วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า ตอนที่ 12



ทูตจากต้าชิงได้ทูลต่อพระราชาโชซอนว่าจะขอพระนัดดาโอรสอดีตรัชทายาทไปเลี้ยง แต่พระราชาอินโจยังถ่วงเวลาเอาไว้เพื่อจะส่งคนไปสังหารพระนัดดา แต่แล้วชอลวุงก็กลับมาด้วยความล้มเหลว ส่วนซงแทฮาหลังจากช่วยพระนัดดากลับมาได้ ก็ขอเฮวอน (ออนยอน)  แต่งงาน

เนื้อหา 


ในที่สุดคนของแทฮาก็ตามมาสมทบที่จุดนัดพบภายในวัดอุนโจ ทั้งหมดคุกเข่าทำความเคารพพระโอรสองค์น้อยของอดีตรัชทายาทด้วยความจงรักภักดี ขณะที่แทกิล เช และวังซอน ต่างกระจายกำลังกันโอบล้อมและเริ่มใกล้แทฮากับเฮวอนเข้ามาทุกที

อีกด้านหนึ่ง ตัวแทนจากต้าชิงก็เดินทางมาถึงเมืองฮันยาง เมื่อรู้ว่ายง กุลแท เดินทางมาเยือนโชซอนในฐานะราชทูตด้วยตนเอง พระเจ้าอินโจจึงอดเป็นกังวลไม่ได้ว่ายง กุลแท อาจบีบบังคับให้พระองค์กระทำการบางอย่างตามที่ต้าชิงต้องการ เหมือนที่เขาเคยทำกับพระองค์มาแล้วครั้งหนึ่ง


ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1637 (พ.ศ. 2180) ซึ่งตรงกับรัชสมัยที่ 15 ของพระเจ้าอินโจ... หลังจากอาณาจักรโชซอนพ่ายสงครามแมนจู พระเจ้าอินโจก็ถูกบังคับให้ก้มพระเศียรคำนับจักรพรรดิ์ต้าชิงเพื่อยอมรับความพ่ายแพ้และแสดงความสวามิภักดิ์ พระองค์ไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมทำตาม โดยได้ก้มพระเศียร คำนับต่อหน้าขุนพลยง กุลแท

พระเจ้าอินโจถามเสนาบดีอี คยองชิก เกี่ยวกับความคืบหน้าบนเกาะเชจู เมื่อเสนาบดีรายงานอ้อมๆ ว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน (ส่งคนไปลอบสังหารองค์ชายน้อยแล้ว) พระองค์ก็แสดงสีหน้าโล่งใจ ทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วพระองค์ คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์อดีตรัชทายาทโซฮยอนและครอบครัว ซึ่งล้วนเป็นพระโอรสและพระนัดดาของพระองค์เอง


เมื่อแทกิลไปถึงรูปปั้นหินพระโพธิสัตว์ (พระนอน) เขาก็พบแต่ความว่างเปล่า เพราะในขณะนั้นแทฮา เฮวอน องค์ชายน้อย และลูกน้องของแทฮา ได้ย้ายไปรวมตัวกันหน้าห้องบูชาที่อยู่ภายในบริเวณวัด แทฮาและคนของเขาวางแผนแยกย้ายกันเดินทางโดยให้ฮันซัมพาองค์ชายน้อยล่วงหน้าไปก่อน ส่วนเขาอยู่รอเฮวอนที่กำลังอธิษฐานขอพรพระโพธิสัตว์

หลังพบเบาะแส วังซอนก็ส่งสัญญาณเรียกแทกิลและเชทันที เมื่อเห็นร่องรอยบ่งชี้ว่าแทฮาและพรรคพวกมุ่งหน้าไปที่วัด พวกเขาก็เร่งติดตามไป

หลังอธิษฐาน (ให้แทฮา) เสร็จ แทฮาก็บอกเฮวอนว่าได้เวลาเดินทางแล้ว เฮวอนตอบรับทันทีแม้ไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน แทฮาถามว่า ทำไมเฮวอนถึงไม่ถามว่าเขา 'จะพาเธอไปที่ไหน' เฮวอนตอบว่า เพราะมันไม่สำคัญเท่ากับ 'ใคร' ที่เธอกำลังจะเดินร่วมทาง


สามหนุ่มนักล่ารีบวิ่งตรงไปที่วัด โดยสวนทางกับชายกลุ่มหนึ่งที่เดินแบกเกี้ยวออกจากวัดมา ทันทีที่ไปถึงสามหนุ่มก็ล้อมประตูในท่าเตรียมพร้อม และในขณะที่แทกิลกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูด้วยอาการลุ้นสุดขีด อยู่ๆ ประตูก็มีคนเปิดประตูออกมา 

แทนที่จะเป็นแทฮาและเฮวอน กลับเป็นพระองค์น้อยๆ ทำให้ทั้งสามหนุ่มต่างพากันผิดหวัง เชรีบดันปลายหอกไปด้านหลังอย่างเสียอารมณ์ วังซอนทำหน้าเหรอหราพลางยื่นหน้าเข้ามาดูด้านใน ส่วนแทกิลได้แต่ยืนอึ้ง ขณะที่พระน้อยมองหน้าทั้งสามคนไปมาแล้วถามว่าพวกเขาเป็นใคร


แทกิลยื่นรูปแทฮาให้พระน้อยดูแบบเซ็งๆ แล้วถามว่า 'เณรน้อย เห็นผู้ชายในรูปนี้ไหม' พระน้อยไม่ตอบแต่กลับสั่งสอนแทกิลให้รู้จักเรียกพระที่บวชเรียนแล้วให้ถูกต้อง ทำเอาสามหนุ่มถึงกับอึ้งและขำไปตามๆ กัน ถึงจะขำแต่แทกิลก็ยอมเปลี่ยนสรรพนามจาก 'เณร' เป็น 'พระ' โดยถามอีกครั้งว่า 'แล้วพระเห็นชายในรูปไหม' พระน้อยยังไม่ตอบ แต่บอกแทกิลว่าคนทั่วไปเรียกพระ (ภิกษุ) อย่างท่านว่า 'ซึนนิม'

หลังรอคำตอบอยู่นาน แทกิลก็เริ่มโมโหจึงตะคอกขู่พระน้อยว่าจะจุดไฟเผาวัดถ้ายังไม่ยอมตอบ พระน้อยจ้องหน้าแทกิลโดยไม่สนใจคำขู่ ในที่สุดแทกิลก็ยอมแพ้และเรียกพระน้อยว่า 'ซึนนิม'


พระน้อยบอกแทกิลว่า เห็นแทฮาและพรรคพวกเข้ามาสักการะพระโพธิสัตว์ก่อนที่จะลงเขาไป พอได้คำตอบที่พอใจแล้ว แทกิลก็ชูรูปอดีตคนรักให้พระน้อยดู แล้วถามว่าเห็นผู้หญิงคนนี้ไหม พระน้อยพนมมือท่องนะโมแล้วตอบว่า พระอย่างท่านมองผู้หญิงดุจเป็นก้อนหิน แทกิลจึงถามว่า แล้วท่านเห็นก้อนหินรูปร่างหน้าตาแบบนี้ไหม พระน้อยตอบว่า พอเห็นเธอเดินเข้าวัดมา ท่านก็ไม่ได้สนใจมองอีก เมื่อรู้ว่าอดีตคนรักอยู่กับแทฮา แทกิลก็รีบวิ่งออกไปตามหาทันที

* ศาสนาพุทธที่ถูกกล่าวถึงในที่นี้ คือ นิกายอาจริยวาท หรือ มหายาน ซึ่งมีแนวคิดเรื่องการบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ สร้างบารมีเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิตในโลกไปสู่พระนิพพาน (ของไทยเรานั้นเป็นศาสนาพุทธนิกายหินยาน หรือเถรวาท ที่ยึดคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งถ้อยคำและเนื้อความที่ท่านสังคายนาไว้โดยเคร่งครัด ตลอดจนรักษาแม้แต่ตัวภาษาดั้งเดิมคือภาษาบาลี) - วิกิพีเดีย


หลังวิ่งตามรอยแทฮาจนทั่วภูเขาแต่กลับไม่พบแม้เงา สามหนุ่มจึงรู้ว่าหลงกลแทฮาอีกครั้ง แทกิลฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าแทฮาเป็นทหาร ย่อมต้องใช้ยุทธวิธีในการหลบหนีแบบทหาร เชเปรียบเทียบว่าคราวที่แล้วแทฮาใช้วิธี 'โยกต้นไม้แล้วซ่อนอยู่ใต้กิ่ง' เพื่อล่อให้ผู้ที่ตามมาหลงกลแล้วรีบออกตามหาจนทั่ว แทกิลรู้ได้ทันทีว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่เขากำลังตามหา ถูกซ่อนอยู่ในเกี้ยวที่มีคนหามออกมาก่อนหน้านี้

แทกิลถามซอลฮวาว่าเห็นเกี้ยวไหม ซอลฮวาตอบว่า เธอเพิ่งเดินสวนคนหามเกี้ยวตรงประตูวัด ซอลฮวาพูดจบสามหนุ่มก็รีบวิ่งตามไปทันที แต่แล้วพวกเขาก็พบเพียงเกี้ยวว่างเปล่าที่ถูกวางทิ้งไว้ แถมที่นั่งยังเย็นเฉียบเหมือนไม่เคยมีคนนั่ง ทำให้รู้ตัวว่าหลงกลแทฮาอีกแล้ว


ระหว่างที่เสนาบดีอี คยองชิก จัดงานเลี้ยงรับรองคณะผู้แทนต้าชิงแบบเรียบง่ายในเมืองฮันยาง ยง กุลแท ก็พูดหยั่งเชิงขึ้นว่า ถึงแม้โชซอนจะยอมสวามิภักดิ์อาณาจักรต้าชิงมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่โชซอนที่เขาเห็นในวันนี้กลับไม่เหมือนเมืองขึ้นของทางต้าชิงเลยสักนิด

เขารู้ว่าโชซอนได้กว้านซื้อเขาควายน้ำมากักตุนไว้เป็นจำนวนมาก และเรื่องนี้ก็ทำให้จักรพรรดิ์ต้าชิงรู้สึกไม่พอใจ พระองค์สงสัยว่าโชซอนกว้านซื้อเขาควายน้ำเพื่ออะไร เสนาบดีตอบว่า เขาสัตว์มีสรรพคุณทางยา และเขาควายน้ำก็มีสรรพคุณเหนือกว่าเขากระทิงจึงเป็นที่ต้องการของตลาด  ยง กุลแท กล่าวว่า ถึงแม้จะมาในฐานะทูตแต่เขาก็อยู่ในสนามรบมาชั่วชีวิต จึงรู้ว่าธนูเขาสัตว์ของโชซอนผลิตจากเขาควายน้ำเท่านั้น เสนาบดียิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านพลางฝากทูลจักรพรรดิ์ต้าชิงว่า ธนูของโชซอนจะไม่มีวันเล็งเข้าหาอาณาจักรต้าชิงอย่างแน่นอน 

แม้จะไม่เชื่อน้ำคำเสนาบดีอี คยองชิก แต่ยง กุลแทก็พักเรื่องดังกล่าวเอาไว้ก่อน เขาขอให้เสนาบดีกราบทูลพระเจ้าอินโจล่วงหน้าว่า เขามาเพื่อรับตัวพระโอรสองค์เล็กของอดีตรัชทายาทโซฮยอนไปเลี้ยงที่ต้าชิงในฐานะลูกคนหนึ่ง โดยอ้างว่าเขาและองค์รัชทายาทโซฮยอนผู้ล่วงลับมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้น พระโอรสของอดีตรัชทายาท (ที่ถูกเนรเทศไปอยู่เกาะเชจูและรอดชีวิตเพียงองค์เดียว) จึงเปรียบเสมือนลูกของเขาด้วย แม้จะรู้ว่ายง กุลแทต้องการบีบให้พระเจ้าอินโจอภัยโทษให้องค์ชายน้อย  แต่เสนาบดีอี คยองชิกก็ตกปากรับคำอย่างย่ามใจ เพราะนึกว่าองค์ชายน้อยถูกชอลวุงสังหารแล้ว 


คืนเดียวกันนั้น แทกิลและเชต่างออกมานั่งรับลมชมดาวหน้าห้องพักของโรงเตี๊ยม แทกิลไล่เชให้เข้าไปนอนพักในห้องเพราะข้างนอกอากาศเย็น แต่เชเป็นห่วงแทกิลเลยคุยนั่งเป็นเพื่อน เขาถามแทกิลว่า ถ้าเจอออนยอนแล้วจะทำยังไงต่อ  แทกิลมองปลายมีดก่อนตอบว่า ก็คงทำตามกฏหมาย เชถามต่อว่า ออนยอนแต่งงานกับแทฮาแล้วจริงๆ หรือ... แทกิลตอบ (อย่างที่ใจอยากให้เป็น) ว่า คำพูดทาสเชื่อถือไม่ได้ พวกเขาพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้นเพื่อเอาตัวรอด

เช ถามอีกว่า ถ้าออนยอนแต่งงานแล้วและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แทกิลจะทำยังไง แทกิลอึ้งไปชั่วขณะ และตอบพลางลูบคมมีดว่า ออนยอนไม่มีวันอยู่อย่างมีความสุข ตราบใดที่เขายังคงทนทุกข์ทรมาน ในเมื่อชีวิตของเขาพังพินาศลงและต้องลงเอยแบบนี้ (สายตาบ่งบอกถึงความแค้น) ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะมีชีวิตที่สมหวังและมีความสุข

เช เตือนแทกิลว่า ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ก็ขอให้แทกิลตั้งสติให้ดี เพราะสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาในตอนนี้ก็คือ ค่าหัวของแทฮา เชกลัวว่าแทกิลจะหวั่นไหวกับออนยอนจนทำให้เสียงาน แทกิลจึงกล่าวว่า จะเสียงานได้ยังไงในเมื่อทั้งคู่ต่างเป็นทาสหลบหนี และหน้าที่ของนักล่าทาสอย่างพวกเขาก็คือ การตามจับทาสหลบหนีให้ได้ทั้งสองคน


เมื่อเห็นว่าอากาศค่อนข้างเย็น เชจึงชวนแทกิลให้เข้าไปหลบลมหนาวในห้อง แต่แทกิลยังคงยืนกรานให้เชเข้าไปในห้องก่อน เชไม่อยากปล่อยแทกิลเอาไว้คนเดียวจึงบอกว่า พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน หากแทกิลมีเรื่องไม่สบายใจก็ระบายให้เขาและวังซอนฟังได้ แต่แทกิลที่ภายนอกแลดูแข็งแกร่งแต่จิตใจแสนเปราะบาง กลับพูดเฉไฉว่า "ครอบครัวอะไร? ใคร? ชายโฉดอย่างพวกเราเนี่ยนะ เรามันก็แค่เพื่อร่วมชะตากรรมเท่านั้น" ถึงแม้แทกิลจะแกล้งทำเป็นปากแข็ง แต่เชก็รู้ว่าแทกิลรู้สึกไม่ต่างกัน

ผิดกับชอลวุงที่มีทั้งมารดาและครอบครัว แต่กลับเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก... หลังปฏิบัติภารกิจบนเกาะเชจูไม่สำเร็จ ซ้ำยังถูกแทฮาแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในที่สุด ชอลวุงก็เดินลากสังขารกลับมายังเมืองฮันยางในสภาพอ่อนแรง เขากลับไปที่บ้านมารดาเป็นแห่งแรก แต่ก็ทำได้เพียงยืนมองจากด้านนอกเพราะไม่อาจสู้หน้ามารดา 

ในตอนนี้เขาเหมือนปีศาจร้ายที่กำลังบาดเจ็บ เขาไม่ใช่ลูกแม่คนเดิมแต่กลายเป็นนักฆ่าที่มีใจคอโหดเหี้ยม แม้คิดถึงมารดาและจำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่เขาไม่อาจทำให้ผู้เป็นมารดาเดือดเนื้อร้อนใจ เขาจึงเดินออกจากบ้านมารดาไป ทั้งๆ ที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนที่สามารถไว้ใจ และไม่มีที่ไป ด้วยความที่เสียเลือดมากและเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง เขาจึงหมดสติลงตรงหน้ามือปราบโอ


เมื่อรู้ว่าคนที่นอนหมดสติตรงหน้า เป็นถึงลูกเขยของเสนาบดีอี คยองชิก มือปราบโอก็รีบนำตัวส่งไปส่งที่บ้านหวังได้รับรางวัลและความดีความชอบ ลูกสาวเสนาบดีเป็นห่วงชอลวุงมากจึงเฝ้าดูอาการอยู่ไม่ห่าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยก็ตาม

เสนาบดีอี คยองชิก เห็นชอลวุงนอนหมดสติและได้รับบาดเจ็บกลับมาจึงรู้สึกร้อนใจ เขาอยากรู้ว่าชอลวุงทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ และเกิดอะไรขึ้นที่เกาะเชจู เลยเขย่าตัวและตะคอกสั่งชอลวุงให้ลุกขึ้นมา โดยไม่สนใจว่าชอลวุงจะเจ็บหนักหรือผ่านความเหนื่อยยากเพียงใดมาก็ตาม ลูกสาวเสนาบดีเห็นผู้เป็นพ่อระเบิดอารมณ์ใส่สามีของตนจึงรีบเอาตัวเข้ามาขวาง แม้จะเลือดเย็นแค่ไหนแต่พอเห็นลูกสาวพิการของตนร่ำไห้ เสนาบดีก็ยอมแพ้และเดินออกจากห้องไป


หลังแทฮาและคนของเขานำตัวองค์ชายน้อยอี ซกยอน พระโอรสองค์เล็กของอดีตรัชทายาทโซฮยอน มาประทับยังตำหนักชั่วคราว กลุ่มของแทฮา และเหล่าบัณฑิต (นำโดยบัณฑิตโจ ลูกศิษย์ของอิม ยองโฮ ที่ส่งจดหมายลับให้แทฮา) ก็มารวมตัวกันแสดงความเคารพและถวายความจงรักภักดีต่อ 'เจ้านายองค์น้อย' ที่พวกเขาเห็นว่ามีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ แม้ว่าขณะนั้นพระเจ้าอินโจจะแต่งตั้งองค์ชายพงริมให้เป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบันแล้วก็ตาม

* การกระทำดังกล่าวอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแผนก่อกบฏ เพราะมีการจัดตั้งรัฐบาลเงาหรือราชสำนักจำลองขึ้น ซึ่งมีทั้ง (ว่าที่) พระราชาองค์น้อย ฝ่ายพลเรือนหรือขุนนาง และฝ่ายทหาร... ด้านขวามือขององค์ชายน้อย คือ ฝ่ายทหาร ที่นำโดยซง แทฮา ส่วนด้านซ้าย คือ ฝ่ายพลเรือนที่นำโดยชนชั้นสูงอย่างบัณฑิตโจ 


หลังเสียรู้แทฮาครั้งแล้วครั้งเล่า สามหนุ่มนักล่าทาสก็หันมาใช้วิธีสืบหาข้อมูล แทนที่จะเสียเวลาและพลังงานไปกับการตามรอยทหารที่เชี่ยวชาญด้านการหลบหนีแบบไร้ร่องรอยอย่างแทฮาและพวก แทกิลรู้ว่ากลุ่มของแทฮามีด้วยกันหลายคน (สังเกตจากร่องรอยบนเขา + พระน้อยบอก) จึงมอบหมายให้เชไปสืบหาข้อมูลกลุ่มคนที่เพิ่งมาอยู่และรวมตัวกันได้ไม่นานตามร้านขายเนื้อและเหล้า ด้านวังซอนให้ลองสืบดูว่ามีใครเพิ่งซื้อหรือเช่าบ้านบ้าง ขณะที่ซอลฮวามีหน้าที่สืบข้อมูลในตลาดว่ามีใครซื้อของในปริมาณมากๆ บ้าง ส่วนตัวเขาจะไปสืบดูว่าใครเป็นเจ้าของเกี้ยว

ทันทีที่ชอลวุงรู้สึกตัว เสนาบดีอี คยองชิก ก็คาดคั้นว่าเกิดอะไรขึ้นบนเกาะเชจู เมื่อรู้ว่าชอลวุงทำงานไม่สำเร็จเสนาบดีก็รู้สึกผิดหวัง เขากล่าวว่าถ้าชอลวุงทำงานไม่สำเร็จ ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่บ้านนี้อีก (แม้แต่ศพของลูกเขยอย่างเขา เสนาบดีก็จะไม่รับเข้าบ้าน ถ้าทำงานไม่สำเร็จ)


ถึงจะยังไม่หายดี แต่ชอลวุงจำเป็นต้องรีบออกไปทำงาน เมื่อเห็นลูกสาวเสนาบดีเป็นห่วง ชอลวุงก็พูดกับเธออย่างเย็นชาว่า ที่ผ่านมาเขาเคยทำเลวและทำผิดพลาดหลายครั้ง แต่ที่พลาดมากที่สุดก็คือการแต่งงานกับเธอ เขายังบอกด้วยว่า สักวันจะเหยียบพ่อเธอขึ้นไปยังจุดที่เหนือกว่า จะได้กลับมายืนด้วยขาตนเองด้วยความภาคภูมิใจ


ขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะราบรื่น แทฮากลับต้องมาเจอเรื่องที่ทำให้ลำบากใจ เมือบัณฑิตโจประกาศกร้าวว่าจะยึดอำนาจจากพระราชาและรัชทายาทพงริม แล้วสถาปนาองค์ชายน้อยซกยอนให้เป็นพระราชาองค์ใหม่ โดยมอบหมายให้แทฮาเป็นผู้นำในการปฏิวัติหรือก่อกบฏในครั้งนี้ แทฮาฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจเพราะไม่อยากให้มีเหตุการณ์นองเลือด ที่ผ่านมา เขาเคยแต่เข่นฆ่าศัตรูเพื่อปกป้องประชาชนและอาณาจักรโชซอน แต่บัณฑิตโจกลับต้องการให้เขาใช้กำลังเข่นฆ่าชาวโชซอนด้วยกันเอง 

บัณฑิตโจยังบอกให้เขากำจัดคนนอกอย่างเฮวอนเพราะกลัวความลับรั่วไหล แทฮาอธิบายว่าเฮวอนไม่ใช่คนนอกแต่เป็นคนที่เขาจะอยู่ด้วยตลอดชีวิต และถ้าจำเป็นเขาก็จะแต่งงานกับเธอ บัณฑิตโจกลัวว่าผู้หญิงจะทำให้เสียงานเลยบอกให้แทฮาคิดดูให้ถ้วนถี่ก่อนตัดสินใจ แทฮายืนยันว่าตนคิดเรื่องนี้มานานพอแล้ว และรีบขอตัวออกจากประชุมทันที

ระหว่างนั้น เช วังซอน และซอลฮวา ต่างพากันออกสืบหาข้อมูลแต่ก็คว้าน้ำเหลว ส่วนแทกิลรีบไปสำรวจเกี้ยวที่ถูกทิ้งไว้ภายในวัดอุนจู ทำให้รู้ว่าเจ้าของเกี้ยวคือ คัง มินเกียว 


แทฮาเชื่อว่าถ้าเขาแต่งงานกับเฮวอนแล้ว บัณฑิตโจอาจเลิกระแวงในตัวเธอ (และเขาเองก็ต้องการใช้ชีวิตร่วมกับเฮวอนด้วย) เขาจึงขอเธอแต่งงาน โดยให้เหตุผลว่าทั้งคู่ 'จำเป็น' ต้องเข้าพิธีแต่งงานกัน เฮวอนถามด้วยความผิดหวังว่า เขาขอเธอแต่งงานเพราะความจำเป็นหรือ แทฮาปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่กลับอ้างเหตุผลว่า ต้องมีใครสักคนคอยดูแลองค์ชายน้อย เฮวอนจึงเสนอให้แทฮาจ้างพี่เลี้ยง แทฮาพูดต่อว่าคนของเขากำลังจับตามองเฮวอน เธอจึงย้อนถามว่า เขาเลยอยากแต่งงานเพื่อปกป้องเกียรติยศและชื่อเสียงของตนเองใช่ไหม และเมื่อแทฮาบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาอาจทำให้ใครบางคนรู้สึกไม่สบายใจ เฮวอนจึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปจากเขาเพื่อความสบายใจของทุกคน

แทฮาถามเฮวอนว่า เธอปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขาหรือ เฮวอนตอบทันควันว่า 'ใช่' และย้อนถามแทฮาว่า 'จริงๆ แล้วสิ่งที่เขาต้องการคือเพื่อนสนิทหรือลูกน้องที่ซื่อสัตย์ไม่ใช่หรือ' แทฮารีบปฏิเสธว่า 'ไม่ใช่ ' เฮวอนจึงถามว่า 'แล้วเขาต้องการอะไร มีความจำเป็นอะไรที่ทำให้เขาต้องขอเธอแต่งงาน' แทฮาได้แต่อึ้ง เพราะพูดไม่ออกบอกรักไม่เป็น เฮวอนเลยพูดตัดบทว่าจะปิดประตูเพราะกลัวองค์ชายเป็นหวัด แทฮาจึงลุกขึ้นมาปิดประตูให้แต่โดยดี

ความจริงแล้วเฮวอนต้องการให้แทฮาเผยความในใจออกมา แต่แทฮากลับยกเหตุผลเรื่องความจำเป็นมาอ้าง เธอจึงไม่ยอมรับคำขอแต่งงานของเขา 


เฮวอนบ่นกับองค์ชายน้อยว่าเธออยากได้ยินคำพูดซึ้งๆ จากปากแทฮาบ้าง พูดจบแทฮาก็เปิดประตูและเดินเข้ามา (ดูเหมือนเขาจะได้ยินที่เฮวอนพูด) เขานั่งลงตรงหน้าเฮวอนและองค์ชายน้อยแล้วพูดว่า 'ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะทาสหลบหนี ส่วนเฮวอนเป็นคุณหนูที่มาจากครอบครัวชนชั้นสูง แล้วทาสจะขอชนชั้นสูงแต่งงานได้ไหม' เฮวอน (ที่เกิดมาเป็นทาสและพยายามหลบหนีมาชั่วชีวิต) ตอบว่า เกิดมาในชนชั้นใดก็ไม่สำคัญเท่ากับเกิดมาเพื่อใคร 

ก่อนหน้านี้เฮวอนถามแทฮาว่าเขาต้องการอะไรถึงได้ขอเธอแต่งงาน ตอนนั้นแทฮามัวแต่นั่งอึ้ง แต่คราว นี้แทฮามาเพื่อเผยความในใจกับเธอว่า สิ่งที่เขาต้องการก็คือ ตัวเธอ และในใจของเขาก็มีแต่เธอเท่านั้น หลังพูดสิ่งที่อยู่ในใจทั้งหมดแล้ว แทฮาก็ขอเฮวอนแต่งงานอีกครั้ง


ขณะที่แทฮากำลังขอเฮวอนแต่งงาน แทกิลก็กำลังต่อสู้กับคนของบัณฑิตคัง มินเกียว หลังถูกจับได้ว่าแอบอ้างเป็นคนของทางการ แทกิลฆ่าลูกสมุนทั้งหมดของคัง มินเกียว แล้วขู่ให้เขาบอกว่าใครเป็นคนยืมเกี้ยว  คัง มินเกียว ตอบว่าก็แค่เพื่อนบัณฑิตที่มาขอยืมเกี้ยวและที่พัก แทกิลถามย้ำว่า คนยืมเกี้ยวเป็นใครกันแน่  คัง มินเกียว บอกให้เขาไปสืบหาที่โซวอนเก่า*  ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ถัดไป แล้วเขาก็จะรู้เอง

* หอศึกษาและสถานที่พบปะของเหล่าบัณฑิตในยุคโชซอนตอนกลาง-ปลาย แต่บางครั้งก็ถูกใช้เป็นที่ทำการของฝ่ายการเมืองท้องถิ่นด้วย

หลังขอเฮวอนแต่งงานรอบที่สองแล้ว แทฮาก็พูดว่า 'เขาตัดสินใจแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจในภายหลัง' (ประโยคนี้เฮวอนเคยบอกแทฮาว่าเป็นสิ่งเดียวที่ผู้หญิงคาดหวังจากผู้ชาย) เฮวอนน้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้ม เธอถามว่าแล้วเขาอยากได้ยินเธอพูดอะไรบ้าง อย่างเช่น เธอจะเป็นภรรยาที่ดี หรือ จะให้เธอสัญญาว่าจะดูแลคนของเขาด้วยความเอาใจใส่ แทฮารู้ว่าเฮวอนยอมแต่งงานกับเขาแล้ว จึงยิ้มด้วยน้ำตาคลอเบ้า


ในที่สุด แทฮาและเฮวอนก็ตัดสินใจแต่งงานกัน บัณฑิตโจและคนของเขาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นแทฮา ให้ความสำคัญกับการลงหลักปักฐานมากกว่าการเร่งทำงานใหญ่ให้บรรลุเป้าหมาย ระหว่างที่เฮวอนและแทฮากำลังเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงาน แทกิลก็กำลังมุ่งหน้าไปที่โซวอน (นอกจากจะเป็นหอศึกษาแล้ว ภายในยังมีบ้านพักอีกด้วย)

ระหว่างเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงาน เฮวอนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากเธอยังไม่ลืมแทกิลและรู้สึกว่าตนเองกำลังทรยศเขา ถึงแม้จะรู้สึกผิดต่อแทกิล  (ที่เธอเข้าใจว่าตายไปแล้ว) แต่เธอก็มีความรู้สึกดีๆ ให้แทฮา และพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่เคียงข้างเขา

นอกจากจะยังไม่ตายแล้ว แทกิลยังเข้าใกล้เฮวอนเข้ามาทุกขณะ เขาแอบปีนกำแพงเข้าไปภายในหอศึกษาและเห็นคนกำลังตั้งโต๊ะเตรียมจัดงานมงคลบริเวณด้านหน้าแต่ก็ไม่ได้สนใจ เขามุ่งหน้าไปยังบ้านพักที่อยู่ทางด้านใน เพื่อตามหาทาสหลบหนีที่มีชื่อว่า 'ซง แทฮาและออนยอน'


ในที่สุด แทกิลก็พบตัวแทฮา เขาค่อยๆ ชักดาบสั้นขึ้นมาหมายจับตัวแทฮาให้ได้ แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาหาแทฮาในชุดผ้าไหมที่สวยงาม และผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คือ ทาสสาวออนยอน อดีตคนรักและทาสหลบหนีที่เขาเฝ้าตามหามาตลอดสิบปี


แทกิลจ้องมองทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข แทฮากุมมือทั้งสองข้างของเฮวอนขึ้นมา แล้วเรียกเธอว่า 'เจ้าสาว' แทกิลหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เฮวอนยังเป็นเพียงทาสสาวและเป็นคนรักของเขา ภาพที่ผุดขึ้นมาในขณะนั้นคือ ใบหน้าของทาสสาวออนยอนที่กำลังมองและยิ้มให้เขา แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ากำลังมองและยิ้มให้แทฮา มิหนำซ้ำ เธอยังเป็นเจ้าสาวที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน

เมื่อเห็นทั้งคู่กำลังมีความสุข แทกิลก็ทรุดนั่งลงอย่างอ่อนแรง แทกิลค่อยๆ ชักดาบสั้นขึ้นมาอีกครั้ง พลางนึกถึงคำพูดของเช ที่ถามว่า... ถ้าออนยอนแต่งงานแล้วและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แทกิลจะทำยังไง? ในตอนนั้นเขาตอบว่า ออนยอนไม่มีวันอยู่อย่างมีความสุข ตราบใดที่เขายังคงทนทุกข์ทรมาน ในเมื่อชีวิตของเขาพังพินาศลงและต้องลงเอยแบบนี้ ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะมีชีวิตที่สมหวังและมีความสุข


แทกิลตั้งท่าราวกับเตรียมพร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่ทั้งคู่ ใบหน้าของเขาฉายแววของความเป็นนักล่าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น 


* ภาพ captures / ละครเคบีเอส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา