ฮวางจองตัวจริงคิดจะส่งฮวางจอง (โชกึนแก) เข้ากองปราบ แต่โชกึนแกต่อรองโดยบอกว่าเขาจะเข้าไปสอบแทนโดยใช้ชื่อของฮวางจองซึ่งมั่นใจว่าสอบได้ และหากเขาสอบได้ฮวางจองก็จะได้เข้าเป็นนักเรียนแพทย์ ฮวางจองตัวจริงตกลงให้ฮวางจอง (โชกึนแก) เข้าไปสอบแทนและวางแผนไว้ว่าหากสอบเสร็จก็จะฆ่าฮวางจอง (โชกึนแก) ทิ้งเสีย เพื่อปกปิดความลับ
ในสนามสอบแข่งขัน ทุกคนตั้งใจอย่างเต็มที่ ซ๊อกรันก็ปลอมตัวเป็นชายเข้ามาสอบและเจอกับฮวางจอง (โชกึนแก) ซ๊อกรันบอกว่าเธอต้องการทดสอบฝีมือเท่านั้น เพราะแม้ว่าเธอสอบได้ก็ไม่มีสิทธิเรียนแพทย์อยู่ดี
หมออัลเลนเข้าเฝ้าพระเจ้าโกจง พระเจ้าโกจงตรัสถามเรื่องการสอบคัดเลือกนักเรียนแพทย์ “การสอบคัดเลือกวันนี้มีวิธีป้องกันการโกงข้อสอบบ้างรึเปล่า?”
“เท่าที่ทราบผู้คุมสอบคุมอย่างเข้มงวดมากพ่ะย่ะค่ะ” ยองอิกบอก
“การสอบครั้งนี้ คัดเลือกคนที่ต้องมารับผิดชอบชีวิตคน อย่าให้มีการโกงเกิดขึ้นเป็นอันขาดจับคนโกงได้ให้ตกรางวัล คนถูกจับได้ต้องรับโทษหนัก ให้ทุกคนเกรงกลัวความเข้มงวดของกฎหมายบ้านเมือง อ้อ จริงสิหมออัลเลน นอกจากนักเรียนของเจจุงวอนแล้ว ท่านยังต้องการอะไรอีกรึเปล่าล่ะ?”
“กราบทูลฝ่าบาท เราต้องการพยาบาล เพื่อสะดวกในการดูแลคนไข้ชายและหญิง”
“หมายความว่าต้องการให้ผู้หญิงมาดูแล ทั้งผู้ชายและผู้หญิงอย่างนั้นหรือ” พระมเหสีตรัสอย่างแปลกพระทัย “จะไปหาผู้หญิงแบบนั้นมาจากไหน ในประเทศที่ชายหญิงห้ามถูกต้องตัวกัน”
พระเจ้าโกจงส่ายหัว แต่หมออัลเลนยืนยันว่าจำเป็นต้องมีนางพยาบาลเพื่อคอยช่วยเหลือผู้ป่วย หมออัลเลนจึงขอล่ามยูให้ซ๊อกรันมาช่วยที่โรงพยาบาลเจจุงวอน
“มิสยูน่ะ เป็นผู้หญิงที่หาได้ยากมากในโชซอน เก่งภาษาอังกฤษ เฉลียวฉลาด และไหวพริบดี ในประเทศตะวันตก เธอคงจะได้เป็นแพทย์ไปแล้ว ผมอยากจะขอให้มิสยูมาช่วยที่เจจุงวอน เพราะผมได้ยินว่า สำหรับชาวโชซอน ลูกต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่”
“ถ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ คิดว่าการตัดสินใจของซ๊อกรันสำคัญกว่าการตัดสินใจของผม”
“หมายความว่า ถ้ามิสยูยอมตอบรับ คุณก็ไม่ปฏิเสธใช่มั้ย?”
“ถึงแม้ซ๊อกรัน..จะเป็นเด็กผู้หญิง แต่เค้าก็ถูกเลี้ยงดูมาเหมือนเด็กผู้ชาย ผมอยากให้เค้า ออกไปค้นหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำด้วยตัวเอง ดังนั้น หวังว่าสิ่งที่คุณเสนอจะเป็นสิ่งที่ซ๊อกรันเองก็ต้องการด้วยเช่นกัน อยู่ที่ตัวเค้าแล้ว”
ในการสอบครึ่งเช้าผ่านไปได้ด้วยดี พอเริ่มเข้าสนามสอบครึ่งบ่าย มือปราบก็มาประกาศรับสั่งของพระราชา
“พระราชาได้มีรับสั่งมาว่า ใครก็ตามที่โกงและทำผิดกฎการสอบ จะต้องถูกโบยเจ็ดสิบที และถูกจับขังคุกหลวง รวมทั้งจะถูกลบชื่อและตัดสิทธิการเข้าสอบรับราชการทุกประเภทตลอดไป ดังนั้น ใครก็ตามที่ทำผิดกฎหรือกำลังคิดจะทำผิดกฎ ให้รีบออกไปจากสนามสอบเองทันที ถ้าไปตอนนี้ ก็จะไม่มีการเอาผิดใด ๆ ดีมาก ดังนั้นคนที่เหลืออยู่ จะต้องอยู่ภายใต้กฎนี้ และการควบคุมอย่างเข้มงวด”
การสอบในครึ่งบ่ายให้ผู้เข้าสอบจับกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกัน โดยซ๊อกรัน ฮวางจอง (โชกึนแก) และผู้เข้าสอบอีกคนหนึ่งจับกลุ่มกัน โดยการสอบจะให้ผ่าศพหมูและวาดตำแหน่งอวัยวะทุกอย่างออกมาเพราะอวัยวะของหมูใกล้เคียงกับคน
กลุ่มของซ๊อกรันและฮวางจอง (โชกึนแก) ก็ทำได้อย่างดี แม้มือของฮวางจอง (โชกึนแก) จะยังบาดเจ็บอยู่ แต่ก็พยายามจับมีดขึ้นมาและผ่าศพหมูอย่างมั่นใจจนกระทั่งสำเร็จ
กลุ่มของซ๊อกรันและฮวางจอง (โชกึนแก) ก็ทำได้อย่างดี แม้มือของฮวางจอง (โชกึนแก) จะยังบาดเจ็บอยู่ แต่ก็พยายามจับมีดขึ้นมาและผ่าศพหมูอย่างมั่นใจจนกระทั่งสำเร็จ
“เพราะว่ามีคุณหนู ข้าไม่เสียใจเลยที่มาสอบ”
“เพราะการสอบวันนี้มีท่านอยู่ ทำให้ข้าสอบได้อย่างราบรื่น”
“ต่อให้ข้าไม่ได้เข้าไปเรียนโรงเรียนแพทย์ ข้าก็คงไม่เสียใจแล้วล่ะ”
“เข้าไม่ได้ได้ยังไง ข้าว่าท่านน่าจะได้ที่หนึ่งด้วยซ้ำ”
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนี้ ขอบคุณมากจริง ๆ”
ซ๊อกรันเดินแยกจากฮวางจอง (โชกึนแก)ไป ฮวางจองตัวจริงก็ปรี่เข้ามาถามถึงผลสอบ
ฮวางจอง (โชกึนแก) บอกว่าเขาผ่านการทดสอบทางร่างกาย ตอบข้อเขียนได้ทุกข้อ และปฏิบัติก็ไม่มีปัญหาจึงน่าจะสอบผ่าน แต่ผลการสอบต้องรอประกาศก่อน ฮวางจองตัวจริงดีใจมากและทำทีเป็นชวนฮวางจอง (โชกึนแก) ไปดื่มเหล้า พอถึงที่เปลี่ยวก็หยิบดาบขึ้นมาจะฆ่าฮวางจอง (โชกึนแก) ทิ้ง แต่สู้ฝีมือของฮวางจอง (โชกึนแก) ไม่ได้
“ทำไมท่านถึงคิดจะฆ่าข้า”
“เพราะข้าไม่อยากให้เป็นภัยภายหลัง”
“หมายความว่าถึงสอบผ่านก็ต้องตาย สอบไม่ได้ก็ต้องตายใช่มั้ย ชนชั้นสูงอย่างพวกเจ้าเป็นอย่างนี้เหรอ ชีวิตคนอย่างพวกข้า มีค่าน้อยกว่าแมลงวันอีกใช่มั้ย แล้วถ้าข้าคิดจะกำจัดพวกเจ้าไม่ให้เป็นภัยภายหลังล่ะ”
“อย่านะ ข้าผิดไปแล้ว ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ แล้วพวกข้าจะหายสาบสูญไปซะ”
“จะไปแจ้งกองปราบเพื่อเปิดโปงใช่มั้ย คนที่แอบอ้างว่าชื่อฮวางจอง คนที่มาเจอเข้าในสนามสอบ ชีวิตมันไม่เคยมีค่าอยู่แล้ว เลยปล่อยให้มันลองไปสอบแทนก่อนตายอย่างนั้นใช่มั้ย?”
ฮวางจอง (โชกึนแก) เค้นถามก่อนจะลากฮวางจองตัวจริงไปด้วยกัน
ฮวางจอง (โชกึนแก) ลากฮวางจองไปที่กองปราบ ฮวางจองเห็นหลายคนถูกโบยอย่างเจ็บปวด ฮวางจอง (โชกึนแก) บอกว่าพระเจ้าโกจงมีรับสั่งจะเอาผิดคนที่โกงสอบโดยการให้คนอื่นมาสอบให้ ฮวางจองจึงไม่กล้าที่จะจับฮวางจอง (โชกึนแก) ส่งกองปราบ เพราะกลัวตัวเองมีความผิดไปด้วย จึงเดินทางกลับบ้านนอกไป
ซ๊อกรันกลับมาบ้าน มักเซงจำไม่ได้เพราะซ๊อกรันแต่งตัวเป็นผู้ชาย จนซ๊อกรันต้องบอกว่าที่แต่งตัวเป็นชายเพื่อไปสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนแพทย์ มักเซงแทบเป็นลมในความแก่นแก้วของซ๊อกรัน
ระหว่างที่ฝึกทดสอบผ่าศพหมู ฮวางจองฝืนทำ ทำให้มือได้รับบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น หมออัลเลนมาช่วยดูแลและรักษาให้ ก่อนจะเดาถูกว่าที่ฮวางจองมือเจ็บเพราะฝึกปฏิบัติตอนทดสอบ ก่อนจะบอกว่าในการทดสอบกลุ่มของฮวางจองได้ที่ 1 ทำให้ฮวางจองดีใจมาก อัลเลนดีใจด้วยกับฮวางจองและว่าเมื่อฮวางจองเป็นนักเรียนแพทย์ในเจจุงวอนเมื่อไหร่ เขาพร้อมที่จะสอนฮวางจองอย่างเต็มที่
ระหว่างที่ล่ามยูกำลังตรวจข้อสอบอยู่นั้น คูฮอนก็ทำทีมาเป็นสอบถามเรื่องผลสอบ เพราะอยากรู้ว่าฮวางจองสอบผ่านหรือไม่ โดยอ้างว่ามีข่าวเรื่องโกงข้อสอบ ล่ามยูบอกว่าการสอบภาษาอังกฤษ ยูซ๊อกฮวาน สอบได้ที่ 1 โดยที่ไม่รู้ว่า ยูซ๊อกฮวาน คือ ซ๊อกรันที่ปลอมตัวเข้ามาสอบ และโดยังสอบได้ที่ 2 คูฮอนถามถึงฮวางจองแต่ล่ามยูบอกว่ายังไม่ได้ตรวจของฮวางจอง คูฮอนจึงถือโอกาสเปลี่ยนกระดาษคำตอบของฮวางจอง
วันประกาศผล ทุกคนมาฟังผล ซ๊อกรันสอบได้ที่ 1 ขณะที่ฮวางจองสอบไม่ติดเพราะคูฮอนและโดยังวางแผนกันเพื่อกันไม่ให้ฮวางจองเข้าเป็นนักเรียนแพทย์ คิมโทนซึ่งเป็นคนของญี่ปุ่นก็สอบได้เช่นกัน ทำให้ทูตญี่ปุ่นยิ้มสมใจ
“พอเข้าไปเป็นนักเรียนของจุงวอน เค้าก็จะเข้าไปก่อกวนได้ ข่าวลือเรื่องเจจุงวอนกินเด็ก นั่นมันจะเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น แต่ครั้งนี้ จะเป็นการตัดรากถอนโคนนักเรียนแพทย์ของเจจุงวอน โชซอนมีคำคำหนึ่งว่า แค่เห็นใบก็รู้แล้วว่าต้นไม้ต้นนี้จะเติบใหญ่รึเปล่า ครั้งนี้เราจะตัดใบต้นไม้ที่มันกำลังจะเติบโตนี้ทิ้งไปซะเลย” วาตานาเบ้พูดยิ้ม ๆ
“จะรอให้มันออกดอกแล้วค่อยตัดใบ ของต้นไม้ทิ้งอย่างนั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ทำสงครามครั้งนี้ให้มันมีสีสันหน่อยสิ ไม่เอาแบบต้นไม้แต่เป็นแบบสัตว์ เป็นเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่เขมือบเจจุงวอนได้ง่าย.. เหมือน เขมือบลูกหมาตัวนึงไงล่ะ คุณเข้าใจรึเปล่า?”
“ผมจะพยายามเต็มที่ครับ” วาตานาเบ้บอก
“แล้วผมจะคอยจับตาดู ถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จผมจะส่งคุณกลับประเทศ ทำงานให้ดีก็แล้วกัน” ทูตญี่ปุ่นขู่
“ไฮ้ ผมเข้าใจแล้วครับท่าน”
“แต่ว่าไหนล่ะ นางโลมที่ว่าหน้าเหมือนรักแรกเจ้า ไม่เห็นเข้ามาเลย”
“อ้อ มียองหรือ เธอเล่นพิณได้เก่งมาก”
ล่ามยูกลับมาบ้านและพูดคุยเรื่องการสอบเข้าเป็นนักเรียนแพทย์ โดยเปรยว่าโดยังรู้สึกว่าจะผิดหวังที่สอบไม่ได้ที่ 1 พร้อมกับบอกว่าคนที่ได้ที่ 1 น่าจะอยู่ในตระกูลเดียวกับเรา เพราะชื่อ ยูซ๊อกฮวาน ซ๊อกรันแอบยิ้มรู้สึกภูมิใจเช่นกัน
“ทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนเต็ม ข้าอุตส่าห์ออกข้อที่ยากมากไปสองข้อ แต่ก็กลับตอบถูกทั้งสองข้อ นักเรียนในทงมุนก็ยังตอบผิดกันหมด ถึงยังไง ก็ต้องถือว่าเป็นคนที่เก่งมากคนนึงเลย”
“เคยเจอมั้ย” แม่ซ๊อกรันถาม
“ถึงพิธีเปิดเรียน ก็คงจะได้เจอ”
“แล้วถ้าถึงพิธี เค้าไม่มาล่ะ” ซ๊อกรันแกล้งถาม
“โฮะ ๆ สอบได้ที่หนึ่งแล้วกลับไม่มา จะเป็นไปได้ยังไง”
“ถ้าไม่มา แล้วมันจะเป็นยังไงเหรอคะ” มักเซงถามขึ้นบ้าง และมองไปทางซ๊อกรัน
“ถ้าหากไม่มาจริง ก็คงไม่มีอะไรหรอก ทำไมพวกเจ้าถึงได้อยากรู้เรื่องนี้นักล่ะ” ล่ามยูถามอย่างสงสัย
“ก็แค่ คิดขึ้นมาเฉย ๆ น่ะค่ะพ่อ”
“ถ้าเค้าไม่มาจริงก็เท่ากับสละสิทธิ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นักเรียนก็จะขาดไปหนึ่งคน คงเริ่มพิธีกันแค่สิบเอ็ดคนน่ะ”
“แล้วจะไม่เพิ่มคนอื่นมาเหรอคะ?”
“ถ้าเค้ามาแจ้งสละสิทธิ์ก่อนถึงวันเปิดเรียนก็อาจจะมีการเลื่อนคนที่สอบได้ที่สิบสามเข้ามาแทน ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง..” ล่ามยูหยุดพูดไป ซ๊อกรันรีบถามขึ้น “ถ้าหากเป็นอย่างนั้น..”
“อืม บัณฑิตฮวางที่อยู่อันดับสิบสาม ก็จะถูกคัดเข้ามาแทนน่ะ”
“บัณฑิตฮวางมีความมุมานะมากก็จริง แต่คนที่อุตส่าห์สอบได้แล้วมีเหรอจะไม่มาเรียน เจ้าว่าจริงรึเปล่า”
“ค่ะ นั่นสิคะ” ซ๊อกรันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ล่ามยูถามเรื่องที่หมออัลเลนทาบทามให้ซ๊อกรันไปทำงานที่โรงพยาบาลเจจุงวอน
“ถ้าหาก..ท่านพ่ออนุญาตข้าก็จะไปทำค่ะ ในโชซอนมีผู้หญิงที่สามารถทำงานแบบนี้ได้ไม่มาก และข้าคิดว่างานนี้เป็นงานที่ข้าทำได้และทำได้ดีค่ะ”
“เอาเถอะ ถ้าเจ้าคิดอย่างนั้น พ่อก็จะอนุญาตให้เจ้าทำ แต่ว่า ทำไมเจ้าดูไม่ค่อยดีใจเลย ลูกมีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“ไม่หรอกค่ะ ข้าจะได้ทำงานที่เจจุงวอน ข้าดีใจมาก” ซ๊อกรันดีใจแต่ก็เก็บความกังวลไว้ไม่มิด
“มันคงจะไม่ง่ายนัก เพราะว่าเจ้าเป็นผู้หญิง คงจะมีคนที่ดูถูกและ..เหยียดหยามเจ้าอยู่ไม่น้อย ดังนั้น เมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะทำแล้ว ก็ขอให้ยืนหยัดไปให้ถึงที่สุดนะ พ่อเชื่อมั่นใจตัวเจ้า”
หมออัลเลนมาขอร้องกรรมการที่ตัดสินการสอบ เพื่อจะให้ฮวางจองเข้าเรียนแพทย์ในเจจุงวอน
“ถ้าอยากจะเป็นนักเรียนแพทย์จริง ถึงคราวสอบปีหน้าก็มาสอบใหม่สิ ไม่ใช่ว่าต้องเข้าปีนี้สักหน่อย” คูฮอนบอก
“ข้าไม่ต้องเข้าไปเป็นนักเรียนก็ได้ แต่ข้าขอเป็นผู้ช่วยของคุณหมออัลเลนต่อไปก็พอ” ฮวางจองขอร้อง
“แต่ว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ”
“แต่ว่าข้าไม่ต้องการเงินเดือน ข้าแค่อยู่ที่นี่ไปก็พอ แล้วข้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับโรงเรียนแพทย์ด้วย ขอแค่ดู ข้าแค่ได้ดูเท่านั้นเอง”
“ถ้าเจ้าหวังดีกับเจจุงวอนจริงจริง ก็รีบไปจากเจจุงวอนซะ ไปเดี๋ยวนี้เลย”
ฮวางจองพยายามขอร้องแต่ก็ไม่เป็นผล
“นี่เจ้าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง ข้าจะฝ่าฝืนกฎของเจจุงวอนเพื่อเจ้าไม่ได้ ฮึ่ย..”
“พอเข้าไปเป็นนักเรียนของจุงวอน เค้าก็จะเข้าไปก่อกวนได้ ข่าวลือเรื่องเจจุงวอนกินเด็ก นั่นมันจะเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น แต่ครั้งนี้ จะเป็นการตัดรากถอนโคนนักเรียนแพทย์ของเจจุงวอน โชซอนมีคำคำหนึ่งว่า แค่เห็นใบก็รู้แล้วว่าต้นไม้ต้นนี้จะเติบใหญ่รึเปล่า ครั้งนี้เราจะตัดใบต้นไม้ที่มันกำลังจะเติบโตนี้ทิ้งไปซะเลย” วาตานาเบ้พูดยิ้ม ๆ
“จะรอให้มันออกดอกแล้วค่อยตัดใบ ของต้นไม้ทิ้งอย่างนั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ทำสงครามครั้งนี้ให้มันมีสีสันหน่อยสิ ไม่เอาแบบต้นไม้แต่เป็นแบบสัตว์ เป็นเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่เขมือบเจจุงวอนได้ง่าย.. เหมือน เขมือบลูกหมาตัวนึงไงล่ะ คุณเข้าใจรึเปล่า?”
“ผมจะพยายามเต็มที่ครับ” วาตานาเบ้บอก
“แล้วผมจะคอยจับตาดู ถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จผมจะส่งคุณกลับประเทศ ทำงานให้ดีก็แล้วกัน” ทูตญี่ปุ่นขู่
“ไฮ้ ผมเข้าใจแล้วครับท่าน”
“แต่ว่าไหนล่ะ นางโลมที่ว่าหน้าเหมือนรักแรกเจ้า ไม่เห็นเข้ามาเลย”
“อ้อ มียองหรือ เธอเล่นพิณได้เก่งมาก”
ล่ามยูกลับมาบ้านและพูดคุยเรื่องการสอบเข้าเป็นนักเรียนแพทย์ โดยเปรยว่าโดยังรู้สึกว่าจะผิดหวังที่สอบไม่ได้ที่ 1 พร้อมกับบอกว่าคนที่ได้ที่ 1 น่าจะอยู่ในตระกูลเดียวกับเรา เพราะชื่อ ยูซ๊อกฮวาน ซ๊อกรันแอบยิ้มรู้สึกภูมิใจเช่นกัน
“ทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนเต็ม ข้าอุตส่าห์ออกข้อที่ยากมากไปสองข้อ แต่ก็กลับตอบถูกทั้งสองข้อ นักเรียนในทงมุนก็ยังตอบผิดกันหมด ถึงยังไง ก็ต้องถือว่าเป็นคนที่เก่งมากคนนึงเลย”
“เคยเจอมั้ย” แม่ซ๊อกรันถาม
“ถึงพิธีเปิดเรียน ก็คงจะได้เจอ”
“แล้วถ้าถึงพิธี เค้าไม่มาล่ะ” ซ๊อกรันแกล้งถาม
“โฮะ ๆ สอบได้ที่หนึ่งแล้วกลับไม่มา จะเป็นไปได้ยังไง”
“ถ้าไม่มา แล้วมันจะเป็นยังไงเหรอคะ” มักเซงถามขึ้นบ้าง และมองไปทางซ๊อกรัน
“ถ้าหากไม่มาจริง ก็คงไม่มีอะไรหรอก ทำไมพวกเจ้าถึงได้อยากรู้เรื่องนี้นักล่ะ” ล่ามยูถามอย่างสงสัย
“ก็แค่ คิดขึ้นมาเฉย ๆ น่ะค่ะพ่อ”
“ถ้าเค้าไม่มาจริงก็เท่ากับสละสิทธิ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นักเรียนก็จะขาดไปหนึ่งคน คงเริ่มพิธีกันแค่สิบเอ็ดคนน่ะ”
“แล้วจะไม่เพิ่มคนอื่นมาเหรอคะ?”
“ถ้าเค้ามาแจ้งสละสิทธิ์ก่อนถึงวันเปิดเรียนก็อาจจะมีการเลื่อนคนที่สอบได้ที่สิบสามเข้ามาแทน ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง..” ล่ามยูหยุดพูดไป ซ๊อกรันรีบถามขึ้น “ถ้าหากเป็นอย่างนั้น..”
“อืม บัณฑิตฮวางที่อยู่อันดับสิบสาม ก็จะถูกคัดเข้ามาแทนน่ะ”
“บัณฑิตฮวางมีความมุมานะมากก็จริง แต่คนที่อุตส่าห์สอบได้แล้วมีเหรอจะไม่มาเรียน เจ้าว่าจริงรึเปล่า”
“ค่ะ นั่นสิคะ” ซ๊อกรันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ล่ามยูถามเรื่องที่หมออัลเลนทาบทามให้ซ๊อกรันไปทำงานที่โรงพยาบาลเจจุงวอน
“ถ้าหาก..ท่านพ่ออนุญาตข้าก็จะไปทำค่ะ ในโชซอนมีผู้หญิงที่สามารถทำงานแบบนี้ได้ไม่มาก และข้าคิดว่างานนี้เป็นงานที่ข้าทำได้และทำได้ดีค่ะ”
“เอาเถอะ ถ้าเจ้าคิดอย่างนั้น พ่อก็จะอนุญาตให้เจ้าทำ แต่ว่า ทำไมเจ้าดูไม่ค่อยดีใจเลย ลูกมีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“ไม่หรอกค่ะ ข้าจะได้ทำงานที่เจจุงวอน ข้าดีใจมาก” ซ๊อกรันดีใจแต่ก็เก็บความกังวลไว้ไม่มิด
“มันคงจะไม่ง่ายนัก เพราะว่าเจ้าเป็นผู้หญิง คงจะมีคนที่ดูถูกและ..เหยียดหยามเจ้าอยู่ไม่น้อย ดังนั้น เมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะทำแล้ว ก็ขอให้ยืนหยัดไปให้ถึงที่สุดนะ พ่อเชื่อมั่นใจตัวเจ้า”
หมออัลเลนมาขอร้องกรรมการที่ตัดสินการสอบ เพื่อจะให้ฮวางจองเข้าเรียนแพทย์ในเจจุงวอน
“ถ้าอยากจะเป็นนักเรียนแพทย์จริง ถึงคราวสอบปีหน้าก็มาสอบใหม่สิ ไม่ใช่ว่าต้องเข้าปีนี้สักหน่อย” คูฮอนบอก
“ข้าไม่ต้องเข้าไปเป็นนักเรียนก็ได้ แต่ข้าขอเป็นผู้ช่วยของคุณหมออัลเลนต่อไปก็พอ” ฮวางจองขอร้อง
“แต่ว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ”
“แต่ว่าข้าไม่ต้องการเงินเดือน ข้าแค่อยู่ที่นี่ไปก็พอ แล้วข้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับโรงเรียนแพทย์ด้วย ขอแค่ดู ข้าแค่ได้ดูเท่านั้นเอง”
“ถ้าเจ้าหวังดีกับเจจุงวอนจริงจริง ก็รีบไปจากเจจุงวอนซะ ไปเดี๋ยวนี้เลย”
ฮวางจองพยายามขอร้องแต่ก็ไม่เป็นผล
“นี่เจ้าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง ข้าจะฝ่าฝืนกฎของเจจุงวอนเพื่อเจ้าไม่ได้ ฮึ่ย..”
คุณหนู"ซอกรัน"น่ารักมากๆ
ตอบลบ