วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 52




อ๊กจองกับฮีเจใส่ความว่าการที่รัชทายาทออกไปจนเดือดร้อน เป็นความผิดของกึม ส่วนกึมเองเพื่อช่วยรัชทายาทจึงไปขอให้จูซิกกับยังดัลมาช่วย เมื่ออ๊กจองและขุนนางพยายามใส่ร้ายกึม รัชทายาทเองก็พยายามจะหาทางช่วยกึมให้ได้

เนื้อเรื่อง:
   
  
  


ในวังส่งคนออกมาตามหาสององค์ชายกันให้วุ่นวาย องค์ชายลียูนที่ถูกจับตัวไว้ใช้ไหวพริบออกมาจากห้องขังได้และได้เจอกับชอนซู ชอนซูจึงช่วยเหลือเอาไว้ และพาไปพบกับทงอี  ทงอีเป็นห่วงลียูนและยอนอิงมาก  ลียูนคิดจะปกป้องทุกคนรวมถึงยอนอิงด้วย จึงขอให้ทงอีอย่าเปิดเผยเรื่องที่ยอนอิงออกไปนอกวังกับตนเอง  เพราะลียูน รู้ว่าเรื่องนี้จะกลับมาเล่นงานยอนอิงและทุกคนได้

สนมฮีบินรู้ว่าองค์ชายลียูนออกไปนอกวังกับยอนอิง  ระหว่างที่ยอนอิงเดินทางกลับตำหนักจึงให้คนไปจับตัวมาขังไว้ และป้ายความผิดไปให้ยอนอิงว่าเป็นคนพาองค์รัชทายาทออกไปนอกวัง ลียูนไม่พอใจสนมฮีบินมากที่กล่าวหาองค์ชายยอนอิงทั้งที่เขาเป็นคนชักชวนยอนอิงออกไปนอกวังเอง สนมฮีบินก็ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงโดยบอกว่าองค์ชายยอนอิงเป็นคนล่อลวงพาองค์ชายลียูนออกไปนอกวัง จนทำให้ถูกจับขังและล้มป่วย  เพราะต้องการโค่นล้มตำแหน่งรัชทายาท


“คนที่พารัชทายาทออกไปนอกวัง ก็คือองค์ชายยอนอิงเพคะฝ่าบาท เพราะรัชทายาท ไม่เคยมีความคิดทำอะไรนอกลู่นอกทาง รัชทายาทเป็นแบบนี้เพราะองค์ชายยอนอิง นำพาให้ปีนรั้ววัง ทำให้รัชทายาทต้องเจ็บหนัก”

“เจ้าพูดเกินไปแล้วมั้งฮีบิน รัชทายาทกับองค์ชายยังเป็นแค่เด็กเท่านั้นนะ นี่เป็นแค่การทำผิดเล็ก ๆ ของเด็ก”

“นี่ฝ่าบาททรงคิดจะแก้ตัว เพื่อปกป้ององค์ชายยอนอิงเอาไว้ใช่มั้ยเพคะ พระทัยของฝ่าบาท ทรงคิดจะปกป้องแต่องค์ชายยอนอิงเท่านั้น แต่ว่า อนาคตของบ้านเมือง อย่างรัชทายาทต้องถูกมือปราบจับไปขังคุกถูกหยามพระเกียรติ สุดท้ายต้องล้มป่วยอย่างนี้แล้วนะเพคะฝ่าบาท เค้าเป็นรัชทายาทนะเพคะ เรื่องนี้ต่อให้เป็นฝ่าบาท ก็ไม่อาจจะปกป้ององค์ชายได้หรอกเพคะ ถึงเวลาฟ้าสางเมื่อไหร่ ทั้งประเทศจะรู้เรื่องที่องค์ชายยอนอิงวางแผนคิดร้ายรัชทายาท ขุนนางทั้งราชสำนักจะต้อง...ไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่เพคะ”

“ฮีบิน” พระเจ้าซุกจงหนักพระทัยมาก



ทงอีไปหาองค์ชายยอนอิงที่ถูกกักตัวไว้  องค์ชายยอนอิงบอกยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าเป็นคนพาองค์รัชทายาทลียูนออกไปนอกวัง ทงอีเข้าใจในความมีน้ำใจของลูกชาย ด้านใต้เท้าซอเข้าเฝ้าพระเจ้า ซุกจงพร้อมกับเล่าเรื่องตามที่องค์ชายยอนอิงบอก

“องค์รัชทายาทเสด็จออกไปนอกวังกับองค์ชายยอนอิงจริง เป็นเพราะองค์ชายขอให้รัชทายาทไปเล่นประเพณีข้ามสะพาน จึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขโมย และทำให้รัชทายาทถูกจับไปกองปราบ ทั้งหมดนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นคำให้การขององค์ชายยอนอิงกับองครักษ์รัชทายาท อาจเป็นเพราะเรื่องมันเกิดขึ้นกะทันหันจนเกินไป รัชทายาทและองค์ชาย จึงปิดบังฐานะ เพื่อไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่พ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าซอกราบทูล

“แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว พวกขุนนางที่ปกป้ององค์รัชทายาท ไม่มีทางเห็นเรื่องนี้เป็นความผิดพลาดของเด็ก ๆ เค้าจะต้องยกข้ออ้างนี้ มาบีบให้องค์ชายยอนอิงจนมุมแน่” พระเจ้าซุกจงตรัสอย่างหนักพระทัย

บรรดาขุนนางเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงเพื่อขอให้จัดการเรื่องนี้


“ฝ่าบาท เรื่องนี้จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ รัชทายาทเป็นรากฐานของแผ่นดิน กลับต้องมาพบเจอเรื่องไม่สมควรเลยอย่างนี้ เรื่องใหญ่เช่นนี้จะกลบเกลื่อนง่าย ๆ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นเป็นแค่ความผิดพลาดเล็กน้อย พวกท่านถึงกับมาถกกันขนาดนี้ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว” พระเจ้าซุกจงพยายามหว่านล้อม

“เรื่องเล็กหรือ ฝ่าบาทตรัสอย่างนี้ถือว่าไม่ถูกอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนนี้องค์รัชทายาทตกอยู่ในอันตรายนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท กระหม่อมขอบังอาจกราบทูล เพราะองค์ชายไม่รู้ขนบธรรมเนียมในวัง เพราะเติบโตมานอกรั้วนอกวังจึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ การสอบสวนองครักษ์รัชทายาท เดิมทีองค์รัชทายาทมีพระประสงค์จะเสด็จกลับมาก่อนชั่วโมงศึกษาในเวลาหัวค่ำ แต่เพราะองค์ชายยอนอิงพยายามที่จะรั้ง รัชทายาทไว้จนถูกใส่ร้ายจนต้องถูกจับเข้าคุก เรื่องเหลวไหลทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพราะองค์ชาย ถ้าไม่เพราะองค์ชายองค์รัชทายาทคงไม่ทำเรื่องเช่นนี้”

“เสนาขวา พูดเกินไปหน่อยมั้ง จะโยนความผิดทุกอย่างไปให้องค์ชายยอนอิงที่ยังเด็กได้ไง”

“ฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นการกระทำที่เป็นอันตรายต่อรัชทายาท และนับว่าเป็นความผิดที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะสูงต่ำ ไม่ใช่เรื่องที่จะยกเรื่องอายุมากน้อยมาเป็นข้ออ้างได้พ่ะย่ะค่ะ เพราะองค์ชายยอนอิงกระทำในสิ่งที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อองค์รัชทายาท ดังนั้นตราบใดที่พระองค์ไม่มีราชโองการลงโทษ พวกกระหม่อมก็จะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

ความขึงขังของเหล่าเสนา ยิ่งสร้างความหนักพระทัยให้กับพระเจ้าซุกจงมาก

ฮีเจให้คนกระพือข่าวว่าองค์ชายยอนอิงวางแผนคิดร้ายองค์รัชทายาท พร้อมกับปลุกระดมให้เหล่าเสนาทูลขอให้พระราชาขับไล่องค์ชายยอนอิงออกจากวัง  องค์ชายลียูนได้ยินข่าวก็ตกใจมาก


“ไม่ผิดหรอก เมื่อกี้แม่บอกว่าเค้าคิดร้ายกับเจ้า”

“เสด็จแม่ หม่อมฉันเป็นคนเสนอว่าจะออกไปนอกวังเอง องค์ชายยอนอิงไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ”

“ไม่หรอก องค์ชายยอนอิงพาเจ้าไปในสถานที่ที่อันตราย ก็เลยทำให้เจ้าต้องถูกคนใส่ร้าย ทั้งที่ก่อนหน้าเจ้าจะกลับวังแล้ว ใครเป็นคนรั้งว่าจะอยู่ข้ามสะพานก่อน ไม่ใช่องค์ชายยอนอิงหรอกรึ แล้วจะบอกว่าองค์ชายยอนอิงไม่ได้ทำผิดได้ยังไง ทำไมองค์ชายยอนอิงถึงต้องทำอย่างนั้น เพราะอยากชิงตำแหน่งรัชทายาท แม่เคยบอกเจ้าแล้วไงรัชทายาท องค์ชายยอนอิงไม่ใช่น้องชายของเจ้าแต่ว่าเค้าเป็นศัตรู และเหตุการณ์ครั้งนี้ องค์ชายยอนอิงจะต้องถูกขับออกจากวังหลวงอีกครั้ง ต่อไปนี้องค์ชายยอนอิงจะไม่มีโอกาสชิงตำแหน่งรัชทายาทได้อีก ข้าจะขับพวกเค้าออกจากวังให้ได้”

“เสด็จแม่”

“ดังนั้นตราบใดที่เรื่องนี้ยังไม่เรียบร้อยดี เจ้าห้ามออกไปไหนให้อยู่แต่ในตำหนัก แม่มาก็เพื่อมากำชับเรื่องนี้” สนมฮีบินสั่ง

“เพราะโรคของหม่อมฉันใช่มั้ย ที่ทำให้ กลัวว่าหม่อมฉันจะไม่ได้ครองราชย์ กลัวองค์ชายยอนอิงจะมาแย่งชิงตำแหน่ง ถึงได้พยายามกำจัดองค์ชายไปให้พ้น” ลียูนตัดสินพระทัยตรัสออกมา


สนมฮีบินตกใจมาก “นี่..เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ”

“หม่อมฉันรู้แล้วว่าหม่อมฉันเป็นโรคอะไร เป็นเพราะลูก อาจให้กำเนิดทายาทไม่ได้ ลูกรู้ทุกอย่างหมดแล้ว”

“รัชทายาท เรื่องพวกนี้ เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ไงรัชทายาท ข้าถามว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง ไม่ใช่หรอกรัชทายาท ไม่ว่าเจ้ารู้อะไรมา นั่นมันก็ไม่ใช่ความจริง เจ้าเข้าใจรึเปล่า ตอนนี้เจ้าแค่ร่างกายอ่อนแอ..” สนมฮีบินพยายามแก้ตัว

“เรื่องนี้ เป็นเรื่องของลูกเสด็จแม่ ลูกขอร้องล่ะ อย่าเอาคำพูดที่ไร้สาระมาหลอกลูกเลย ขอร้องพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกขอร้อง อย่าทำร้ายองค์ชายยอนอิงเพราะเรื่องนี้อีกเลย ลูกไม่มีทางยอมเสียองค์ชายยอนอิงไปเพื่อตำแหน่งรัชทายาทแน่ น้องชายที่รักลูกจากใจจริง ลูกจะเป็นพี่ชายไร้ยางอายแบบนั้นไม่ได้” องค์ชายลียูนตรัสอย่างจริงจัง สนมฮีบินไม่พอใจมาก

เหล่าเสนากลุ่มโซนนต่างก็ยื่นฎีกาให้ขับไล่องค์ชายยอนอิงไม่หยุดหย่อน มูยอลมาปรึกษาทงอีหาทางแก้ไขปัญหา โดยขอให้เปิดโปงเรื่องที่องค์รัชทายาทลียูนไม่สามารถสืบทายาทได้ แต่ทงอีไม่เห็นด้วยเพราะสงสารองค์ชายลียูน แต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้


พระเจ้าซุกจงเสด็จมาหาองค์ชายยอนอิง ยอนอิงรีบถามถึงอาการป่วยขององค์ชายลียูน  พระเจ้าซุกจงสัมผัสได้ถึงความรักที่ยอนอิงมีต่อพี่ชาย ยอนอิงยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของตัวเอง เพราะเป็นคนพาองค์ชายลียูนออกนอกวัง ทำให้เรื่องราววุ่นวายไปหมด พระเจ้าซุกจงบอกว่าองค์ชายลียูนมาสารภาพกับพระองค์แล้วว่าเป็นคนดึงดันที่จะออกนอกวังเอง ไม่ใช่ความผิดของยอนอิง

“เสด็จพ่อ คือ  คือแบบว่า  คือเรื่องนี้..” ยอนอิงพูดไม่ออก

“ฮะ ๆๆ องค์ชายยอนอิง เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบพ่อหรอก มันจะเป็นอะไรไปล่ะ การที่เจ้าสองคนต่างเป็นห่วงกันและกันนี่ต่างหากที่สำคัญที่สุด”

พระเจ้าซุกจงปลื้มพระทัยมากที่สองพี่น้องมีความรักใคร่กัน ทงอีเดินเข้ามา พระเจ้าซุกจงแย้มสรวล “เรื่องทั้งหมดนี้ เพราะเด็กสองคน ดันมีพ่อที่เป็นพระราชา ทั้งหมดมันก็เท่านี้ สำหรับข้าแล้ว เค้าทั้งสองคนล้วนเป็นลูกรัก แต่สำหรับพวกขุนนาง พวกเค้ากลับเป็นหมากที่ใช้มาแก่งแย่งอำนาจกัน ทงอี”

“หม่อมฉันได้ยินว่าพวกขุนนางมาถวายฎีกาขอให้ลงโทษองค์ชาย” ทงอีกล่าวอย่างหนักใจ

“เรื่องขุนนางพวกนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะปกป้ององค์ชายยอนอิงให้ได้” พระเจ้าซุกจงตรัสอย่างมั่นพระทัย

นายหญิงยูนสั่งคนให้ไปสังหารโฮยางและแทพุงเพื่อปิดปาก  สร้างความเจ็บใจให้กับสองพ่อลูกเป็นอย่างมาก


ฮีเจมาคุยกับสนมฮีบินว่าตอนนี้ขุนนางกลุ่มโซนนต่างประท้วงไม่เข้าประชุม ตราบใดที่พระราชายังไม่ยอมตัดสินพระทัยลงโทษองค์ชายยอนอิง และเชื่อว่าพระราชาจะไม่สามารถต้านกระแสได้ ต้องมีคำสั่งขับไล่องค์ชายยอนอิงออกจากวังอย่างแน่นอน

“และเหตุการณ์ครั้งนี้ องค์ชายยอนอิงจะต้องถูกขับออกจากวังหลวงอีกครั้ง ต่อไปนี้องค์ชายยอนอิง จะไม่มีโอกาสชิงตำแหน่งรัชทายาทได้อีก ข้าจะขับพวกเค้าออกจากวังให้ได้” สนมฮีบินกล่าวอย่างหมายมาด

ฮีเจสังเกตเห็นว่าองค์ชายลียูนหน้าตาเศร้า ๆ สนมฮีบินจึงบอกเรื่องที่องค์ชายลียูนรู้เรื่องอาการป่วยของตนเองแล้ว และให้ฮีเจลองไปคุย เผื่อองค์ชายจะเชื่อฮีเจบ้าง

องค์ชายลียูนมาพบทงอีและบอกให้สบายใจเรื่องยอนอิงได้


“ที่เสด็จแม่และขุนนางใหญ่พยายามจะขับไล่องค์ชายออกจากวัง ต้นเหตุนี้มาจากข้า เพราะว่าข้าเป็นรัชทายาท พวกเค้าคิดว่า องค์ชายยอนอิงจะมาแย่งตำแหน่งรัชทายาทไปจากข้า แต่ความจริงแล้ว ข้าไม่คู่ควรจะอยู่ในตำแหน่งนี้ ข้าจะไม่ยอมให้องค์ชายยอนอิงที่เป็นผู้บริสุทธิ์ต้องมาเดือดร้อน”

“รัชทายาท นี่หมายความว่ายังไงเพคะ เพราะอะไรถึงตรัสว่าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ หรือว่า องค์รัชทายาทได้รู้เรื่องพวกนั้นหมดแล้ว หรือว่า..” ทงอีตกใจมาก กับคำพูดเป็นนัย ๆ ขององค์ชายลียูน

 องค์ชายยอนอิงเศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงมานั่งเศร้าและเล่าเรื่องราวให้อาจารย์กูซอนฟัง

  

“ท่านอาจารย์ ข้าเป็นคนทำให้องค์รัชทายาทต้องเสียพระเกียรติ พวกขุนนางใหญ่ก็ถวายฎีกากันขอให้ลงโทษข้า ทุกคนเลยต้องถกเถียงกันใหญ่ ท่านอาจารย์ แล้วข้าจะถูกขับออกไปจากวังหลวงแห่งนี้รึเปล่า ข้าจะต้องไปอยู่บ้านอีกครั้งมั้ย แล้วข้าจะทำให้เสด็จแม่ต้องเดือดร้อนไปด้วยรึเปล่าขอรับ” ยอนอิงกล่าวอย่างเสียใจ

องค์ชายลียูนเสด็จมาทันได้ยินและตรัสแทรก “ไม่หรอกองค์ชายยอนอิง”

“รัชทายาท” ยอนอิงและอาจารย์กูซอนตกใจมาก

“จะไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นแน่ เจ้าเปี๊ยก ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เหมือนไม่ต้อนรับข้าที่มาหาเจ้าอย่างนั้นแหละ”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่เลยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรู้สึกดีใจมากจริง ๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วทำไมเจ้าไม่ยิ้มแต่ทำหน้ามู่ทู่ล่ะ ดูสิ แถมยังไม่ยอมเรียกข้าว่าพี่ชายด้วย เรียกรัชทายาทอยู่ได้” ลียูนยิ้มให้น้องชาย

“เพราะ  เพราะว่า หม่อมฉัน หม่อมฉันคิดว่าพี่ชายจะไม่มาหาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทำให้ต้องเดือดร้อนอย่างนั้น พี่ไม่อยากเจอก็ไม่แปลก” ยอนอิงพูดอย่างสำนึกผิด


“ไม่ใช่เลยองค์ชาย เป็นเพราะเจ้าได้ไง ทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ? คนที่อยากจะออกจากวังคือข้า แต่ว่าเจ้ากลับบอกเสด็จพ่อไปว่าเจ้าเป็นคนทำ เจ้าคิดดูสิ คนที่เดือดร้อนเพราะข้าก็คือเจ้า ข้าถึงรู้สึกผิดมาตลอด เจ้ายอมแบกรับความผิดเพื่อข้ามาตลอด แถมยังคอยเป็นห่วงข้าอีก แต่คนเป็นพี่ชาย กลับไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเจ้าเลย”

“พี่ชาย ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉันเอง วันนั้น ถ้าไม่ดึงดันว่าอยากเดินข้ามสะพาน ท่านก็ไม่ต้องถูกจับตัวไปกองปราบ และไม่ต้องล้มป่วยอย่างนั้น ทั้งหมดเป็นความผิดหม่อมฉันเอง” ยอนอิงยังโทษตัวเอง

“ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่หรอกองค์ชาย” ลียูน พยายามปลอบ




* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี

หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา