วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

เจจุงวอน ตำนานแพทย์แห่งโชซอน ตอนที่ 26




“ผอ. ท่านไหวรึเปล่าครับ” ฮวางจองถามอย่างเป็นห่วง

“ขอโทษที ผมไม่เป็นไรครับ” เฮรอนบอก แต่ดูเหมือนจะฝืนสังขารไม่ไหว 

“อย่างนี้คงไม่ไหวแน่ ต้องเลื่อนการผ่าตัดออกไป” โดยังเห็นอาการของหมอเฮรอนก็เป็นห่วงอย่างมาก

“จะเลื่อนไม่ได้ ท่อปัสสาวะของผู้ป่วยอาจอุดตัน” เฮรอนรีบบอก

ฮวางจองเห็นด้วยกับเฮรอน “ถ้าท่อปัสสาวะเกิดถูกอุดตัน จะเกิดอาการที่ของเสียไปคั่งอยู่ในไต เชื้อโรคก็จะเข้าสู่กระแสเลือด”

“แต่ตอนนี้ ร่างกายของท่านผอ. ไม่มีทางผ่าตัดได้แน่นอน”


ฮวางจองครุ่นคิดก่อนเสนอ “ท่านผอ. ท่านคอยช่วยบอกอยู่ข้าง ๆ แล้วพวกข้าจะช่วยกันผ่าตัดเอง ถ้ามีท่านคอยบอกอยู่ข้าง ๆ พวกข้าน่าจะพอผ่าตัดได้แน่”


เฮรอนคิดตามที่ฮวางจองเสนอ ก่อนจะตกลงโดยให้นังนังเอาเก้าอี้มาให้เขานั่งใกล้ ๆ เพื่อกำกับการผ่าตัด โดยให้ฮวางจองและโดยังช่วยกันผ่าตัดตามที่เขาบอก หลังจากจัดเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือเสร็จก็เริ่มผ่าตัดทันที

“เครื่องถ่าง”

“แหวกออก ตรงลำไส้ แล้วควานหาท่อปัสสาวะ”

“หาเจอแล้วครับ” โดยังขานรับ

“ค่อย ๆ คลำ จากต้นท่อปัสสาวะไปจนถึงส่วนปลายของท่อ แล้วคุณจะพบตำแหน่งที่มีก้อนนิ่วอุดตันอยู่”

“คลำพบแล้วครับ”

“นักศึกษาฮวาง คุณก็ลองคลำดูด้วย”

“ครับ พบแล้วครับ”

“ดีมาก แค่ก” เฮรอนไอเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ แม้ร่างกายจะดูอ่อนเพลียมากก็ตาม “จากนี้ ให้พวกคุณ ผ่าเอาก้อนนิ่ว ออกมาจากท่อปัสสาวะของคนไข้ ขั้นตอนต่อไป นักศึกษาฮวางผ่า”

“ครับ” ฮวางจองทำตามอย่างเคร่งครัด

“ตอนนี้เท่ากับพวกคุณสองคนได้เรียนรู้วิธีผ่าตัดก้อนนิ่วในไตแล้ว”

“มีด” ฮวางจองบอก โดยังส่งมืดให้ “ออกมาแล้วครับ”

“เอาล่ะ จากนี้เย็บปิดแผลที่ท่อปัสสาวะ แล้วก็ปิดแผล”

“ฮวางจอง ช่วยจัดการส่วนที่เหลือที ข้าจะพาท่าน ผอ.ไปที่ห้องพักก่อน” โดยังบอก

“งั้นก็ฝากท่าน ผอ.ด้วยนะ”

ฮวางจองหันไปเย็บแผลต่อ ขณะที่โดยังประคองเฮรอนออกไปจากห้อง

โดยังประคองหมอเฮรอนมาที่ห้องพัก มียองเดินเข้ามาเพื่อดูแล



“เดี๋ยวก่อน เจ้าไปที่ห้องครัว แล้วเอาน้ำแกงไชเท้าร้อน ๆ มาถ้วยนึงดีกว่า” โดยังบอก

“ค่ะ ท่านกินน้ำแกงนี้ให้หมดถ้วยนะ จะเพิ่มโปรไบโอติกในลำไส้ของคุณ”

เฮรอนยิ้ม “มียอง คุณเรียนมาเยอะเหมือนกันนะ”

“ไม่หรอกค่ะ” มียองยิ้มตอบ

“ท่าน ผอ. ท่านไม่ควรฝืนเกินไปนะ” โดยังพูดขึ้น เมื่อเห็นอาการเฮรอนไม่ค่อยสู้ดีนัก

หลังจากผ่าตัดเสร็จ ฮวางจองก็ออกมาพักผ่อน



“ภาพที่ได้เห็นนักศึกษาเบ๊กกับนักศึกษาฮวางร่วมผ่าตัดพร้อมกัน ดูดีมากเลยนะคะ” นังนังเอ่ยชม

“อย่างนั้นเหรอ?”

“ค่ะ ท่านเพิ่งจัดการเรื่องศพของพ่อเสร็จ น่าจะยังเหนื่อยอยู่มาก นึกไม่ถึงว่าจะผ่าตัดได้นิ่งมาก สมเป็นนักศึกษาฮวางจังเลย ภาพที่ตอนนั้นได้ทำปลา มานั่งกินข้าวด้วยกันที่บ้าน ข้ายังจำได้ไม่ลืมเลยค่ะ”

“ตอนยังมีชีวิตอยู่ พ่อก็ชอบพูดถึงอาหารมื้อนั้น” ฮวางจองหน้าสลดลงเมื่อนึกถึงพ่อ

“จริงเหรอคะ ท่านจะต้องไปอยู่ในที่ดีแน่ เข้มแข็งไว้นะคะ” นังนังให้กำลังใจ และหันไปหยิบก้อนนิ่วขึ้นมา 

“อ้อจริงสิ ก้อนหินก้อนนี้ เป็นหินประเภทพิเศษรึเปล่าคะ ได้ยินว่าในเครื่องสำอางก็มีส่วนผสมของหินแบบนี้”

“ไม่ใช่หรอก นั่นเป็นก้อนนิ่วที่เกิดจากการสะสมตะกอนตอนที่ปัสสาวะน่ะ” ฮวางจองขำ ๆ

นังนังตกใจ หน้าเจื่อน “หา ค่ะ ตอนแรกกะว่าจะล้างแล้วเอากลับบ้านหน่อย”

นังนังเดินออกไป ซ๊อกรันก็เดินเข้ามาทักทาย “ฮวางจอง ข้าได้ยินว่าท่านเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ ตอนนี้หิวรึเปล่าคะ?”



ฮวางจองเห็นซ๊อกรันก็นึกถึงคำพูดของพ่อ ที่ไม่ต้องการให้เขาคบหาใกล้ชิดกับซ๊อกรัน เขาจึงหาทางเลี่ยง “ข้าคงต้องไปเยี่ยมท่าน ผอ.ก่อน ท่านร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ข้าคิดว่าควรจะหาเวลาไปตรวจคนไข้ให้มากขึ้นหน่อย”

“ต่อไปท่านคงจะยุ่งขึ้นมาก เดี๋ยวสิคะ” ซ๊อกรันหน้าเศร้า

“อีกเดี๋ยวจะมีคนไข้เข้ามา ข้าคงต้องรีบไปแล้วล่ะ” พูดจบฮวางจองก็เดินเลี่ยงออกไป

ฮอร์ตั้นมาถวายรายงานเรื่องการป่วยของหมอเฮรอนต่อพระเจ้าโกจง



“หมอเฮรอนพักที่นั่นก็เพราะอยากจะอยู่ใกล้คนไข้ ดังนั้นถึงต้องพักในเจจุงวอนท่านก็รู้สึกเต็มใจ แต่ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้เค้าคงจะแย่แน่เพคะ”

“ข้าควรจะหาวิธี ทำให้หมอเฮรอนไปพักที่อื่นซะแล้วมั้ง” พระเจ้าโกจงครุ่นคิด

“ฝ่าบาทควรจะมีพระบัญชาไปถึงหมอเฮรอนเพคะ อ่อ แถว ๆ เขานัมฮันมีบ้านพักตากอากาศของพวกมิชชันนารีอยู่หลังนึงใช่มั้ยเพคะ?” พระมเหสีกราบทูล

“ก็ดีนะ ข้าจะมีคำสั่งให้หมอเฮรอน ไปพักผ่อนรักษาตัวสักหน่อย”

“ฝ่าบาท เป็นพระกรุณาธิคุณยิ่งเพคะ”

“แต่ว่า ข้าเป็นห่วงว่าถ้าหมอเฮรอนไม่อยู่ โรงพยาบาลเจจุงวอนจะไม่วุ่นวายแย่เหรอ?” พระเจ้าโกจงตรัสถาม

“เรื่องนั้นวางพระทัยได้เพคะ เพราะทุกคนในเจจุงวอนรวมถึงหม่อมฉันจะดูแลคนไข้อย่างเต็มที่ อีกอย่างนึง มีนักศึกษาฮวางอยู่ทั้งคน คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพคะ” ฮอร์ตั้นกทราบทูล

“เจ้าหมายถึงฮวางจองเหรอ อืม เค้าอยู่ด้วยข้าก็วางใจ” พระเจ้าโกจงพยักพระพักตร์ วางพระทัย

คูฮอน ผู้จัดการโอ และเจอุ๊กทราบข่าวเรื่องที่พระเจ้าโกจงจะให้หมอเฮรอนไปพัก และกลัวว่าฮวางจองจะได้ขึ้นมาแทนตำแหน่งเฮรอน



“ถ้าเจ้าฮวางจองแทนที่ ผอ. ก็เท่ากับให้คนฆ่าสัตว์มาเป็น ผอ.สิ คนฆ่าสัตว์ชั้นต่ำจะมาแทนที่ ตำแหน่ง ผอ.ได้ยังไง พวกท่านว่าจริงมั้ย ถ้าวันหน้าเป็น ผอ.จริง ๆ ล่ะ”

“พวกเราก็ต้องขัดขวางสิ” คูฮอนรีบบอก

“จะขัดขวางยังไง โดยังก็ไม่ได้อยากได้ตำแหน่ง ผอ.เหมือนก่อน เฮ้อ ถ้ามันจำเป็น ข้าคงต้องรับตำแหน่ง ผอ.แทน”

“นี่เจอุ๊ก อย่างเจ้าน่ะ มีปัญญารึไงหา?” ผู้จัดการโอหน้าเครียด

“ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยงั้นเอง”

“เหอะ ๆ ผู้จัดการโอพูดอย่างนั้นมันก็เกินไป นี่ตกลงท่านอยู่ข้างใครกันแน่เนี่ย”

“ข้ายังจะอยู่ข้างใครได้ล่ะ แต่ถ้าจะมีข้างจริงแต่ไหนแต่ไรมา ข้าก็ยืนอยู่ข้างความถูกต้องเท่านั้น” ผู้จัดการโอพูดไม่เต็มเสียงนัก

“เฮ้อ อากาศอุ่นขึ้นแล้ว สงสัยว่า ความถูกต้องมันคงแข็งตายอยู่ที่ไหนสักที่แน่” คูฮอนพูดแดกดัน

หมอเฮรอนนอนหลับพักผ่อนไปได้ครู่เดียว พอตื่นขึ้นมาก็เตรียมจะทำงานอีก




“ผมนอนไปสิบสองชั่วโมงเต็ม ผมต้องไปดูอาการคนป่วยโรคนิ่วหน่อย”

“ท่าน ผอ. ตอนนี้คนป่วยปลอดภัยดีแล้ว” ฮวางจองรีบบอก เพราะยังเป็นห่วงอาการป่วยของหมอเฮรอนมาก

“ท่านไม่ต้องไปดูด้วยตัวเองก็ได้ อีกอย่างหนึ่ง พระราชาก็มีรับสั่งให้ท่านหยุดพักรักษาตัว สักระยะนึงด้วยครับ” โดยังบอกคำสั่งของพระเจ้าโกจงต่อหมอเฮรอน

“พระราชารับสั่งให้ท่านไปพักที่บ้านพักแถบเขานัมฮัน” ฮวางจองกล่าวเสริม

“ถึงจะเป็นรับสั่งของพระราชา แต่ถ้าผมไม่อยากไปจริง ผมก็เลือกจะไม่ไปได้” หมอเฮรอนยังดื้อดึง

“ท่านอย่าคิดว่าเป็นคำสั่งสิ นั่นเป็นน้ำพระทัยที่ทรงหวังดีอยากให้ท่านหายเร็ว ๆ ถึงได้จะส่งท่านไปที่นั่น” โดยังพยายามเกลี้ยกล่อม

“แต่ผมไม่ไป เพราะตอนนี้ผมเป็นผู้อำนวยการของเจจุงวอน ผมจะทิ้งคนไข้ไปรักษาตัวอยู่คนเดียวได้ยังไง”

“ร่างกายต้องแข็งแรงก่อน ถึงจะทำเรื่องอื่นได้อย่างที่อยากทำ” ฮวางจองพูดอย่างมีเหตุผล แต่หมอเฮรอนก็ยังไม่ยอม “ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมมีงานต้องทำอีกเยอะ”



“ท่าน ผอ. ในเวลาอย่างนี้ถ้าแพทย์แนะนำให้ผู้ป่วยไปพักฟื้น เป็นคำแนะนำที่เหมาะสมรึเปล่าครับ?” โดยังถาม เฮรอนตอบทันทีในฐานะที่เขาเป็นหมอ “เป็นคำแนะนำที่เหมาะสมแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น..”

โดยังรีบพูดแทรก “หมอเจ้าของไข้ของท่านเป็นใคร?”

“นักศึกษาเบ๊ก เป็นเจ้าของไข้นี่นา” หมอเฮรอนบอกเสียงอ่อน ๆ โดยังพยักหน้า ก่อนจะพูดแกมบังคับ 

“ในฐานะหมอของท่าน ข้าอยากให้ท่านพักรักษาตัวครับ”

แม้ฮวางจองจะได้รับการยกระดับให้เป็นชนชั้นสูง ทั้งตัดผมสั้นและใส่สูทแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีเพื่อนนักศึกษาที่ยังรังเกียจเขาที่เขาเป็นลูกคนฆ่าสัตว์ โดยเฉพาะเจอุ๊กที่จ้องแต่จะรังเกียจและจับผิดเขาตลอดเวลา ในระหว่างกินข้าว ฮวางจองตักน้ำแกงราดข้าว เจอุ๊กก็มองอย่างเหยียดหยาม



“ข้าพูดผิดมั้ยล่ะ เห็นรึเปล่า พวกชนชั้นสูงเวลาที่กินข้าวน่ะ เค้าจะแยกน้ำแกงออกจากข้าว”

“เหอะ เอาอีกแล้วนะ เค้าทำเพราะจะได้กินเร็วแล้วไปตรวจคนไข้หรอก” โกแก้ตัวแทน

“แต่ข้าว่าก่อนที่จะมาเรียนแพทย์ ควรจะไปเรียนรู้สมบัติผู้ดีซะก่อน ตอนนี้เจ้าก็เป็นหมอแล้ว ควรจะทิ้งนิสัยชั้นต่ำพวกนั้นไปได้แล้ว แบบนี้พวกนักศึกษาแพทย์คนอื่น ๆ เค้าจะได้ไม่มองเจ้าเป็นชนชั้นต่ำไงล่ะ”

เจอุ๊กทำท่ารังเกียจ อีกหลายคนก็เห็นด้วย ฮวางจองไม่อยากต่อล้อต่อเถียง นั่งกินข้าวของตนเองไป เจอุ๊กยังไม่วายหาเรื่อง “กินแบบก้มหน้าไปหาชามอย่างนั้นมันท่ากินของพวกชั้นต่ำชัด ๆ เวลากินมันควรจะยกช้อนมาหาปาก ไม่ใช่เอาปากเข้าไปหาช้อน”

“เฮ้อ ก็นั่นน่ะสินะ ไม่อย่างนั้นเราจะใช้ช้อนไปทำไม ไม่สู้เอาปากเลียจากจานเหมือนหมาไปเลยสิ” พอนเห็นด้วย เจอุ๊กยิ้มเยาะ “เหอะ ดูถือตะเกียบเข้าสิ ตะเกียบมันต้องถืออย่างนี้เข้าใจรึเปล่า แม้แต่ตะเกียบยังถือไม่เป็นเหรอ ทำตามอย่างข้า ทำอย่างนี้นะ ทำอย่างนี้” เจอุ๊กพยายามจะให้ฮวางจองทำตาม ฮวางจองระงับอารมณ์ มองหน้าเจอุ๊ก


“โมโหเหรอ งั้นก็ต่อยข้าเหมือนวันนั้นเลยสิ” เจอุ๊กท้าเหยง ๆ ฮวางจองโกรธจับมือบิด เจอุ๊ก ร้องจ๊อก “โอ๊ย ๆ ๆ ปล่อย ๆ”

“ข้าได้รับพระราชทานให้พ้นจากชั้นต่ำ ถ้าเจ้าไม่พอใจที่ข้าพ้นจากชนชั้นต่ำก็เท่ากับเจ้ากำลังขัดราชโองการ ถ้ามีอีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนั้น...ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่”

“โอ๊ย นิ้วจะหักแล้ว ปล่อยข้า ขอร้องล่ะ ปล่อยเร็วสิ ข้าเจ็บจริงนะ โอ๊ย” เจอุ๊กร้องโวยวาย

เฮรอนถูกส่งตัวไปพักรักษาที่เขานัมฮัน วาตานาเบ้ได้ข่าวก็มาเยี่ยม


“ขอให้คุณหมอหายเร็ว ๆ นะ ผมก็หัวอกเดียวกับคุณ เสียสละตัวเองมาเป็นหมออยู่ต่างบ้านต่างเมือง เรื่องของคุณก็เหมือนของผม”

“อีกไม่นานผมก็หาย อีกไม่นานก็กลับเจจุงวอนได้แล้ว”

“ฮะ ๆ ๆ อย่างนั้นก็ดีแล้ว งั้นผมคงต้องขอตัวก่อน อ้อ คุณเบ๊ก ผมขอคุยด้วยหน่อย” วาตานาเบ้บอกโดยังและเดินเลี่ยงออกไป โดยังเดินตามไป วาตานาเบ้หันกลับมาบอกโดยัง “ผมว่าหมอเฮรอนคงอยู่ได้อีกไม่นาน”

โดยังรีบแก้ แม้จะรู้อาการของเฮรอนไม่ค่อยสู้ดีนัก “อาการของท่าน ผอ. กำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ”



“คุณเบ๊ก ผมพูดไม่ผิดหรอกครับ เค้าคงทนได้อีกไม่นานแล้ว อีกไม่นานเค้าก็จะต้องตาย คุณก็จะหมดความสำคัญจากเจจุงวอน เพราะจะสูญเสียบุคคลเพียงคนเดียวที่สนับสนุนคุณไป ฮวางจองที่เกือบจะถูกตัดหัวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา คุณรู้สึกยังไงล่ะ หรือพอได้ข่าวว่าเค้ากำลังจะถูกประหาร คุณก็เกิดความสงสาร จนความแค้นมันหายไปจนหมด ผมยังได้ยินอีกว่า เจ้าหมอนั่นแย่งคนรักของคุณไปด้วย” วาตานาเบ้พยายามหว่านล้อม

“ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด”

“อืม ผมเข้าใจ ไม่ใช่คุณถูกแย่ง แต่คนรักของคุณปันใจใช่มั้ย?” วาตานาเบ้พูดเย้ย ทำให้โดยังโกรธ “ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่หะ?”

“เอ่อ คือว่าผมมาที่นี่ ไม่ได้มาเพื่อจะเยี่ยมคุณหมอเฮรอนหรอก เราเป็นเพื่อนรักกัน ผมจะมาเยี่ยมคุณต่างหากล่ะ คุณแพ้คู่แข่งยังไม่พอ แม้แต่คนรักยังมาทิ้งคุณไปหาเค้าอีก มันทำให้ผมเป็นห่วงว่า ถ้าเฮรอนตาย คุณก็คงจะล่องลอยไร้ที่พึ่ง คุณเบ๊ก มาอยู่โรงพยาบาลของผมดีกว่า เพราะอีกไม่นานเราก็จะสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในโชซอนแล้ว” วาตานาเบ้พูดตรงประเด็น

“วาตานาเบ้ซัง” โดยังโมโหมาก “ถึงท่านจะพร่ำบอกข้าว่าเราเป็นมิตรและไว้วางใจกันเสมอ แต่วันที่ท่านปฏิเสธให้ขี้ผึ้งทาแผลกับข้า รวมไปถึง ความจริงที่ฮวางจองเป็นคนฆ่าสัตว์ ถ้าไม่เพราะข้าไปถาม ท่านก็ไม่คิดจะปริปากบอกข้าแม้แต่น้อย”

“นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฟังผมอธิบายก่อน”

“วาตานาเบ้ซัง ข้าไม่เคยคิดจะไปจากเจจุงวอนเลย หลังจากเกิดเรื่องกับฮวางจอง ตำแหน่งของข้าก็ชัดเจนอยู่แล้ว และข้าควรจะนับถือใครเป็นอาจารย์ มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ข้าเลือกคนที่ทุ่มเทกระทั่งชีวิตเพื่อรักษาคนไข้ โดยไม่ห่วงตัวเองอย่าง ผอ.เฮรอนเป็นอาจารย์ข้า ผอ.เฮรอนจะไม่มีวันตาย เพราะข้าจะต้องรักษาเค้าให้หาย” โดยังพูดอย่างมั่นใจ

แม้จะถูกให้พักรักษาตัว แต่เฮรอนก็มักจะดื้อดึงออกไปรักษาผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา โดยังทราบข่าวก็ออกไปตาม



“อ้อ นักศึกษาเบ๊ก ที่นี่คนไข้เยอะแยะเลย คุณมาช่วยผมหน่อย” เฮรอนร้องเรียกเมื่อเห็นโดยัง

“ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ?”

“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร แต่ว่าต่อให้ยังมีคนไข้คนเดียว จะอยู่ไหนผมก็ต้องไปรักษาเค้าให้ได้ คุณจะเอายังไงล่ะ คุณจะบังคับลากผมกลับไป หรือว่าคุณจะช่วยผมรักษาคนไข้ที่นี่”

“นักศึกษาเบ๊ก ทำยังไงดีคะ” นังนังถามโดยังเมื่อเห็นเฮรอนทำท่าไม่ยอมหยุดทำงาน

“ตอนนี้ท่าน ผอ. เป็นคนไข้ของข้า ข้าไม่ยอมให้คนไข้ของข้าเหนื่อยเกินไป” โดยังบอก

“งั้นเอาอย่างนี้ก็ได้ เอางี้ คนไข้ที่อยู่ตรงนี้ คุณช่วยตรวจแทนผมที”

“ได้ ผมเข้าใจแล้วครับ” โดยังจำต้องช่วยเฮรอนรักษาผู้ป่วย เพื่อให้เฮรอนหยุดทำงาน

“มองชง ขอโทษนะ ขอโทษทุกคนด้วย แต่ว่าเค้าเป็นคนเก่งมาก แพทย์ฝึกหัดคนนี้ จะช่วยตรวจให้พวกคุณเอง งั้นนักศึกษาเบ๊กผมฝากด้วยนะ”

เฮรอนไม่ยอมหยุดทำงาน พักผ่อนก็น้อย ทำให้ไม่นานอาการก็ทรุดหนักถึงขั้นเพ้อ ทุกคนเป็นห่วงเฮรอนเป็นอย่างมาก



“เหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง” ฮวางจองถาม

“ท่าน ผอ. จำใครไม่ได้แล้ว เดี๋ยวพูดโชซอนเดี๋ยวพูดภาษาอังกฤษ เพ้อไปใหญ่เลย” มองชงรายงาน

“พี่ฮวาง พวกเราจะทำยังไงกันดีครับ”

“ข้าคงต้องรีบไปดูสักหน่อย การรักษาพรุ่งนี้ช่วยทำหน้าที่แทนข้าด้วย มองชง รีบเอาเรื่องนี้ไปแจ้งหมอฮอร์ตั้นด่วน” ฮวางจองฝากงานที่เจจุงวอน เพราะเขาอยากจะไปดูอาการของเฮรอนที่เขานัมฮัน

เฮรอนเพ้อและเรียกหาฮวางจอง โดยังเห็นอาการก็รู้สึกหนักใจมาก

“นักศึกษาฮวาง ๆ ๆ” เฮรอนเพ้อหนัก

“อีกเดี๋ยวฮวางจองก็จะมาถึงแล้ว ท่าน ผอ. เค้ากำลังจะมาแล้ว”

“นักศึกษาฮวาง ๆ คุณฟังผมให้ดีนะ”

“ท่าน ผอ. นี่ข้าเอง” โดยังพยายามบอก

“นักศึกษาฮวาง” เฮรอนยังเรียกฮวางจองไม่เลิก โดยังจึงต้องรับสมอ้าง “ครับ”



“คุณจะต้องเป็นหมอที่เก่งที่สุดในโชซอน การแพทย์ของโชซอนในอนาคต” เฮรอนตัวสั่นเทา “ผมฝาก ฝากไว้กับคุณด้วย นักศึกษาฮวาง เจจุง เจจุงวอนฝากไว้กับคุณ ฝากคุณด้วย ผมฝากมิสเตอร์ เบ๊กด้วย เค้าก็เป็นหมอที่ดีของโชซอน แต่คุณต้องช่วยเหลือเค้ามาก ๆ พระ ๆ พระราชา ทรงคาดหวัง กับเจจุงวอนไว้ และพวกญี่ปุ่นคอยจ้องทำลายเราอยู่ แต่ เราอาจจะ จะ ไม่รู้ตัวก็ได้”

“ท่าน ผอ.” โดยังเรียกเสียงดัง

“มิส มิสเตอร์เบ๊ก เค้ามุมานะมากจนเกินไป เค้าไม่ ไม่ ไม่ยอม ยอมรออยู่กับที่แน่ เค้ากำลัง สับสน กำลังสับสน คุณต้องคอยอยู่เคียงข้างเค้า อยู่เคียงข้างเค้า เข้าใจมั้ย ผมอยากให้ชาวโชซอน สามารถมีชีวิตที่ดีกว่านี้”

น้ำเสียงเฮรอนอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดลมหายใจ ฮวางจองแม้จะรีบเดินทางแต่ก็ไม่ทันเพราะเฮรอนเสียชีวิตแล้ว




5 ปีต่อมา นักเรียนแพทย์จบหลักสูตรการศึกษา แต่ละคนได้รับประกาศเกียรติคุณ ขณะที่เจจุงวอนก็มีผู้อำนวยการหลายคน เริ่มจาก ผู้อำนวยการคนที่ 1 อัลเลน ผู้อำนวยการคนที่ 2 เฮรอน ผู้อำนวยการคนที่ 3 วินตั้น ผู้อำนวยการคนที่ 4 เอวิสัน

“เราขอปฏิญาณว่าจะทุ่มเทเพื่อการแพทย์ และเราจะขออุทิศชีวิตที่มีอยู่เพื่อการรักษาผู้ป่วย เราต้องขอขอบคุณอาจารย์ทุกท่านด้วยความเคารพจากใจจริง และเราจะขออุทิศหัวใจเพื่อการพัฒนาการแพทย์ โดยถือชีวิตและสุขภาพของผู้ป่วยมาเป็นอันดับแรก และจะ...ขอรักษาความลับและเรื่องส่วนตัวของคนไข้เอาไว้ อีกทั้งรักษาและสืบทอดเกียรติภูมิของวงการ ดังนั้น ผู้ร่วมงานทุกคนถือเป็นสหายของเรา เราจะไม่มีการแบ่งแยกไม่ว่าเชื้อชาติหรือศาสนาใด ไม่แบ่งว่าชนชั้นสูงหรือต่ำ การดูแลผู้ป่วยอย่างดีคือหน้าที่ของพวกเรา และแม้เราจะถูกข่มขู่ เราก็จะไม่ทำผิดต่อจรรยาบรรณของวงการแพทย์ และพวกเราผู้ที่เป็นแพทย์จบใหม่ จะเห็นทุกชีวิตคือสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด คำปฏิญาณนี้ คือคำสาบานที่ขอรับรองด้วยเกียรติของพวกเรา”

ฮวางจองนำนักเรียนแพทย์จบใหม่ประกาศคำปฏิญาณ ทุกคนพูดตาม “คำปฏิญาณนี้ คือคำสาบานที่ขอรับรองด้วยเกียรติของพวกเรา”



เอวิสัน ผู้อำนวยการเจจุงวอนคนปัจจุบันกล่าวให้โอวาท “ที่ผ่านมา ที่โชซอนเกิดความวุ่นวายขึ้นมากมาย แม้แต่เจจุงวอน ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ในสถานการณ์แบบนี้ จึงทำให้โรงเรียนแพทย์ก็ได้รับผลกระทบจนต้องหยุดการสอนไปชั่วขณะด้วย ถึงกระนั้น นักศึกษาทุกคนที่จบการศึกษา ต่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ทุ่มเทศึกษา จนได้มายืนอยู่ในจุดนี้ ผมรู้สึกภูมิใจแทนพวกคุณทุกคน และจากนี้ไปพวกคุณจะได้เป็นแพทย์อย่างแท้จริง”



โดยังหายไปจากโชซอนหลังจากที่ฝังศพของเฮรอน โดยตัดสินใจไปเรียนแพทย์ที่ญี่ปุ่น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน และโดยังเองก็ไม่ได้ติดต่อใครเลย

หลังจบการศึกษา ทุกคนต่างดีใจและเลี้ยงฉลอง

“โอ้ว ซ๊อกรันของแม่ ไหนแม่ขอดูหน่อยสิ” แม่ซ๊อกรันยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวสำเร็จได้เป็นแพทย์หญิง

“คุณหนู ยินดีด้วยนะคะ” มักเชงกล่าว

“แต่ว่าในใบนี้ เค้าเขียนว่าอะไรเหรอคะ?” แม่ซ๊อกรันหยิบใบประกาศไปดู

“เอ่อ ใบรับรองประกอบวิชาชีพแพทย์ หมายความว่าซ๊อกรันของเราสามารถเปิดคลินิกหรือโรงพยาบาลได้” ซ๊อกรันบอกอย่างภาคภูมิใจ

“เอ๋ หมายความว่าที่หมอเอวิสันพูดเป็นความจริงสิ ท่านพี่ งั้นเรารีบเปิดโรงพยาบาลให้ ซ๊อกรันกันดีกว่า เราไปเปิดอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราเลย” แม่ซ๊อกรันหันไปบอกล่ามยู

“ท่านจะไปอยู่ที่นั่นเหรอคะ”

“ก็แน่ละสิ ข้าเลี้ยงลูกสาวมาจนโตป่านนี้ ตอนนี้ก็ถึงตาซ๊อกรันจะมาเลี้ยงพ่อแม่แล้วน่ะสิ”

ล่ามยูรีบพูดขึ้น “ซ๊อกรันตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานอยู่ที่เจจุงวอนต่อไปน่ะ”

“ใช่ค่ะ ข้าจะอยู่แผนกสูติ-นรีเวชต่อ” ซ๊อกรันบอกแม่

แม่ซ๊อกรันทำหน้าไม่พอใจ “หมอฮวางจองก็อยู่ที่นี่ด้วยใช่มั้ย”

“ค่ะ”



แม่ซ๊อกรันถอนหายใจ “เฮ้อ ตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของคุณชายโดยังแท้ ๆ ก็แม่ยังทำใจไม่ได้นี่นา ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ไหน ได้กินอิ่ม นอนหลับดีรึเปล่าก็ไม่รู้ ฮือ...”

“แล้วลูกได้ยินข่าวเค้าบ้างมั้ย?” ล่ามยูหันมาถาม ซ๊อกรันส่ายหัว “ไม่เลยค่ะ”

“อาจตายไปแล้ว อาจจะไปตายอยู่ต่างบ้านต่างเมือง”

“นายหญิงทำไมพูดแบบนั้นล่ะ? คุณชายคงจะสุขสบายดีอยู่ที่ไหนสักที่” มักเชงบอก

“ถ้าสุขสบายมีเหรอจะไม่ส่งข่าวมา ข้าว่าไม่หรอก ไม่ก็ได้” แม่ซ๊อกรันทำหน้าเสียดาย

เอวิสันเรียกฮวางจองมาพบ และบอกเรื่องที่พระเจ้าโกจงต้องการให้ตั้งหน่วยอนามัยขึ้นในพระราชวัง



“พระประสงค์ที่อยากจะตั้ง เพื่อจะป้องกันข่าวลือที่ว่ามีโรคระบาดในวังใช่มั้ย?” ฮวางจองถาม

“ใช่ พระราชาต้องการให้เราติดต่อกับโรงพยาบาลสถานทูตแต่ละแห่ง มีโรงพยาบาลไซคิเดนซี่ โรงพยาบาลแมคกิล โรงพยาบาลเซนต์แมทธิว แล้วก็มี โรงพยาบาลสตรีโบกู ที่จะร่วมมือจัดการโรคระบาดที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วประเทศในเวลานี้อยู่น่ะ”

“ครับ ผมจะเตรียมทำรหัสให้กับแพทย์ทุกคนแล้วก็ทำตารางการเข้างานให้เอง”

“ดี งั้นก็ฝากด้วย อ้อจริงสิ คุณได้ยินข่าวเรื่องที่ญี่ปุ่นจะเปิดโรงพยาบาลใหม่บ้างรึเปล่า” เอวิสันถามขึ้น ฮวางจองพยักหน้า “ผมได้ยินว่าจะเปิดในวันนี้”

โรงพยาบาลฮันซองของญี่ปุ่นเปิดอย่าเป็นทางการ ทูตญี่ปุ่นคนใหม่พูดคุยกับวาตานาเบ้ และพรรคพวก

“ที่ผ่านมาสถานทูตญี่ปุ่น มีแผนจะใช้การแพทย์แผนปัจจุบันมาผูกไมตรีกับโชซอน แต่ทุกอย่างล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่ทางการโชซอนวางอำนาจควบคุมเจจุงวอน นั่นเป็นโอกาสสุดท้ายของเราที่จะล้มเจจุงวอน แต่แล้ว..เมื่อ ผอ.เอวิสันเจรจากับพระราชาจนเจจุงวอนอยู่ภายใต้อำนาจบริหารของคริสตจักรอเมริกันแล้ว และสิ่งนี้หมายความว่าอะไร?” ทูตญี่ปุ่นสีหน้าตกใจ “เจจุงวอนจะได้รับการคุ้มครองจากกงสุลอเมริกา เราจะไม่สามารถเข้าควบคุมหรือไปยุ่งเกี่ยวกับเจจุงวอนได้อีก ดังนั้นในตอนนี้ เราจึงจำเป็นต้องใช้ความก้าวหน้าการแพทย์มาแข่งกับเจจุงวอน”

วาตานาเบ้รีบรายงาน “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับท่าน เครื่องมือการแพทย์ในโรงพยาบาล ฮันซองของเราเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในญี่ปุ่น”

“ถูกต้องแล้ว เราจะต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงที่สุด อุปกรณ์การแพทย์ที่ดีที่สุดมาทำให้ชาวโชซอนเชื่อถือให้ได้ เราจะไม่พุ่งเป้าไปที่ชาวบ้านโชซอนเท่านั้น แต่เราจะพุ่งเป้าไปที่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และใช้เทคโนโลยีการแพทย์ซื้อใจพวกเค้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร ก็จะต้องทำลายเจจุงวอนให้ได้ เราต้องพยายาม เพื่อที่จะล้มพวกมันให้ได้...”

“ครับ ค่ะ รับทราบครับท่านทูต” ทุกคนรับคำ

“ไม่ใช่แค่เจจุงวอนเพียงที่เดียว แต่มีสถานทูตของรัสเซียอีกที่นึง แถมตอนนี้โชซอนผูกมิตรกับจีน โดยมีจุดประสงค์ที่จะคานอำนาจของญี่ปุ่นเอาไว้” วาตานาเบ้บอก

“แต่ว่าตอนนี้ทางต้าชิง กำลังพ่ายแพ้สงครามให้กับญี่ปุ่นเรา ตอนนี้มันก็เหมือนล้อยางที่ลมรั่ว ฮ่า ๆ ๆ”

“แต่ว่าในตอนนี้ โชซอนก็เริ่มผูกมิตรกับพวกรัสเซีย หลังจากผ่าตัดต้อกระจกสำเร็จครั้งนั้น มันทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งโชซอนกับทางรัสเซียสนิทแนบแน่นขึ้นไปมากเลย หึ”

“ผมได้รับรายงานมา บอกว่า เพราะครั้งนั้นคุณวาตานาเบ้ปฏิเสธการรักษาทำให้ผลต้องกลายเป็นอย่างนี้” ทูตคนใหม่ถามตรง ๆ


“อ้อ ๆ ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ เดิมทีผมก็คิดจะผ่าให้ แต่เพราะมีการเมืองของโชซอนเข้ามาแทรกแซงทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ อื้ม แต่เอาเป็นว่า ทางการโชซอนพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะโฆษณาโรงพยาบาลเจจุงวอนและโรงพยาบาลรัสเซีย เพราะฉะนั้น โรงพยาบาลฮันซองของเรา ในช่วงเริ่มต้นนี้คงจะยากลำบากสักหน่อย”

“อืม ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็ควรจะตัดสายสัมพันธ์ระหว่างโชซอนกับรัสเซียซะสิ เราต้องแน่ใจว่ามีคนไข้ที่เป็นขุนนางชั้นสูงของโชซอนจำนวนมากพอ”

“อ้อ ผมเข้าใจแล้วครับ”

“สายสัมพันธ์เส้นนั้นน่ะ อยู่ในมือพระมเหสีเล่ห์เหลี่ยมมากคนนั้นสินะ” ทูตญี่ปุ่นยิ้มมีแผน

“นี่ท่านรู้ได้ยังไงครับ?”

“ก็เพราะว่าท่านทูตถูกส่งมาที่นี่ก็เพื่อกำจัดนางจิ้งจอกตัวนั้นน่ะสิ ฮะ ๆ”

“จักรวรรดิญี่ปุ่นของเรา ต้องปวดหัวเพราะพระมเหสีพระองค์นี้มาตั้งนานแล้ว เป็นเพราะมีนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างนาง ก็เลยทำให้แผนการยึดครองโชซอนของญี่ปุ่นต้องล่าช้าลงไปมาก” ทูตญี่ปุ่นพูดอย่างหมายมาด

“ขอแค่กำจัดนังจิ้งจอกตัวนั้นได้ พระราชาก็จะยกโชซอนมาประเคนให้กับจักรวรรดิญี่ปุ่นของพวกเราอย่างง่ายดาย”

“เพราะฉะนั้น แผนของสงครามครั้งนี้ มีชื่อว่าแผนล่าจิ้งจอก”

“วาตานาเบ้ซัง ถ้าเรากำจัดนางจิ้งจอกได้แล้ว คุณมั่นใจว่าเอาชนะเจจุงวอนได้มั้ย?”

วาตานาเบ้ยิ้ม มั่นใจ “ไฮ้ มั่นใจอย่างแน่นอนครับ”

ฮวางจองเข้าไปตรวจร่างกายของขันทีและพบว่ามีอาการเป็นหนองใน จึงนำเรื่องมาปรึกษาเอวิสัน


“ขันทีจะถูกตัดอวัยวะเพศออกตั้งแต่ยังหนุ่ม เพื่อให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างอาจทำให้เค้าติดโรคทางเพศ จนมีอาการแบบนี้ได้”

“คุณต้องบอกให้คนไข้รีบรักษาโดยด่วน” เอวิสันแนะ

“แต่คนไข้ไม่ได้มีแค่คนสองคนครับ”

“ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเอาเรื่องนี้ไปกราบทูล เพื่อให้ทุกคนตรวจร่างกาย”

“ถ้าทำอย่างนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้สำหรับราชสำนักถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย อีกอย่างถ้าพวกญี่ปุ่นรู้ ต้องไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน” ฮวางจองครุ่นคิด

“เค้าจะอ้างว่าราชสำนักโชซอนเต็มไปด้วยเรื่องเสื่อมเสียเหรอ?”

“ครับ ดังนั้นควรจะเรียกพวกเค้ามาตรวจที่โรงพยาบาลเจจุงวอนในเวลาค่ำแทน และต้องแอบตรวจรักษาให้พวกเค้าลับ ๆ” ฮวางจองหาทางออก

ทุกคืนฮวางจองจะให้พวกผู้ชายจากในวังเข้ามารับการตรวจและรักษาโรคหนองในและซิฟิลิส ซึ่งก็พบว่ามีผู้ชายเป็นโรคนี้จำนวนมาก ฮวางจองเห็นว่าภายในพระราชวังมีการมั่วกันจึงบอกให้เอวิสันทราบ



“เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่มากครับ”

“เป็นเพราะพวกเค้ามีความสัมพันธ์กับพวกนางใน ที่ต้องถวายตัวรับใช้พระราชาน่ะหรือ?”

“ดังนั้นโรคนี้ก็อาจจะมีโอกาสติดไปถึงพระราชาได้ด้วย” ฮวางจองบอก ฮอร์ตั้นถึงกับตกใจ “โอ้วมายก๊อด”

“แต่ตามกฎพวกนางในออกจากวังไม่ได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องเข้าไปรักษาให้พวกนางในวัง” ซ๊อกรันบอก

“ถ้าเรื่องที่เข้าไปรักษาพวกนางในวังถูกแพร่ออกไป ผลที่ตามมาจะหนักหนามาก”

“ถูกต้องแล้วค่ะ อีกอย่างนึงนี่ก็เป็นเรื่องของฝ่ายใน ย่อมไม่มีทางปิดบังพระมเหสีได้แน่ บางทีเราอาจจะต้องตัดสินใจที่จะกราบทูลความจริงในเรื่องนี้กับพระมเหสีค่ะ”

ซ๊อกรันและฮอร์ตั้นนำเรื่องที่นางในอาจมีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศมากราบทูลพระมเหสี พระมเหสีฟังแล้วตกใจแต่ก็ยอมให้หมอหญิงเข้ามารักษาเพื่อแก้ปัญหา พร้อมรายงานให้พระองค์ทราบด้วย

ระหว่างเดินทาง ฮอร์ตั้นและซ๊อกรันได้ผ่านโรงพยาบาลฮันซองของญี่ปุ่น ซึ่งมีการเชิญชวนให้ผู้ป่วยมารักษาตัว ทั้งราคาถูกและรักษาฟรี ทั้งสองจึงเข้าไปเยี่ยมชม และเจอเข้ากับวาตานาเบ้ วาตานาเบ้ได้ทีเลยคุยข่ม

“ฮะ ๆ ๆ อืม อ้อ ที่นี่เราแบ่งผู้ป่วยเป็นเกรดเอ เกรดบี แล้วก็มีเกรดซีน่ะครับ”

“แบ่งตามความรุนแรงของอาการเหรอคะ?” ซ๊อกรันถามอย่างสนใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้น คุณเข้าใจผิดแล้ว เกรดเอก็คือกลุ่มคนไข้ที่จ่ายเงินเต็มราคา เกรดบีคือคนไข้ที่จ่ายเพียงครึ่งนึงของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และเกรดซีคือ คนไข้พวกที่มารักษาฟรีน่ะ แต่ว่าโรงพยาบาลฮันซองในโชซอนจะมีแค่คนไข้เกรดบีที่ต้องจ่ายครึ่งราคา แล้วก็คนไข้เกรดซีที่มารักษาฟรี เรายังไม่มีคนไข้เกรดเอเลย อ้อ มีก็แต่ประชาชนของญี่ปุ่น ที่พวกเค้าจะต้องจ่ายเต็ม ฮะ ๆ ๆ”

“อย่างนั้นเหรอคะ?”

“เอ่อ คือพวกเราเป็นห่วงประชาชนชาวโชซอนเป็นอย่างมาก ตอนนี้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่พวกเราต้องคอยดูแลรักษาอยู่ ฮะ ๆ ๆ อ้อ หมอ ฮอร์ตั้นเหมือนใกล้จะคลอดแล้ว คุณสนใจจะมาคลอดที่โรงพยาบาลเรามั้ย? เรายินดีต้อนรับให้คุณมาคลอดที่นี่ เรามีทั้งสูตินรีแพทย์และอุปกรณ์ที่ดีที่สุดอยู่ที่โรงพยาบาลฮันซองของเรา”

“ฉันตั้งใจจะไปคลอดที่เจจุงวอน เพราะมีสูตินรีแพทย์ที่เก่งที่สุดในโชซอนอย่างคุณหมอ ยูซ๊อกรันอยู่ที่นั่น” ฮอร์ตั้นรีบบอก

“หมอฮอร์ตั้น” ซ๊อกรันยิ้ม ๆ ที่ฮอร์ตั้นให้ความไว้วางใจเธอ



“อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ ถ้างั้น คุณหมอยูสนใจมาเข้าร่วมกับโรงพยาบาลฮันซองของเรารึเปล่า?” วาตานาเบ้ชักชวน

“คิดว่าคงจะไม่..” ซ๊อกรันพูดโดยไม่ต้องคิด

“อย่าเพิ่ง ๆ ลองเอาไปคิดดูก่อน ฮะ ๆ ๆ เพราะว่าทางโรงพยาบาลของเรายินดีเปิดประตูต้อนรับคุณหมอยูมาที่นี่ได้เสมอ และเมื่อมิส เตอร์ เบ๊ก กลับมา คุณก็จะได้พบกับเค้าที่นี่ ได้ทำงานด้วยกันไงล่ะ” วาตานาเบ้บอก ซ๊อกรันถึงกับตาค้าง “เมื่อกี้คุณว่ายังไงนะ?”

“คุณรู้ว่ามิสเตอร์เบ๊กอยู่ไหนเหรอ? เพราะหลังจากดอกเตอร์เฮรอนตายพวกเราก็ไม่ได้ข่าวของมิสเตอร์เบ๊กอีกเลย เค้าอยู่ที่ไหนเหรอคะ?” ฮอร์ตั้นก็รู้สึกแปลกใจ

“โอ๊ะ แบบว่า ๆ.. คือคนที่ไม่มีความรู้สึกอย่างมิสเตอร์เบ๊ก ฮะ ๆ ๆ เค้าต้องการที่จะตัดการติดต่อกับพวกคุณน่ะ ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ” วาตานาเบ้หัวเราะน้ำเสียงเย้ยหยัน



โดยังมาเรียนแพทย์ที่ญี่ปุ่นและได้รับ การช่วยเหลือจากนาโอโกะ ลูกสาวรัฐมนตรีต่างประเทศ ต่างก็ชอบพอและหมั้นหมายกัน โดยังมุมานะ คร่ำเคร่งอยู่กับตำราและการผ่าตัด จนสามารถทำคะแนนได้เป็นอันดับหนึ่ง และผ่าตัดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ซาโต้ นักเรียนแพทย์ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจและตั้งตัวเป็นศัตรู

โดยังถูกพวกญี่ปุ่นรุมทำร้ายร่างกายและเรียกเขาว่าเป็นพวกคนฆ่าสัตว์ เป็นคนชั้นต่ำจึงสามารถใช้มีดได้ดีกว่าคนญี่ปุ่น แม้จะถูกรุมด่าประณามแต่โดยังกลับพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน

ซ๊อกรันนำเรื่องที่โดยังไปเรียนแพทย์ที่ญี่ปุ่นมาบอกฮวางจอง แม้จะตกใจแต่ฮวางจองก็รู้สึกดีใจที่โดยังไม่ทิ้งการเรียนแพทย์ เพราะตั้งแต่โดยังหายตัวไปฮวางจองก็โทษตัวเองมาตลอดว่าทำให้โดยังหมดอนาคตทางการแพทย์


แพทย์และพยาบาลจากเจจุงวอนเข้ามารักษาผู้ป่วยในวังหลวง และพักอาศัยในวังด้วย เป็นจังหวะเดียวกับญี่ปุ่นส่งคนเข้ามาลอบปลงพระชนม์พระมเหสี และจับซ๊อกรันเป็นตัวประกัน 

เสียงปืนดังขึ้นในวังหลวง “นั่นเสียงอะไร น่ะ” พระเจ้าโกจงตกพระทัย

“เป็นเสียงปืนนี่เพคะ”

“ฝ่าบาท ๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ มีคนร้ายบุกเข้ามาในวังเพคะ” นางข้าหลวงรีบเข้ามาทราบทูล

“อะไรนะ?”

“ฝ่าบาท ฝ่าบาท รีบหาที่หลบก่อนเพคะ” พระมเหสีตรัส

“รัชทายาทอยู่ที่ไหน รัชทายาทอยู่ไหน”

“เสด็จพ่อเสด็จแม่ หม่อมฉันอยู่ตรงนี้”

นักฆ่าพยายามตามหาตัวพระมเหสีแต่ก็ไม่พบ

“เราหาจนทั่วแล้วไม่พบ นางอาจจะปลอมตัวหนีไปแล้วก็ได้”



“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก นังผู้หญิงคนนี้น่าจะเคยเห็นพระพักตร์ของพระมเหสี” นักฆ่าหันมาหาซ๊อกรันที่ถูกจับตัวไว้

“ข้าไม่เคยเห็น ข้าแค่มาตรวจร่างกายนาง ในเท่านั้น” ซ๊อกรันรีบหาทางออก

“เจ้าพูดความจริงแน่นะ”


เนื้อหา: เดลินิวส์ / ภาพจากละคร (เอสบีเอส)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา