วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องย่อ รักทะลุมิติ (Love Weaves Through a Millennium)




กำกับ: ชาง ยองอู (ชาวเกาหลี)
เขียนบท: ซอ แจวอน (ชาวเกาหลี), เฉวียนเจาหลัว
แนวละคร: โรแมนติก, แฟนตาซี, อ้างอิงประวัติศาสตร์, ย้อนเวลา
จำนวนตอน: 22
ออกอากาศ: จีน - วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2558  ทางหูหนานทีวี
                  ไทย - ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 23.00 น. ทางไทยรัฐทีวี ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 - 28 มกราคม 2560




เรื่องย่อ



ละคร "รักทะลุมิติ (Love Weaves Through a Millennium)" ดัดแปลงมาจากละครเกาหลีเรื่อง "อินยอน มหัศจรรย์รักข้ามภพ (Queen In Hyun's Man)"  ร่วมผลิตโดยหูหนานทีวี, อีอี-มีเดีย (จีน) และ  CJ E&M (เกาหลี) กำกับโดย "ซอ แจวอน" ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ที่เคยฝากผลงานไว้ในละครเรื่อง "I Need Romance 3"  ทั้งยังยกทีมงานจากละครเรื่องอินยอนฯ มาดูแลด้านการผลิต ตัดต่อ กำกับศิลป์ เพลงประกอบ ฯลฯ ทำให้ละครเรื่องนี้มีกลิ่นอายของละครเกาหลีและแตกต่างละครจีนโดยทั่วไป เพราะเป็นละครที่ถ่ายไปออนแอร์ไปเหมือนละครเกาหลี จึงมีการปรับเปลี่ยนบทตามกระแสของคนดู (รวมทั้งตอนจบของเรื่อง) ทั้งยังใช้เสียงจริงของนักแสดงส่วนใหญ่อีกด้วย (ปกติแล้วละครจีนจะถ่ายทำเสร็จก่อนออกอากาศและให้เสียงโดยนักพากย์)   

เนื้อหาในละครกล่าวถึง "กงหมิง" บันฑิตหนุ่ม (ขุนนางฝ่ายบุ๋น) แห่งราชวงศ์ซีฮั่น (ฮั่นตะวันตก) ซึ่งเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุฆ่ายกครัวและกำลังถูกไล่ล่าหลังสนับสนุนให้คืนพระยศแก่ "สวี่ฮองเฮา" ที่ถูกถอดจากตำแหน่งเพราะถูกพระสนม "จ้าวเฟยเยี่ยน" ใส่ร้าย ขณะที่กงหมิงกำลังจะถูกนักฆ่าของตระกูลหวังลงดาบสังหาร อยู่ๆ ป้ายหยกปริศนาก็พาเขาเดินทางข้ามเวลากว่าสองพันปี (จาก 16 ปีก่อนคริสตกาลมาสู่ปี ค.ศ. 2015) ทำให้ได้มาพบและรักกับนักแสดงสาว "หลินเซียงเซียง" ซึ่งบังเอิญสวมบทสวี่ฮองเฮาในละครย้อนยุคพอดี หลังเดินทางกลับไปยังโลกในอดีตเพื่อปกป้องสวี่ฮองเฮา ได้มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้กงหมิงไม่อาจเดินทางข้ามเวลาเพื่อกลับไปหาเซียงเซียงที่เฝ้ารออยู่ในโลกปัจจุบันได้ ทั้งคู่จะพรากจากกันตลอดกาลหรือไม่ พรหมลิขิตจะบันดาลให้ทั้งคู่กลับมาครองรักกันได้หรือเปล่า ติดตามลุ้นกันได้ใน "รักทะลุมิติ (Love Weaves Through a Millennium)" ทางช่องไทยรัฐทีวี

เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์

"ราชวงศ์ซีฮั่น (ฮั่นตะวันตก)" ก่อตั้งโดย "หลิวปัง" หรือ "จักรพรรดิฮั่นเกาจู่" เมื่อ 202 ปีก่อนคริสตกาล และล่มสลายในปี ค.ศ. 8

"สวี่ฮองเฮา" (พระนามไม่เป็นที่ปรากฏ ประวัติศาสตร์จารึกเพียงว่าเป็นฮองเฮาแซ่สวี่) เป็นหลานสาวของ "สวี่ผิงจวิน" (ฮองเฮาพระองค์แรกในจักรพรรดิฮั่นเซวียนและพระมารดาของจักรพรรดิฮั่นหยวน) และฮองเฮาพระองค์แรกของ "จักรพรรดิฮั่นเฉิง" พระองค์เคยเป็นคนโปรดของพระสวามีแต่ภายหลังกลับไม่เป็นที่โปรดปราน ซ้ำยังถูกปลดจากตำแหน่งหลังถูกพระสนม "จ้าวเฟยเยี่ยน" และน้องสาว ใส่ร้ายว่าใช้คุณไสยมนต์ดำ หลังโดนปลดและถูกขังอยู่ในตำหนัก พระองค์ต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีและสถานะของตนจึงติดสินบนพระญาติของฮ่องเต้ นามว่า "ฉุนอวี๋จ่าง" แต่การกระทำดังกล่าวกลับนำความตายมาสู่พระองค์ (ถูกฮ่องเต้บังคับให้ฆ่าตัวตาย)

เนื้อหาตอนที่ 1

ละครเปิดฉากขึ้นสมัยราชวงศ์ซีฮั่น (ฮั่นตะวันตก) ในรัชสมัยของ "จักรพรรดิฮั่นเฉิง" 


ในปีแรกของหย่งสือ (16 ปีก่อนคริสตกาล)  บัณฑิตหนุ่มและที่ปรึกษาฮ่องเต้นามว่า "กงหมิง" นั่งเล่นหมากรุกกับอดีตเพื่อนรัก "หวังหมั่ง" พลางทักว่านับตั้งแต่หวังหมั่งกุมอำนาจในราชสำนัก วิธีเดินหมากของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง (ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันและเล่นหมากรุกด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ) หวังหมั่งกล่าวว่าการเดินหมากของกงหมิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน และถามว่าที่พวกตนห่างเหินกันเป็นเพราะ 'เฟ่ยโฮ่ว' งั้นหรือ (เฟ่ยโฮ่ว เป็นคำเรียกฮองเฮาที่โดนปลดจากตำแหน่ง)  กงหมิงปฏิเสธและกล่าวว่าตนก็แค่ยึดมั่นในความจงรักภักดีและความยุติธรรม (ตามหลักปรัชญาขงจื๊อ) หวังหมั่งได้ยินดังนั้นจึงชี้ให้กงหมิงดูกระดานหมากรุก ก่อนเปรียบเทียบว่าฝั่งหนึ่งคือ "สวี่ฮองเฮา" ที่เพิ่งถูกปลดและกำลังจะหมดอำนาจวาสนา (หวังหมั่งเรียกนางว่า "สวี่เฟ่ยโฮ่ว" แต่กงหมิงยังคงเรียกอย่างให้เกียรติว่า "สวี่ฮองเฮา") ส่วนอีกฝั่งคือพระสนม "จ้าวเฟยเยี่ยน" (อดีตนางรำ) ซึ่งกำลังจะได้เป็นมารดาของแผ่นดิน จากนั้นก็ชี้ว่าการคืนตำแหน่งให้ฮองเฮาที่โดนปลดไปแล้วเป็นได้แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ เพราะอำนาจได้ถูกเปลี่ยนมือเรียบร้อยแล้ว 

* เกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์: "หวังหมั่ง" เป็นพระนัดดา (ลูกน้องชาย) ของหวังไทเฮา (ตระกูลหวังกุมอำนาจในราชสำนักและมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในรัชสมัยฮ่องเต้ฮั่นเฉิง) ภายหลังได้แย่งชิงบัลลังก์มาจากฮ่องเต้ตระกูลหลิวทำให้ราชวงศ์ฮั่นตะวันตกล่มสลาย หลังจากนั้นก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็น "จักรพรรดิซินเกาจู่" ฮ่องเต้องค์แรกและองค์เดียวแห่งราชวงศ์ซิน   

กงหมิงกล่าวว่าผู้ใฝ่รู้ (บัณฑิต) อย่างตนถือว่า "โลก" (แผ่นดินฮั่น) เป็นความรับผิดชอบของตน ตนจะกราบทูลความจริงและจะถวายคำแนะนำฮ่องเต้ เพราะการชี้แนะให้พระองค์ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรคือหน้าที่ของตน (กงหมิงยึดมั่นในคำสอนขงจื๊อ) หวังหมั่งถามว่าสำหรับกงหมิงแล้วโลกนี้เป็นเพียงโลกของฮ่องเต้ (ฮั่นเฉิงตี้) งั้นหรือ กงหมิงกล่าวว่าตราบใดที่ผู้เป็นประมุขปกครองและมอบหมายงานให้ข้าราชบริพารด้วยความยุติธรรม ส่วนข้าราชบริพารก็ถวายงานด้วยความจงรักภักดี แผ่นดินนี้ย่อมมีแต่ความสงบสุข หวังหมั่งแย้งว่ากงหมิงรู้แค่หลักจริยธรรมของผู้เป็นประมุขและข้าราชบริพาร จากนั้นก็ถามว่ากงหมิงรู้จักความสงบสุขดีแค่ไหน เขาชี้ว่าหากทุกวันนี้ตนไม่เข้ามาดูแลบ้านเมืองและประชาชนที่กำลังเคว้งคว้าง โลก (แผ่นดินฮั่นที่กำลังอ่อนแอและเสื่อมถอย) จะเกิดความสงบสุขได้อย่างไรกัน


กงหมิงถามหวังหมั่งว่าเขาคิดที่จะทำอะไรกันแน่ พอรู้ว่าหวังหมั่งมีแผนโค่นล้มราชบัลลังก์หมายตั้งตนเป็นฮ่องเต้แทนจักรพรรดิฮั่นเฉิง (ซึ่งละเลยราชกิจและกำลังลุ่มหลงมัวเมาในสุรานารี) กงหมิงก็ทั้งโกรธและผิดหวังเพราะไม่นึกฝันว่าอดีตเพื่อนรักจะคิดก่อกบฏ หวังหมั่งแย้งว่าราษฎรต้องการเพียงฮ่องเต้ที่ทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดี กงหมิงจึงตำหนิหวังหมั่งที่ไม่ซื่อสัตย์และจงรักภักดี เขาเปรียบว่าหากพระไม่อาจละเรื่องราวทางโลก แล้วจะสั่งสอนผู้อื่นและนำความสงบสุขมาสู่โลกนี้ได้อย่างไร (ถ้าคิดชั่วทำชั่วหรือไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างแล้วผลลัพธ์จะออกมาดีได้อย่างไร) หวังหมั่งชี้ว่าเรื่องราวทางโลกก็เหมือนกับการเล่นหมากรุก ทุกตาที่เดินย่อมกำหนดผลแพ้ชนะ จากนั้นก็เตือนว่าหากกงหมิงยังคงดึงดันและไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจก็อย่าโทษอำนาจที่โหดร้ายกับเขา



คืนเดียวกันนั้น สวี่ฮองเฮานั่งเขียนจดหมายตัดพ้อและบรรยายความในใจถึงฮ่องเต้ทั้งน้ำตา หลังไม่เป็นที่โปรดปรานและโดนปลดจากตำแหน่งเพราะถูกใส่ร้าย ซ้ำยังถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในตำหนักทั้งๆ ที่ฮ่องเต้ไม่เคยคิดที่จะเสด็จมาหา   ทำให้เธอต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา เธอจึงอยากออกไปใช้ชีวิตตามลำพังในสถานที่อันเงียบสงบ ในเวลาเดียวกันนั้นจักรพรรดิฮั่นเฉิง (พระนามเดิม "หลิวอ้าว" จักรพรรดิองค์ที่ 12 ของราชวงศ์ฮั่นตะวันตก) กำลังทอดพระเนตรลีลาการร่ายรำอันร้อนแรงและเร้าใจของพระสนมคนโปรดจ้าวเฟยเยี่ยนพลางร่ำสุราอย่างมีความสุข

สาวใช้ของสวี่ฮองเฮาเดินเข้ามาดูลาดเลาในห้อง ก่อนสมคบคิดกับทหารยามเปิดประตูให้เหล่านักฆ่าตระกูลหวังบุกเข้ามาในตำหนัก... อีกด้านหนึ่งหวังหมั่งก็เดินหมากเกมรุกด้วยความมั่นใจว่าตนจะต้องเป็นฝ่ายชนะ กงหมิงมองกระดานหมากแล้วแย้งว่าถึงอย่างไรพวกตนก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แม้กลยุทธ์ในการเดินหมากของหวังหมั่งจะแหลมคมกว่าแต่ก่อน แถมการเดินหมากเมื่อครู่ยังใช้ยุทธวิธีที่โหดเหี้ยม แต่ใช่ว่าตนจะรับมือไม่ได้



เหล่านักฆ่าสวมหน้ากากบุกเข้าไปในห้องของสวี่ฮองเฮา โดยวางแผนจัดฉากให้เหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย แต่นักฆ่ายังไม่ทันได้ลงมือ "อิ่งเยว่" ก็เข้ามาขวางและสังหารเหล่านักฆ่าทุกคน...  หลังกงหมิงรุกฆาตและเป็นฝ่ายชนะในที่สุด เขาก็บอกหวังหมั่งว่าเรื่องราวในโลกไม่เหมือนกับการเล่นหมากรุกและขอบคุณที่ทำให้ตนเป็นฝ่ายชนะ หวังหมั่งถามว่าความสัมพันธ์ของพวกตนต้องเป็นเหมือนหมากเกมนี้ที่ต่างฝ่ายต่างขับเคี่ยวจนล้มหายตายจากกันไปข้างหนึ่งจริงหรือ กงหมิงถามกลับว่าการลอบสังหารสวี่ฮองเฮาและคนในตระกูลของพระองค์ (ที่ผ่านมาตระกูลสวี่มีอิทธิพลและเรืองอำนาจในราชสำนัก) เป็นทางเดียวที่จะทำให้สกุลหวังผงาดขึ้นมามีอิทธิพลงั้นหรือ และการช่วยให้จ้าวเฟยเยี่ยนได้ขึ้นเป็นฮองเฮาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหวังหมั่งและตระกูลหวังจริงหรือเปล่า

หวังหมั่งกล่าวว่าถึงยังไงสวี่เฟ่ยโฮ่วก็ต้องถูกฮ่องเต้สั่งประหารสักวัน เพราะการใช้คุณไสยมนต์ดำในวังหลวงเป็นโทษหนักที่ไม่อาจลบล้างได้โดยง่าย กงหมิงขอให้หวังหมั่งเลิกเสแสร้งและซื่อสัตย์กับตนเอง เขารู้ว่าจ้าวเฟยเยี่ยนมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และชี้ว่านักพรตเต๋าได้รับคำสั่งให้เข้ามาตีสนิทจนได้รับความไว้วางใจจากสวี่ฮองเฮา หลังจากนั้นจ้าวเฟยเยี่ยนก็แต่งเรื่องใส่ร้ายและคอยยุแยงฮ่องเต้อย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างล้วนพุ่งเป้าไปที่สวี่ฮองเฮา แม้สวี่ฮองเฮาจะได้รับการยกเว้นโทษตายแต่ก็ไม่วายโดนปลดจากตำแหน่ง เมื่อกงหมิงบอกเป็นนัยว่าถ้าจ้าวเฟยเยี่ยนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีหรือที่นางจะไม่ทิ้งเบาะแสเอาไว้ หวังหมั่งก็รู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่ากงหมิงจะมีหลักฐาน 




กงหมิงกล่าวว่าตนตามสืบเรื่องนี้จนได้ความกระจ่างแล้วและจะนำขึ้นทูลฮ่องเต้ในวันพรุ่งนี้ หวังหมั่งจึงเตือนว่ากงหมิงกำลังจะทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะในตอนนี้ตระกูลหวังของตนกำลังเรืองอำนาจและมีอิทธิพลเหนือราชสำนัก หากเขาเลือกที่จะอยู่ฝ่ายสวี่เฟ่ยโฮ่วอนาคตก็จะดับวูบ ในตอนนี้ฮ่องเต้กำลังหลงมัวเมาจ้าวเฟยเยี่ยน หากกงหมิงพูดให้ร้ายนางก็รังแต่จะทำให้ฮ่องเต้กริ้ว ที่สำคัญกงหมิงเป็นเพียงบัณฑิตที่ไม่มีเส้นสายและไม่มีคนคอยหนุนหลัง หากเขาคิดจะต่อสู้ตามลำพังและตั้งตนเป็นศัตรูกับตระกูลหวังของตนก็ไม่ต่างจากการเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง กงหมิงฟังแล้วได้แต่ถอนใจ เขากล่าวว่าพวกตนต่างเดินคนละทางจึงไม่อาจจับมือกันได้ จากนั้นก็ขอตัวกลับทันที หวังหมั่งจึงชี้ว่าในเมื่อกงหมิงรู้ความจริงทั้งหมดแล้วก็ไม่มีทางหันหลังกลับได้เช่นกัน หลังกงหมิงกลับไปแล้ว หวังหมั่งก็สั่งให้ "จื่อซิว" ตามไปจับตัวกงหมิงโดยกำชับว่าห้ามทำร้ายกงหมิงโดยเด็ดขาด 




กงหมิงนัดพบอิ่งเยว่เพื่อสอบถามข่าวคราวของสวี่ฮองเฮา อิ่งเยว่รายงานว่าสวี่ฮองเฮาทรงปลอดภัยดีและมีนักฆ่าบุกมาที่ตำหนักของสวี่ฮองเฮาดังที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ กงหมิงเพิ่งรู้ว่าตระกูลหวังอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มาโดยตลอด แม้อิ่งเยว่จะนำตัวนักพรตเต๋าไปไว้ในที่ๆ ปลอดภัย แต่กงหมิงเกรงว่านักพรตเต๋าซึ่งเป็นพยานคนสำคัญจะถูกตระกูลหวังฆ่าปิดปาก จึงสั่งให้อิ่งเยว่รีบกลับไปเฝ้าและคอยปกป้องนักพรตเต๋า ส่วนตนจะเตรียมเดินทางเข้าวังเพื่อกราบทูลความจริงกับฮ่องเต้ 

อิ่งเยว่กลัวว่ากงหมิงจะตกอยู่ในอันตรายเพราะการเข้าวังในครั้งนี้จะเป็นผลเสียต่อตระกูลหวัง เธอจึงขอติดตามไปอารักขา แต่กงหมิงปฏิเสธเพราะเชื่อว่าหวังหมั่งไม่มีทางทำร้ายตน เขากับหวังหมั่งเติบโตมาด้วยกันจึงรู้ดีว่าแม้หวังหมั่งจะเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงแต่ไม่ใช่คนเลือดเย็นและใจคอโหดเหี้ยม ถึงกระนั้นอิ่งเยว่ก็ยังคงเป็นห่วงและไม่เชื่อว่าหวังหมั่งจะนิ่งดูดาย ต่อให้หวังหมั่งไม่ลงมือ แต่ตระกูลหวังไม่มีทางปล่อยกงหมิงแน่ เมื่อกงหมิงยืนยันคำเดิม อิ่งเยว่จึงมอบป้ายหยกคุ้มภัย (ที่พ่อเธอทิ้งไว้ให้) ให้กงหมิง โดยหวังว่าป้ายหยกจะช่วยคุ้มครองกงหมิงให้ปลอดภัย หลังแยกจากอิ่งเยว่แล้วกงหมิงก็พบว่ามีกลุ่มนักฆ่าสะกดรอยตามตนมา 

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2015 


นักแสดงโนเนม "หลินเซียงเซียง" ซึ่งยังคงสวมชุดโดราเอมอนหลังเพิ่งเสร็จจากการไปร่วมงานอีเวนท์สำหรับเด็กๆ (แต่ไม่มีใครขอถ่ายรูปกับเธอเพราะเธอไม่ใช่ดาราดัง) รีบตรงดิ่งไปออดิชั่นบทสวี่ฮองเฮาในละครย้อนยุคต่อ แต่ "จินจิง" (ผู้จัดการส่วนตัว) และ"เซี่ยเสี่ยวหนาน" (สไตล์ลิสต์) นำเสื้อผ้ามาให้เธอเปลี่ยนไม่ทันเพราะรถติดหนักมากทั้งๆ ที่เป็นช่วงปีใหม่ (จีน) เซียงเซียงกลัวพลาดการออดิชั่นเลยไปขอยืมชุดของฝ่ายคอสตูม จากนั้นก็แอบย่องไปดูบรรยากาศในการออดิชั่น (ปรากฏว่าบทที่ถูกนำมาใช้ในการแคสติ้งคือเนื้อความในจดหมายตัดพ้อที่สวี่ฮองเฮาเขียนถึงฮ่องเต้ก่อนที่นักฆ่าจะบุกเข้ามาในตำหนักนั่นเอง) 

หลังรายงานตัว (ในชุดโดราเอมอน) แล้วเซียงเซียงก็ถามหาห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกเพียงว่าอยากเปลี่ยนตรงไหนก็เชิญเพราะที่นี่ไม่มีใครสนหรืออยากดูเธอ แม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่โดนดูถูกว่าไม่มีอะไรน่ามองแต่เซียงเซียงยังคงมองโลกในแง่ดี เธอเห็นว่ามีราวแขวนเสื้อผ้าวางเรียงอยู่ริมผนังกระจก (ซึ่งด้านในมีผ้าม่านปิดอยู่) จึงนำมากั้นเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชั่วคราว ขณะเปลี่ยนชุดเซียงเซียงโทรฯ บอกจินจิงว่าเธอไม่เพียงมาทันแต่ยังขอยืมชุดมาเปลี่ยนได้ด้วย เธอกล่าวว่าหมอดูทำนายแม่นมาก ไม่แน่ว่าหลังแสดงละครเรื่องนี้แล้วเธออาจจะดังเป็นพลุแตกจริงๆ




เซียงเซียงแทบช็อคเมื่อหันไปเห็นนักแสดงหนุ่มชื่อดัง "หานอวี๋เฟย" (แฟนเก่าเซียงเซียง) กำลังยืนดูเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ทางด้านหลังผนังกระจก เธอจึงบอกให้เขาปิดม่านพลางเลื่อนราวแขวนเสื้อผ้ามาบังตัวไว้ อวี๋เฟยแกล้งเรียก "อู๋เทียนซิ่ว" (ผู้จัดการส่วนตัว) มาดูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจและรีบปิดม่านทันที หลังแต่งตัวเสร็จเซียงเซียงก็มุ่งหน้าไปยังห้องออดิชั่น แต่อวี๋เฟยตามมาทักทายและช่วยรูดซิปทางด้านหลังให้เซียงเซียง เซียงเซียงโทษอวี๋เฟยที่ทำให้เธอรีบเร่งจนแต่งตัวไม่เรียบร้อย จากนั้นก็บอกให้เขาเลิกตอแยเธอเพราะตอนเลิกกันเขาเป็นคนพูดเองว่าพวกตนไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป อวี๋เฟยสงสัยว่าเซียงเซียงมาที่นี่ทำไม พอรู้ว่าเธอมาออดิชั่นบทสวี่ฮองเฮาในละครเรื่อง "ซินจ้าวเฟยเยี่ยน" (จ้าวเฟยเยี่ยนเวอร์ชั่นใหม่) อวี๋เฟยก็รู้สึกขำเพราะสวี่ฮองเฮาเป็นผู้หญิงที่สงบเสงี่ยมและสุภาพอ่อนโยน บทนี้จึงไม่เหมาะกับเซียงเซียงที่แก่นแก้วและโผงผางเหมือนผู้ชาย

เซียงเซียงได้ยินแล้วรู้สึกโกรธจึงเดินหนี แต่อวี๋เฟยยังคงตามมาง้อโดยบอกว่าถึงแม้ตนจะพูดเช่นนั้นแต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความสามารถทางการแสดงของเธออยู่ดี เขาออกตัวว่าตอนนั้นตนแค่พูดเล่น ถึงยังไงตนกับเซียงเซียงก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน จากนั้นก็ถามว่าไม่อยากรู้ความเป็นไปของแฟนเก่าหน่อยหรือ เซียงเซียงเห็นว่าเขามีแต่ข่าวควงดาราสาวไม่ซ้ำหน้า จึงบอกว่าเธอจะอยากรู้เรื่องราวของเขาไปทำไมในเมื่อความเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขาล้วนปรากฏในข่าวบันเทิง อวี๋เฟยโทษว่าทั้งหมดเป็นเพราะปาปารัซซี่ แต่เซียงเซียงไม่อยากฟังคำแก้ตัวอีกต่อไปจึงบอกว่าอย่าเสียเวลาอธิบายเพราะเธอรู้จักเขาดีกว่าใคร ถึงกระนั้นอวี๋เฟยก็บอกให้เซียงเซียงโทรฯ มาหาตนบ้าง แต่เซียงเซียงหวังว่าจะไม่เจอหน้าเขาอีก


ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างคร่ำเคร่งอยู่กับการท่องบทระหว่างรอเรียกตัว เซียงเซียงกลับใช้เวลาในการแต่งหน้า วอร์มเสียงและวอร์มอัพร่างกาย เมื่อยังคงรู้สึกประหม่าเธอจึงดื่มเบียร์จนหมดกระป๋องพลางปลุกขวัญและให้กำลังใจตัวเอง หลังถูกเรียกให้เข้าไปในห้องออดิชั่น ผู้กำกับ "หยางเยวี๋ยน" ถามว่าเซียงเซียงเคยเป็นนักร้องมาก่อนหรือ (ดูจากประวัติส่วนตัว) เซียงเซียงกล่าวว่าเธอเคยเป็นนักร้องสองปี ก่อนผันตัวมาเป็นนักแสดง เมื่อผู้กำกับหยางคอมเมนท์ว่าเซียงเซียงไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านการแสดง เพราะที่ผ่านมาเธอเป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆ และเคยถ่ายหนังโฆษณาครั้งหนึ่ง เซียงเซียงจึงแย้งว่าถึงแม้จะเป็นตัวประกอบเล็กๆ แต่เธอก็ตั้งใจเต็มที่และทุ่มเทอย่างหนักเพื่อพัฒนาฝีมือของตน อย่างน้อยๆ ความสามารถทางการแสดงของเธอก็ไม่ได้อ่อนด้อย



กรรมการคนหนึ่งรู้สึกเบื่อที่ต้องนั่งดูการออดิชั่นซ้ำๆ ในบทเดิมมาตลอดทั้งวัน จึงขอให้เซียงเซียงร้องเพลงให้ฟังแทนเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ เซียงเซียงจึงร้องเพลงสากลให้ทุกคนฟัง (เพลง Like A Star ของ Corinne Bailey Rae - แต่เวอร์ชั่นที่ออกอากาศในไทยเปลี่ยนเป็นเพลงจีนแทน) เสียงร้องของเธอทำให้กรรมการทุกคนถึงกับตะลึง ขณะที่อวี๋เฟยซึ่งยืนดูอยู่ห่างๆ ถึงกับหลงใหลและมองเซียงเซียงอย่างชื่นชมพลางนึกถึงช่วงเวลาอันแสนหวานเมื่อครั้งที่เคยคบกัน ผู้กำกับหยางฟังเซียงเซียงครวญเพลงแล้วถึงกับซึ้งจนต่อมน้ำตาแตก เขาลุกขึ้นปรบมือให้อย่างชื่นชมและบอกให้เซียงเซียงลองสวมบทสวี่ฮองเฮา (ตามสคริปต์) ให้พวกตนดู แต่อวี๋เฟยกลับเสนอให้เซียงเซียงเล่นสดนอกสคริปต์ เพื่อที่กรรมการจะได้เห็นพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริงของเธอ เหล่ากรรมการได้ยินดังนั้นจึงต่างพากันเห็นด้วย




กรรมการคนหนึ่งเห็นว่าไหนๆ อวี๋เฟยก็รับบทจักรพรรดิฮั่นเฉิงในละครเรื่องนี้ จึงขอให้อวี๋เฟยเป็นคู่แสดง (พอรู้ว่าอวี๋เฟยเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย เซียงเซียงก็รู้สึกตกใจ) หลังถูกอวี๋เฟยหยามว่ามัวแต่ตื่นเวทีจนเล่นไม่ออก เซียงเซียงก็ฮึดสู้และสวมบทสวี่ฮองเฮาโดยนำความรู้สึกจริงที่มีต่ออวี๋เฟยมาใช้ในการแสดง แทนที่จะตัดพ้อฮ่องเต้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจและยอมจำนนต่อโชคชะตาตามคาแรคเตอร์ของสวี่ฮองเฮา เซียงเซียงกลับขึ้นเสียงและตำหนิฮ่องเต้ (อวี๋เฟย) ที่รักสนุก ชอบเที่ยวกลางคืน และลุ่มหลงมัวเมาในสุรานารีได้ทุกวี่ทุกวัน มิหนำซ้ำ เธอยังตบหน้าฮ่องเต้เพื่อเป็นการสั่งสอนอีกด้วย

พอรู้ว่าตนเองทำพลาดเซียงเซียงก็ไปนั่งดื่มเหล้าแก้กลุ้มตามลำพังเพราะคิดว่าคงไม่ได้รับเลือกแน่ เมื่อจินจิงโทรฯ มาถามผลการออดิชั่น เซียงเซียงก็บอกว่าไม่มีหวังและโทษว่าเป็นความผิดของอวี๋เฟย หากเธอรู้แต่แรกว่าอวี๋เฟยรับบทจักรพรรดิฮั่นเฉิง เธอไม่มีวันไปออดิชั่นละครเรื่องนี้เด็ดขาด หลังจากนั้นเซียงเซียงก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้จินจิงฟัง แม้จะเข้าใจความรู้สึกของเซียงเซียงและคิดว่าอวี๋เฟยสมควรโดนตบ แต่จินจิงอดตำหนิไม่ได้ที่เซียงเซียงไม่เป็นมืออาชีพและทำลายโอกาสดีๆ ของตนเอง เซียงเซียงจึงเปรียบจินจิงเป็นหลวงจีนฝาไห่ที่ไม่เข้าใจความรัก (ฝาไห่เป็นพระเถระผู้มีอาคมสูงที่พยายามขัดขวางความรักระหว่างบัณฑิตหนุ่มกับปิศาจงูขาว - ในวรรณกรรมและละครนางพญางูขาว) จินจิงเห็นว่าเซียงเซียงเริ่มพูดเพ้อเจ้อจึงถามว่าเธอเมาเหล้าหรือเมารักกันแน่ เซียงเซียงโกหกว่าเธอดื่มแค่ขวดเดียว จากนั้นก็ตัดบทด้วยการบอก (โกหก) ว่าถึงแม้จะไม่ผ่านการคัดเลือกแต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน (เพราะไม่ต้องร่วมงานกับอวี๋เฟย)



ขณะยืนรอรถเมล์ มีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามือถือของเซียงเซียง ครั้นพอเธอรับสายก็รู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่าเป็นอวี๋เฟย อวี๋เฟยตัดพ้อว่าเซียงเซียงทำเกินไปเพราะนอกจากจะไม่มีเบอร์ตนแล้ว เธอยังจำเสียงของตนไม่ได้อีกด้วย อวี๋เฟยเห็นว่าเซียงเซียงพูดลิ้นพันกันจึงถามว่าเธอเมาหรือ เขาอ้างว่าตนรู้สึกไม่ค่อยสบายและกำลังจะไปโรงพยาบาลเลยอยากให้เซียงเซียงมาเยี่ยม แต่เซียงเซียงไม่หลงกลซ้ำยังถามกึ่งประชดว่าร่างกายเขาย่ำแย่เพราะปาร์ตี้กับสาวๆ หนักเกินไปงั้นหรือ อวี๋เฟยแหย่ว่าใบหน้าตนผิดรูปเพราะเซียงเซียง ก่อนบ่นว่าที่ผ่านมาตนงานยุ่งมากทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ แถมยังนอนไม่ค่อยหลับอีกด้วย 

เซียงเซียงเตือนว่าอย่าหาเงินแบบหักโหมมากเกินไป ที่ผ่านมาเขามักอดหลับอดนอนแถมยังไม่คอยทานอาหารแล้วจะหลับสนิทได้อย่างไร เธอรู้ว่าเขากำลังจะออกไปสังสรรค์จึงไม่อยากเสวนาเรื่องไร้สาระด้วย พอรู้ว่าเซียงเซียงจะวางสาย อวี๋เฟยจึงถามว่าไม่อยากรับบทสวี่ฮองเฮาหรือ เซียงเซียงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกโกรธ เธอยอมรับว่าตนอยากเล่นบทนี้ใจจะขาด จากนั้นก็ตำหนิเขาที่ดันยั่วโมโหเธอจนทำให้การออดิชั่นเละไม่เป็นท่า เธอห้ามไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเรื่องของเธออีกเพราะตอนนี้พวกตนไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว และพูดกรอกหูเขาว่าอย่าโทรมารบกวนเธออีก จากนั้นก็ตัดสายทิ้งทันที



ขณะเดินโซเซขึ้นรถเมล์เซียงเซียงเห็นว่ามีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามือถืออีกครั้งจึงคิดว่าอวี๋เฟยป่วนไม่เลิก เธอจึงตะคอกใส่ทันทีที่รับสาย ปรากฏว่าคนที่โทรฯ มาไม่ใช่อวี๋เฟยแต่เป็นผู้กำกับหยาง เมื่อคนขับรถเมล์เตือนให้ชำระเงิน เซียงเซียงจึงควานหาเงินในกระเป๋าและสอดเงินค่ารถเมล์ลงในกล่องเก็บเงินแต่ดันเผลอใส่มือถือลงไปด้วย เธอจึงต้องเอาหูแนบช่องเล็กๆ ของกล่องเก็บเงินและตะโกนลงไปในกล่องเพื่อพูดคุยกับผู้กำกับหยางอย่างทุลักทุเล เมื่อผู้โดยสารบนรถพูดเสียงดังเซียงเซียงจึงตวาดบอกให้เงียบๆ พอรู้ว่าตนเองได้รับการคัดเลือกให้เล่นบทสวี่ฮองเฮาเซียงเซียงก็รู้สึกดีใจ เธอขอโทษเหล่าผู้โดยสารที่แสดงกิริยาไม่สุภาพก่อนหน้านี้และประกาศให้ทุกคนบนรถรู้โดยทั่วกันว่าเธอได้รับเลือกให้แสดงในบทสวี่ฮองเฮา หลังลงรถเมล์แล้วเซียงเซียงก็โทรฯ บอกจินจิงว่าเธอผ่านการออดิชั่น

เมื่อ 16 ปีก่อนคริสตกาล



กงหมิงเร่งฝีเท้าเพื่อหนีการไล่ล่าของกลุ่มนักฆ่าซึ่งนำโดยจื่อซิวแต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น เขานึกถึงคำเตือนของหวังหมั่งที่บอกตนตอนเล่นหมากรุก ก่อนหันไปเผชิญหน้าและเดินเข้าหาจื่อซิวอย่างไม่หวั่นเกรง จื่อซิวจ่อดาบไปที่ลำคอของกงหมิงพลางบอกให้เขายอมรับความตายแต่โดยดี  กงหมิงกล่าวว่าถึงแม้ตนจะถูกฆ่าตายแต่ความจริงไม่ได้ตายไปด้วยและจะยังคงเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ  จื่อซิวจะแทงดาบเข้าที่ลำคอกงหมิงแต่กงหมิงกำปลายดาบเอาไว้ทำให้เลือดไหลโชก ก่อนตายเขาอยากรู้เพียงว่าหวังหมั่งรู้เห็นเรื่องที่จื่อซิวตามมาสังหารตนหรือไม่ เมื่อจื่อซิวบอกว่าหวังหมั่งเองก็รู้เรื่องนี้ กงหมิงทั้งเสียใจและผิดหวัง เขาปล่อยมือจากดาบอย่างอ่อนแรงก่อนทรุดตัวลงนั่งแล้วหลับตาหมายรอรับความตาย แม้หวังหมั่งจะสั่งให้จับเป็นและห้ามทำร้ายกงหมิงแต่จื่อซิวกลับลงดาบสังหารกงหมิงทันที 




อยู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อกงหมิงวาร์ปข้ามเวลามาโผล่บนถนนกลางเมืองใหญ่ในยุคปัจจุบัน ครั้นกงหมิงลืมตาก็พบว่าตนเองกำลังนั่งอยู่ในสถานที่แปลกตา ทั้งยังเต็มไปด้วยแสงสีและความสับสนวุ่นวาย เขาลุกขึ้นแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าตกตะลึงเพราะไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือความฝัน ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งพุ่งตรงมาที่กงหมิงซึ่งยังคงยืนอยู่กลางถนน  กงหมิงทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไรจึงได้แต่ยืนนิ่ง แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งช่วยดึงตัวเขาออกจากถนนก่อนที่จะโดนรถชน ปรากฏว่าหญิงสาวคนดังกล่าวคือเซียงเซียง เธอจับแขนเขาพลางถามด้วยความเป็นห่วงว่า "ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ พี่ชาย"  

* เนื้อหาโดย luvasianseries

นักแสดงนำ


จิ่งป๋อหรัน
รับบท กงหมิง
(นักแสดง นักร้อง ชาวจีน)



เจิ้งส่วง
รับบท หลินเซียงเซียง
(นักแสดง นักร้อง ชาวจีน)


โลกปัจจุบัน


เซี่ยอีหลิน
รับบท จินจิง
(นักแสดง ชาวไต้หวัน)



 หวงป๋อจวิน (เดนนี่ หวง)
รับบท หานอวี๋เฟย
(นักแสดง / นายแบบ ไต้หวัน - เกิดที่อเมริกา)



อิม จินอา (นานะ - สมาชิกวง After School)
รับบท จ้าวน่าน่า
(นักแสดง นักร้อง ชาวเกาหลี)



หยางเซิน
รับบท เซี่ยเสี่ยวหนาน
(นักแสดง ชาวจีน)



เซี่ยปินปิน
รับบท อู๋เทียนซิ่ว
(นักแสดง นักร้อง ผู้ดำเนินรายการ ชาวจีน)

โลกในอดีต


เฉินเสียง
รับบท หวังหมั่ง
(นักแสดง นักร้อง ชาวจีน)




โจวอวี่ถง
รับบท อิ่งเยว่
(นักแสดง ชาวจีน)



เผิงหลิง
รับบท จื่อซิว
(นักแสดง นักร้อง นายแบบ ชาวจีน)



อี้อี้จื่อ
รับบท จ้าวเฟยเยี่ยน
(นักแสดง นักร้อง ชาวจีน)



เกาไท่อวี่
รับบท หลิวอ๋าว (จักรพรรดิฮั่นเฉิง หรือ ฮั่นเฉิงตี้)
(นักแสดง ชาวจีน)



เถาฮุ่ย
รับบท สวี่ฮองเฮา
(นักแสดง ชาวจีน)




*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา