันเกิดให้พ่อของเธอ ไฉ่หงปฏิเสธโดยบอกว่าปากกาด้ามนั้นแพงมาก ราคาของมันเท่ากับเงินเดือนครึ่งปีของเส้าเทียน เส้าเทียนฟังแล้วอึ้งไปชั่วขณะก่อนให้คำมั่นว่าอะไรก็ตามที่ไฉ่หงชอบ ตนจะไขว่คว้าหามาให้ได้

ที่แท้เจียงอวี๋เป็นเจ้าของโรงงานย้อมผ้าแห่งใหม่ในหูโจวที่มีชื่อว่า "เย่าเซิง" เมื่อเขากลับไปที่โรงงานเฟยเฟยก็นำผ้ามาให้ดูเพื่อเป็นการเปรียบเทียบ โดยบอกว่าผืนหนึ่งเป็นผ้าของหลิงหลง ส่วนอีกผืนเป็นผ้าที่คนงานเพิ่งทดลองย้อมด้วยสีนำเข้าจากฝรั่งเศส ปรากฏว่าผ้าที่ย้อมด้วยสีนำเข้ามีสีสันสดใส ให้สัมผัสที่อ่อนนุ่ม และไม่มีกลิ่นแสบจมูกเหมือนผ้าที่ย้อมแบบดั้งเดิม เฟยเฟยกล่าวว่าคนงานทั้งหมดจะเริ่มลงมือทำงานในวันนี้ ส่วนสีย้อมห้าตันที่นำเข้าจากฝรั่งเศสมาถึงท่าเรือเซี่ยงไฮ้เรียบร้อยแล้ว นับจากนี้คนงานทั้งหมดจะลุยงานเต็มที่ อีกไม่นานโรงงานของพวกตนจะต้องขึ้นแท่นโรงย้อมผ้าที่ใหญ่และดีที่สุดแทนที่หลิงหลงอย่างแน่นอน เมื่อเฟยเฟยนำรายชื่อลูกค้าของหลิงหลงมาให้ดู เจียงอวี๋ก็กล่าวว่าพวกตนจะขายผ้าทั้งหมดในราคาที่ต่ำกว่าหลิงหลงและจะแย่งลูกค้าทั้งหมดมาเป็นของตน เฟยเฟยกล่าวทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกตนจะเอาทุกสิ่งที่อู๋หงต๋าขโมยไปกลับคืนมา เจียงอวี๋มองรอยแผลเป็นที่มือพลางหมายมั่นว่าจะเอาคืนหงต๋าให้ได้


หงต๋าเรียกเส้าเทียนมาพบและถามว่าเขาสารภาพรักกับไฉ่หงหรือยัง พอรู้ว่าเส้าเทียนยังไม่มีโอกาสพูด หงต๋าก็บ่นว่าเส้าเทียนมีหัวด้านธุรกิจแต่อ่อนหัดเรื่องผู้หญิง เขาบอกให้เส้าเทียนรุกมากกว่านี้เพราะตนทำได้แค่คอยส่งเสริม เนื่องจากตอนนี้หมดยุคคลุมถุงชนแล้ว คนสมัยใหม่บังคับใจกันไม่ได้ ดังนั้นเรื่องคู่ครองไฉ่หงต้องเห็นชอบด้วย หงต๋ายังกล่าวอีกว่าแม้เส้าเทียนจะเกิดมายากจนแต่ตนคิดว่านั่นเป็นข้อดี เพราะเส้าเทียนจะอดทนต่อความยากลำบากและทำงานอย่างซื่อสัตย์ แถมเส้าเทียนยังเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนอีกด้วย หงต๋าจึงมั่นใจว่าตนมองคนไม่ผิด เส้าเทียนขอบคุณหงต๋าที่เชื่อใจตนและรับปากว่าจะดูแลไฉ่หงเป็นอย่างดี (เส้าเทียนเก็บซ่อนความแค้นเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม) หงต๋าชวนเส้าเทียนมาทานอาหารเย็นที่บ้านคืนนี้เพื่อให้เขาได้มีโอกาสใกล้ชิดไฉ่หงอีกครั้ง พอเส้าเทียนออกจากห้องทำงานของหงต๋า "เหล่าไช่" (พนักงานบัญชีของหลิงหลง) ก็กล่าวชม (กึ่งประชด) เส้าเทียนว่าเล่นละครได้ไม่เลว หากพยายามมากขึ้นอีกนิด ตำแหน่งลูกเขยตระกูลอู๋คงอยู่ใกล้แค่เอื้อม

คืนนั้นหงต๋าพยายามเปิดช่องให้เส้าเทียนโดยเลียบๆ เคียงๆ ถามไฉ่หงเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน แต่ไฉ่หงรู้ทันและไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้จึงพยายามบ่ายเบี่ยง หงต๋าบอกเป็นนัยๆ ว่าตนพบคนที่เหมาะสมกับไฉ่หงแล้ว ไฉ่หงรู้ว่าพ่อหมายถึงใครและแย้งว่าตนยังอยากอยู่กับพ่ออีกสัก 2-3 ปี เลยไม่คิดที่จะแต่งงานกับใครในตอนนี้ หงต๋าจึงกล่าวกับไฉ่หงว่าวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงความกตัญญูกับตนคือการแต่งงานกับผู้ชายดีๆ ไฉ่หงได้ยินดังนั้นจึงหาว่าพ่อเกลียดและผลักไสตน จากนั้นก็ลุกหนีไปเล่นกับอูหลง หงต๋าเลยบอกให้เส้าเทียนรีบตามไฉ่หงไป



พอเส้าเทียนเดินมาหาไฉ่หง อูหลงก็วิ่งหนีไป เส้าเทียนกล่าวว่าแม้แต่อู่หลงยังเข้าใจและเปิดโอกาสให้พวกตนได้พูดคุยกันตามลำพัง ไฉ่หงแย้งว่านั่นอาจเป็นเพราะเส้าเทียนทำให้อู่หลงตกใจกลัว เส้าเทียนพยายามเผยความในใจโดยเริ่มต้นด้วยการถามว่าไฉ่หงคิดอย่างไรกับตน เมื่อไฉ่หงเผยว่าเธอนับถือเส้าเทียนเหมือนพี่ชาย เส้าเทียนก็แย้งว่าตนไม่อยากเป็นพี่ชาย เขากำลังจะขอเธอแต่งงานแต่ถูกขัดจังหวะเสียก่อน เพราะไฉ่หลงหันไปเห็นพ่อกับ  "อู๋ไฉ่อวิ๋น" (น้องสาวต่างมารดา) มายืนด้อมๆ มองๆ อยู่ไม่ห่างเลยเดินหนีไปด้วยความโกรธ  หงต๋าบอกเส้าเทียนว่าจะหาโอกาสให้ใหม่คราวหน้า พลางปลอบใจว่าเมื่อก่อนแม่ของไฉ่หงก็เคยบอกว่าตนเป็นพี่ชายเช่นกัน

เมื่อเส้าเทียนกลับมาบ้าน แม่ของเขา (ซึ่งกำลังสวดมนต์หน้าป้ายวิญญาณสามี) ก็บอกว่าตนเตรียมน้ำร้อนไว้ให้อาบน้ำแล้ว แต่เส้าเทียนกลับพูดอย่างตัดรอนว่าตนไม่อยากอาบน้ำอุ่น เขาบอกให้แม่ท่องบทสวดมนต์ต่อไป และกล่าวว่าที่แม่งดทานเนื้อสัตว์และสวดมนต์ทุกวันไม่ได้เป็นเพราะกลัวพ่อไม่ได้ขึ้นสวรรค์ แต่เป็นเพราะกลัวถูกฟ้าดินลงโทษ แม่เส้าเทียนได้ยินดังนั้นจึงร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดใจ แม้เส้าเทียนจะบอกแม่ว่าตนไม่อยากอาบน้ำอุ่น แต่สุดท้ายเขาก็อาบน้ำที่แม่เตรียมไว้ให้อยู่ดี  

วันรุ่งขึ้น มีลูกค้าจำนวนมากแห่มาซื้อผ้าของเย่าเซิงซึ่งขายตัดราคาคู่แข่งอย่างหลิงหลง ขณะที่เจียงอวี๋กำลังง่วนอยู่กับการทำงาน เฟยเฟยก็โทรฯ มาบอกว่าแม่เจียงหายตัวไปจากโรงพยาบาล เขาจึงรีบไปที่โรงพยาบาลทันที เฟยเฟยบอกหน้าตาตื่นว่าเธอออกไปซื้อขนมไม่นาน พอกลับมาอีกทีแม่ก็หายตัวไปแล้ว เธอกลัวว่าแม่จะคิดฆ่าตัวตายอีก เจียงอวี๋จึงบอกเฟยเฟยว่าอย่าคิดฟุ้งซ่าน แม่จะต้องไม่เป็นไร แต่ก่อนอื่นเธอต้องหยุดร้องไห้และให้แยกกันตามหา



ไฉ่หง (ซึ่งเห็นโลโก้ข้างถุงที่เจียงอวี๋ถือมาซื้อปากกาเลยตามสืบจนรู้ว่าเป็นโลโก้ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง) มาตามหาเจียงอวี๋ที่โรงพยาบาล โดยนำภาพวาดของเจียงอวี๋มาเดินถามทุกคนว่าเคยเห็นชายในภาพหรือไม่ พอเดินมาพบแม่เจียงนั่งอยู่ตามลำพังไฉ่หงก็นำรูปของเจียงอวี๋มาให้เธอดูแล้วถามว่าเคยเห็นคนในภาพหรือไม่ แม่เจียงเห็นภาพลูกชายจึงบอกตามตรงว่าเคยเห็น ไฉ่หงดีใจมากจึงถามว่าเคยเห็นเขาที่ไหน และเขาชื่ออะไร (เจียงอวี๋ออกมาตามหาแม่เลยเห็นทั้งคู่กำลังนั่งคุยกันพอดี) แม่เจียงถามกลับว่าเขาหล่อไหม ไฉ่หงไม่เข้าใจว่าความหล่อเกี่ยวอะไรกับการตามหาคนด้วย แม่เจียงเลยถามว่าถ้าไม่หล่อแล้วเธอเที่ยวตามหาเขาทำไม

ไฉ่หงอยากให้แม่เจียงยอมบอกชื่อชายในภาพเลยแกล้งชมว่าเขาหล่อมาก เธอบรรยายความหล่อของเขาเสียเลอเลิศโดยหารู้ไม่ว่าเจียงอวี๋กำลังยืนฟังอยู่ทางด้านหลัง แม่เจียงแกล้งถามไฉ่หงว่าเธอชอบเขาไหม ไฉ่หงทำท่าเขินอายและพยายามถามชื่อชายในภาพอีกครั้ง แม่เจียงจึงบอกให้เธอถามเขาด้วยตนเอง พอเห็นว่าเจียงอวี๋ยืนฟังอยู่ ไฉ่หงก็ทั้งอายและตกใจ หลังตั้งสติได้เธอก็แบมือทวงปากกาหมึกซึม แต่เจียงอวี๋ไม่ให้โดยอ้างว่าเธอยังไม่รู้จักชื่อของตน พูดจบเขาก็ประคองแม่กลับห้องทันที ไฉ่หงอยากได้ปากกาเต็มแก่จึงตะโกนไล่หลังว่าเธอจะต้องรู้ชื่อเขาให้ได้

* เนื้อหาโดย luvasianseries






นักแสดง 


หลิวข่ายเวย 
รับบท เจียงอวี๋
(นักแสดง / นักร้อง ชาวฮ่องกง - สามีหยางมี่)



เจิ้งส่วง
รับบท อู๋ไฉ่หง
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



หลี่ตงเสวีย
รับบท โจวเส้าเทียน
(นักแสดง / นายแบบ ชาวจีน)



จางจื่อซี
รับบท ฟางเฟยเฟย
(นักแสดง ชาวจีน)



หลิวอวี่ซิน
รับบท ลู่ม่าน
(นักแสดง ชาวจีน)



หลิวเถียนหรู่
รับบท อู๋ไฉ่อวิ๋น
(นักแสดง / นางแบบ ชาวจีน)



โจวไห่เหม่ย
รับบท  คุณนายอู๋ 
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)



หลี่หลิงอวี้
รับบท คุณนายเจียง 
(นักแสดง / นักร้อง ชาวจีน)



เจิ้งหลง
รับบท หม่าลี่
(นักแสดง ชาวจีน)



ถานจวิ้นเยี่ยน
รับบท ผู้กำกับ เฉินซื่อเจี๋ย
(นักแสดง ชาวฮ่องกง)




รวมคลิปตัวอย่างจากซีบีเอส, Dream Stardom Film & TV Culture Co., Ltd และเอ็มวีจาก Video Clipper




รวมคลิปเบื้องหลังจาก Dream Stardom Film & TV Culture Co., Ltd และ 广播站刘家屯


*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา