ผู้ผลิต: จิโร่ หวัง
กำกับ: โจวเสี่ยวเผิง
เขียนบท: เฟิงจวิน
แนวละคร: แฟนตาซี, โรแมนติก, คอมเมดี้, สืบสวนสอบสวน
จำนวนตอน: 60 (ออนไลน์) / 28 (ซีทีวี)
ออกอากาศ: ไต้หวัน - 23 มีนาคม 2558 - 12 มิถุนายน 2558 (ออนไลน์) / 5 เมษายน 2558 - 12 กรกฎาคม 2558 (ซีทีวี)
ไทย - ทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.55-16.00 น. ทางพีพีทีวี ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 - 28 มกราคม 2559
กำกับ: โจวเสี่ยวเผิง
เขียนบท: เฟิงจวิน
แนวละคร: แฟนตาซี, โรแมนติก, คอมเมดี้, สืบสวนสอบสวน
จำนวนตอน: 60 (ออนไลน์) / 28 (ซีทีวี)
ออกอากาศ: ไต้หวัน - 23 มีนาคม 2558 - 12 มิถุนายน 2558 (ออนไลน์) / 5 เมษายน 2558 - 12 กรกฎาคม 2558 (ซีทีวี)
ไทย - ทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.55-16.00 น. ทางพีพีทีวี ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 - 28 มกราคม 2559
"จอมยุทธทะลุมิติ (The Crossing Hero)" เป็นละครเรื่องแรกที่ "จิโร่ หวัง" ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ เขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับละครเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไปกับการถ่ายทำเพราะอยากให้ผลงานออกมาดี และเมื่องบบานปลายเขาจึงไม่ขอรับค่าตัวเพื่อจะได้นำเงินส่วนนั้นมาใช้ในการถ่ายทำแทน ปรากฏว่าแฟนๆ ให้การตอบรับและกล่าวถึงละครเรื่องนี้บนโลกอินเตอร์เน็ตแบบถล่มทลาย เรียกได้ว่ากระแสแรงตั้งแต่ละครยังไม่ได้ออกอากาศเลยด้วยซ้ำ (นอกจากนี้ จิโร่ยังมาพร้อมกับโฉมหน้าใหม่อีกด้วย)
เรื่องย่อ
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร สองนักรบหลงยุคจะปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่ได้หรือไม่ จะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จและเดินทางข้ามเวลากลับไปยังสมัยราชวงศ์หมิงได้หรือเปล่า และจะเกิดอะไรขึ้นกับหงซีตงและเสี่ยวตง ติดตามชมเรื่องวุ่นๆ ของพวกเขาเหล่านี้ได้ใน "จอมยุทธทะลุมิติ (The Crossing Hero)" ทางพีพีทีวี
* เนื้อหาโดย luvasianseries
ละครข้ามกาลเวลา "จอมยุทธทะลุมิติ (The Crossing Hero)" นำเสนอเรื่องราวของ "หงซีตง" หัวหน้าราชองครักษ์ส่วนพระองค์ของ "จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน" แห่งราชวงศ์หมิง กับสองทหารองครักษ์ของ "จักรพรรดิหย่งเล่อ" นามว่า "เผิงเจ๋อ" และ "สวีเซี่ยวเทียน" ซึ่งต่างฝ่ายต่างจงรักภักดีต่อเจ้านายของตน สององค์รักษ์ตามมาทวงมุกราตรีที่อยู่ในความครอบครองของหงซีตงจนเกิดการต่อสู้กัน ขณะกำลังฟาดฟันกันอยู่นั้น ทั้งสามคนได้เดินทางข้ามเวลามายังศตวรรษที่ 21 แบบไม่คาดฝัน และนั่นก็ทำให้เผิงเจ๋อกับเซี่ยวเทียนได้พบหงซีตงในโลกอนาคต ซึ่งก็คือนักสืบหนุ่ม "หงเสี่ยวตง" ในยุคปัจจุบันนั่นเอง
เรื่องราวในละครเริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 600 ปีก่อน หลัง "เยี่ยนหวางจูตี้" (พระโอรสองค์ที่ 4 ของ "จักรพรรดิหงอู่" ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง) ได้ก่อกบฏจิงหนันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์จาก "จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน" (จักรพรรดิองค์ที่ 2 ของราชวงศ์หมิง ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของเยี่ยนหวางจูตี้) หลังทำศึกยืดเยื้อยาวนานถึง 3 ปี ในที่สุดเยี่ยนหวางจูตี้ก็ยึดครองบัลลังก์ได้สำเร็จและตั้งต้นเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หมิง (จักรพรรดิหย่งเล่อ)
หลังอดีตจักรพรรดิหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้ดูแลหอสักการะบรรพชนของราชวงศ์หมิงก็มีคำสั่งลับให้ออกตามหามุกราตรี เมื่อรู้ว่าผู้ที่ชิงมุกราตรีไปคือหงซีตง เผิงเจ๋อ (หัวหน้าทหารองครักษ์) และเซี่ยวเทียนจึงตามไปทวงคืน เผิงเจ๋อรู้สึกชื่มชมในเพลงขลุ่ยของหงซีตง จึงพยายามยามหว่านล้อมให้เขาคืนมุกราตรีและยอมสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิองค์ใหม่แต่โดยดีจะได้ไม่ต้องมีใครเสียเลือดเสียเนื้อ แต่หงซีตงซึ่งเป็นข้ารับใช้อดีตจักรพรรดิไม่ต้องการให้ของศักดิ์สิทธิ์และสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดินตกอยู่ในมือเหล่าคนโฉดจึงไม่ยอมคืนให้ ทำให้เกิดการต่อสู้แบบสองรุมหนึ่ง ระหว่างการต่อสู้มุกราตรีได้กระเด็นตกเขา หงซีตงจึงกระโดดตามไปหมายคว้าเอาไว้ สององครักษ์เห็นดังนั้นจึงรีบกระโดดตามไป แต่แล้วอยู่ๆ มุกราตรีและนักรบทั้งสามก็ถูกดูดเข้าไปในอีกมิติและเดินทางข้ามเวลามายังยุคปัจจุบัน
หงซีตงและมุกราตรีเข้ามาอยู่ในร่างของ "หงเสี่ยวตง" ซึ่งเป็นนักสืบเอกชนและเป็นตัวเขาในโลกปัจจุบัน ส่วนนักรบหลงยุค...เผิงเจ๋อและเซี่ยวเทียนตกลงมากลางกรุงในชุดทหารองค์รักษ์พร้อมดาบคู่กาย
หงเสี่ยวตงรู้สึกร้อนรุ่มเมื่อมุกราตรีค่อยๆ เคลื่อนจากลำคอลงไปที่ท้อง "โม่หาน" (นักสืบและผู้ช่วยของเสี่ยวตง) เห็นร่างกายเสี่ยวตงมีแสงเปล่งออกมาจึงเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความแปลกใจ เมื่อนักข่าวสาว "จางเสี่ยนถิง" (ซึ่งถูกหัวหน้าบังคับให้แต่งตัวย้อนยุคขณะรายงานข่าว) มาติดต่องานที่สำนักงานนักสืบของเสี่ยวตง ภาพที่เธอเห็นจึงแลดูคล้ายเสี่ยวตงและโม่หานกำลังจะทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในสำนักงาน เมื่อโม่หานเห็นเสี่ยนถิงก็จำได้ทันทีว่าเธอคือนักข่าวที่แต่งตัวเป็นฉางเอ๋อ (เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ตามความเชื่อปรัมปราของจีน) ขณะรายงานข่าวเรื่องแตงโมขนาดใหญ่ยักษ์
เสี่ยนถิงต้องการรายงานข่าวสารเหมือนที่นักข่าวมืออาชีพคนอื่นๆ เขาทำกัน จึงคิดสร้างผลงานให้บริษัทเห็นด้วยการจ้างเสี่ยวตงให้ไปแอบสืบและถ่ายภาพหยางตง (ผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่) กับภรรยาน้อยเพื่อที่เธอจะได้นำมารายงานหลังเหนื่อยหน่ายกับการที่ถูกหัวหน้าใช้ให้แต่งตัวแปลกๆ ไปทำข่าวไร้สาระ แถมล่าสุดยังได้รับมอบหมายให้ไปตามสืบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 600 ปีก่อน ว่าทำไมทหารองค์รักษ์ 2 นายของราชวงศ์หมิงจึงหายตัวไปอย่างลึกลับในขณะไล่จับโจร
เผิงเจ๋อและเซี่ยวเทียนแทบช็อคเมื่อพบว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาล้วนผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ยังทำตามหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมาย นั่นก็คือการตามสังหารหงซีตงและนำมุกราตรีกลับไปคืนราชวงศ์หมิงโดยมีจี้หยกมังกรเป็นเครื่องนำทาง (หยกจะเรืองแสงเมื่อเข้าใกล้มุกราตรี) "จูเข่อซ่าง" (ตำรวจและเพื่อนรักของเสี่ยวตง) เห็นทั้งคู่แต่งตัวประหลาดและมีทีท่าแปลกๆ จึงเข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าจี้หยกมังกรของเผิงเจ๋อเรืองแสงออกมา (แต่แสงไม่เหมือนกับตอนที่เข้าใกล้มุกราตรี) เผิงเจ๋อเห็นดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าคุยกันไม่รู้เรื่องแถมทั้งคู่ยังไม่มีบัตรประชาชน เข่อซ่างจึงเข้าจับกุม แต่สององค์รักษ์ก็ใช้วิทยายุทธอันล้ำเลิศและวิชาตัวเบาหลบหนีไป
เช้าวันรุ่งขึ้น สององค์รักษ์แห่งราชวงศ์หมิงยังคงออกตามหาหงซีตงอย่างไม่ลดละ ถึงแม้จะรู้สึกอ่อนล้า หิวโหย และอยู่ในสถานที่ๆ ไม่คุ้นเคยก็ตาม เสี่ยวตงพบว่าอยู่ๆ ตนเองก็สามารถล่วงรู้จิตใจคนผ่านการสัมผัสหลังบังเอิญแตะมือของโม่หาน เมื่อเสี่ยนถิงมาที่สำนักงานนักสืบของเสี่ยวตงในตอนเช้าตามที่นัดกันไว้ เสี่ยวตงจึงลองจับมือเสี่ยนถิงและพบว่าตนเองสามารถอ่านใจเธอได้เช่นกัน ทันใดนั้น เสี่ยวตงก็รู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ทางด้านนอก พอเดินออกไปดูก็พบสององครักษ์เผิงเจ๋อและเซี่ยวเทียน เมื่อเห็นเสี่ยวตงทั้งคู่ก็คิดว่าเป็นหงซีตงจึงช่วยกันจับกุมพลางประกาศชื่อและตำแหน่งตัวเอง พอจับมือเผิงเจ๋อ เสี่ยวตงถึงได้รู้ว่าทั้งคู่เป็นองครักษ์แห่งราชวงศ์หมิงจริงๆ เซี่ยวเทียนรีบทวงมุกราตรีคืนและขอให้เสี่ยวตงช่วยนำทางกลับบ้าน เสี่ยวตงรู้ว่าสององครักษ์ไม่มีทางปล่อยตนง่ายๆ แน่จึงออกอุบายว่าจะไปเอามุกราตรีมาให้และพาทั้งสองคนเข้าไปในสำนักงาน ขณะเดียวกันก็แอบส่งกุญแจรถให้โม่หาน พอสบโอกาสเสี่ยวตงก็รีบขึ้นรถหนีไป สององค์รักษ์จึงใช้วิชาตัวเบาติดตาม
เมื่อ "จั๋วโยว่โซว่" (อดีตขาใหญ่ประจำซอย ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยเสี่ยวตง) มาถึงสำนักงานก็พบว่าทุกคนออกไปกันหมดแล้ว เสี่ยวตงซึ่งกำลังถังแตกจำเป็นต้องทำงานของเสี่ยนถิงให้สำเร็จ เขาจึงรู้สึกหนักใจที่สององครักษ์กัดไม่ปล่อย หลังไล่ตามจนหมดแรงเผิงเจ๋อก็ชิงรถมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านแล้วซิ่งตามรถของเสี่ยวตงไป โดยมีเซี่ยวเทียนนั่งซ้อนท้ายและทำท่าควบม้าหวังช่วยให้รถวิ่งเร็วขึ้น หลังตามหาสององครักษ์ไม่เจอ เข่อซ่างก็โทรฯ ไปหาเสี่ยวตงหวังให้เขาช่วยตามสืบ เมื่อเสี่ยวตงหันไปมองทางด้านหลังก็พบว่าสององครักษ์ควบมอเตอร์ไซค์ตามมาติดๆ จึงบอกเข่อซ่างว่าตนกำลังถูกสององครักษ์ไล่ตาม เมื่อไปถึงที่หมายเสี่ยวตงพยายามอธิบายว่าตนไม่ใช่ซีตง แต่สององครักษ์ไม่ยอมเชื่อ
เมื่อเข่อซ่างมาถึงเขาก็รู้สึกกลุ้มใจเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับสององครักษ์หลงยุค และไม่รู้ว่าจะรายงาน 'เบื้องบน' ยังไงดี สององครักษ์ได้ยินคำว่าเบื้องบนจึงพากันแหงนหน้ามองฟ้า พอรู้ว่าสององครักษ์มีวิทยายุทธโม่หานก็หูผึ่ง (เธออยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร่มาตั้งแต่เด็กๆ) และเดินเข้าไปคุยกับสององครักษ์หวังฝากตัวเป็นศิษย์ เสี่ยวตงพยายามบอกให้เธอถอยออกไปห่างๆ เพราะอาจเป็นอันตราย และไม่ควรคุยกับคนแปลกหน้า เผิงเจ๋อหยิบจี้หยกมังกร (ที่กำลังเรืองแสง) ออกมายืนยันว่าตนไม่ได้ตามผิดคน โดยอธิบายว่าจี้หยกนี้จะเรืองแสงหากอยู่ใกล้มุกราตรี เข่อซ่างนึกขึ้นได้ว่าทั้งคู่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจึงขู่ว่าจะเอาผิดทั้งคู่ข้อหาไม่มีใบขับขี่แต่สององครักษ์ไม่รู้ว่าใบขับขี่คืออะไร เสี่ยวตงเห็นว่าทั้งคู่ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่จึงบอกว่าจะช่วยตามหาคนที่ชื่อหงซีตงให้ แต่ตอนนี้ขอทำงานให้เสร็จก่อน จากนั้นก็บอกให้เข่อซ่านพาทั้งคู่ไปหาอะไรทานและทำฆ่าเวลาระหว่างรอตน
ขณะดักซุ่มอยู่ที่หน้าบ้านของหยางตง เสี่ยวตงได้รับแจ้งว่าเป้าหมายไหวตัวทัน (หยางตงรู้ว่ามีนักข่าวมาดักรอ) เสี่ยวตงจึงพาลโมโหใส่เสี่ยนถิงและกล่าวหาว่าเธอเป็นตัวซวย เสี่ยนถิงนึกขึ้นได้ว่าหัวหน้าให้เธอสืบเรื่องสององครักษ์แห่งราชวงศ์หมิงที่หายตัวไป หากเธอทำงานนี้สำเร็จเขาจะยอมให้เธอทำงานในแบบที่เธอต้องการ พอรู้ว่าสององครักษ์ที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่หัวหน้าให้เธอมาตามสืบ เสี่ยนถิงก็รีบวิ่งไปหาทั้งคู่ทันที ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเสี่ยนถิงก็ดังขึ้น (เสียงเรียกเข้าของเธอเป็นทำนองเพลงโบราณ) เซี่ยวเทียนเห็นดังนั้นก็นึกว่าเธอจะส่งสัญญาณเรียกกำลังเสริม จึงคิดที่จะใช้ดาบฟันมือถือของเธอ (ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งฟันโทรศัพท์มือถือของเข่อซ่านจนขาดเป็นสองท่อน) เสี่ยวตงเห็นดังนั้นจึงใช้วิทยายุทธสกัดเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็อุ้มเสี่ยนถิงแล้วใช้วิชาตัวเบาพาหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาทุกคน มิหนำซ้ำเขายังเรียกเธอว่า "เสียนเอ๋อร์" และพูดจาแปลกๆ เหมือนสององครักษ์อีกด้วย (เสียงโทรศัพท์ของเสี่ยนถิงทำให้หงซีตงในตัวของเสี่ยวตงตื่นจากหลับใหล)
ปรากฏว่าเสียนเอ๋อร์คือภรรยาของหงซีตง (เสี่ยนถิงเมื่อชาติก่อน) เมื่อได้พบเสี่ยนถิง หงซีตงในร่างเสี่ยวตงจึงดีใจมาก เสี่ยนถิงเห็นเสี่ยวตงกำลังจะโน้มตัวลงมาจูบเธอจึงตบหน้าเขาเต็มแรง ทำให้เสี่ยวตงกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้งและโวยวายลั่นด้วยความเจ็บปวด เขาจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้และสงสัยว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกปวดขาจนลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหว เสี่ยนถิงเห็นดังนั้นจึงบอกว่าเป็นเพราะเขาอุ้มเธอวิ่งหนีมาตั้งหลาย 'ลี้' เสี่ยวตงไม่เชื่อและแย้งว่าถึงตนจะชอบยกน้ำหนักแต่ตนเกลียดการวิ่งเป็นที่สุด จากนั้นก็โทษว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาอยู่ใกล้ตัวซวยอย่างเธอ
หลังเสี่ยวตงอุ้มเสี่ยนถิงหนีไปแล้ว เข่อซ่านก็ควบคุมสถานการณ์ด้วยการเล็งปืนไปที่สององครักษ์ เซี่ยวเทียนเลยใช้ดาบฟันปืนของเขาจนขาดสองท่อน ก่อนใช้ดาบจี้ที่ลำคอของเข่อซ่านเพื่อเป็นการข่มขู่และกล่าวหาว่าเข่อซ่านสมรู้ร่วมคิดกับหงซีตง เผิงเจ๋อชี้ว่าความผิดของเข่อซ่านสมควรได้รับโทษประหารเก้าชั่วโคตร โม่หานพยายามอธิบายว่าเสี่ยวตงเป็นคนดี เซี่ยวเทียนจึงเตือนด้วยความหวังดีว่าเธอถูกหงซีตงหลอก โม่หานกล่าวว่าเธอชื่นชมวรยุทธของทั้งคู่แต่รู้สึกผิดหวังที่ยอดฝีมืออย่างพวกเขารังแกคนที่อ่อนแอกว่า เผิงเจ๋อเห็นด้วยว่าเข่อซ่าน (ซึ่งบอกทั้งคู่ว่าตนเป็นองครักษ์เช่นกัน) มีฝืมืออ่อนด้อย แต่พวกตนจำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงจึงขอให้เธอกลับไปก่อน หลังจากนั้นเซี่ยวเทียนก็คาดคั้นเข่อซ่านว่าหงซีตงอยู่ที่ไหนพลางขู่ว่าหากไม่พูดความจริงตนจะค่อยๆ เฉือนเนื้อเขาทีละชิ้น โม่หานเห็นดังนั้นจึงบอกว่าจะพาทั้งคู่ไปพบเสี่ยวตงแต่มีข้อแม้ว่าห้ามชักดาบพร่ำเพรื่อ (เธอให้ทั้งคู่สัญญาด้วยการชูนิ้วโป้งกับนิ้วก้อย พร้อมทั้งเปล่งวาจาว่า จากนี้ไปจะใช้หลักเหตุผลและการเจรจาโดยสันติแทนการใช้ดาบ) และองครักษ์ทั้งสองก็ยอมรับปากแต่โดยดี
ในที่สุด โม่หานก็พาสององค์รักษ์ไปที่สำนักงานของเสี่ยวตง เธอแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักข้าวของเครื่องใช้สมัยใหม่ แต่เซี่ยวเที่ยนยังไม่วางใจและคิดว่าสำนักงานของเสี่ยวตงเต็มไปด้วยค่ายกล เผิงเจ๋อเห็นว่าบุคลิก ท่าทางและลีลาการพูด ของเสี่ยวตงไม่สุขุมเหมือนหงซีตง แถมวิทยายุทธยังต่ำชั้นมาก จึงเริ่มสงสัยว่าบางทีเสี่ยวตงอาจไม่ใช่หงซีตง เสี่ยวตงจึงนำรูปสมัยเด็กๆ ออกมายืนยัน เมื่อได้ยินเสียงท้องร้องเสี่ยวตงจึงบอกให้โม่หานไปต้มมาม่ามาให้สององครักษ์กินประทังชีวิต (เขากำลังถังแตกเลยเลี้ยงได้แค่นี้) ทั้งยังอนุญาตให้สององครักษ์พักที่สำนักงานกับตนเพราะรู้ว่าทั้งคู่ไม่มีที่ไป
หลังเสี่ยวตงอุ้มเสี่ยนถิงหนีไปแล้ว เข่อซ่านก็ควบคุมสถานการณ์ด้วยการเล็งปืนไปที่สององครักษ์ เซี่ยวเทียนเลยใช้ดาบฟันปืนของเขาจนขาดสองท่อน ก่อนใช้ดาบจี้ที่ลำคอของเข่อซ่านเพื่อเป็นการข่มขู่และกล่าวหาว่าเข่อซ่านสมรู้ร่วมคิดกับหงซีตง เผิงเจ๋อชี้ว่าความผิดของเข่อซ่านสมควรได้รับโทษประหารเก้าชั่วโคตร โม่หานพยายามอธิบายว่าเสี่ยวตงเป็นคนดี เซี่ยวเทียนจึงเตือนด้วยความหวังดีว่าเธอถูกหงซีตงหลอก โม่หานกล่าวว่าเธอชื่นชมวรยุทธของทั้งคู่แต่รู้สึกผิดหวังที่ยอดฝีมืออย่างพวกเขารังแกคนที่อ่อนแอกว่า เผิงเจ๋อเห็นด้วยว่าเข่อซ่าน (ซึ่งบอกทั้งคู่ว่าตนเป็นองครักษ์เช่นกัน) มีฝืมืออ่อนด้อย แต่พวกตนจำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงจึงขอให้เธอกลับไปก่อน หลังจากนั้นเซี่ยวเทียนก็คาดคั้นเข่อซ่านว่าหงซีตงอยู่ที่ไหนพลางขู่ว่าหากไม่พูดความจริงตนจะค่อยๆ เฉือนเนื้อเขาทีละชิ้น โม่หานเห็นดังนั้นจึงบอกว่าจะพาทั้งคู่ไปพบเสี่ยวตงแต่มีข้อแม้ว่าห้ามชักดาบพร่ำเพรื่อ (เธอให้ทั้งคู่สัญญาด้วยการชูนิ้วโป้งกับนิ้วก้อย พร้อมทั้งเปล่งวาจาว่า จากนี้ไปจะใช้หลักเหตุผลและการเจรจาโดยสันติแทนการใช้ดาบ) และองครักษ์ทั้งสองก็ยอมรับปากแต่โดยดี
ในที่สุด โม่หานก็พาสององค์รักษ์ไปที่สำนักงานของเสี่ยวตง เธอแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักข้าวของเครื่องใช้สมัยใหม่ แต่เซี่ยวเที่ยนยังไม่วางใจและคิดว่าสำนักงานของเสี่ยวตงเต็มไปด้วยค่ายกล เผิงเจ๋อเห็นว่าบุคลิก ท่าทางและลีลาการพูด ของเสี่ยวตงไม่สุขุมเหมือนหงซีตง แถมวิทยายุทธยังต่ำชั้นมาก จึงเริ่มสงสัยว่าบางทีเสี่ยวตงอาจไม่ใช่หงซีตง เสี่ยวตงจึงนำรูปสมัยเด็กๆ ออกมายืนยัน เมื่อได้ยินเสียงท้องร้องเสี่ยวตงจึงบอกให้โม่หานไปต้มมาม่ามาให้สององครักษ์กินประทังชีวิต (เขากำลังถังแตกเลยเลี้ยงได้แค่นี้) ทั้งยังอนุญาตให้สององครักษ์พักที่สำนักงานกับตนเพราะรู้ว่าทั้งคู่ไม่มีที่ไป
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร สองนักรบหลงยุคจะปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคใหม่ได้หรือไม่ จะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จและเดินทางข้ามเวลากลับไปยังสมัยราชวงศ์หมิงได้หรือเปล่า และจะเกิดอะไรขึ้นกับหงซีตงและเสี่ยวตง ติดตามชมเรื่องวุ่นๆ ของพวกเขาเหล่านี้ได้ใน "จอมยุทธทะลุมิติ (The Crossing Hero)" ทางพีพีทีวี
* เนื้อหาโดย luvasianseries
นักแสดงนำ
หวังเจียเหลียง (เอดิสัน หวัง)
รับบท จูเข่อซ่าง (ตำรวจและเพื่อนรักของเสี่ยวเทียน เป็นทายาทรุ่นที่ 38 ของปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง)
(นักแสดง / นายแบบ ชาวไต้หวัน)
รวมคลิปตัวอย่างจากซีทีวี
*** หากท่านเป็นเจ้าของลิขสิทธิภาพ / เนื้อหา / คลิป ที่ปรากฏในหน้านี้ และไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ซ้ำ กรุณาแจ้งมายังอีเมล์ luvasianseries@hotmail.com เพื่อที่เราจะได้ทำการลบข้อมูลของท่านออกจากระบบ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
รับบท หงซีตง (ราชองครักษ์) / หงเสี่ยวตง (อดีตตำรวจ ปัจจุบันเป็นนักสืบเอกชน)
(นักร้อง / นักแสดง ชาวไต้หวัน)
เซี่ยซินอิ่ง (นิกกี้ เซี่ย)
รับบท จางเสี่ยนถิง (นักข่าว) / เสียนเอ๋อร์ (ภรรยาหงซีตงเมื่อ 612 ปีก่อน)
(นักแสดง / นางแบบ ชาวไต้หวัน)
เยิ่นหรงเซวียน (ลอรีน เรน / คริสเทน เรน)
รับบท โม่หาน (นักสืบและผู้ช่วยของเสี่ยวตง)
(นักแสดง / นักร้อง / นางแบบ ชาวไต้หวัน)
หูหยาง
รับบท เผิงเจ๋อ (หัวหน้าทหารองครักษ์ของเยี่ยนหวางจูตี้)
เซี่ยเมิ่งเหว่ย (บรูซ เหว่ย)
รับบท สวีเซี่ยวเทียน (ทหารองครักษ์)
(นักแสดง ชาวจีน)
รับบท เผิงเจ๋อ (หัวหน้าทหารองครักษ์ของเยี่ยนหวางจูตี้)
(นักแสดง ชาวจีน)
เซี่ยเมิ่งเหว่ย (บรูซ เหว่ย)
รับบท สวีเซี่ยวเทียน (ทหารองครักษ์)
(นักแสดง ชาวจีน)
หวังเจียเหลียง (เอดิสัน หวัง)
รับบท จูเข่อซ่าง (ตำรวจและเพื่อนรักของเสี่ยวเทียน เป็นทายาทรุ่นที่ 38 ของปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง)
(นักแสดง / นายแบบ ชาวไต้หวัน)
รวมคลิปตัวอย่างจากซีทีวี
คนที่คู่กับโม่หานมีประวัติไหมคะ ชื่ออะไรคะ
ตอบลบถ้าหมายถึง "ซุนเยี่ยนจวิน" (นักโบราณคดี/นักสืบ) ที่หลงรักโม่หานล่ะก็ ชื่อ "อู๋คังเหริน" (คริส วู) ค่ะ เป็นนักแสดงและนายแบบชาวไต้หวัน https://en.wikipedia.org/wiki/Chris_Wu
ลบมีภาคต่อมั้ยคะ
ตอบลบเท่าที่ลอง search ดูตอนนี้ ยังไม่มีนะคะ
ลบไหง จบเเบบนี้อะ
ตอบลบ