วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 7




เมื่อทงอีกับพระเจ้าซุกจงรอดพ้นอันตรายมาได้ ทำให้พระพันปีเกิดความวิตกกังวล เมื่อคดีดนตรีวิบัติคลี่คลาย พระเจ้าซุกจงจึงได้พระราชทานอาหารและของกำนัลให้ทงอี ขณะที่จางซังกุงที่ทงอีต้องการพบนั้น จู่ๆ ก็เรียกทงอีเข้าไปพบโดยไม่คาดฝัน

เนื้อเรื่อง:



 “สารเลว บังอาจเกินไปแล้ว เจ้ารู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ? ข้าเป็นพระราชาของแผ่นดินนี้”

 “หา?” ทงอีตกใจมาก

 “อะไรนะ?” ลูกน้องชายคนนั้นตาโต

 “คนที่พวกเจ้ากำลังชี้ดาบใส่อยู่นี้ ก็คือเจ้าเหนือหัวของพวกเจ้า”

 แม้พระเจ้าซุกจงจะข่มขู่และอ้างตัวเป็นพระราชา แต่คนร้ายก็ไม่เชื่อ ตรงเข้าทำร้ายหมายปลิดชีวิต แต่โชคดีมีมือปราบออกเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งสองจึงหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

 “นี่ไม่ใช่ทหารของท่านผู้ว่าฯ เป็นมือปราบในกองปราบนี่”

 “น่า..จะมาจากหน่วยไหนก็ช่าง เพราะยังไงพวกเค้าก็เป็นลูกน้องข้า”

 “คะ? แต่ แต่ว่าใต้เท้า คำพูดที่ท่านพูดไปเมื่อกี้น่ะ” ทงอีทำหน้าสงสัย

 “ที่ว่าเป็นพระราชาน่ะเหรอ?”

 ค่ะ..เมื่อกี้ท่านจะพูดอะไรกันแน่ ท่านโกหกใช่รึเปล่า?”

 “ข้าก็ต้องโกหกไปสิ หรือว่าเจ้าเชื่อจริง ๆ”

 “โห..เฮ้อ..”

 “คิดว่าถ้าโกหกว่าเป็นพระราชาแล้ว คนพวกนั้นจะยอมปล่อยเราไป”

 “ใต้เท้าก็..” ทงอีขำ ๆ


 “ตกใจละสิ คิดว่าเป็นพระราชาเหรอ?”

 “ได้ยินอย่างนั้นจะไม่ตกใจได้ยังไง ท่านจะโม้อะไรไม่โม้ดันมาโม้เรื่องแบบนี้ได้”

 “โม้?” พระเจ้าซุกจงแปลกใจ

 “ใช่ ก็พูดโกหกไง ขี้โม้”

 “โกหก พูดอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ”

 “ทำเอาตกอกตกใจหมด ต่อให้เจอเรื่องคับขันแค่ไหน ก็ไม่ควรอ้างว่าตัวเองเป็นพระราชานะ ระวังตัว
ด้วยล่ะ เดี๋ยวก็โดนโทษหนักไม่รู้ตัวหรอก”

 “ก็ได้ ข้าจะไม่บอกว่าเป็นพระราชาแล้ว แต่ว่า ตอนนี้ข้าคงต้องไปจริง ๆ แล้วล่ะ ข้าจะใช้หินเกลือที่เจ้าพบนี่ สืบหาแผนการร้ายของพวกเค้า คนที่บงการเบื้องหลังเป็นใคร ข้าจะต้องสืบให้รู้ให้หมด เจ้าบอกว่า..ชื่อทงอีใช่รึเปล่า?”

 “ค่ะ ใต้เท้า”

 “ถึงเจ้าจะทำอะไรบุ่มบ่าม หรือวู่วามไปบ้าง แต่ก็มีคุณงามความชอบ สิ่งที่เจ้าทำเพื่อราชสำนักในครั้งนี้ ข้าจะไม่ลืมเลย” พระเจ้าซุกจงบอก ทงอีทำหน้างง ๆ อีก แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

อินกุ๊กตกใจที่ลูกน้องมารายงานว่าเจอพระเจ้าซุกจงในที่เกิดเหตุ หลังจากที่สั่งให้คนของตนเองไปเก็บกวาดทำลายหลักฐาน ขณะที่พระพันปีมองซองได้ข่าวเรื่องการเสด็จไปที่เกิดเหตุอย่างลับ ๆ ของพระเจ้าซุกจง ก็รู้สึกกังวลพระทัยเช่นกันที่พระเจ้าซุกจงเอาพระองค์เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

พระเจ้าซุกจงเชื่อในคำพูดของทงอี จึงมีพระแสรับสั่งให้นำพอนคยองจากกองดนตรีออกมาตรวจสอบ โดยพระเจ้าซุกจงเป็นผู้ตรวจสอบด้วยพระองค์เอง พระเจ้าซุกจงบอกว่า การที่เครื่องดนตรีเสียงเพี้ยน เป็นเพราะหินเกลือที่มีคนนำไปใส่ไว้


“เห็นรึยัง นี่คือหินเกลือ ที่พอโดนน้ำแล้วมันจะละลาย จนเป็นต้นเหตุของดนตรีวิบัติ พอนคยองเป็นเครื่องดนตรีใช้ปรับเสียงเครื่องดนตรี แต่ตอนที่ทำมีคนแอบใส่หินเกลือไป จึงทำให้เสียงทั้งหมดเพี้ยน และหลังเกิดเหตุ แค่คนคนนั้นเอาไปแช่น้ำให้เกลือละลาย จนหลักฐานที่เกิดดนตรีวิบัติก็จะถูกทำลายไปด้วย”

 “แต่..แต่ว่าฝ่าบาท เหตุใด พระองค์จึงตัดสิน ว่าดนตรีวิบัติเกิดจากสิ่งนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” อินกุ๊กรีบถาม

 “ยกผู้บัญชาการซอ” พระเจ้าซุกจงบอกให้ใต้เท้าซอเป็นผู้เฉลย

 “พ่ะย่ะค่ะ เนื่องจากช่างที่ทำพอนคยองนี้ ถูกคนฆ่าปิดปาก และเราก็พบหินเกลือนี้บนศพของเค้า”

 “อะไรนะ พบบนศพของเค้า ทำไมถึงพูดโดยยังไม่พบศพ..”

 “เราพบศพแล้ว”

 “อะไรนะ?” อินกุ๊กตกใจ เพราะเขาสั่งให้ลูกน้องเก็บกวาดหลักฐานจนไม่เหลือแล้ว


 “ข้าจะกล้าพูดโดยที่ยังไม่พบศพได้ไง เวลาตีสามของวันนี้ พวกข้าพบศพของเค้าบนเขาซัมฮัก” ใต้เท้า
ซอบอก

“ฝ่าบาท ถ้าทั้งหมดเป็นความจริง เรื่องนี้จะต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลังแน่ มีคนวางแผนหลอกลวงฝ่าบาทเพื่อจะใส่ร้ายจางซังกุง”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เราต้องหาตัวผู้บงการ แล้วจับมาไต่สวนถึงสาเหตุที่ทำเรื่องอุกอาจนี้ขึ้น”

“เรื่องนั้นต้องทำแน่ ข้าก็อยากรู้ว่าคนบงการเรื่องนี้จะวิเศษมาจากไหน ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าก็จะไม่ให้อภัยมันโดยเด็ดขาด” น้ำเสียงพระเจ้าซุกจงหนักแน่นมาก

โฮยอนได้รับหน้าที่ต่อจากใต้เท้าซอให้สืบสวนว่าใครเป็นคนบงการ โฮยอนจึงสั่งให้จับผู้ต้องสงสัยมาทรมานเพื่อให้รับสารภาพ

“ต่อให้จะต้องใช้ม้าแยกร่างพวกมัน ก็ต้องบีบให้มันสารภาพตัวบงการ เข้าใจรึเปล่า?”

“ขอรับ”

“มัวรออะไรอยู่ รีบไปสอบสวนเร็วเข้าสิ”

ด้านพระพันปีมองซองกลัวว่าความผิดจะถูกสาวมาถึงตัว จึงให้อินกุ๊กส่งคนไปเก็บนายกองมินเพื่อปิดปาก

 พระเจ้าซุกจงคงพอใจในอ๊กจองมากจึงให้เข้ามาเป็นนางในจางซังกุงชั้นพิเศษ สร้างความไม่พอใจให้กับพระพันปีเป็นอย่างมาก


“จางซังกุง จะเป็นผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เด็ดขาด”

 “แต่เสด็จแม่ ที่ลูกอยากให้อ๊กจองเข้าวัง ไม่ใช่เพราะว่าลูกโปรดนางหรือว่าหลงนางนะ ลูกอยากถ่วงดุลกลุ่มฝ่ายใต้กับตะวันตก..”

 “ก็ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เลือกผู้หญิงกลุ่มฝ่ายใต้คนอื่น ทำไมจะต้องเป็นผู้หญิงชั้นต่ำอย่างนั้นด้วยล่ะ”

 “เสด็จแม่”

 “ให้มาอยู่วังหลัง? จำเอาไว้เลยฝ่าบาท ตราบใดที่ข้ายังอยู่ในวังข้าจะไม่มีวันยอม ตราบใดที่ข้ายังไม่ตาย จะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด” พระพันปีลั่นวาจา

โชเดินมาเห็นอ๊กจองยืนฟังอยู่จึงเรียก พระเจ้าซุกจงหันมาเห็นอ๊กจองจึงถามมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ อ๊กจองตอบว่าพักหนึ่งแล้ว พระเจ้าซุกจงเดินเข้าไปหา 

“สักพักแล้วเหรอ ถึงเจ้าไม่มา ข้าก็คิดว่าจะไปหาเจ้าอยู่พอดี เดี๋ยวก่อน แค่ยิ้มอย่างเดียวก็พอแล้วงั้นเหรอ? เมื่อคืนเพื่อสืบเรื่องนั้น ข้าต้องเหนื่อยแทบแย่ ข้ายังคิดอยู่ว่า เจ้าน่าจะดีใจรีบวิ่งมาหา”


 “ถ้างั้น หม่อมฉันกลับไปวิ่งมาใหม่ดีมั้ย?” อ๊กจองพูดล้อ ๆ

 “ช่างเถอะ ไม่อยากเห็นเจ้าคุกเข่าเคารพ ฮะ ๆ ๆ ไปเถอะ ข้ามีอะไรอยากเล่าให้ฟังตั้งเยอะ เมื่อคืนนะน่ากลัวมากเลย ข้าถูกเด็กคนนั้นทั้งเหยียบทั้งดันแถมยังสั่งสอนข้าซะยกใหญ่”

 “หา?” น้ำเสียงอ๊กจองแปลกใจมาก

 “นี่ข้าไม่ได้โม้นะ”

 “โม้งั้นหรือ” แปลกใจเป็นคำรบสอง “ทำไมฝ่าบาทถึงตรัสภาษาชาวบ้านร้านตลาดอย่างนั้นล่ะเพคะ”

 “ฮะ ๆ ๆ นั่นสิ คำคำนี้ข้าก็เพิ่งได้หัดเมื่อคืนนี่แหละ ฮะ ๆ ๆ” พระเจ้าซุกจงสรวลอย่างอารมณ์ดี

ทางกองดนตรีได้รับพระราชทานอาหารชั้นดีจากพระเจ้าซุกจง หลังจากทงอีได้ช่วยคลี่คลายคดีดนตรีวิบัติสำเร็จ สร้างความดีใจให้กับคนในกองดนตรีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยังดัลและจูซิก ทงอียังได้รับพระราชทานรางวัลพิเศษ เพื่อตอบแทนคุณความดีในครั้งนี้ด้วย

 “ทงอี ข้าง..ข้างบนตบรางวัลมา แถมยังให้รางวัลพิเศษกับเจ้าด้วยนะ”

 “อะไรนะ?”

 “ใช่เลย รางวัลนี้ให้ทงอีโดยเฉพาะ ฝ่าบาทประทานรางวัลใหญ่ให้ทงอีด้วยพระองค์เอง”

 “อะไรนะ ฝ่า…หะ..ท่าน ท่านบอกว่าฝ่าบาทเหรอ?” ทงอีตาโตอย่างตกใจ ทั้งหมดจึงรีบมาที่กองดนตรี


“ฝ่าบาททรงทราบว่าคดีเพลงวิบัติคลี่คลายได้ถือเป็นความดีความชอบของเจ้า พระองค์จึงมีพระประสงค์จะมอบรางวัลให้เจ้าเพื่อเป็นการเชิดชู เอาให้นางดู” ขันทีบอกให้คนในราชสำนักส่งของให้ทงอี

ทงอีมัวแต่อ้าปากค้าง จนจองวุคต้องเตือน ทงอีรีบย่อทำความเคารพ “ค่ะใต้เท้า เป็นพระมหากรุณาธิคุณ”

เพื่อน ๆ ในกองดนตรีเร่งให้ทงอีเปิดกล่องพระราชทานเพราะอยากรู้ว่าข้างในเป็นอะไร พอทงอีเปิดออกทุกคนก็ตาโต

“นี่มัน ผ้าแพรต่วนราคาแพง นี่มันป้ายหยกขาวที่มีแต่คนรวยเค้ามีกัน” ยังดัลบอก

 “แล้ว ๆๆ นี่ทองนี่” จูซิกตื่นเต้นเมื่อเห็นทองคำแท่ง

“ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องดีอย่างนี้ ฝ่าบาททรงทราบได้ยังไง สงสัยใต้เท้าคนเมื่อคืน คงไปกราบทูลฝ่าบาทแน่เลย”

คนของอินกุ๊กพานายกองมินหลบหนีออกจากเมืองหลวง ระหว่างทางหวังจะฆ่าปิดปาก แต่คนของโฮยอนมาชิงตัวนายกองมินไปได้ พร้อมกับฆ่าคนของอินกุ๊กจนหมด เรื่องนี้ล่วงรู้ถึงหูใต้เท้าซอและพระเจ้าซุกจง

โฮยอนและแทซุกพยายามบีบบังคับให้นายกองมินเปิดปากว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง อ๊กจองขอเข้ามาจัดการเรื่องนี้เอง จากนั้นอ๊กจองมาเข้าเฝ้าพระพันปีมองซอง พร้อมกับนำป้ายของนายกองมินออกมาโชว์เหมือนจะข่มขู่พระพันปีว่าเธอรู้เรื่องราวทั้งหมด


“หม่อมฉันอยากจะบอกว่า ต่อไปพระองค์ไม่ต้องกังวลพระทัยกับเรื่องนี้แล้ว ขอให้วางพระทัยได้แล้วเพคะ” อ๊กจองชูป้ายไปมา

 “เจ้า นังคนนี้ นี่เจ้ากล้าเอามันมาข่มขู่ข้ารึ” พระพันปีมองหน้าอ๊กจองอย่างเคียดแค้น

 “หม่อมฉันจะทำได้ยังไง หม่อมฉันบอกแล้วไงเพคะ ว่ามันเป็นแค่น้ำใจเล็กน้อยที่อยากถวายให้พระองค์มองซอง อะไรนะ? นี่เจ้า…”

 “เพราะเรื่องนี้ มันจะถูกเก็บงำเอาไว้ หม่อมฉันมาเพื่อกราบทูลเรื่องนี้ พระองค์คิดยังไงเพคะ อย่างนี้แล้วพระองค์จะไม่รับของขวัญจากหม่อมฉันหรือเพคะ ถ้าพระองค์ไม่ปฏิเสธ ก็ขอให้เก็บมันไว้ให้ดี แล้วบรรทมหลับให้สบาย เพราะหม่อมฉันเชื่อว่า จากนี้จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก บรรทมพักผ่อนให้สบายเถอะเพคะ”

 อ๊กจองพูดอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่เกรงกลัว พระพันปีซึ่งร่างกายไม่ค่อยดีอยู่แล้วถึงกับหน้ามืด

แทซุกส่งแทพุง คนของฝ่ายใต้มาเป็นผู้คุมกองดนตรีคนใหม่ ทำให้กองดนตรีดูวุ่นวายมาก

“เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในกองดนตรีได้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะกฎระเบียบในกองดนตรีมันหละหลวมเกินไป ดังนั้น วันนี้ข้าได้มารับตำแหน่งผู้คุม ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นในกองดนตรีอีกแน่ ดังนั้น ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในกองดนตรีใหม่ ไม่ว่าเป็นหัวหน้า นักดนตรีไปจนถึงข้าทาส ทุกคนต้องฟังคำของข้าไว้ให้ดี และจดจำเอาไว้ทุกคำทุกประโยค เข้าใจกันมั้ย?” แทพุงบอก

แทพุงส่งโฮยางลูกชายของเขาไปดูการแสดงของนางรำ และทำให้เจอกับทงอีและสนใจในตัวนางมากถึงขั้นเข้าไปจับมือถือแขนโดยไม่สนใจใคร ทงอีได้แค่ปัดป้อง


“มือเจ้านี่สวยจริง ๆ เหมือนหน้าเจ้าเลย”

 “อะไรนะ?”

 “กองดนตรีอย่างกับคนละโลก ทำไมแม้แต่ข้าทาสยังทำให้ข้าหลงใหลได้”

 “ได้โปรดปล่อยมือข้าเถอะใต้เท้า” ทงอีขอความเห็นใจ

 “อ้อนข้าเหรอ เจ้านี่น่ารักจัง”

 “โปรดปล่อยมือข้าด้วย ท่านไม่ควรทำอย่างนี้ค่ะ” ทงอีสะบัดมือจนหลุด

 “แหม คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีได้เรอะ หึ ๆ โอ้ย แม่คนนี้”

 โฮยางตามลวนลามทงอี ทงอีผลักโฮยางล้มลงและวิ่งหนีไป โฮยางจึงให้จูซิกตามไปจับ  ตัวทงอีมาลงโทษ แต่แทพุงมาขัดขวางเพราะจำได้ว่าทงอีคือคนที่อ๊กจองกำลังตามหาตัวอยู่

จางซังกุงอ๊กจองส่งโดชิกมาตามตัวทงอีให้ไปพบ อ๊กจองคิดถึงคำทำนายของคิมฮวันที่บอกว่าเธอเหมือนมีเงาติดตามตัวอยู่ แต่ก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่ชัดเจนนัก


 “เจ้าคือเด็กชื่อทงอีใช่มั้ย?”

 “ยืนทำอะไรอยู่ รีบทำความเคารพซะสิ” โชบอก

 “ข้าน้อย คารวะท่านซังกุง ข้าน้อย ทำงานอยู่ในกองดนตรี เป็นชนชั้นต่ำ ชื่อทงอีค่ะ”

 ขณะที่อ๊กจองกำลังคุยกับทงอี พระเจ้าซุกจงเสด็จมาหาอ๊กจองและทราบว่าทงอีอยู่กับอ๊กจองก็แปลกใจ และเสด็จกลับไป

 อ๊กจองนั่งดื่มชาดอกเก๊กฮวยกับทงอี นางจ้องหน้าทงอีแล้วท่องบทกลอนขึ้นมา “สีสันเหลืองล้ำค่า ขาวบริสุทธิ์น่าชื่นชม แม้เบญจมาศจะถือเหลืองเป็นหลัก แต่สีขาวบริสุทธิ์ ก็งดงามไม่แพ้กัน นี่เป็นบทกวีเบญจมาศเหลือง ไหนเจ้าท่องท่อนต่อไปให้ข้าฟังสิ”

ทงอีอึ้ง ๆ อ๊กจองเร่งให้รีบท่องกลอน

“ผู้คนมองว่าต่าง เบ่งบานงามตามกัน แม้ผู้คนจะใช้สีในการมาแบ่งแยก แต่ความงามในขณะที่เบ่งบาน มิได้ต่างกัน ข้าน้อยรู้แค่สองประโยคนี้เท่านั้นค่ะ”

 “ท่าทางข้าจะดูคนไม่ผิด ข้ารู้ว่าเจ้าต้องท่องต่อได้”

 “ข้าน้อยละอายเหลือเกินค่ะ”

 “ข้าเพิ่งจะผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายนี้มาได้ ได้ยินว่าเจ้าสร้างคุณความดีไว้ไม่น้อย ข้าเลยอยากจะให้รางวัลกับเจ้า นี่ เจ้าอยากได้อะไรหา จะเป็นของแพงแค่ไหนก็ได้ ขอแค่เป็นสิ่งที่เจ้าอยากได้ ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า”

“พูดถึงรางวัล ท่านไม่ควรมอบรางวัลให้ข้าน้อย ข้าน้อยทำไปไม่ใช่เพื่อรางวัล”

 “งั้นหรือ เจ้าไม่อยากได้รางวัลอะไรเลยเหรอ?”

 “ค่ะ ท่าน” ทงอีพูดอย่างถ่อมตน

“ถ้างั้นข้าก็ผิดหวังละ คือข้ากำลังหมาย ความว่า ไม่อยากก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะอะไร  เหรอ เพราะเห็นตัวเองเป็นชนชั้นต่ำเหรอ? หรือเพราะรู้สึกว่าความอยากมีเป็นความเพ้อฝันของชนชั้นต่ำ น่าเสียดาย
จัง ข้าคงชอบเจ้ามากกว่าถ้าหากเจ้าเป็นคนที่อยากจะได้ในสิ่งที่ตัวเองขาดไป”

เป็นเวลาเดียวกับนางสนมเข้ามาบอกอ๊กจอง “ท่านซังกุง โชซังกุงเองค่ะ ท่านคะ ต้องไปร่วมพิธีของนางในแล้วค่ะ”

 “อืม ข้ารู้แล้ว เตรียมของดี ๆ ให้เด็กคนนี้แล้วส่งนางกลับด้วย”

 “ค่ะ ท่านซังกุง เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว”

 “หยิบชุดทงอีมาให้ที”

 “ท่านซังกุง” ทงอีตัดสินใจเรียกอ๊กจองไว้


“ที่จริง มีเรื่องนึงที่ข้าอยากขอร้องท่าน ข้ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะขอต่อท่าน สำหรับข้าน้อย เรื่องนี้สำคัญกว่าเรื่องใดทั้งหมด ท่านจะโปรดรับคำขอเล็กน้อยของข้าน้อยได้มั้ยคะ?”  ทงอีถามขึ้นทันที

* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา