วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์ ตอนที่ 3




องค์ชายกึมวาได้รับรายงานว่าแฮโมซูจะถูกส่งตัวไปรับโทษที่ดินแดนต้าฮั่น (ช่อง 3 เรียกว่า "เทียนเฉา") ในอีก 3 วันข้างหน้า จึงมาทูลขอกำลังทหารจากพระเจ้าแฮบูรูเพื่อชิงตัวแฮโมซูกลับคืนมา แต่พระเจ้าแฮบูรูไม่อนุญาต ทั้งยังโทษว่าเป็นเพราะความโง่เขลาของแฮโมซู แผนการต่างๆ ที่เตรียมไว้จึงพังลง

อำมาตย์ดึกบูลขอให้องค์ชายกึมวาเลิกล้มความคิดที่จะช่วยเหลือแฮโมซู โดยกล่าวว่าที่แฮโมซูพ่ายแพ้อย่างยับเยินในครั้งเป็นเพราะเขาถูกลวงให้เข้าไปติดกับ และคนที่ทำให้แฮโมซูต้องมาพบจุดจบอย่างน่าอนาถก็คือพระบิดาของพระองค์เอง พระเจ้าแฮบูรูไม่ต้องการตั้งตนเป็นศัตรูกับราชวงศ์ฮั่น และที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้นก็เพื่อปกป้ององค์ชายกึมวาและแคว้นพูยอ อำมาตย์ดึกบูลชี้ว่าหากแฮโมซูรอดชีวิต เขาจะเป็นภัยใหญ่หลวงต่อแคว้นพูยอและองค์ชายกึมวา


ถึงกระนั้น องค์ชายกึมวาก็ยังไปดักชิงตัวแฮโมซูกลางทาง แฮโมซูไล่ให้องค์ชายกลับไปเพราะเกรงว่าพระองค์จะตกอยู่ในอันตราย เขารู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังที่ไม่อาจล้างแค้นแทนคุณหนูยูฮวาและเผ่าฮาเบค (หรือฮาแบ) ซ้ำยังกลายคนพิการที่ไม่อาจปกป้องใครได้ จึงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป องค์ชายกึมวากล่าวว่าถึงยังไงเขาก็ต้องอยู่ต่อและพาแฮโมซูขึ้นม้าหนีไป ระหว่างหลบหนีม้าของแฮโมซูดันวิ่งแยกไปทางหน้าผา แฮโมซูจึงตกเป็นเป้านิ่งและถูกหน่วยอาชาเหล็กยิงธนูใส่จนพลัดตกจากหน้าผาและร่วงลงไปในแม่น้ำ องค์ชายกึมวาเห็นดังนั้นก็ถึงกับน้ำตาคลอ

ในที่สุดคุณหนูยูฮวาก็ให้กำเนิดบุตรชายนามว่า "จูมง" ระหว่างเข้าฌานหัวหน้าธิดาเทพเห็นภาพนกสามขาบินวนรองดวงอาทิตย์ของพูยอ จึงสั่งให้สาวใช้ไปตามอำมาตย์ดึกบูลมาพบตนทันที (ในตอนนั้นอำมาตย์ดึกบูลกำลังให้หมอหลวงตรวจสอบลมหายใจของพระเจ้าแฮบูรู) หัวหน้าธิดาเทพขอคำยืนยันจากอำมาตย์ดึกบูลว่าแฮโมซูตายไปแล้วจริงๆ เพราะสิ่งที่เธอเห็นแม้จะไม่ใช่ภาพนกสามขาบดบังดวงอาทิตย์ของพูยอ แต่นกสามขาก็ยังอยู่ ซ้ำยังบินผ่านดวงอาทิตย์ของพูยอไปอย่างแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม เธอกล่าวว่าตราบใดที่นกสามขายังไม่ตาย สักวันมันก็อาจจะบินกลับมาใหม่ อำมาตย์ดึกบูลยืนยันว่าแฮโมซูตายแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบินกลับมา


องค์ชายกึมวาคอยดูแลคุณหนูยูฮวาและลูกน้อยเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินว่าคุณหนูยูฮวาจะไปจากพูยอทันทีที่ร่างกายแข็งแรงแล้ว องค์ชายกึมวาจึงบอกว่าตนจะรับลูกน้อยของเธอเป็นลูก กึมฮวาปฏิเสธโดยบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกแฮโมซู เธอจะดูแลลูกน้อยด้วยตนเองและจะเลี้ยงให้ลูกเป็นเหมือนแฮโมซู องค์ชายกึมวาชี้ว่าหน่วยอาชาเหล็กไม่ยอมละเว้นแม้กระทั่งลูกเมียของเหล่าทหารทาโมล หากพวกเขารู้ว่าแฮโมซูมีลูกคงพลิกแผ่นดินตามล่าเธอ คุณหนูยูฮวากล่าวว่าเธอจะเข้าไปอยู่ในป่าลึกที่หน่วยอาชาเหล็กไม่มีวันหาเจอ องค์ชายกึมวาจึงถามว่าเธอจะสอนลูกให้ล่าสัตว์หรือเที่ยวเก็บสมุนไพรงั้นหรือ แล้วลูกของเธอจะเก่งกล้าเหมือนแฮโมซูได้อย่างไร หากเธออยากให้ลูกเป็นเหมือนแฮโมซูมีทางเดียวคือต้องยกลูกน้อยให้มาเป็นลูกชายของตน

องค์ชายกึมวาทูลพระบิดาที่นอนแน่นิ่งและใกล้สิ้นลมเต็มทีว่า สิ่งสุดท้ายที่ตนอยากให้พระบิดาทรงรับรู้ก่อนสวรรคตคือ วันนี้คุณหนูยูฮวาธิดาหัวหน้าเผ่าฮาเบคได้ให้กำเนิดบุตรชาย เด็กคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแฮโมซู พระองค์ทรงทำให้พ่อของเด็กคนนี้ตกหลุมพลางจนถึงแก่ความตาย แต่จากนี้ไปเด็กคนนี้จะกลายมาเป็นลูกของตน ตนจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้และจะให้เด็กคนนี้สานต่อภารกิจที่แฮโมซูยังทำไม่สำเร็จ


หลังจากนั้น องค์ชายกึมวาก็บอกอำมาตย์ดึกบูลว่าคุณหนูยูฮวาเพิ่งให้กำเนิดบุตรชายของตน แต่เนื่องจากในตอนนี้พระบิดาของพระองค์ทรงพระประชวรหนัก เลยต้องให้คุณหนูยูฮวาพักอยู่นอกวังชั่วคราว หลังเสร็จเรื่องของพระบิดาแล้วคุณหนูยูฮวาจะย้ายเข้ามาอยู่ในวังทันที อำมาตย์ดึกบูลนึกถึงคำพูดของหัวหน้าธิดาเทพที่บอกว่านกสามขายังไม่ตาย จึงเกิดความสงสัยว่าลูกของคุณหนูยูฮวาอาจเป็นสายเลือดของแฮโมซู เพื่อเป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมเขาจึงสั่งให้แม่ทัพกำจัดสองแม่ลูกเสีย เพราะถ้าขืนปล่อยไว้จะนำภัยมาสู่แคว้นพูยอ

พระชายา "วอนฮู" ตัดพ้อองค์ชายกึมวาเรื่องที่จะพาคุณหนูยูฮวาและลูกเข้ามาอยู่ในวังโดยไม่ผ่านการพิจารณาจากเธอก่อน เธอเห็นองค์ชายใส่ใจหญิงอื่นจึงอดน้อยใจไม่ได้ เพราะตอนที่เธอให้กำเนิดองค์ชายแทโซและยองโพ องค์ชายไม่เคยอยู่เคียงข้างเธอเลย ที่ตอนนั้นเธอไม่ปริปากบ่นเพราะเชื่อว่าสักวันองค์ชายกึมวาจะกลับมาอยู่เคียงข้างตน แต่รอแล้วรอเล่าองค์ชายกึมวาก็ไม่เคยเหลียวแลตน


แม่ทัพแห่งพูยอบุกไปสังหารสองแม่ลูก คุณหนูยูฮวาไหวตัวทันเลยอุ้มลูกหนีเข้าไปในป่า แต่แม่ทัพคนดังกล่าวก็ตามไปพบจนได้ เขาเห็นว่าไหนๆ เธอและลูกก็จะตายอยู่แล้วจึงยอมเผยความจริงว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของแฮโมซูคือพระเจ้าแฮบูรู (เพื่อป้องกันไม่ให้แคว้นพูยอถูกทำลายด้วยน้ำมือของแฮโมซู พระองค์จึงยอมร่วมมือกับทหารของราชวงศ์ฮั่น)  เธอและลูกน้อยซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแฮโมซูจึงไม่อาจอยู่บนโลกนี้ได้อีกต่อไป คุณหนูยูฮวาขอถามเป็นครั้งสุดท้ายว่าองค์ชายกึมวารู้เรื่องนี้หรือไม่ แม่ทัพคนดังกล่าวตอบว่าองค์ชายกึมวาไม่รู้เรื่องด้วย จากนั้นก็เงื้อดาบหมายสังหารเธอและลูกน้อย แต่แล้วอยู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาที่ดาบของของแม่ทัพจนทำให้เขาหมดสติไป

หลังคุณหนูยูฮวาหายตัวไปองค์ชายก็สั่งให้คนค้นหาจนทั่วแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ หลังรอดตายคุณหนูยูฮวาก็พาลูกน้อยเข้าวังหวังแก้แค้นพูยอและราชวงศ์ฮั่นที่ร่วมมือกันหักหลังแฮโมซู และเพื่อให้ลูกได้มีโอกาสสานต่อภารกิจที่ยังคั่งค้างของผู้เป็นพ่อ เธอยอมรับข้อเสนอขององค์ชายกึมวาและบอกว่าลูกน้อยของเธอชื่อ "จูมง" องค์ชายกึมวาจึงสัญญาว่าจะเลี้ยงดูจูมงน้อยเหมือนเป็นลูกในไส้ของตนเอง ตนจะปกป้องจูมงจากภยันอันตรายต่างๆ  และจะช่วยแฮโมซูเลี้ยงจูมงให้เติบใหญ่ในฐานะวีรบุรุษของโกโชซอน (โชซอนโบราณ)

20 ปีต่อมา

พระเจ้ากึมวาซึ่งสืบทอดตำแหน่งเจ้าครองแคว้นต่อจากพระบิดา ได้แต่งตั้งคุณหนูยูฮวาเป็นพระสนม และเลี้ยงดูองค์ชายจูมงดุจโอรสของตนเอง พระองค์ยังคงสานต่อภารกิจของแฮโมซูในการกอบกู้ดินแดนของโกโชซอน นอกจากจะมุ่งพัฒนาโรงหลอมเหล็กให้สามารถผลิตอาวุธที่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว พระองค์ยังทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับการขยายอาณาเขตผ่านการทำศึกมานับครั้งไม่ถ้วน (โดยมีหัวหน้าธิดาเทพติดตามไปด้วย) แคว้นพูยอจึงค่อยๆ เติบโตขึ้นจนถึงจุดที่ทำให้ราชวงศ์ฮั่นเริ่มระแวงและรู้สึกเป็นกังวล


องค์ชายแทโซ ยองโพ และจูมง เดินทางมาเยี่ยมพระเจ้ากึมวาที่ค่ายทหาร เมื่อพระเจ้ากึมวาถามถึงพระสนมยูฮวาแต่กลับไม่ถามไถ่สารทุกข์ของพระมหเสี องค์ชายยองโพก็รู้สึกไม่พอใจ ทั้งยังน้อยใจที่พระเจ้ากึมวามองจูมงด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใย แต่กลับไม่เคยสนใจใยดีพวกตน องค์ชายจูมงแอบไปพบและโผกอดสาวใช้ของตำหนักเทพนามว่า "พูยอง" ด้วยความคิดถึง หลังไม่ได้เจอกันนานนับปี (เธอตามมารับใช้ธิดาเทพ) พูยองกลัวว่าตนเองจะถูกลงโทษจึงพยายามขอร้องให้องค์ชายจูมงปล่อยตน ทันใดนั้นก็มีเสียงสัญญาณเรียกระดมพล เมื่อรู้ว่าตนเองต้องออกไปรบด้วย องค์ชายจูมงก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่มีใครบอกตนมาก่อนและชีวิตนี้ยังไม่เคยจับกระบี่เลยด้วยซ้ำ ถึงกระนั้น องค์ชายแทโซและยองโพก็บังคับให้องค์ชายจูมงออกรบจนได้

หลังออกตระเวนทำศึกเป็นเวลานานนับปี ทหารพูยอก็เริ่มอ่อนล้า บางคนถึงขั้นหนีทัพ แม่ทัพคนหนึ่งจึงเสนอให้พระเจ้ากึมวาถอนทัพกลับพูยอ อำมาตย์ดึกบูลเสริมว่าผู้ว่าการมณฑลฮยอนโทมีคำสั่งให้พระองค์ถอนทัพแล้วกลับพูยอทันที หากพระองค์ยังคงดึงดันต่อไปก็เท่ากับเป็นการท้าท้ายราชวงศ์ฮั่น และการเปิดศึกกับราชวงศ์ฮั่นก็จะไม่เป็นผลดีกับพูยอ พระเจ้ากึมวาทรงถามความเห็นของหัวหน้าธิดาเทพและได้รับคำตอบว่า พระองค์ทรงตรากตรำทำสงครามจนแคว้นพูยอในปัจจุบันมีขนาดใหญ่กว่ารัชสมัยพระเจ้าแฮบูรูถึงสองเท่า จึงไม่แปลกที่ราชวงศ์ฮั่นจะรู้สึกไม่พอใจ หากพระองค์ไม่ต้องการเปิดศึกกับราชวงศ์ฮั่นในตอนนี้ก็ควรถอนทัพ ที่สำคัญตำหนักเทพกำลังจะมีพิธีบวงสรวง ซึ่งคราวนี้ควรจัดในพูยอเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม เพราะเป็นการบวงสรวงเพื่อขอบคุณเทพเจ้าที่ช่วยให้พูยอมีชัยในการสู้รบ พระเจ้ากึมวาได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้ถอนทัพโดยกล่าวว่าพระองค์ไม่ได้ถอนทัพเพราะกลัวราชวงศ์ฮั่น หากโดนราชวงศ์ฮั่นบีบคั้นมากๆ เข้า ตนก็พร้อมที่จะประกาศสงครามทุกเมื่อ

ปรากฏว่าที่องค์ชายแทโซและยองโพพาจูมงเดินทางไปที่ค่ายทหาร เป็นเพราะต้องการสร้างผลงานเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากพระบิดา (และแสดงความอ่อนแอของจูมงให้พระองค์ได้เห็น) ตามที่พระมารดาคำแนะนำ


เมื่อกลับมาถึงพูยอพระเจ้ากึมวาก็เสด็จไปหาพระสนมยูฮวาทันที พระองค์ทรงตรัสว่าตนมักรู้สึกผิดบาปเสมอมาที่แฮโมซูตายไปแล้วแต่ตนเองยังมีชีวิตอยู่ ที่ผ่านมาตนมุ่งมั่นในการทำสงครามขยายอาณาเขตและกอบกู้ดินแดนหวังชดเชยให้กับแฮโมซู และดินแดนของตนก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจนเริ่มสร้างความหวาดหวั่นให้กับราชวงศ์ฮั่น แต่ความรู้สึกผิดบาปในใจตนนั้นกลับยังคงอยู่ เพราะตนยังไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฮโมซู ตนเคยลั่นวาจา (ต่อหน้าคุณหนูยูฮวา หลังแฮโมซูตายแล้ว) ว่าจะเลี้ยงจูมงให้เป็นวีรบุรุษที่กอบกู้ดินแดนโกโชซอนกลับคืนมา แต่สภาพจูมงในตอนนี้คงทำให้คำมั่นสัญญาของตนเป็นไปได้ยาก เพราะจูมงนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยเหลือผู้อพยพที่ถูกราชวงศ์ฮั่นกดขี่ ต่อจากนี้ตนจะเคี่ยวเช็ญและฝึกจูมงให้กลายเป็นคนใหม่ และนั่นก็อาจทำให้พระสนมยูฮวาเจ็บปวดใจ แต่อย่างไรเสียก็ขอให้อดทน

ยอน ทาบัล ทดสอบดาบที่เพิ่งได้มาใหม่ด้วยการแกล้งดักซุ่มโจมตีลูกน้อง หลังฟันดาบอูแทจนขาดสองท่อน เขาก็มอบดาบเล่มใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าให้อูแทไว้ใช้งานแทน ยอนทาบัลเพิ่งได้ดาบจำนวนหนึ่งมาจากโรงผลิตอาวุธของพูยอ เขาจึงนำมาแจกจ่ายให้ผู้คุ้มกันขบวนสินค้าประจำเผ่าของตน และสั่งให้นำดาบส่วนที่เหลือไปขายให้แคว้นเฮงอิงโดยมอบหมายให้โซซอโนเป็นหัวหน้าคาราวานขนส่งสินค้าแทนตน


องค์ชายจูมงย่องไปหาพูยองที่ตำหนักเทพในคืนที่จะมีการจัดพิธีบวงสรวง  พอสบโอกาสองค์ชายจูมงก็เข้าไปขวางพูยองซึ่งกำลังจัดเตรียมงาน พูยองพยายามหลบหลีกเพราะมีงานที่ต้องทำและกลัวว่าจะมีความผิด เธอกล่าวว่าทุกคนที่ทำงานในตำหนักเทพจะต้องบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ แต่องค์ชายจูมงไม่สนใจและลากแขนพูยองไปคุยในที่ลับตาจนได้ ในที่สุด พิธีอันศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มต้นขึ้นทุกคนต่างสวมชุดขาวมาร่วมงานกันโดยพร้อมหน้า มีเพียงองค์ชายจูมงเท่านั้นที่ไม่ได้มาร่วมงาน เพราะถูกขังอยู่ในห้องเก็บของ (ทหารยามเห็นประตูห้องเก็บของแย้มเปิด จึงเข้ามาตรวจตราก่อนล็อคประตูด้านนอกเอาไว้) 

หลังเสร็จพิธีทั้งพระสนมยูฮวาและพระเจ้ากึมวาต่างให้คนออกค้นหาองค์ชายจูมง พระมเหสีวอนฮูสบโอกาสจึงตำหนิองค์ชายจูมงอย่างรุนแรงต่อหน้าอำมาตย์ดึกบูลและพระเจ้ากึมวา เมื่อถูกตำหนิว่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ พระมเหสีจึงถามพระเจ้ากึมวาว่าตนเองพูดผิดตรงไหน พระเจ้ากึมวาตรัสว่าพระมเหสีไม่ได้พูดผิดแต่ผิดที่ใจ พระมเหสีมีอคติและไม่ยอมรับองค์ชายจูมงเพราะเห็นว่าองค์ชายเป็นโอรสพระสนมยูฮวา ไม่ว่าองค์ชายจูมงจะทำอะไรจึงแลดูขัดหูขัดตาไปเสียหมด หากจูมงไม่เอาไหนอย่างที่พระมเหสีกล่าวหาจริง พระมเหสีก็น่าจะดีใจที่องค์ชายจูมงไม่เป็นอุปสรรคขวากหนามขององค์ชายแทโซและยองโพ จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์ พระมเหสีจึงทูลว่าพระเจ้ากึมวาอ่านใจเธอออกเพียงครึ่งเดียว เพราะเธอไม่ได้เกลียดองค์ชายจูมงเพียงอย่างเดียว แต่ยังไม่ชอบที่ต้องอาศัยอยู่ในวังร่วมกับสองแม่ลูกอีกด้วย


เมื่อองค์ชายยองโพออกตามหาและพบองค์ชายจูมงอยู่ในห้องเก็บของกับสาวใช้ของตำหนักเทพตลอดทั้งคืน จึงรีบนำตัวองค์ชายจูมงไปเข้าเฝ้า พระเจ้ากึมวาตรัสถามว่าองค์ชายจูมงแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสาวใช้ของตำหนักเทพจริงหรือไม่ องค์ชายจูมงอธิบายว่าตนก็แค่อยากคุยด้วยสักสองสามคำ ไม่ได้มีเจตนาอื่น องค์ชายยองโพถือโอกาสยุแยงให้พระบิดาขับไล่องค์ชายจูมงออกจากวัง จึงถูกพระเจ้ากึมวาสั่งให้ถอยไป หลัวจากนั้นพระเจ้ากึมวาก็ร้องหากระบี่แต่ไม่มีใครกล้านำมาให้ พระองค์จึงชักกระบี่ขององครักษ์คนหนึ่งออกมาแล้วจ่อปลายกระบี่ไปที่ลำคอขององค์ชายจูมง

 เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพ captures จากเอ็มบีซีคลาสสิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา