พระเจ้ากึมวากริ้วมากที่องค์ชายจูมงทำตัวไม่สมกับที่เป็นองค์ชาย จึงบอกให้สงสารและนึกถึงหัวอกคนเป็นแม่บ้าง พระสนมยูฮวารู้สึกละอายใจที่โอรสของตนเป็นคนไม่เอาไหนจึงขอให้พระเจ้ากึมวาขับตนและลูกออกจากวัง องค์ชายจูมงได้ยินดังนั้นจึงร่ำไห้พลางทูลว่าตนสำนึกผิดแล้วและพยายามขอพระราชทานอภัยโทษ พระสนมยูฮวาจึงตำหนิองค์ชายจูมงที่กล้าทำผิดแต่กลับกลัวถูกลงโทษซึ่งไม่ใช่วิสัยของลูกผู้ชาย พระเจ้ากึมวาจึงสั่งให้โบยองค์ชายจูมง 20 ไม้โทษฐานที่ไม่มาร่วมพิธีบวงสรวง องค์ชายแทโซแย้งว่าองค์ชายจูมงจะต้องเดินทางไปสักการะธนูทาโมลกับตน หากถูกโบยอย่างหนักร่างกายคงรับไม่ไหว จึงขอให้เลื่อนการลงโทษออกไปก่อน
พระมเหสีและองค์ชายยองโพต่างรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจองค์ชายแทโซที่ออกหน้าช่วยเหลือองค์ชายจูมงซึ่งเป็นคนที่พวกตนเกลียดชัง องค์ชายแทโซชี้ว่าถ้าจูมงถูกโบยอย่างมากก็แค่เดินไม่ไหวไปหลายวัน ตราบใดที่จูมงยังอยู่ในวังพวกตนไม่มีทางทำอะไรได้เพราะจูมงมีพระบิดาคอยปกป้อง ถ้าจะกำจัดจูมงจริงๆ ก็ต้องฉวยโอกาสตอนอยู่นอกวัง ออกจากวังคราวนี้จูมงจะไม่ได้กลับมาเป็นหนามยอกอกพวกตนอีก แถมพวกตนยังไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ำ
องค์ชายจูมงรู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่าพูยองถูกโบยถึง 10 ไม้ ซ้ำยังถูกขับออกจากวัง ทั้งๆ ที่เป็นความผิดของตน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องเดินทางไกลเพื่อไปสักการะธนูทาโมลในตอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระสนมยูฮวาจึงอธิบายให้ฟังว่า ธนูทาโมลเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแคว้นพูยอเคยใช้ในการสร้างชาติ ด้วยเหตุนี้ องค์ชายแห่งแคว้นพูยอจึงต้องไปสักการะธนูทาโมลเพื่อรับพลังอันศักดิ์สิทธิ์ หากองค์ชายจูมงสำนึกผิดจริงก็ต้องเดินทางไปสักการะธนูทาโมล เพื่อรับพลังและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่
เช้าวันรุ่งขึ้นพระเจ้ากึมวาบอกองค์ชายทั้งสาม (ก่อนออกเดินทาง) ว่า ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากวังทุกคนจะไม่ใช่องค์ชายอีกต่อไป ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะยากเย็นแสนเข็ญสักเพียงไหนทุกคนต้องพึ่งพาตนเองและห้ามเปิดเผยฐานะที่แท้จริงโดยเด็ดขาด ระหว่างเดินทางองค์ชายจูมงรู้สึกอุ่นใจเพราะมีองค์ชายแทโซและยองโพอยู่เคียงข้าง เขาไม่คาดคิดว่าพระเชษฐาทั้งสองจะคิดร้ายหมายเอาชีวิตตน จนกระทั่งถูกหลอกให้เข้าไปในป่าที่มีบ่อโคลนดูด
องค์ชายจูมงพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าองค์ชายแทโซและยองโพไม่ได้ตามเข้ามาและไม่อยู่ในบริเวณดังกล่าวแล้ว เขาจึงพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งจมลึกลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็เหลือเพียงมือที่โผล่พ้นบ่อโคลน โชคดีที่โซซอโนและอูแทผ่านมาพบเข้าจึงช่วยชีวิตเขาไว้ได้แบบฉิวเฉียด และนำตัวมาพักฟื้นที่ค่ายพักแรมของพวกตน หลังรู้สึกตัวองค์ชายจูมงก็ถามโซซอโนอย่างคาดคั้นว่าที่นี่ที่ไหน โซซอโนจึงรู้สึกไม่พอใจที่เขาแสดงอำนาจบาตรใหญ่และไม่ขอบคุณสักคำทั้งๆ ที่เธอเป็นคนช่วยชีวิตเขา องค์ชายจูมงหลุดปากพูดว่าตัวเองเป็นองค์ชาย แต่โซซอโนไม่ใส่ใจซ้ำยังดูถูกว่าเขาเป็นคนไม่เอาไหน องค์ชายจูมงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธจึงคิดสั่งสอนโซซอโนที่ล่วงเกินตน แต่กลับถูกโซซอโนถีบกระเด็นก่อนใช้แส้ฟาดซ้ำ (พอรู้ว่าโซซอโนเป็นผู้หญิง องค์ชายจูมงก็รู้สึกตกใจ) หลังจากนั้นโซซอโนก็สั่งให้ลูกน้องมัดองค์ชายจูมงเอาไว้
วันรุ่งขึ้น องค์ชายจูมง (ซึ่งยังคงถูกมัด) อดรนทนไม่ไหวจึงวิ่งตัดหน้าคาราวานขนสินค้าเพื่อถามโซซอโนว่าต้องการอะไรจากตน โซซอโนกล่าวว่าเขาเป็นหนี้ชีวิตเธอ เธอจึงคิดที่จะนำตัวเขาไปขายเป็นทาส องค์ชายจูมงไม่อยากเป็นทาสจึงขอทำงานรับใช้เธอแทน แต่ก่อนอื่นเขาอยากให้เธอแก้มัดและปล่อยตนไปทำธุระในที่แห่งหนึ่งชั่วคราวโดยสัญญาว่าอีก 2-3 วันตนจะกลับมา แต่โซซอโนไม่เชื่อและคิดว่าเป็นแผนตื้นๆ
โซซอโนซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคาราวานการค้าครั้งแรก นำดาบที่ผลิตจากโรงผลิตอาวุธในพูยอมาขายให้แคว้นเฮงอินโดยบอกว่าทำมาจากเหล็กหล่อ และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าดาบรุ่นนี้แข็งแกร่งจริง อูแทจึงยืมดาบของ "แพมัง" (แม่ทัพของแคว้นเฮงอิน) มาทำการทดสอบ ปรากฏว่าดาบของแพมัง (ซึ่งผลิตจากพูยอเช่นกัน) ถูกตัดขาดเป็นสองท่อน โซซอโนกล่าวว่าดาบชุดนี้ผ่านการทุบตีด้วยฆ้อนนับพันครั้งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทนทาน จึงมีจำนวนไม่มากนัก เธอนำหอกและดาบมาขายให้แคว้นเฮงอินอย่างละ 50 เล่มซึ่งมากพอที่จะทำให้แคว้นเฮงอินเอาชนะแคว้นอกจอได้ และของแลกเปลี่ยนที่เธอต้องการก็คือทองคำ 2 กิโลกรัม
ปรากฏว่าแพมังคิดไม่ซื่อ เขาสั่งให้สมุนที่ดักซุ่มอยู่ออกมาโจมตีกลุ่มการค้าของโซซอโนหวังฆ่าชิงอาวุธ โดยไม่รู้ว่ากลุ่มการค้าของโซซอโนก็มีพลธนูดักซุ่มอยู่เช่นกัน หลังฟาดฟันกันได้ไม่นานอูแทก็จับตัวแพมังได้ โซซอโนจึงสั่งให้อูแทฆ่าทุกคน (เธอเรียกเขาว่าพี่ชาย - โอราบอนี) แต่อูแทไม่เห็นด้วยและแนะนำให้ปล่อยตัวทุกคนไป เมื่อโซซอโนยืนกรานว่าจะฆ่าทุกคน อูแทจึงบอกให้โซซอโนลงมือด้วยตนเองและเดินหนีไป โซซอโนจึงบอกแพมังว่าต่อไปนี้เธอจะเลิกค้าขายกับเผ่าเฮงอิน และจะนำอาวุธเหล่านี้ไปขายให้แคว้นอกจอซึ่งเป็นศัตรูของเผ่าเฮงอินแทน
องค์ชายจูมงซึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอด กล่าวว่าโซซอโนใจแคบเกินกว่าที่จะทำการค้า หากเธอยอมปล่อยคนของแพมังและพรรคพวกไปเสียตั้งแต่ทีแรก พวกเขาอาจตอบแทนเธอเป็นพันเท่า ทั้งยังแนะนำว่าทางที่ดีควรมอบตำแหน่งผู้นำกลุ่มการค้าให้ผู้ชายทำแทน อูแท (ซึ่งถูกโซซอโนส่งสายตาตัดพ้อและงอนใส่) ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธ จึงเดินไปขู่จูมงให้ระวังปาก ก่อนกลับมาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ องค์ชายจูมงหงุดหงิดที่ไม่อาจตอบโต้จึงท้าให้แก้มัดตนแล้วมาสู้กันตัวต่อตัว โซซอโนได้ยินดังนั้นจึงนึกสนุก เธอยอมแก้มัดให้องค์ชายจูมงแล้วบอกให้เขาต่อสู้กับเด็กส่งของประจำกลุ่มการค้าของเธอ โดยบอกว่าถ้าหากเขาชนะ เธอจะปล่อยเขาไปและจะทำตามความต้องการของเขา แต่ถ้าเขาแพ้เธอจะนำเขาไปขายในฐานะทาส ด้วยความที่ไม่เคยต่อสู้กับใครมาก่อนองค์ชายจูมงเลยโดนซ้อมจนน่วม พอโดนซอโซโนดูถูกว่าขี้คุย เขาก็ฮึดสู้และเอาชนะ (น็อค) ได้ในที่สุด
ปรากฏว่าแพมังคิดไม่ซื่อ เขาสั่งให้สมุนที่ดักซุ่มอยู่ออกมาโจมตีกลุ่มการค้าของโซซอโนหวังฆ่าชิงอาวุธ โดยไม่รู้ว่ากลุ่มการค้าของโซซอโนก็มีพลธนูดักซุ่มอยู่เช่นกัน หลังฟาดฟันกันได้ไม่นานอูแทก็จับตัวแพมังได้ โซซอโนจึงสั่งให้อูแทฆ่าทุกคน (เธอเรียกเขาว่าพี่ชาย - โอราบอนี) แต่อูแทไม่เห็นด้วยและแนะนำให้ปล่อยตัวทุกคนไป เมื่อโซซอโนยืนกรานว่าจะฆ่าทุกคน อูแทจึงบอกให้โซซอโนลงมือด้วยตนเองและเดินหนีไป โซซอโนจึงบอกแพมังว่าต่อไปนี้เธอจะเลิกค้าขายกับเผ่าเฮงอิน และจะนำอาวุธเหล่านี้ไปขายให้แคว้นอกจอซึ่งเป็นศัตรูของเผ่าเฮงอินแทน
ในที่สุดองค์ชายแทโซและยองโพก็หาที่ตั้งธนูทาโมลจนพบ ปรากฏว่าภายในถ้าเต็มไปด้วยค้างคาวที่ดุร้าย อีกด้านหนึ่งโซซอโนก็ทำตามสัญญาด้วยการพาองค์ชายจูมงมาส่งที่ภูเขาซีโจ จูมงจึงถามชื่อกลุ่มการค้าและชื่อของโซซอโนโดยอ้างว่าวันหน้าจะได้ตอบแทนบุญคุณ แต่โซซอโนไม่ยอมบอกและไม่หวังให้เขามาตอบแทนบุญคุณ องค์ชายจูมงจึงขอคุยตามลำพังและบอกว่า "ข้าชื่อ จูมง ข้ามีความจำเป็นบางอย่างจึงต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงเอาไว้ ความจริงแล้วข้าคือองค์ชายแห่งพูยอ จำข้าไว้ให้ดีล่ะ ข้าชอบเจ้า ถ้าเจ้ามาพูยอเมื่อไหร่อย่าลืมมาหาข้านะ" ถึงแม้โซซอโนจะไม่ยอมบอกชื่อแต่องค์ชายจูมงก็นึกขึ้นได้ว่าเธอชื่อ "โซ ซอโน" (เธอแนะนำตัวกับแพมังตอนที่นำอาวุธไปขายก่อนหน้านี้)
หลังเข้าถ้ำ ฝ่าฝูงค้างคาว และปีนผาสูงชันในความมืด ในที่สุดองค์ชายแทโซและยองโพก็มาพบธนูทาโมลเข้าจนได้ องค์ชายแทโซหยิบธนูลงจากแท่นแล้วลองขึงสายธนู แต่ออกแรงดึงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถขึงได้ องค์ชายยองโพจึงลองขึงดูบ้างแต่ก็ทำไม่สำเร็จเช่นกัน หลังเดินขึ้นเขามาทั้งวันองค์ชายจูมงก็นอนพักเอาแรง เมื่อได้ยินเสียงองค์ชายแทโซและยองโพ เขาก็ลุกขึ้นและจะเดินเข้าไปหา แต่พอได้ยินองค์ชายทั้งสองพูดเรื่องการตายของตน องค์ชายจูมงถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตนโดนทั้งคู่หลอกให้ไปตาย เมื่อพบธนูทาโมลองค์ชายจูมงก็ก้มคำนับอย่างนอบน้อม เขาน้ำตานองหน้าเมื่อนึกถึงคำพูดของพระมารดาที่บอกว่าธนูทาโมลเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแคว้นพูยอเคยใช้ในการสร้างชาติ ปรากฏว่าองค์ชายจูมงสามารถขึงสายธนูได้สำเร็จ เขาจึงลองง้างสายธนูดู ทันใดนั้น ธนูก็หักคามือ
องค์ชายแทโซและยองโพตีหน้าเศร้าขณะทูลพระเจ้ากึมวาว่าองค์ชายจูมงตายแล้ว เมื่อเห็นว่ายังไม่พบศพพระสนมยูฮวาจึงไม่เชื่อว่าองค์ชายจูมงตายแล้ว และขอให้พระเจ้ากึมวาออกค้นหา พระเจ้ากึมวาจึงสั่งให้แม่ทัพฮึกชีนำกำลังออกตามหาองค์ชายจูมง อำมาตย์ดึกบูลแย้งว่าแคว้นพูยอและอกจอกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด การนำกำลังทหารไปบริเวณนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อพูยอ "พอลแก" (พระเชษฐาของพระมเหสีวอนฮู) เสริมว่าทางที่ดีควรจัดเตรียมงานศพให้องค์ชายจูมงน่าจะเหมาะสมกว่า พระเจ้ากึมวาแย้งว่าตนจะไม่มีวันยอมรับว่าองค์ชายจูมงตายแล้ว ตราบใดที่ยังไม่เห็นศพขององค์ชายจูมง จากนั้นก็สั่งให้แม่ทัพฮึกชีรีบออกเดินทางทันที
พระมเหสีไปพบหัวหน้าธิดาเทพเพื่อขอให้ช่วยหว่านล้อมพระเจ้ากึมวาให้ทรงเปลี่ยนพระทัย เธอกล่าวว่าการมีพระบัญชาให้แม่ทัพฮึกชีนำกำลังทหาร 200 นายไปค้นหาศพองค์ชายจูมงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่หัวหน้าธิดาเทพไม่รู้ว่าองค์ชายจูมงเป็นหรือตายกันแน่จึงปฏิเสธ เพราะเธอไม่ต้องการพูดโกหกและไม่อยากตกเป็นเครื่องมือของใคร
องค์ชายแทโซและยองโพขอตามไปค้นหาศพขององค์ชายจูมงกับแม่ทัพฮึกชี แต่ยังไม่ทันเคลื่อนขบวนออกจากวัง องค์ชายจูมงก็เดินกระเผกกลับมาเสียก่อนทำให้องค์ชายทั้งสองผิดหวังและตกใจมาก ระหว่างจัดงานเลี้ยงต้อนรับพระโอรสทั้งสาม พระเจ้ากึมวาถามพระโอรสแต่ละคนว่าได้พบธนูทาโมลหรือไม่ องค์ชายแทโซตอบว่าตนได้พบและได้ลองขึงธนูแล้ว องค์ชายยองโพตอบว่าตนขึงสายธนูได้อย่างยากลำบากผิดกับพระเชษฐาที่ขึงสำเร็จอย่างง่ายดาย แต่สุดท้ายตนก็ขึงได้สำเร็จ ส่วนองค์ชายจูมงตอบว่าหลังหลงทางอยู่ในป่า ตนก็รู้สึกหวาดกลัวเลยเดินทางกลับวังโดยไม่ได้ขึ้นเขาซีโจ
พระสนทยูฮวาโกรธมากที่องค์ชายจูมงไม่รักษาสัญญาทั้งยังโกหกเธอว่าไปที่เขาซีโจมาแล้ว (ตอนที่กลับวังมาใหม่ๆ องค์ชายจูมงบอกพระสนมว่าตนไปที่เขาซีโจมาแล้ว) องค์ชายจูมงจึงบอกว่าตนไม่ได้โกหก ตนไปเห็นธนูทาโมลมาแล้วจริงๆ และขึงสายธนูได้อย่างง่ายดาย แต่พอลองดึงสายดู คันธนูก็หัก คามือทำให้ตนรู้สึกกลัวมาก แต่สิ่งที่ทำให้ตนหวาดกลัวยิ่งกว่าก็คือพระเชษฐาทั้งสอง ความจริงแล้วตนไม่ได้หลงทาง แต่องค์ชายแทโซและยองโพจงใจหลอกให้ตนไปตาย
"ทำธนูคู่บ้านคู่เมืองหักก็มีโทษหนักอยู่แล้ว จะให้ลูกทูลว่าเห็นธนูทาโมลต่อหน้าเจ้าพี่ทั้งสองที่อยากเห็นลูกตายได้อย่างไร ท่านแม่ขอรับ ลูกควรทำอย่างไรดี"
เนื้อหาโดย luvasianseries / ภาพ captures จากเอ็มบีซีคลาสสิก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา