วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 54




ทงอีเข้าช่วยลูก ทำให้ถูกฟันและหมดสติไป เมื่อพระเจ้าซุกจงได้ยินก็รีบมาหาและสั่งให้จับตัวคนร้ายเพื่อหาตัวบงการให้ ได้ สุดท้ายจางฮีเจและอ๊กจองก็ถูกจับกุม

เนื้อเรื่อง:



  
ชอนซู กลับมาช่วยทงอีได้ทัน จากนั้นสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาดูอาการ ด้านใต้เท้าซอ สั่งให้ทหารเข้าปิดประตูเมืองทุกจุด และอย่าให้ใครออกไปได้แม้แต่คนเดียว ส่วนหัวหน้ากลุ่มคนร้ายสั่งลูกน้องว่าจะยอมให้ถูกจับตัวไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้าถูกจับทุกคนจะต้องฆ่าตัวตายทันที
 
ขันทีเข้ามาทูลรายงานพระเจ้าซุกจงว่า ตอนเกิดเหตุรัชทายาทอยู่ในห้องทรงอักษรตลอด และตอนนี้เสด็จไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
 
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท รีบเสด็จไปที่ตำหนักโบ  คยองเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ข้าหลวงวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
 
“เกิดอะไรขึ้นหา?”
 
“พระสนมซุกบินได้รับบาดเจ็บสาหัสมากพ่ะย่ะค่ะ”
 
“หะ ซุกบินเหรอ?”

หมอหลวงมาดูอาการทงอี เห็นเลือดไหลไม่หยุด จึงรีบสั่งให้คนเตรียมยากะเม็งแก้พิษเอาไว้


“นางบอกว่าเลือดไหลไม่หยุด หมายความว่ายังไงเหรอ?” ชอนซู ถาม
 
“เพราะเส้นเลือดขาดไปหลายเส้น ถ้าเลือดยังไหลไม่หยุด อาจมีอันตรายถึงชีวิต” หมอหลวง กล่าว
 
“อะไรนะ?”

“ทง ทงอี ทงอี ทงอี นี่มันอะไรกัน ทำไมนางถึงบาดเจ็บขนาดนี้ ทงอี..” พระเจ้าซุกจง ตรัสเรียกเมื่อเสด็จมาถึง
 
“เอายากะเม็งมาเพิ่มอีก”
 
“ฝ่าบาท”

“ทงอี เจ้าได้ยินเสียงข้ารึเปล่าทงอี” พระเจ้าซุกจง ตรัส
 
“ฝ่า ฝ่าบาท ฝ่าบาท” ทงอี กล่าว
 
“ทงอี เจ้าต้องอดทนไว้นะ อดทนไว้หน่อยนะ”
 
“ฝ่าบาท”

คนร้ายที่ปลอมเป็นชาวบ้านมาที่ประตูเมือง แต่ถูกทหารกันไว้ไม่ให้ออก


“อะไรกัน นี่ไฟก็ดับหมดแล้ว ทำไมไม่ยอมให้พวกข้าออกไป”

“ตอนนี้ ห้ามออกไปจนกว่าจะได้รับคำสั่ง” ทหารกล่าว
 
“แต่พวกข้าจะออกไป ทุกคนรออะไร ออกไปกันเลย”
 
“ไป ๆ ปล่อยพวกข้า ๆ”


“หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าฝันว่าจะมีชีวิตรอดออกไปได้ พวกมันเป็นคนร้ายลอบปลงพระชนม์จับให้หมด” ชอนซู กล่าว
 
“นี่มันอะไรกันใต้เท้า คนร้าย คนร้ายอะไรกัน”
 
“รองเท้าที่เจ้าใส่ไง รองเท้าหนังวัวนั่นไงล่ะ จับพวกมันให้หมด” ชอนซู สั่งทหาร จนเกิดการต่อสู้กันและจับตัวคนร้ายได้
 
“ฝันไปเถอะ ตราบใดที่ยังไม่บอกตัวบงการมา พวกเจ้าอย่าหวังจะได้ตายเลย” ชอนซู กล่าว

ลูกน้องของฮีเจ เข้ามารายงานให้ฮีเจรู้ว่า คนร้ายหนีออกจากวังไม่ได้และถูกทหารจับตัวไว้ได้
 
“พวกเค้าชิงฆ่าตัวตายไม่ทัน และถูกศาลไต่สวนจับตัวไปแล้วขอรับ”
 
“พระสนม ท่านต้องรีบหนีไปจากที่นี่แล้ว พระสนม” ฮีเจ กล่าวทูล


 “แล้วซุกบินล่ะ นางตายรึยัง?”
 
“พระสนม เราไม่มีเวลาสนใจแล้ว”
 
“ข้าถามว่าซุกบินกับองค์ชายยอนอิงตายรึยังหา?”
 
“พระสนม”

หมอหลวงรักษาทงอีจนปลอดภัย พระเจ้าซุกจงจึงรู้สึกเบาใจขึ้น


“ฝ่าบาท”
 
“เจ้าเป็นยังไงบ้าง เจ้ามองเห็น เห็นข้ารึเปล่าทงอี”
 
“ฝ่าบาท องค์ชายยอนอิง องค์ชายยอนอิงล่ะเพคะ”

ชอนซู เข้าเฝ้าพระจ้าซุกจง ทูลเรื่องการจับตัวคนร้าย
 
“คนพวกนั้น เป็นลูกน้องของจางฮีเจใช่รึปล่า หัวหน้าศาล”
 
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
 
“รีบไปลากตัวพวกมันมาหาข้า ไปเอาตัวมันมาเดี๋ยวนี้”

ทงอีพยายามจะลุกออกจากเตียง แต่พงซังกุงห้ามไว้
 
“ไปพาองค์ชายยอนอิงมา ข้าต้องการเห็นกับตาว่าเค้าปลอดภัยดีอยู่” ทงอี สั่ง


 “เสด็จแม่ ดีขึ้นรึยังพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย?”
 
“จ้ะ แม่ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ แล้วเจ้าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า หือ เอจอง”
 
“องค์ชายทรงปลอดภัยดีเพคะ ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนเลยแม้แต่น้อย” เอจอง ทูล
 
“เสด็จแม่”
 
“ขอบใจนะ ขอบใจนะที่เจ้าปลอดภัยดี ขอบใจนะ”

ฮีเจ เตรียมทหารของตนไว้รอรับพระสนมฮีบินนอกวัง แล้วทูลให้รีบหนีออกไป เพราะหากตนเองถูกซัดทอดพระสนมจะเดือดร้อนไปด้วย แต่พระสนมฮีบินตรัสว่าจะไม่หนีไปไหน
 
“ท่านไปเถอะพี่ชาย อย่างน้อยก็ขอให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไป”
 
“พระสนม”

ฮีเจ ทูลพระสนมฮีบินว่าตนไม่สามารถทิ้งพระสนมและแม่ เพื่อหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวได้


“เพราะยังไงข้าก็ไม่มีทางหนีรอดแน่ แต่สำหรับท่านยังไงก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ท่านต้องอยู่ปกป้องรัชทายาทต่อไป” พระสนมฮีบิน ตรัส
 
“ผิดแล้ว คนที่จะปกป้องรัชทายาทได้มีแต่ท่าน คนที่จะทำแบบนั้นได้มีแต่ท่านคนเดียว” ฮีเจ ทูล
 
“พี่ฮีเจคะ”
 
“เพราะข้าไม่คิดจะรอดชีวิตออกไปจากวังอยู่แล้ว ที่ข้าเตรียมทหารเอาไว้ก็เพื่อท่านเท่านั้น เพราะฉะนั้น โปรดเชื่อข้าเถอะพระสนม ความผิดทุกอย่างข้าจะแบกรับไว้เอง ดังนั้นไม่ว่ายังไงท่านก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ท่านต้องอยู่เพื่อเห็นวันที่องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์”
 
“พี่ฮีเจ”
 
“เข้าใจมั้ยพ่ะย่ะค่ะ”
 
“นักโทษจางฮีเจอยู่ที่ไหน” ชอนซูนำกำลังทหารเข้ามา


“พระสนม”
 
“พี่ชายคะ”
 
“ลากตัวนักโทษจางฮีเจไปซะ” ชอนซู สั่ง
 
“พี่ชาย”
 
“พระสนม ขอให้จำคำของข้าเอาไว้ให้ดี”
 
“พี่ชายคะ ๆ หลีกไป ข้าบอกให้หลีกไปเดี๋ยวนี้”
 
“จากนี้ไปพระสนม ห้ามออกจากตำหนักไปแม้แต่ก้าวเดียว อีกสองสามวันจะทูลเชิญเสด็จไปที่ศาลไต่สวน ไปได้” ชอนซู กล่าวทูล

วูนเทค เข้าทูลรายงานพระเจ้าซุกจงเรื่องพระสนมฮีบิน  


“คนพวกนั้นคิดร้ายกับพระมเหสีที่สิ้นพระชนม์ จนถึงกับบังอาจทำเรื่องเลวร้ายเพียงนี้พ่ะย่ะค่ะ แต่พระสนมซุกบิน แม้จะทรงทราบเรื่องทุกอย่าง แต่เพื่อเห็นแก่องค์รัชทายาท ถึงได้ทรงให้โอกาสพระสนมฮีบินครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็...นึกไม่ถึงเลยว่า พวกเค้าจะวางแผนปลงพระชนม์พระสนมกับองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”
 
“ทำไมนะ...ทำไมถึงมีเรื่องเหลวไหลอย่างนี้ขึ้นได้”

พระเจ้าซุกจงเรียกขุนนางเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรง
 
“เมื่อคืนนี้ในวังหลวง ได้เกิดเหตุการณ์ที่อุกอาจอย่างไม่น่าเชื่อขึ้น ทั้งยังเป็นการลบหลู่ราชสำนักและราชวงศ์ พวกมันกล้าทำเรื่องชั่วช้าน่าอัปยศ เป็นการกระทำที่บ่อนทำลายประเทศชาติและบ้านเมือง ที่ข้าไม่ยอมให้อภัยกับเรื่องนี้เด็ดขาด ในตอนนี้ การวางเพลิงบ้านเพื่อพยายามฆ่าสนมซุกบินและองค์ชายยอนอิง จนถึงกับทำไสยศาสตร์ สาปแช่งพระมเหสีอินฮอน และสุดท้ายก็ยังทำความชั่วช้าคิดจะฆ่าพระสนมซุกบินและองค์ชายยอนอิง เพื่อที่จะปิดบังความผิด และความชั่วช้าที่ได้กระทำเอาไว้ ดังนั้นไม่ว่าคนร้ายเป็นใคร ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ข้าจะลากตัวมันมาให้หมด และไม่ว่ามันจะเป็นใคร คนที่ทำความผิดทั้งหมดนี้ ก็อย่าได้หวังว่าจะรอดชีวิตได้แม้แต่คนเดียว”

ฮีเจถูกทหารนำตัวมาทรมานจนร้องด้วยความเจ็บปวด


 “หยุดลงทัณฑ์”
 
“พระสนมไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องให้ข้าพูดกี่ครั้งถึงจะเข้าใจฮะ ต่อให้พวกเจ้าฉีกเนื้อของข้าเป็นชิ้น ๆ ก็อย่าหวังว่าจะได้คำสารภาพอะไรจากปากข้าเลย ย้าก..” ฮีเจ กล่าว
 
“ทรมานมันต่อไป”

พระเจ้าซุกจง รับสั่งให้จับตัวพระสนมฮีบิน ไปไต่สวน ชอนซูจึงเดินทางไปนำตัวพระสนมมาแต่พระสนมตรัสยืนยันจะเดินไปเองโดยไม่ต้องให้ทหารมาคุม
 
ใต้เท้าซอ สั่งให้ทหารหยุดทรมานจางฮีเจ
 
“หยุดทรมาน อย่าเสียแรงเปล่าเลย ทุกอย่างมันจบแล้ว ความผิดของพระสนมฮีบินมันปรากฏชัดอยู่แล้ว”
 
“คนที่เหนื่อยแรงเปล่า ก็คือเจ้าไม่ใช่ข้า พวกเจ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะล้มพระสนมได้เหรอ?”
 
“งั้นหรือ แล้วถ้านำพระสนมมาที่นี่ด้วยล่ะ?” ใต้เท้าซอ กล่าว
 
“อะไรนะ?”
 
“พระ..พระสนม..” ยูนซังกุง กล่าว
 
“พระสนม”
 
“ท่านแม่ พี่ชายคะ” พระสนมฮีบิน ตรัส


 

“บังอาจนัก พวกเจ้ากล้าคุมตัวพระสนมมาเชียวรึ ข้าไม่มีทางให้อภัยพวกเจ้าแน่ ต่อให้ข้าต้องตายกลายเป็นผี ก็จะต้องเอาชีวิตพวกเจ้าให้ได้”
 
“หุบปากซะ มัวรออะไรกันอยู่ เตรียมการทรมานได้”
 
“ไม่ได้นะ ฆ่าข้าซะเลยสิ พวกเจ้ามาฆ่าข้าให้ตายเลยยังดีกว่า” ยูนซังกุง กล่าว
 
“หยุดเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าเป็นใครถึงได้กล้ามาแตะต้องตัวของข้า ข้าเป็นพระสนมเป็นมารดารัชทายาท พวกเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าใช้ทัณฑ์ทรมานกับข้า” พระสนมฮีบิน ตรัส
 
“พระสนม ที่แห่งนี้เป็นลานไต่สวน และพระสนมถูกนำตัวมาที่นี่ในฐานะนักโทษ” ใต้เท้าซอ ทูล
 
“นักโทษ ใช่ข้าเป็นนักโทษ พอใจมั้ย ข้ารู้เรื่องทุกอย่าง ข้าเป็นคนบงการเอง ข้าจ้างหมอผีมาทำไสยศาสตร์ เพื่อจะสาปแช่งพระมเหสี คนวางเพลิงบ้านพักสนมซุกบิน ให้คนร้ายเข้าวังมาฆ่านางก็คือข้า รู้รึยังล่ะ ไม่ว่าวางแผนฆ่าพระมเหสี หรือคิดจะสังหารพระสนมซุกบินและองค์ชายให้ตายก็คือข้าคนเดียว”
 
“พระสนม” ฮีเจ ตกใจ
 
“ทีนี้พอใจรึยัง เจ้ามาจับข้าไปสิ แล้วปล่อยแม่กับพี่ชายข้าไปเดี๋ยวนี้”
 
“ไม่เป็นความจริงเลย ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง คนที่จ้างคนไปวางเพลิงทำไสยศาสตร์พระมเหสีคือข้าคนนี้คนเดียว” ฮีเจ กล่าว
 
“ไม่ใช่นะ เรื่องทั้งหมดนี้ข้าเป็นคนทำ ข้าเป็นคนทำคนเดียว” ยูนซังกุง กล่าว


 “คนที่พวกเจ้าต้องการจับตัวก็คือข้าไม่ใช่รึ เจ้ารีบมาจับข้าแล้วปล่อยท่านแม่กับพี่ชายข้าไปเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ ๆ..”
 
“ฮีบิน ฮีบิน”
 
“เพคะฝ่าบาท นี่แหละความจริงที่ทรงอยากรู้มาตลอดหม่อมฉันไม่ใช่แค่คิดฆ่าพระมเหสีเพื่อให้ได้ตำแหน่งมา แต่หม่อมฉันยังคิดจะฆ่าสนมซุกบินกับองค์ชายยอนอิงด้วย คราวนี้พอพระทัยรึยัง ได้คำตอบที่พอพระทัยรึยังเพคะฝ่าบาท”

องค์รัชทายาท เสด็จมาหาพระสนมฮีบิน


“รัชทายาท”
 
“เสด็จแม่ ได้โปรด อย่ายกโทษให้ลูกเลยพ่ะย่ะค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของลูกเอง ที่เสด็จแม่ต้องเป็นอย่างนี้ มันเป็นความผิดของลูก”
 
“เจ้ากลับไปซะรัชทายาท เจ้าไม่ควรจะมาที่แบบนี้”
 
“เสด็จแม่”
 
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ถ้าทำแบบนี้เจ้าอาจจะเดือดร้อนไปด้วย”
 
“ข้าจะรับโทษกับเสด็จแม่ ที่ท่านต้องถลำลึกมาถึงวันนี้ เป็นความผิดของลูกเอง”
 
“ไม่จริง เจ้าอย่าพูดอย่างนี้รัชทายาท เจ้ามองหน้าของแม่เอาไว้ เจ้าจำไว้ให้ดี เจ้าอย่าหวั่นไหวเชียวล่ะ เจ้าจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ขุนนางกลุ่มโซนนจะคอยปกป้องเจ้าเอง ดังนั้นเจ้าอย่าเพิ่งยอมแพ้ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็จะต้องเป็นพระราชา”
 
“เสด็จแม่”
 
“เพื่อจะปกป้องเจ้าเอาไว้ แม่ทำอะไรลงไปบ้างเจ้าลืมไปแล้วเหรอ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็จะต้องมีชีวิตอยู่ เจ้าจะต้องอยู่ต่อไป เพื่อเป็นพระราชาของประเทศนี้ให้ได้ เจ้ารับปากแม่สิ รับปากแม่ ว่าจะต้องเป็นพระราชาให้ได้ตามที่แม่หวัง รับปากแม่นะรัชทายาท เจ้าจะต้องเป็นพระราชาให้ได้”

องค์ชายกึมมาสอบถามทงอี เรื่องที่พระสนมฮีบินคิดจะฆ่าตนกับเสด็จแม่ เป็นเรื่องจริงหรือ

 
“ทำไมพระสนมต้องทำอย่างนั้นด้วย ทำไมพระสนมต้องเกลียดลูกมากขนาดนี้ด้วย ลูกทำอะไรผิดไปหรือพ่ะย่ะค่ะ ใช่รึเปล่าเสด็จแม่”
 
“ไม่ใช่หรอกลูก มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกกึม”
 
“แต่ว่า พระสนมฮีบินเกลียดลูกจริง ๆ พระองค์ถึงได้คิดอยากจะฆ่าลูกแบบนี้ไง ลูกได้ยินนางในที่ตำหนักรัชทายาท พูดว่าลูก พูดว่าลูกอยากจะแย่งตำแหน่งของรัชทายาท พระสนมฮีบินถึงได้ทำอย่างนี้ใช่รึเปล่า แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะลูกไม่เคย ไม่เคยมีความคิดแบบนั้นแม้แต่ครั้งเดียวเสด็จแม่”
 
“กึม”
 
“แต่ว่า ลูกไม่เข้าใจว่าทำไมพระสนมต้องทำแบบนั้น เสด็จแม่บอกให้ลูกกับองค์รัชทายาทรักกันไว้ ทำไมพระสนมฮีบินกลับคิดจะ..ฆ่าลูก..” องค์ชายกึม ตรัส

ทงอี รู้สึกเจ็บปวดกับคำถามขององค์ชาย กึม จึงเดินทางไปหาพระสนมฮีบิน เพื่อถามว่าทำไมนางคิดจะฆ่าตนกับองค์ชายยอนอิง


 “แปลกจริงนะ ที่เจ้ายังอุตส่าห์มาหาข้าด้วยตัวเอง หรือว่าเจ้าต้องการเห็นสภาพน่าสมเพชของข้า..ด้วยตาของเจ้าเองงั้นรึ? แต่ถ้ามันไม่ใช่อย่างนั้น หรือว่าเจ้าหวังว่าข้าจะยอมก้มหัวให้เจ้าคุกเข่าขอให้เจ้าไว้ชีวิตงั้นรึ?”
 
“เพคะ พระสนมตรัสถูกแล้ว เรื่องที่ท่านอยากฆ่าหม่อมฉัน รวมไปถึงอยากจะฆ่าองค์ชายยอนอิง หม่อมฉันแค่คิดว่า อย่างน้อยหม่อมฉันก็ควรจะได้รู้เหตุผล แล้วก็คิดว่าท่านควรจะขอโทษหม่อมฉัน ทำไมท่านถึงได้ทำอย่างนั้น หม่อมฉันสัญญาแล้วว่าองค์ชายยอนอิงไม่มีวันคิดร้ายต่อรัชทายาท หม่อมฉันเคยบอกกับท่านว่า หวังแค่ให้องค์รัชทายาทและองค์ชายได้เป็นพี่น้องที่รักกัน ทั้งหมดนั้นมันคือคำพูดจากใจจริง แล้วทำไม ท่านถึงยังไม่เชื่อและคิดทำเรื่องแบบนี้อีก”
 
“หึ เจ้าอยากรู้จริงรึ? สิ่งที่ข้าไม่เชื่อก็คือการเมือง ข้าไม่เชื่อถือคนในราชสำนัก เข้าใจรึยัง เจ้าเคยสัญญาอะไรมันไม่สำคัญเลย สุดท้ายพวกขุนนางที่ต้องการอำนาจ ก็จะต้องใช้องค์ชายยอนอิง
มาผลักไสรัชทายาท และถึงที่สุดเจ้าก็จะจำต้องทำอย่างนั้น”
 
“พระสนม”
 
“จะให้ขอโทษรึ ไม่มีทาง ข้าไม่เคยคิดว่าข้าทำอะไรผิดต่อเจ้าเลยสักนิด เข้าใจรึยัง ข้าแค่โกรธที่ไม่สามารถฆ่าเจ้ากับองค์ชายยอนอิงสำเร็จ มันก็เท่านั้น”

“ในที่สุดก็มาถึงขั้นนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่จำเป็นเลย ทุกอย่างมันสามารถแก้ไขได้ ครั้งสุดท้ายที่เสด็จมาหาหม่อมฉัน ท่านตรัสเรื่องโชคชะตาใช่รึเปล่า ที่บอกว่าคนนึงเป็นแสงสว่าง แต่อีกคนจะเป็นได้แค่เงา โชคชะตาที่ท่านพูดถึง ท่านเข้าใจผิดแล้ว โลกนี้ไม่มีอะไรเรียกว่าโชคชะตา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ท่านเป็นคนเลือกที่จะทำมันเองทั้งนั้น”

 “อะไรนะ”

 “เพราะฉะนั้น จะการเมืองราชสำนัก โชคชะตาหรืออะไรก็ตาม ท่านอย่าไปโทษอะไรอีกเลย ท่านไม่ควรจะมีจุดจบเช่นนี้ ก็แค่ในตอนแรกท่านยอมเลือกเดิน และตอนนี้หม่อมฉัน..ก็พอจะเข้าใจแล้วว่า มาถึงตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างคงไม่อาจที่จะแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว” ทงอี กล่าว


พระเจ้าซุกจง รู้สึกลำบากใจที่จะตัดสินลงโทษประหารพระสนมฮีบิน เพราะกลัวองค์รัชทายาทจะสะเทือนใจ องค์ชายลียูนมาคุกเข่าหน้าตำหนักเพื่อให้พระเจ้าซุกจงอภัยให้พระสนมฮีบิน เมื่อเวลาผ่านไป สามวันก็หมดสติลง

 “รัชทายาท รัชทายาท เจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ รัชทายาท” พระเจ้าซุกจง ตรัส

 “เสด็จพ่อ ลูกขอร้องล่ะ อภัยให้เสด็จแม่”

 “รัชทายาท”

 พงซังกุงมารายงานทงอีเรื่ององค์รัชทายาทเป็นลมหมดสติไป แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว ด้านพระเจ้าซุกจงได้ให้หมอหลวงมาดูอาการองค์ชายลียูน

 “ไม่ต้องทรงกังวลพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวง ทูล

 “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจเจ้ามาก”

 “ฝ่าบาท”

 “รัชทายาท ข้าไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากยังไงกับเจ้าดี”

 “เสด็จพ่อ” องค์ชายฟื้นขึ้นมา


 “เรื่องนี้ทำให้เจ้ารู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนี้ ดังนั้นเจ้ารู้มั้ย ว่าพ่ออยากจะหนีจากเรื่องนี้มากแค่ไหน แต่พระสนมฮีบิน เสด็จแม่ของเจ้า ทำความผิดที่ไม่อาจลบล้างได้ และความผิดนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจให้อภัยได้”

 “เสด็จพ่อ”

 “พ่อขอโทษรัชทายาท หวังว่า เจ้าจะยอมให้อภัยพ่อ ที่ไม่มีทางเลือก รัชทายาท” พระเจ้าซุกจง ตรัส

 พระเจ้าซุกจงเสด็จมาหาพระสนมฮีบิน


“ตอนแรก ตอนแรกข้ารู้สึกโกรธเจ้ามาก ว่าทำไมเจ้าถึงทำเรื่องโหดร้ายขนาดนี้ได้ลง ทำไมถึงทำให้รัชทายาท รวมถึงทำให้ข้าต้องตัดสินใจอย่างเจ็บปวดอย่างนี้ ข้าโกรธเจ้ามาตลอด ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าคนเดียว คนที่เคยหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีถึงขนาดนั้น ต้องกลายเป็นแบบนี้ อาจเป็นความผิดของข้าเอง ถึงอย่างนั้น ข้าก็คง..ไม่อาจให้อภัยกับความผิดนี้ได้ เพราะว่าเจ้าเดินมาไกลจนเกินไปแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าฆ่าตัวตายเถอะ นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้า..จะทำเพื่อเจ้าได้”

 “ฆ่าตัวตายหรือเพคะ ไม่เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันจะไม่ทำอย่างนั้น หม่อมฉันอยากตายด้วยพระหัตถ์ของฝ่าบาท ประทานยาพิษให้หม่อมฉันเถอะเพคะ”

 “ฮีบินนี่เจ้า..”

 “หม่อมฉันไม่เคยเสียใจเลยแม้แต่น้อย ต่อให้ย้อนเวลาสามารถกลับไปได้ หม่อมฉันก็ยังจะเลือกเดินทางเดิม คงจะมีแค่เรื่องเดียวที่.. หม่อมฉันรู้สึกเสียใจก็สายไปแล้ว นั่นก็คือ หม่อมฉันเคยมอบหัวใจให้กับฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ควรจะทำแบบนั้น ถ้าไม่เป็นแบบนั้น หม่อมฉันคงไม่อยากครอบครองทุกอย่าง และไม่เกลียดแค้นสนมซุกบินมากขนาดนั้น นี่เป็นความผิดพลาดอย่างเดียวที่หม่อมฉันทำ นี่คือผลตอบแทนของความผิดพลาด..ที่ไปรักฝ่าบาทเพคะ”

 “อ๊กจอง”

 “ขอให้ฝ่าบาทได้โปรด พรากชีวิตหม่อมฉันไปด้วยหัตถ์ของพระองค์เอง อย่าได้หนีเพคะ โปรดประทานความตายให้หม่อมฉัน..ด้วยหัตถ์ของพระองค์เองเถิด แค่นี้พระองค์จะทำได้มั้ยเพคะ ในช่วงที่ผ่านมา ถ้าเคยมีสักช่วงสั้น ๆ ที่ฝ่าบาทเคยรักหม่อมฉัน ฝ่าบาทก็ควรจะร่วมเจ็บปวดไปพร้อมหม่อมฉันไม่ใช่หรือ?”

 พระเจ้าซุกจง ให้ข้าหลวงตามขุนนางมารวมกันที่ท้องพระโรง


 “วันนี้ข้าจะอ่านคำประกาศ ตัดสินลงทัณฑ์ นักโทษที่ก่อคดีอุกอาจต่อราชวงศ์ ในเดือนสิบปีซินซาต่อหน้าขุนนางทุกท่าน”

 “ปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” ฮีเจตะโกนร้อง

 “นักโทษจางฮีเจและนายหญิงยูน มีโทษฐานคิดร้ายต่อราชวงศ์และราชสำนัก ถือว่าได้กระทำความผิดขั้นมหันต์ ความโหดเหี้ยมที่ทำลงไป มากจนไม่สามารถบรรยายได้ และนักโทษเหล่านี้ เคยทำไสยศาสตร์เพื่อสาปแช่งพระมเหสี ลอบฆ่าพระสนมซุกบินและองค์ชาย เป็นความผิดที่เกินกว่าจะสามารถให้อภัยได้ ข้าจึงจะตัดสินให้ลงโทษ อดีตผู้บัญชาการจางฮีเจ และนายหญิงยูนผู้เป็นมารดา รวมถึงเหล่าข้ารับใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้รับโทษหนักตามความผิด ทั้งประหารตัดหัวและให้เนรเทศออกไป รวมถึงพระสนมฮีบินพระสนมเอกเรือนชีซอน เป็นถึงพระมารดารัชทายาท กลับไม่ดำเนินหน้าที่อันพึงมีของตน กลับไปร่วมวางแผนกระทำความผิดร้ายแรงทั้งหมดที่กล่าวมา ความผิดนี้จึงไม่อาจให้อภัยได้เช่นกัน ดังนั้นข้าจะขอตัดสินให้พระสนมมีโทษเท่าเทียมกัน วันที่ 8 เดือน 10 ปีซินซา ให้พระสนมจางฮีบินพ้นจากตำแหน่ง และพระราชทานยาพิษให้”

จองซังกุงมารายงานทงอีเรื่องพระสนมฮีบิน


 “ให้ดื่มยาพิษงั้นเหรอ?”

“เพคะพระสนม ฝ่ายตรวจการเพิ่งจะได้รับราชโองการมาอย่างนี้เพคะ”

“ลงโทษเมื่อไหร่ ทรงมีรับสั่งให้ประหารในวันไหนหา?”

 “วันนี้เพคะพระสนม” จองอิม ทูล

“ฝ่าบาทมีราชโองการให้พระราชทานยาพิษเพื่อประหารในวันนี้เพคะ” จองซังกุงทูล


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี

หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา