วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 25




ฮวางจองได้กลับมาทำงานที่เจจุงวอนอีกครั้ง เฮรอนบอกกับนักศึกษาแพทย์ทุกคน

“นักศึกษาฮวาง ๆ ว้าว ๆ”

“โอ้ย พี่ฮวาง พี่ดูหล่อจริง ๆ

“คุณหนู” ฮวางจองเอ่ยทัก

ซ๊อกรันยิ้มอย่างดีใจ “ฮวางจอง”





 “นักศึกษาฮวาง ยินดีด้วยนะ” โดยังกล่าว

“ขอบคุณมากนะ นักศึกษาเบ๊ก”

“นักศึกษาฮวาง ได้รับประทานอนุญาตให้มาเป็นแพทย์ฝึกหัดของเจจุงวอนต่อไป” เฮรอนประกาศต่อหน้าทุกคน

“พี่ฮวาง พูดอะไรกับพวกเราหน่อยสิ นะ” โกบอก

“เชิญครับ”

ฮวางจองมองทุกคนอย่างดีใจ “ข้า... แพทย์ฝึกหัด ฮวางจองครับ ชื่อ ๆ นี้ไม่ใช่ชื่อของคนอื่นอีกแล้ว และตอนนี้ข้าก็ไม่ได้ชื่อโซกึนแกแล้ว พระราชาพระราชทานชื่อใหม่มาให้กับข้า ตอนนี้ข้าจึงมายืนต่อหน้าทุก ๆ คนในที่นี้ภายใต้ชื่อใหม่ ที่ผ่านมา ข้าสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไม่น้อย ข้าจึงอยากขออภัยทุกคนด้วย จากนี้ไปข้าจะพยายามทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะแพทย์ฝึกหัดของ..เจจุงวอนให้ดีที่สุด”

ฮันยกมือเหมือนต้องการพูดอะไร เฮรอนมองก่อนจะเรียกชื่อ “นักศึกษาฮัน”

“ยังไง ข้าก็เรียนร่วมห้องกับคนฆ่าสัตว์ในฝรั่งไม่ได้”

“นักศึกษาฮัน เลือดที่ไหลอยู่ในตัวข้านี้ ไม่ต่างอะไรกับเลือดที่ไหลอยู่ในตัวพวกท่านทุกคนที่นี่เลย อย่าเห็นว่าเลือดข้าเป็นเลือดคนฆ่าสัตว์ ขอให้มองด้วยมุมมองของการแพทย์ ข้าขอร้องล่ะครับ” ฮวางจองขอร้องอย่างจริงใจ

เฮรอนนำชุดมาให้ฮวางจองใส่พร้อมกับตารางการทำงาน

“ตารางการทำงาน ถึงเวลาที่ผมต้องทำตามสัญญาที่ผมเคยสัญญาไว้ ว่าจะให้นักศึกษาอันดับหนึ่ง สามารถที่จะรับคนไข้ของตัวเองได้ ดังนั้น คุณสามารถตรวจโรค และจ่ายยาเองได้ แต่คุณยังจะต้องทำบันทึกเอาไว้ทุกราย ถ้าหากมีคนไข้อาการหนัก ควรรีบรายงานผมทันที”

ฮวางจองยิ้ม มองตารางการทำงานของเขา ที่เขาสามารถตรวจคนไข้ของตัวเอง “ครับ ข้าจะทำตามนั้น”

“ผมอยากจะพูดอะไรสักคำนึง ที่อเมริกา ประธานาธิบดีลินคอนเคยประกาศเลิกทาส คนผิวดำตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีคนผิวขาวจำนวนมาก ที่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นพวกเค้าเป็นคนในระดับเดียวกัน นักศึกษาฮวาง ถึงแม้ว่าคุณจะพ้นจากชนชั้นคนฆ่าสัตว์ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่มองคุณเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิม ดังนั้นคุณต้องเข้มแข็งไว้ เพราะจะมีคนอีกมาก ที่เชื่อมั่นและชื่นชอบคุณ”



“ขอบคุณท่านมากครับ” ฮวางจองกล่าวขอบคุณในคำให้กำลังใจของเฮรอน

“ถ้าคุณไม่อยากจะให้คนอื่นมาดูถูกคุณ ในฐานะแพทย์ คุณจะต้องเป็นแพทย์...ที่สมบูรณ์แบบ เอาชนะอุปสรรค จนกว่าจะได้รับความเท่าเทียม”

“ผมจะจำไว้ให้ดีครับ”

“ดีมากครับ ในวันหน้า คุณอาจต้องไปตรวจนอกสถานที่”

“ขอบคุณมากครับ ผอ.”

ฮวางจองนำตารางการทำงานของเขามาให้ซ๊อกรันดู ซ๊อกรันเห็นก็ประหลาดใจมาก “นี่เป็นตารางตรวจโรคนี่?”

“อ้อ ครับ อาทิตย์ละสองครั้ง อังคารกับพฤหัส เค้าจัดเอาไว้อย่างนี้”

“โอ้ว...ยินดีด้วยนะคะ จากนี้ไปไม่ว่าท่านจะทำอะไร ก็จะได้รับการเคารพยกย่องสักทีนะ”


“แหม ข้าไม่ได้หวังการเคารพยกย่องหรอก”

“เรื่องนั้นข้ารู้ดี แต่คำที่พวกเค้าเรียกยกย่อง ท่านก็คู่ควรจะรับไว้แล้วนี่”

“ขอบคุณมากนะครับ”

“รีบไปดูที่ห้องเรียนสิ วันนี้ที่นั่นจัดงานเลี้ยงฉลองให้ท่านเป็นพิเศษ”

“หา?” ฮวางจองตกใจ อุทาน

“รีบไปสิ”
เฮรอนนำฮวางจองมาแนะนำกับแอพเพน

“โอ้ว มิสเตอร์ฮวาง ผมชื่อแอพเพนเซลเลอร์ครับ พ้นเคราะห์ไปสักทีนะ”



“หลวงพ่อแอพเพนเซลเลอร์ ต้องขอบคุณท่านมาก ข้ารู้ว่ามีคนหลายคนที่ช่วยวิ่งเต้นให้ข้า อ้อ หลวงพ่ออันเดอร์วูด ขอบคุณท่านมากครับ”

“ไม่หรอก ทั้งหมดเป็นเพราะ ผอ.เฮรอนกับคุณต่างหากที่ต่อสู้มาได้”

“แต่ถ้าหากไม่มีความช่วยเหลือของทุกคน พระราชาก็คงไม่ยอมเปิดใจมาพิจารณา”

“นั่นสิคะ มีหนังสือร้องเรียนที่นักศึกษาโกรวบรวมรายชื่อของทุกคนด้วย แล้วก็คุณซ๊อกรัน เธอเป็นคนที่เหนื่อยที่สุดแล้ว” ฮอร์ตั้นบอก



“แหม...ไม่หรอกค่ะ” ซ๊อกรันเขิน ๆ ฮวางจองมองซ๊อกรันอย่างขอบคุณ “ไม่จริงหรอก ข้าต้องขอขอบคุณคุณหนูซ๊อกรันมาก ๆ เพราะคุณหนูที่ทำให้ข้าไม่หมดหวังไปซะก่อน”

“ไม่จริงหรอก” ซ๊อกรันยิ้ม

“วันนี้รู้สึกเหมือนได้เลื่อนชนชั้นเลยนะ”

“พวกเจ้าก็รู้ใช่มั้ย หืม ฮวางจองได้เลื่อนชนชั้น ข้าก็มีผลงานไม่น้อยนะ” ชักแทคุย

“หน็อยแน่ แล้วตอนนี้ใครได้กินดีอยู่ดีเพราะได้พึ่งใบบุญนักศึกษาฮวางน่ะ แต่ว่าไปแล้ว แค่ข้าได้เห็นหน้าเค้า ข้าก็รู้สึกมีความสุขแล้วล่ะ ชีวิตคนเราอะไรก็เป็นไปได้เนอะ” มักเซงค้อนชักแท

“ใช่แล้วพี่สาว อีกซักสองสามปีนะ อาจจะมีเรื่องมงคลดี ๆ รอเราอยู่ก็ได้ เหมือนเราสองคนไง ฮะ ๆ ๆ อ้ำ...”

“เชิญ ๆ ๆ ๆ เอ่อ ทุกคนได้โปรดฟังทางนี้หน่อยครับ แพทย์ฝึกหัดเบ๊กโดยังไม่อยู่ ข้าแพทย์ฝึกหัดโกจังกุน เป็นตัวแทนนักศึกษาแพทย์ทั้งหมด ท่าน ผอ. ครับ เราน่าจะชนแก้วดื่มฉลองที่แพทย์ฝึกหัดฮวางกลับมาอย่างปลอดภัยนะ” โกประกาศ

“เรื่องนี้ผมเห็นด้วย ทุกคนยกแก้วขึ้นมา” เฮรอนยกแก้วนำ

“พยาบาลโซซาไม่ได้ลงชื่อในหนังสือร้องเรียนนี่”

“เปล่าสักหน่อย ตอนหลังข้าก็ได้ลงนะ”

“ฮะ ๆ ถือว่าลงละกัน มา ขอเชิญทุกท่านชนแก้ว ท่าน ผอ. พูดอะไรหน่อยครับ”

“ก่อนอื่นก็ยินดีที่นักศึกษาฮวางกลับมาสู่เจจุงวอน แล้วก็ขอให้อนาคตของเจจุงวอนรุ่งโรจน์ไปอย่างยาวไกล ดื่มเพื่อเจจุงวอน” เฮรอนชูแก้ว ก่อนจะยกดื่ม

“เย้ ๆ” ทุกคนทำตามอย่างสนุกสนาน
ซุนฮอง เจ้ากรมกลาโหมที่ลูกสาวฆ่าตัวตายเพราะฮวางจองยังผูกใจเจ็บ “เจ้าคนที่ชื่อฮวางจองนั่น กลับไปที่เจจุงวอนแล้วใช่มั้ย?” ซุนฮองถามโดยัง


“ครับ”

“ตลอดชีวิตข้า จงรักภักดีทุ่มเทถวายชีวิตเพื่อพระราชา แต่กับเรื่องนี้ข้าไม่อาจยอมรับได้ จริง ๆ ข้าเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม จริงสิ ได้ยินว่า เจ้าหมอนั่นเองก็เป็นคนทำให้พ่อเจ้าเพื่อนรักของข้าต้องตาย ตอนนั้นเจ้าเก็บความโกรธแค้นไว้ยังไง?”

“ข้าไม่ได้เก็บกดเอาไว้ หลังจากเวลาผ่านไป บวกกับได้ศึกษาความรู้ด้านการแพทย์มากขึ้น สุดท้ายข้าถึงได้เข้าใจว่านั่นเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง”

“ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้รึ? รวมถึงเรื่องที่เกิดกับลูกสาวข้าด้วยงั้นรึ?” ซุนฮองพูดอย่างมีอารมณ์

“ข้าเข้าใจความรู้สึกของคุณหนูที่เลือกฆ่าตัวตายได้ดี แต่ว่าสำหรับหมอคนนึง จำเป็นต้องนึกถึงชีวิตของคนไข้เหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ครับใต้เท้า”

“เจ้ากล้าพูดปกป้องมันต่อหน้าข้ารึ เจ้าเป็นเบ๊กโดยังคนเดิมที่ข้ารู้จักรึเปล่า?”

“ต้องขอโทษด้วยครับ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ความผิดของฮวางจอง และไม่ใช่ความผิดของลูกสาวท่านด้วย”

ซุนฮองโมโห “อะไรนะ ลูกสาวข้าต้องตายนะ ลูกสาวข้าตายทั้งคน ฮึ่ย...ข้าคิดว่าคงจะคุยกับเจ้าไม่รู้เรื่องแล้ว เราต้องเสียคนที่รักไปเพราะคนคนเดียวกันนึกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกลายเป็นพวกเจ้าหมอนั่นแล้ว คอยดูไปเถอะ คนแบบนั้นฟ้าดินไม่มีทางให้อภัยแน่”
มาตังแกมาที่บ้านล่ามยู แม่ซ๊อกรันเห็นก็ไม่ค่อยพอใจและพูดจากระทบกระเทียบ ไม่ยอมรับที่เป็นพวกคนฆ่าสัตว์ชั้นต่ำ



“โบราณว่าคนเราดูดีเพราะเสื้อผ้า”

“ไม่หรอกครับ ข้าก็แค่ทำไปอย่างนั้น เพราะเสื้อผ้าชุดเก่าถูกลูกชายเอาไปทิ้งหมดแล้วน่ะครับ” มาตังแกเจียมตัว

“ไม่เป็นไร ชุดแบบนี้เหมาะกับเจ้ามาก” ล่ามยูบอก

“แล้วเจ้ามีธุระอะไร?” แม่ซ๊อกรันถามด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ

“เอ่อ ๆ ที่ข้ามาหาพวกท่านที่นี่ ก็เพราะ เรื่องลูกชายของข้า”

แม่ซ๊อกรันร้อนตัว “ห้ะ ลูกชายเจ้าน่ะเหรอ คงไม่ได้จะมาขอลูกข้าไปแต่งกับลูกเจ้าหรอกนะ ไม่จริงใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่หรอกครับ จะเป็นเรื่องนั้นได้ยังไงกัน”

“แล้วเรื่องอะไรล่ะ?”

“นี่ ทำใจให้สบาย แล้วค่อย ๆ พูดมาเถอะ” ล่ามยูพูดขึ้น

“เอ่อครับ ก็คือว่า ที่ข้ามาหาพวกท่านถึงบ้านในวันนี้ เพราะจะมาบอกว่า ข้าจะคอยอบรมและปรามลูกข้าให้ดี ไม่ให้มาหาเรื่องวุ่นวายให้ใต้เท้าอีกต่อไปครับ เอ่อ ต่อให้ข้าจะต้องมัดขาของเค้าเอาไว้ ข้าก็จะไม่ยอมให้เค้าเข้าใกล้คุณหนูอีกต่อไป”

“ขนาดมดตัวเล็ก ๆ ยังรู้จักตอบแทนคุณเลยนะ เจ้าทำถูกต้องแล้ว จริงมั้ยคะท่านพี่” แม่ซ๊อกรันยิ้มออกมาอย่างพอใจ
หลังจากพูดธุระเสร็จ มาตังแกก็ขอตัวกลับ พอดีซ๊อกรันเพิ่งกลับมาถึงบ้านก็เอ่ยทัก



“คุณหนู คุณหนูสบายดีหรือครับ” มาตังแกทำท่านอบน้อม

“มาตังแก ได้พึ่งใบบุญลูกมาสบายตอนแก่แล้ว” มักเซงพูดขึ้น

“ท่านไม่ใช่มาตังแกแล้ว ท่านมีชื่อใหม่แล้วต่างหาก” ซ๊อกรันยิ้ม ๆ มาตังแกยิ้มเขิน “ลูกชายชื่อฮวางจอง ข้าเป็นพ่อเค้าก็เลยเพิ่มคำว่า พ่อเข้าไปข้างหลังก็เลยกลายเป็นฮวางจองพู เท่านั้นเองครับ”

“ซ๊อกรัน” ล่ามยูเรียกลูกสาว

“ค่ะท่านพ่อ ถ้างั้น เดินกลับดี ๆ นะคะชิลบก ข้าฝากเจ้าด้วยนะ”

“ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณหนู”

“ค่อย ๆ เดินนะคะ” ซ๊อกรันหันไปบอกมาตังแก

ซุนฮองแค้นฮวางจองที่ทำให้ลูกสาวตายจึงจ้างนักฆ่าหวังจะให้มาเก็บฮวางจอง นักฆ่ามาแอบดูฮวางจอง โดยปลอมมาเป็นผู้ป่วย และถาม นังนัง “คนที่อยู่ข้างในนั่น ผู้อำนวยการเจจุงวอนรึเปล่า?”


“ไม่ใช่ค่ะ นั่นคือแพทย์ฝึกหัดฮวาง ท่านคงยังไม่รู้ว่าเค้าคือ หมอที่เก่งที่สุดในโชซอนที่พระราชาทรงยกฐานะให้พ้นจากชนชั้นต่ำแล้วนะคะ”

“อ้อ งั้นเหรอ”

ฮวางจองเรียกนังนัง นังนังหันไปบอกนักฆ่าให้นั่งรอหมอเรียก โดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าฮวางจองกำลังจะมีอันตราย

เฮรอนถามอาการของมาตังแก ฮวางจองบอกว่าหลังจากที่ได้รับการดูแลและแนะนำจากเฮรอน แผลที่ขาของมาตังแกก็ดีขึ้น แต่จะเหนื่อยเวลาเดิน เฮรอนบอกว่าหากมีเก้าอี้ล้อให้มาตังแกก็คงจะดี ทำให้ฮวางจองคิดที่จะทำเก้าอี้ติดล้อให้พ่อ เขาเห็นรถจักรยานที่เสียอยู่และไม่ได้ใช้งานจึงคิดจะนำมาปรับปรุงทำเก้าอี้ล้อ ซ๊อกรันเห็นก็เข้าไปถาม และคอยช่วยฮวางจองทำจนเก้าอี้ล้อเสร็จสมบูรณ์ ฮวางจองลองให้ซ๊อกรันนั่ง และเขาก็เริ่มเข็นไปรอบ ๆ ซึ่งมันใช้งานได้ดี ซ๊อกรันบอกถ้าให้คะแนนก็ถือว่าผ่าน ฮวางจองดีใจมาก



ฮวางจองนำเก้าอี้ล้อมาให้พ่อ พ่อมองเก้าอี้ด้วยสายตาแปลก ๆ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน “ทำไมเก้าอี้มีล้องอกออกมาด้วยล่ะ”

“นี่เรียกว่าเก้าอี้ล้อค่ะ หรืออยากจะเรียกว่าเก้าอี้มีล้อก็ได้ค่ะ ต่อไปถ้าท่านนั่งเก้าอี้นี้จะไปไหนก็สะดวกขึ้น” ซ๊อกรันบอก

“เพื่อให้ท่านสะดวกขึ้น คุณหนูถึงกับสละจักรยานที่เสียทำเป็นเก้าอี้ให้เลยนะ” ฮวางจองบอกพ่อ

“คุณหนูทำเองเหรอ” มาตังแกหันไปถามซ๊อกรัน

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ข้าแค่นั่งดูอย่างเดียวเลย”

“ข้าไม่ได้บอก ว่าอยากได้ของแบบนี้สักหน่อยนี่” มาตังแกไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างฮวางจองและซ๊อกรันคืบหน้าไปมากกว่านี้ จึงไม่แสดงความยินดีนัก

“ท่านพ่อ ถ้าหากท่านพูดอย่างนี้ มันจะทำให้คุณหนูเสียใจได้นะ”

“อย่างนั้นเหรอ แต่ไม่ว่ายังไง ก็ต้องขอบคุณที่ท่านเป็นห่วงเป็นใยข้ามาตลอด”

“ก็ท่านมีปัญหาที่ขานี่ จะเดินไปไหนก็ไม่สะดวก หมอเฮรอนก็เป็นห่วงขาของท่านด้วย”

“ท่านพ่อ ท่านมาลองนั่งดูก่อนสิ ฮิ ๆ ๆ”


ฮวางจองให้พ่อนั่งเก้าอี้ล้อและเข็นมาที่บ้านใหม่ มาตังแกมองไปรอบ ๆ ไม่คุ้นก็ถามขึ้น

“นี่ เราออกห่างจากบ้านมาไกลแล้วนะ นี่จะไปไหนกันแน่เนี่ย โอ้ว ที่นี่ที่ไหน”

ชักแทเดินออกมาจากบ้านก็ร้องทัก “โอ้ว นายท่านกลับมาแล้วหรือครับ เหอะ ๆ ๆ”

“สวัสดีครับลุง” มองซงทักขึ้นบ้าง

“ท่านพ่อครับ ที่นี่จะเป็นบ้านใหม่ของพวกเรา” ฮวางจองบอกพ่อ มาตังแกมองตัวบ้าน ก่อนจะหันมามองลูกชาย “นี่เจ้าพูดจริงเหรอ?”

“นี่เป็นบ้านที่ฮวางจองเอาเงินที่พระราชาประทานให้มาซื้อ แถมมีห้องของข้าด้วยนะ”

“นี่เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย?” มาตังแกพูดอย่างตื่นเต้น

“ครับ นับจากนี้ไป เราจะอยู่ที่นี่กัน”

“เอาล่ะ เชิญเข้าไปดูข้างในดีกว่า พวกข้าเก็บกวาดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แถมยังก่อไฟไว้ให้แล้วด้วย นะ ๆ” มองซงบอก พาทุกคนเดินเข้าไปดูบ้านอย่างมีความสุข



“ท่านพ่อครับ ของที่บ้านพรุ่งนี้ข้าจะขนมาที่นี่ ท่านพักให้สบายไปก่อนนะ”

“ตอนนี้ฮวางจองเค้าเป็นแพทย์ฝึกหัดแล้ว เลยไม่จำเป็นต้องพักในเจจุงวอนอีก จากนี้ไปเค้าจะได้มาอยู่บ้านใหม่กับท่านลุง” ซ๊อกรันพูดยิ้ม ๆ

“อ้อครับ แต่แบบว่า..คุณหนู ต่อไปก็อย่า มาที่บ้านของเราอีกเลยนะครับ” มาตังแกตัดสินใจพูดขึ้น ฮวางจองตกใจมาก “ท่านพ่อ”



“ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ข้าเองก็เข้าใจ แต่ถ้าท่านมาบ่อย ๆ มันไม่ดี เพราะแบบนี้ มันจะไม่ดีกับการแต่งงานของคุณหนูเองน่ะ เพราะฉะนั้นข้าหวังว่าต่อไป ท่านอย่ามาที่นี่ดีกว่า”

ฮวางจองมองหน้าซ๊อกรันที่กำลังเสียใจกับคำพูดของมาตังแก

ฮวางจองเดินมาส่งซ๊อกรัน ทั้งคู่พูดคุยกัน

“เราควรจะบอกท่านลุงถึงความสัมพันธ์ของเรารึเปล่า ข้ากลัวว่าถ้าเราพูดไปแล้วอาจจะทำให้ท่านลุง.. ต้องตกใจน่ะ”

“คุณหนูอย่ากังวลไปเลย ถ้าท่านพ่อปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้เมื่อไหร่ และท่านแข็งแรงขึ้นแล้ว ข้าจะหาโอกาสบอกกับท่านเอง แต่ว่าตอนนี้ หน้าที่ของคุณหนูก็คือ เตรียมตัวสำหรับการสอบ เรื่องอื่นเป็นหน้าที่ข้าเอง”

“ค่ะ”

“เพราะเก้าอี้ล้อของข้า รบกวนเวลาอ่านหนังสือคุณหนู เสียเวลาไปตั้งครึ่งวัน อย่างนี้คุณหนูคงได้นอนดึกอีกแน่”

“นอนดึกงั้นเหรอ ข้าอ่านหนังสือดึกเป็นประจำอยู่แล้ว ถึงที่อ่านมันจะเป็นนิยายก็เถอะ”

ฮวางจองบ่น “โอ้ย ไม่ได้นะครับ ถ้าท่านยังนอนดึกอย่างนี้ผิวสวย ๆ จะเหี่ยวแห้งแล้วก็ไม่ดีกับสุขภาพด้วย ต้องนอนหลับพักผ่อนให้พอ ความจำถึงจะดี ทำข้อสอบได้ดี”


ซ๊อกรันยิ้มกับความห่วงใยของฮวางจอง  

“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอกน่า ปกติข้าตั้งใจเรียนอยู่แล้ว”

“ครับ นั่นน่ะสินะ อ้อ ลืมไปเลย เพราะท่านเคยสอบได้ที่หนึ่งมาแล้วนี่นา”

“อ้อ นั่นสินะ อันดับหนึ่งในการสอบครั้งนี้ต้องเป็นของข้าแน่ เพราะนักเรียนแพทย์หญิง มีข้าแค่คนเดียวฮะ ๆ” ซ๊อกรันหัวเราะ ทำให้ฮวางจองหัวเราะตามกับคำพูดติดตลกของคนรัก

แม่ซ๊อกรันเรียกโดยังมาพบและนำชุดสูทใหม่ออกมาให้ โดยังมองดูสูทก็รู้ว่าราคาแพงมาก เพราะมีเนื้อผ้าอย่างดี



“ชุดสูทนี้ข้าซื้อให้คุณชายโดยัง ของถูกจะไปเหมาะกับท่านได้ยังไง”

“ขอบคุณมากครับ ต้องขอบคุณจริง ๆ”

“ต้องขอโทษด้วยที่เรียกมาทั้งที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ก็ช่วงที่ผ่านมาท่านไม่ได้มาที่บ้านเราเลย ข้าอยากเจอเลยต้องถือโอกาสเชิญมา ข้าไม่เคยเห็นคุณชายเงียบขรึมอย่างนี้มาก่อนเลย”

“ไม่มีอะไรครับ”

“อย่าเพิ่งท้อแท้นะ เพราะถึงยังไงข้าก็ยังยืนอยู่ข้างคุณชายโดยัง” แม่ซ๊อกรันพูดทำนองว่า เขายังสนับสนุนโดยังเรื่องซ๊อกรัน “ตอนนี้ข้าเองก็คงจะไม่มีหน้าไปขอให้ท่านมาช่วยดูแลซ๊อกรันอีกแล้วล่ะ แต่ยังไงซ๊อกรันกับฮวางจองก็ไม่มีทางแต่งงานกันได้ เพราะว่าพ่อของฮวางจองเคยมาหา เค้ารับปากยังไงก็จะแยกพวกเค้าออกจากกัน ถึงพ่อของซ๊อกรันไม่ได้พูดอะไร แต่เค้าก็ไม่เห็นด้วยที่พวกเค้าคบกันหรอก ท่านรู้มั้ย ว่าในใจข้าคิดอะไร?”

“อ้อ ครับ”

“ข้าไม่ได้คาดหวังว่าคุณชายจะต้องทำอะไรให้พวกเรา ข้าแค่อยากจะตอกย้ำให้คุณชายรู้ว่าท่านอยู่ในฐานะไหน”

“ครับ อย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะครับ”

“จ้ะ โอ้ย ซ๊อกรันเนี่ยมืดค่ำป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ” แม่ซ๊อกรันบ่น เมื่อเห็นลูกสาวยังไม่กลับมา เพราะต้องการให้ทั้งคู่เจอกัน

“นางอาจจะกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่เจจุงวอนก็ได้ครับ” โดยังบอก




ฮวางจองเดินมาส่งซ๊อกรัน และระหว่างทางเดินกลับบ้านก็เจอกับนักฆ่าที่สะกดรอยตามเขามา ทั้งคู่เกิดต่อสู้กัน แต่ฮวางจองก็เอาตัวรอดหนีไปได้ นักฆ่าไปรายงานซุงฮองที่เขาพลาด ไม่สามารถจัดการกับฮวางจองได้

“ขออภัยด้วยครับ ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้ง ข้าจะต้องฆ่ามันให้ได้”

“ไม่ต้องแล้ว เพราะป่านนี้มันต้องระวังตัวแล้ว คงไม่มีทางทำสำเร็จได้” ซุงฮองอารมณ์เสีย

“ถ้าอย่างนั้น..”

“ไม่ต้อง ข้ามีวิธีที่ดีกว่า เจ้านั่น มันมีพ่ออยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“ครับ มันมีพ่ออยู่”

“ดี ถ้างั้นข้าจะทำให้มันได้ลิ้มรสความสูญเสียเหมือนกับข้า ความเจ็บปวดที่ต้องเสียคนที่รักที่สุดไป” ซุนฮองคิดที่จะหันไปเล่นงานมาตังแกแทน

ฮวางจองกลับมาบ้าน เห็นพ่อยังไม่หลับก็เลยเข้าไปคุย พ่อบอกว่าไม่คุ้นกับบ้านใหม่เลยนอนไม่หลับ “ถ้างั้น ฝันอย่างแรกก็เป็นจริงแล้วสิ” มาตังแกบอกเพราะเขามีความฝันว่าอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง


“ท่านพ่อยังมีความฝันอื่นอีกเหรอ ถ้ามีพ่อก็บอกข้ามาได้เลย”

“เมื่อหลายสิบปีก่อน ข้าจะคอยเอาเนื้อไปส่งที่ร้านเหล้าชื่อดังร้านนึงมาตลอด และข้าจะได้กลิ่นหอมของกับข้าวร้านนั้นเสมอ แต่ไม่เคยรู้ว่ารสชาติเป็นยังไง ไม่เคยมีโอกาสกินเลย ฮะ ๆ ข้าก็เลย แฮ่ม อยากใส่ชุดแพรไหมอย่างนี้แล้วก็ใส่หมวกทรงสูงไปนั่งกินข้าว ไปนั่งกินข้าวที่นั่นพร้อมกับเจ้า ไม่ได้กลิ่นกับข้าวร้านนั้นนานแล้ว สำหรับเจ้ามันอาจจะเป็นแค่ข้าวต้มถ้วยเล็ก ๆ สำหรับข้ามันมากกว่านั้น”

“ข้าเข้าใจแล้ว ถ้างั้นพรุ่งนี้เราจะไปกินด้วยกันนะ ถ้างั้นท่าน ยังมีความฝันอะไรอีกมั้ย” ฮวางจองบอกพ่อ

“ฝัน ความฝันอย่างอื่นเหรอ ข้าก็อยากเห็นเจ้าแต่งงานไงล่ะ”

“คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอก ต้องรอจนกว่าข้าจะได้เป็นหมอก่อน ข้าถึงจะแต่งงาน”

“มันก็จริงน่ะ เมื่อเรียนวิชาแพทย์แล้ว ไปช่วยคนสำคัญกว่า แต่ว่า เจ้า คือว่าเจ้า..” มาตังแกอึกอัก

“ท่านพ่อพูดมาเถอะ”

“เจ้าควรแต่งงานได้แล้ว”

“ฮะ ๆ ๆ ๆ โธ่เอ้ย ท่านพ่อนี่ก็”

“ก็ถึงเวลาที่ข้าควรจะได้อุ้มหลานได้แล้วไม่ใช่เหรอ แต่ว่า คนที่เจ้าจะแต่งงานด้วย ห้ามเป็นคุณหนูซ๊อกรันนะ เมื่อกลางวันข้าเพิ่งไปหาใต้เท้ายูมา เพื่อจะไปรับรองกับท่านว่าจะไม่ยอมให้เจ้าเข้าใกล้คุณหนูซ๊อกรันอีก” มาตังแกตัดสินใจพูด ทำให้ฮวางจองตกใจมาก “ท่านพ่อ”


“ใต้เท้ายูน่ะ เป็นผู้มีพระคุณที่ดูแลเอาใจใส่ครอบครัวเรามาแต่ไหนแต่ไร และสิ่งที่มีค่าที่สุด ในชีวิตท่านก็คือคุณหนูซ๊อกรัน เจ้าก็รู้นี่ ถ้าเจ้ากับคุณหนู ยังคบกันต่อไป จะเป็นการเนรคุณกับใต้เท้า เพราะฉะนั้น ต่อไป เจ้าอย่าไปหาคุณหนูซ๊อกรันอีกเลย”

ฮวางจองอึ้งไปกับคำพูดของพ่อ

เฮรอนเข้าเฝ้าพระเจ้าโกจง และถวายรายงานเรื่องฮวางจอง “เค้าตั้งใจทำงานยิ่งกว่าเดิมซะอีก”

“งั้นก็ดีแล้ว ข้าเลื่อนชนชั้นให้เค้าไม่เสียเปล่าเลย อ้อ ท่านมาหาข้าวันนี้มีเรื่องอะไรรึ?”

“เพราะปัญหาเรื่องโรคบิด..พ่ะย่ะค่ะ”

“อะไรนะ มีโรคบิดระบาดอีกแล้วเหรอ?”

“ตอนนั้นอุตส่าห์เอาชนะโรคฝีดาษได้แล้ว ก็ยังมาเจอโรคอหิวาต์ คราวนี้ก็เป็นโรคบิดเหรอ? นึกไม่ถึงว่าโรคระบาดจะมีเข้ามาได้ไม่หยุดหย่อน”

“ดังนั้นเราต้องมีวิธีแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ” ฮอร์ตั้นกล่าวเสริม

“แล้วมีวิธีแก้ยังไงล่ะ?”

“ขอให้ฝ่าบาททรงออกกฎหมายกำหนดให้ประชาชนสร้างห้องส้วมห่างจากบ่อน้ำระยะห้าสิบก้าวเพคะ”

“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับโรคบิด?” พระเจ้าโกจงตรัสถามอย่างสงสัย

ฮวางจองทำความฝันของพ่อให้เป็นจริง โดยพามากินต้มเนื้อร้านที่พ่ออยากมากินแต่ไม่เคยมีโอกาส



“ท่านพ่อครับ จากนี้ไปกินมันทุกวันเลย ท่านอยากจะกินมันเป็นสิบปีเลยก็ได้” ฮวางจองบอกพ่อ มาตังแกกินต้มเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย

ระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งเข้ามาบอกฮวางจองว่าเพื่อนของเขาถูกแทง ทำให้ฮวางจองทิ้งพ่อไปเพื่อรักษาคนป่วย โดยที่เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นแผนการของซุนฮองที่ต้องการล่อเขาออกห่างมาตังแก เป็นโอกาสให้นักฆ่าและสมุนเข้ามาหาเรื่องและรุมซ้อมมาตังแกจนช้ำในได้รับบาดเจ็บสาหัส




ฮวางจองรีบพาพ่อไปที่เจจุงวอน แม้เฮรอนจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอและอายุมากแล้ว มาตังแกไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้และเสียชีวิตในที่สุด สร้างความเสียใจให้กับฮวางจองเป็นอย่างมาก

ซ๊อกรันต้องการแสดงความเสียใจ และเป็นห่วงฮวางจองมากจึงมาหาที่บ้าน แต่ก็ถูกฮวางจองตวาดใส่ “บอกแล้วไงว่าอย่ามา ท่านพ่อของข้า เคยบอกคุณหนูแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่ามาเยี่ยมที่บ้านของข้าอีก”



“ฮวางจอง” ซ๊อกรันตกใจมาก

“ก่อนท่านจะตาย พ่อข้าพูดกับข้าว่ายังไง คุณหนูอยากรู้รึเปล่า นี่เป็นครั้งแรก ที่ข้า ข้าซื้อข้าวต้มให้พ่อกิน พ่อบอกข้าว่า หลายสิบปีนี้ ทุกครั้งที่ท่านเอาเนื้อไปส่ง ท่านจะได้กลิ่นหอมของกับข้าวลอยมาทุกครั้ง ความฝันในชีวิตท่าน ก็คือได้ไปกินสักครั้ง นึกไม่ถึง ว่าท่านกลับต้องมาถูกคนรุมด่าว่าเป็นคนฆ่าสัตว์ แต่แต่งตัวเป็นชนชั้นสูง แล้วก็บนพื้น บนพื้นเย็นเฉียบแบบนั้น” ฮวางจองน้ำตาซึม

“ไม่ต้องพูดแล้ว อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ”




 “ไม่ได้ ได้โปรด ได้โปรด ฟังข้าพูดให้จบ ฟังข้าให้จบก่อน คุณหนู โปรดฟังข้าให้จบ พ่อข้านอนลง พ่อข้านอนลง บนพื้นที่เย็นเฉียบ แล้วถูกประณามว่า ไอ้คนฆ่าสัตว์ แต่งตัวเป็นชนชั้นสูง แล้วก็กระทืบพ่อข้าเหมือนหมา กระทืบท่านเหมือนหมาจนตาย ฮือ ๆ ๆ... แฮ่ก ๆ ๆ คุณหนู คุณหนู ถ้าท่านยังอยู่ใกล้ข้า ท่านจะมีอันตราย ท่านจำได้มั้ย พ่อข้าพูดไว้ไม่ผิด มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ พวกเราคงจะคบกันไม่ได้” ฮวางจองระเบิดออกมาอย่างอัดอั้น

“ฮวางจอง”

“นี่เป็นคำฝากฝังสุดท้ายของพ่อ ท่านบอกให้ข้าอยู่ห่างคุณหนูไว้ โปรดกลับไปเถอะ”



“ไม่นะ ทำแบบนั้นไม่ได้” ซ๊อกรันไม่ยอม ฮวางจองระเบิดเสียงออกมา “ขอร้อง โปรดกลับไปเถอะ ข้าต้องไปส่งพ่อข้าแล้ว”

“ถ้างั้น หลังจากส่งท่านลุงแล้ว เราค่อยมาคุยกันได้มั้ย” ซ๊อกรันพยายามใจเย็น เพราะเข้าใจความรู้สึกสูญเสียของฮวางจอง

โรคบิดระบาดหนักในโชซอน ขณะที่ฮวางจองยังเสียใจเรื่องที่สูญเสียพ่อไป ทำให้เขาไม่มีจิตใจทำงาน เฮรอนจึงต้องรับหน้าที่หนักโดยการรักษาคนไข้แบบหามรุ่งหามค่ำ

“เชื้อโรคของโรคบิด มันจะสามารถแพร่กระจายได้ดีในน้ำ ถ้าเราใช้หินทราย และถ่าน มาทำการกรองน้ำก่อนหนึ่งขั้น พวกสารอินทรีย์และเชื้อโรค ก็จะถูกกรองออกไปก่อน หลังจากทำการทดลองเอาน้ำบ่อ ที่ไม่ผ่านการกรอง กับน้ำที่ผ่านการกรองโดยไม่มีถ่าน และน้ำผ่านการกรองที่มีถ่านอยู่ในนั้นด้วย ผลคือน้ำที่ไม่ได้ผ่านการกรองมีเชื้อโรคปนอยู่มาก น้ำที่กรองโดยไม่มีถ่านอยู่ เชื้อโรคเริ่มลดน้อยลง แต่น้ำที่ผ่านการกรองโดยมีถ่านอยู่ด้วย เชื้อโรคก็แทบจะไม่เหลืออยู่เลย และจากผลการทดลองนี้ถ้าเราติดตั้งที่กรองน้ำไว้ในบ่อน้ำของหมู่บ้าน ถึงป้องกันเชื้อโรคไม่ได้หมด แต่อย่างน้อยก็จะช่วยในการป้องกันเชื้อโรคบิดได้อย่างดี” โดยังคุยกับเฮรอน

“ดีมาก เราจะช่วยกันทำเครื่องกรองน้ำ ไว้ที่บ่อน้ำทุกทุกบ่อ ในหมู่บ้านละแวกนี้ นักศึกษาเบ๊ก ทำได้ดีมาก” เฮรอนชื่นชม

“คนไข้โรคบิดมี 13 คนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้ เหลือที่ต้องพักโรงพยาบาล 35 คน คนไข้พวกนี้ให้ซาลอลแล้วก็น้ำเกลือ แล้วค่อยเฝ้ารอดูอาการอีกครั้ง เพื่อทำการรักษาต่อ” โดยังรายงาน


“ทำดีมาก ตอนที่พวกเราทำการสอบ จำได้มั้ยว่าคุณวินิจฉัยโรคของเค้าว่าเป็นเพราะอาหารเป็นพิษ”

“ครับ อาการของเค้าคืออาหารเป็นพิษ”

“ผิดแล้ว เค้าป่วยเป็นโรคบิด คนที่วินิจฉัยโรคถูก จึงมีแค่ฮวางจองคนเดียว ตอนที่คุณได้ยินว่าเค้าถ่ายมีเลือดคุณสงสัยว่าเป็นโรคบิด แต่พอคุณได้ยินว่าเค้าเป็นริดสีดวง เลยตัดสินไปอย่างนั้น แต่ตอนนั้น..ฮวางจองได้ถามถึงครอบครัวและอาการของคนรอบข้างของเค้าด้วย ถึงวินิจฉัยว่าเป็นโรคบิด ความแตกต่างของฮวางจองกับคุณ ต่างกันเพียงแค่นี้ ระหว่างพวกคุณยากจะตัดสินได้ว่าใครเหนือกว่า เพราะว่ามีความสามารถมากด้วยกันทั้งคู่ แต่นิสัยทำให้ได้ที่หนึ่งกับได้ที่สี่ หวังว่าคุณจะไม่จริงจังกับคำพูดผม นักศึกษาเบ๊ก ที่ผมพูดไปก็เพราะหวังดีกับคุณนะ”

“ขอบคุณท่านมากครับ”

“เอาล่ะ วันนี้ ฮวางจองคงกลับมาแล้ว แฮ่ม ออกไปดูกันเถอะ”
  
“งานศพของพ่อคุณ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?” เฮรอนถาม เมื่อเจอกับฮวางจอง

“ครับ”

“ก็ดีแล้ว หลายวันที่คุณไม่อยู่ นักศึกษาเบ๊กคอยช่วยมาทำหน้าที่แทนให้ เอาล่ะ บ่ายวันนี้เป็นเวลาตรวจคนไข้ของคุณนะ”

“ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”

“ในตอนนี้ โรงพยาบาลของเรา มีผู้ป่วยโรคบิดจำนวนมาก จนแทบไม่มีเวลาพัก”

“ถึงคนอื่นจะไม่ได้พักผ่อน แต่ท่านผอ.จะไม่พักผ่อนไม่ได้ เพราะได้แต่ตรวจคนไข้จนท่านก็ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาสามคืนแล้ว” โดยังพูดด้วยความเป็นห่วง

“พอกลางคืน ท่านก็ยังมานั่งแปลตำราแพทย์อีก” ซ๊อกรันเสริมขึ้น

“ท่านแปลตำราแพทย์เหรอครับ?”

“นักเรียนแพทย์รุ่นใหม่ที่เข้ามา จะได้เรียนตำราแพทย์ภาษาโชซอน”

“แปลหนังสือซ๊อกรันก็ช่วยผมไม่น้อย เอาล่ะ วันนี้ พวกเราเริ่มงานกันได้แล้ว” พูดได้แค่นั้น เฮรอนก็หน้ามืดล้มลง เพราะพักผ่อนน้อยทำให้ร่างกายอ่อนแอ และติดเชื้อบิด

  
เฮรอนได้รับการปฐมพยาบาลจนได้สติ

“เมื่อกี้ ผมเป็นอะไรไปเหรอ?”

“เมื่อกี้ท่านเป็นลม หมดสติไปครับ”

“อืม ผมแค่เวียนหัวนิดหน่อย ผมต้องลุกแล้ว”

“ผอ.นอนลงก่อนเถอะครับ”

“ไม่ได้ ผมยังมีงานอยู่”

“ท่านผอ. ตอนนี้ท่านเป็นโรคบิดแล้วครับ คงเพราะร่างกายกำลังอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำเลยติดจากคนไข้”

“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น ผมคงต้องเปลี่ยนห้องพัก”

“ท่านพักห้องนี้เถอะ จนกว่าห้องผู้ป่วยจะเต็ม ถ้าคนไข้รู้จะตกใจกลัวกันหมด”

“แต่ห้องนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยของเจจุงวอน ผมจะขอกลับไปพักที่ห้องผม”


  
มีผู้ป่วยโรคนิ่วในไตเข้ามารักษาตัว และต้องได้รับการผ่าตัดด่วน หมอเฮรอนรู้เข้าจึงจะฝืนสังขารไปผ่าตัด โดยังรีบห้ามไว้ เพราะหมอเฮรอนร่างกายอ่อนแอมาก “ตอนนี้ท่านยังลุกไม่ได้ครับ”

“รอให้แข็งแรงก่อนดีกว่าครับ ร่างกายของท่านตอนนี้คงไม่ไหว ข้าจะพยายามรักษาคนไข้ไม่ให้เจ็บปวด” ฮวางจองรีบบอก

“จะปล่อยให้คนไข้ทรมานไม่ได้ ไม่ได้หรอก เราต้องผ่าตัดเดี๋ยวนี้” เฮรอนพยายามจะลุกขึ้น แต่โดยังและฮวางจองรีบห้าม “ผมบอกแล้วว่าไหว ผมรู้ร่างกายตัวเองดี”

“ถ้างั้น ผมจะช่วยในการผ่าตัดนี้ด้วย” โดยังบอก

“ก็ได้ นักศึกษาเบ๊ก นักศึกษาฮวางด้วย เข้าไปในห้องผ่าตัดทั้งคู่” หมอเฮรอนตัดสินใจ


  
“ก้อนนิ่วไปอุดอยู่ที่ไตจะทำให้ปัสสาวะลำบาก และทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดทรมาน มีด ผมกำลังจะผ่าตัดเปิดช่องท้อง เพื่อตัดนิ่ว” เฮรอนตรวจคนไข้ พร้อมบอกอาการ

“ผอ. ท่านไหวรึเปล่าครับ” ฮวางจองถามอย่างเป็นห่วง


เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา