ในที่สุดอาการป่วยของพระมเหสีก็ทรุดจนถึงขั้นไม่ได้สติ หมอหลวงบอกว่าหากฟื้นในสามวันก็อาจมีโอกาสรอด พระเจ้า ซุกจงรู้สึกผิดที่ไม่เคยดูแลพระมเหสีอย่างดี ขณะที่กึมยังต้องการไปหาว่านน้ำมาทำพวงมาลัยอวยพรให้พระมเหสี ก็ไปเจอป้ายกับตุ๊กตาที่ทำคุณไสยใส่พระมเหสี
เนื้อเรื่อง:
ข้าหลวงมารายงานพระเจ้าซุกจงว่า พระมเหสีหมดสติไป จึงรีบเสด็จมาดูอาการ หมอหลวงทูลว่า ถ้าสามารถฟื้นมาได้ในสามวัน ก็มีโอกาสจะมีพระชนม์ชีพต่อไป โดยจะพยายามรักษาอย่างสุดความสามารถ
กูซอน พาองค์ชายกึมขึ้นไปเรียนบนเขา เมื่อกลับมาถึงวังหลวงองค์ชายกึมก็ถามทงอีว่าพระมเหสีสิ้นพระชนม์แล้วเหรอ
“ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะกึม พระมเหสี แค่หลับสนิทไป..เพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง พระมเหสีไม่ได้สิ้นพระชนม์”
“ถ้างั้น พอทรงบรรทมอิ่มแล้ว จะตื่นมาใช่มั้ยพ่ะย่ะค่ะ เพราะลูกรับปากไว้ว่า กลับมาแล้วจะมาทูลเล่าเรื่องที่ได้ไปเรียนมาวันนี้ให้ฟัง ลูกรับปากไว้ว่าจะทำแบบนี้ทุกวัน เสด็จแม่”
“จ้ะลูก เดี๋ยวก็ทรงฟื้นขึ้นมา พระมเหสี ต้องรักษาสัญญาที่ให้กับกึมนะเพคะ ไม่ว่ายังไง ก็ต้องทรงฟื้นขึ้นมา”
“เสด็จแม่”
พระสนมฮีบินให้จางฮีเจเข้าเฝ้า
“พี่ชายคะ พี่ชายคะ ตอนนี้สวรรค์เข้าข้างเราแล้ว สวรรค์เปิดทางให้กับพวกเราแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้เรา ต้องตามหาหมอหลวงหญิงคนนั้นให้เจอ แล้วจับตัวนางมาให้ได้”
“พระสนม แต่ต่อให้เราทำสำเร็จ แต่ถ้าพระมเหสีฟื้นขึ้นมา”
“ไม่มีทาง จะไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาดพี่ อาการพระมเหสี มันทรุดหนักจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ดังนั้นนี่เป็นเวลาสุดท้าย นางไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีกแน่”
จางฮีเจ เดินทางมาหาหมอผี ซึ่งหมอผีได้บอกฮีเจว่าพระมเหสีได้ชะตาขาดสะบั้นลงเสียแล้ว
“แปลว่า ต่อให้พวกข้าไม่ทำอะไร นางก็ต้องตายงั้นรึ”
“ใช่ ท่านจะพูดอย่างนั้นก็ได้ เพียงแต่ว่า พระมเหสีคงจะไม่ตายไปอย่างสูญเปล่า”
“อะไรนะ?”
“ข้ามองเห็นว่า พระมเหสีจะพยายามดิ้นรนเพื่อตื่นขึ้นมา และถ้าหากพระมเหสีลืมตาขึ้นมาได้อีกครั้งนึง ถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้”
“เรื่องทุกอย่างสอดคล้องกันอย่างประหลาด และทุกอย่างเป็นไปตามที่..หมอผีคนนั้นบอกมา แต่เรื่องนี้เราจะกราบทูลพระสนมยังไงดี”
พระสนมฮีบิน เสด็จมาเยี่ยมพระมเหสี ทำให้ได้เจอกับทงอีหน้าตำหนัก
“ได้ยินว่าพระมเหสีประชวรหนัก ข้าก็เลยจะมาเยี่ยมน่ะ”
“อันซังกุงท่านหลีกไปก่อน” ทงอี สั่ง
“แต่ว่าพระสนม”
“เร็วสิ”
“สมกับเป็นเจ้าเป็นนาย ดีที่พระสนมพอจะรู้มารยาทอยู่บ้าง” พระสนมฮีบิน ตรัส
“อันซังกุง ข้ามีเรื่องอยากจะถามหน่อย”
“เพคะพระสนม”
“เจ้าคงจะเดาออก ว่าข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ทำไม”
“พระสนมซุกอึย” อันซังกุง กล่าวทูล
“บอกข้ามาเถอะ เมื่อคืนนี้พระมเหสีเสด็จไปตรัสอะไรกับพระสนมฮีบินกันแน่ แล้วเมื่อคืนนี้ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น พระมเหสีเคยตรัสว่า องค์รัชทายาทมีอาการประชวรที่ถูกปิดเอาไว้ สาเหตุนี้อาจทำให้องค์รัชทายาทอาจไม่ได้ขึ้นครองราชย์ หรือว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย”
“พระสนม”
“ขอร้องล่ะ ข้าขอร้องล่ะอันซังกุง ข้าจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้ เจ้าเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ”
รัชทายาทลียูน เห็นองค์ชายกึมกำลังนั่งขุดอะไรอยู่ก็เข้าไปสอบถาม เมื่อรู้ว่าองค์ชายกึมกำลังขุดต้นว่านน้ำที่มีสรรพคุณช่วยไล่โรคภัย เพื่อนำไปถวายพระมเหสีที่กำลังประชวรหนัก ก็ขอเข้าไปช่วยทำด้วย
อันซังกุงทูลทงอีว่าองค์รัชทายาทอาจจะให้กำเนิดทายาทไม่ได้
“เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่หม่อมฉันกราบทูลไปเพคะ นี่คือเรื่องที่พระสนมฮีบินพยายามปิดบังมาตลอด พระมเหสีกำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่เพคะ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ พระมเหสีจึงไม่ยอมตรัสบอกใครเลยแม้แต่พระสนม เพราะทรงกลัวว่า จะทำให้พระองค์มีอันตรายไปด้วย”
“พระมเหสี”
“เมื่อคืนเพราะพระมเหสี ทรงเห็นแก่องค์รัชทายาท จึงเสด็จไปเพื่อให้โอกาสพระสนมฮีบินเป็นครั้งสุดท้าย เพราะอยากให้พระสนมฮีบินพูดความจริงทุกอย่างด้วยพระองค์เอง แต่แล้ว.. กลับมาเกิดเรื่องอย่างนี้”
ยูนบอกให้ฮีเจ รีบลงมือก่อนที่พระมเหสีจะฟื้นขึ้นมา แต่ฮีเจคิดว่าเสี่ยงเกินไปหากใครมารู้เรื่องนี้ ด้านชอนซู ได้ไปสืบความเคลื่อนไหวของคนในตำหนักชีซอนและหมอ จนเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยก็มาทูลให้ทงอีทราบ
“พระมเหสีถึงได้ตรัสอย่างนั้นกับข้าตั้งแต่แรก ไม่แน่ว่าองค์ชายยอนอิง อาจต้องรับตำแหน่งรัชทายาทแทน”
“พระสนม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พระมเหสีทรุดหนักกะทันหัน เป็นสาเหตุนี้รึเปล่า เวลาที่พวกเค้าเข้าตาจน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นนี่นา”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ จะทำกับพระมเหสีได้รึ?”
พระเจ้าซุกจงรู้สึกผิดที่ไม่เคยดูแลพระมเหสีอย่างดี ตั้งแต่นางเข้าวังมาไม่เคยลองมอบใจจริงให้กับนางเลยสักครั้ง อันซังกุง ทูลว่า ความจริงพระมเหสี ไม่เคยจะกล่าวโทษฝ่าบาทเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทรงคิดว่าการที่ไม่อาจมีทายาทให้แก่ราชวงศ์ เป็นความผิดของพระนาง พระมเหสีเอาแต่โทษองค์เองว่าทรงผิดต่อราชวงศ์
ชอนซู มาขอให้ใต้เท้าซอเพิ่มกำลังคุ้มกันตำหนักพระมเหสี และตำหนักชีซอน ตามที่ทงอีขอ ใต้เท้าซอรับปากว่าจะจัดการให้ ด้านยูนพาหมอผีเข้ามาในวังหลวงพบกับฮีเจ หมอผีบอกฮีเจให้พาเข้าไปใกล้ตำหนักพระมเหสีให้ได้มากที่สุด ส่วนมินที่เห็นนายหญิงยูนเข้าวังมา ก็นำเรื่องนี้ไปรายงานมูยอล แต่นางไม่ได้มุ่งไปที่ตำหนักชีซอน
ทงอีสอบถามพงซังกุงเรื่องข่าวจากตำหนักพระมเหสี แต่พอรู้ว่าพระมเหสียังไม่ฟื้นหลังผ่านไปสองวัน ก็รีบเดินทางไปที่ตำหนักพระมเหสีในขณะที่ฮีเจและหมอผีกำลังทำพิธีบริเวณใกล้พระตำหนัก เมื่อทงอีจะเดินทางกลับก็เห็นเป็นแสงไฟบริเวณนั้น แต่พงซังกุงมองไม่เห็น ทูลว่าพระสนมคงเฝ้าพระมเหสีจนเหนื่อยเกินไป ควรรีบเสด็จกลับไปบรรทมก่อน
ทงอี รับสั่งให้ใต้เท้าซอ และวูนเทค เข้าเฝ้า แล้วเล่าเรื่ององค์รัชทายาทไม่สามารถมีบุตรได้ให้ทั้งสองฟัง
“องค์รัชทายาท มีปัญหาแบบนี้ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?” วูนเทค ทูล
“พระสนมฮีบินถึงได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อปิดบังเรื่องนี้ พระสนม ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ พวกเค้าคงไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไปแน่”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ บางทีพระมเหสีทรุดหนักกะทันหัน อาจเป็นเพราะ”..
“เรื่องนี้เราจะสรุปในตอนนี้คงไม่ได้ ที่สำคัญคือตอนนี้ต้องระวังกันให้มาก ก่อนอื่นต้องพยายามทำให้พระมเหสีทรงหายประชวรโดยเร็วที่สุด อีกอย่างนึง พระมเหสีทุ่มเทไปมากกว่าจะได้หลักฐาน เราจะต้องรักษาไว้ให้ดี ข้าเชื่อว่าพวกเค้ากำลังพยายามจ้องชิงตัวไปแน่”
“ตอนนี้หมอหลวงหญิงคนนั้นอยู่ไหนพ่ะย่ะค่ะ”
“มีนางในที่ชื่อจองกึมคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ พระมเหสีต้องการให้แน่ใจว่าจะเป็นความลับ ไม่ถูกแพร่งพรายออกไป จึงมีแต่เด็กคนนั้นเท่านั้นที่รู้ที่อยู่นาง” ทงอี บอกทั้งสอง
“ถ้างั้นเราต้องคุ้มครองเด็กที่ชื่อจองกึมคนนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเองก็คิดอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน ข้าส่งพงซังกุงไปแล้ว อีกเดี๋ยวคงพานางมาถึงตำหนักโบคยอง”
องค์ชายกึม พายังดัล มาหาต้นว่านน้ำ แต่ก็ยังหาไม่เจอ ยังดัล และหญิงรับใช้เลยทูลให้กลับไปพักดีกว่า แต่องค์ชายกึมไม่ฟัง ตรัสว่าพระมเหสียังประชวรหนักอยู่ จะมัวนั่งกินข้าวสบายใจอยู่ได้ยังไง จากนั้นก็กลับเข้าไปหาว่านน้ำต่อ
“ดูนั่นสิ มีจริงด้วย ที่นี่มีต้นว่านน้ำเต็มเลย คราวนี้ ได้ทำพวงมาลัยสำเร็จแน่ เอ๊ะ นี่อะไรน่ะ ยอฮึงตระกูลมิน”
“องค์ชาย แหะ ๆ มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ยังดัล เข้ามาถาม
“ยังดัล นี่อะไรเหรอ?”
“นี่ นี่มัน..” ยังดัลตกใจ เมื่อเห็นตุ๊กตาผ้าที่องค์ชายกึมพบ
“เป็นอะไรไปเหรอยังดัล”
“องค์ชาย”
เอจองนำเรื่องมีคนทำไสยศาสตร์ สาปแช่งพระมเหสี ไปทูลให้ทงอีทราบ
“นี่เพคะพระสนมองค์ชายยอนอิงไปเจอเข้า บริเวณแถวตำหนักพระมเหสี”
“ยอฮึงตระกูลมิน นี่มัน” ทงอี อ่านชื่อ และนามสกุลของพระมเหสี
“มีคนที่ทำไสยศาสตร์ สาปแช่งพระมเหสีเพคะ”
“รีบไปตามจองซังกุงกับนัมซังกุงมาเดี๋ยวนี้ ไปเร็ว” ทงอี สั่ง
“เพคะพระสนม”
“ทำไมนะ.”
“เสด็จแม่ มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ตุ๊กตาผ้านี่ มันเป็นของน่ากลัวมากเหรอ?”
“องค์ชาย เฮ้อ ๆ ทำไมนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”
เมื่อจองซังกุงรับทราบเรื่องจากทงอี ก็สั่งเหล่าซังกุงให้ตามสืบว่า การทำไสยศาสตร์สาปแช่งพระมเหสีในวังหลวงเป็นฝีมือของใคร
“ยูซังกุงพาชิบิอึนกึมไปตรวจสอบว่าช่วงที่ผ่านมามีใครแอบเข้าวังมามั้ย ตอนนี้คนร้ายยังไม่รู้ว่าหลักฐานถูกค้นพบ ขอให้ลงมืออย่างรอบคอบ อย่าให้คนร้ายไหวตัว” จองอิม สั่ง
“เข้าใจแล้ว พวกเจ้าตามข้ามา”
“ค่ะท่านซังกุง”
“ต้องเป็นฝีมือของตำหนักชีซอนแน่” จองซังกุล กล่าว
“ท่านซังกุง”
จองซังกุง เข้ามารายงานทงอีว่า ซังกุงพาพวกเด็กไปสืบว่าช่วงที่ผ่านมามีใครแอบเข้าวังหลวงมาบ้าง
“ดูจากรอยไหม้ของตุ๊กตาผ้า กับเศษดินที่ติดอยู่กับป้ายยังเปียกชื้น น่าจะเพิ่งทำไปได้ไม่นาน จะต้องเป็นภายในวันสองวันนี้แน่ ต้องตรวจสอบว่าใครที่เข้าวังมาเมื่อวานหรือเมื่อวานซืน”
“เพคะพระสนม”
“พระสนม ๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”
“เกิดอะไรขึ้นพงซังกุง”
“นางในของพระมเหสีจองกึม จู่ ๆ ก็หายตัวไปเพคะ”
“อะไรนะ?”
ทงอีรีบมาหาอันซังกุง สอบถามเรื่องจองกึมหายไปได้ยังไง
“เด็ก ๆ บอกว่า เมื่อครึ่งชั่วยามมีทหาร รีบร้อนมาพาจองกึมไปสำนักหมอหลวงเพคะ แต่ว่า พอไปถึงที่นั่น หม่อมฉันก็ไม่เจอจองกึมเพคะ ต้องเป็นฝีมือของตำหนักชีซอนแน่”
ใต้เท้าซอสั่งทหารให้รีบตามจับตัวคนร้ายแต่คนร้ายเป็นคนของสำนักหมอหลวงอ้างกับทหารยามว่า นำยามาผิดต้องไปเปลี่ยนยาเพื่อมารักษาพระมเหสี จึงหนีออกจากวังไปได้ ชอนซู มาทูลให้ทงอีรู้ว่า คนร้ายหนีออกจากวังไปได้แล้ว ต้องเป็นฝีมือของพวกนั้น และต้องรู้ว่าหมอหลวงหญิงคนนั้นถูกซ่อนอยู่ไหน ทงอีเรียกอินกุ๊กเข้าเฝ้า สอบถามเรื่องหมอหลวงหญิงคนนั้นถูกนำไปซ่อนอยู่ที่ไหน แต่อินกุ๊กก็ไม่รู้ ทูลว่าพระมเหสีทรงเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสูงสุด และไม่เคยบอกให้ตนรู้
ฮีเจมาสอบถามจองกึม ว่าหมอหลวงหญิงอยู่ไหน แต่จองกึมบอกว่าตนเองไม่รู้อะไร
“ยัยเด็กคนนี้นี่ อยากถูกฟันจนเละถึงจะยอมเปิดปากรึ รีบบอกข้ามาเร็ว เท่าที่ข้าไปสืบมา เจ้ายังมีน้องสาวกับพ่อที่ป่วยอยู่ ถ้าเจ้ายังไม่ยอมบอกละก็ พวกมันก็จะต้องตายไปพร้อมกับเจ้า รู้อย่างนี้แล้ว เจ้ายังจะปากแข็งอยู่อีกมั้ย?”
ใต้เท้าซอ สั่งให้ทหารในวังออกตามหานางในที่ชื่อจองกึมให้เจอ ส่วนทงอีก็ได้ไปที่ตำหนักพระมเหสี เข้าไปดูที่ห้องของจองกึม
“ไม่มีอะไรเลยเพคะ ไม่พบอะไรที่น่าจะบอกที่ซ่อนของหมอหลวงหญิงคนนั้นเลย” พงซังกุง ทูล
“หม่อมฉันก็ไม่พบอะไรเลยเหมือนกัน” เอจอง ทูล
“พระมเหสี”
ทงอีกลับมาที่พระตำหนักของพระมเหสีอินฮอน กล่าวกับพระมเหสีว่าสิ่งที่พระมเหสีพยายามปกป้องไว้ด้วยชีวิต ตอนนี้กำลังสูญเสียไปแล้ว ตนไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ระหว่างนั้นพระมเหสีก็ได้สติ ฟื้นขึ้นมาเรียกทงอี นางจึงรีบเรียกให้หมอหลวงเข้ามาดูอาการ
ฮีเจ รู้ที่อยู่ของหมอหลวงหญิง ว่าถูกซ่อนตัวอยู่ที่ถ้ำทงฮัก บ้านเชิงเขาทาลัก ก็รีบเดินทางไป ด้านวูนเทคเมื่อรู้จากพระมเหสีที่ฟื้นแล้วว่าหมอหลวงหญิงถูกซ่อนตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน ก็รีบไปบอกใต้เท้าซอและชอนซูให้รีบเดินทางไปที่นั่น พวกของฮีเจมาถึงก่อน แต่ก็พบว่าทหารที่คุ้มครองถูกฆ่าตาย และหมอหลวงหญิงก็หายตัวไป
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ จะเป็นไปได้ยังไง” ฮีเจ ตะลึง
“ใต้เท้า พวกทหารมากันแล้ว ทหารองครักษ์มากันเต็มเลย”
“หะ ต้องตามหานางให้เจอ รีบไปตามหานางให้เจอเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า ๆ”
“ใต้เท้ารีบไปหลบก่อนดีกว่าขอรับ หนีเร็วเข้า”
“ย้าก...ฮึ่ย”
ชอนซูมาถึง ไม่พบหมอหลวงหญิง ก็รีบสั่งให้ทหารออกค้นให้ทั่ว อย่างน้อยต้องมีหลักฐานทิ้งเอาไว้ ด้านฮีเจรีบกลับมารายงานพระสนมฮีบิน
“หะ ท่านว่าอะไรนะพี่ชาย หมอหลวงหญิงหนีไปได้เหรอ พระมเหสี พระมเหสีฟื้นขึ้นมาแล้ว พระมเหสีเอาตัวหมอหลวงนั่นไป..”
“ไม่น่าจะใช่พ่ะย่ะค่ะ ไม่น่าจะเป็นพวกเค้าแน่ เพราะชาชอนซูที่สนมซุกอึยส่งมา ยังมาช้ากว่าพวกข้าไปก้าวนึง”
“ถ้าอย่างนั้นมันเป็นใครกัน ใครเป็นคนเอาตัวหมอหลวงหญิงคนนั้นไปกันแน่”
มิน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชิงตัวหมอหลวงในครั้งนี้เค้าสั่งให้ลูกน้องนำตัวนางไปขังที่โกดังอย่าให้ใครมาพบเข้าเด็ดขาด
“รัชทายาท ไม่สามารถจะให้กำเนิดทายาทได้ เรื่องสำคัญอย่างนี้พวกมันกลับปิดบังข้า พวกมันกล้าปิดบังข้า ที่คอยปกป้องพระสนมฮีบินกับรัชทายาท” มูยอล กล่าว
“ใต้เท้า ตอนนี้ท่านคิดจะทำยังไงต่อขอรับ” มิน ถาม
พระมเหสีฟื้นขึ้นมาแต่ก็ยังมีอาการแน่นพระอุระ ทงอีจึงสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมา
“เจ้าช่วยกุมมือข้าไว้ได้รึเปล่าหา?” พระมเหสีอินฮอน ตรัส
“พระมเหสี”
“รับปากข้า ซุกอึย รับปากข้าได้มั้ย เจ้ากับองค์ชายยอนอิง ต้อง...ต้องมีชีวิตต่อไป เจ้าต้องรักษาสัญญา ในข้อนี้กับข้า”
“พระมเหสี”
“ข้าต้องการ ต้องการฟัง...จากปากเจ้า”
“เพคะพระมเหสี หม่อมฉันจะทำให้ได้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น หม่อมฉันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพระมเหสีให้ได้”
“ขอบใจมากนะ ขอบใจมากซุกอึย”
“พระมเหสี”
“อย่าลืมนะซุกอึย ว่าข้า ข้าโชคดีมาก...ที่ได้รู้จักกับเจ้า และข้าดีใจ ที่มีเจ้า...เป็นคนรู้ใจ รู้สึกมีความสุขมากเลย”
“พระมเหสี พระมเหสี ทำไมถึงตรัสอย่างนี้เพคะ พระมเหสี ฝ่าบาท หม่อมฉันจะไปตามหมอหลวงเพคะ ต้องรีบไปตามหมอหลวงมา”
“พระมเหสี” พระเจ้าซุกจง เสด็จเข้ามา
“ฝ่าบาท”
“พระมเหสี พระมเหสี พระมเหสี”
“โปรดอภัย ให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ในวันนี้ หม่อมฉัน ต้องจากฝ่าบาทไปก่อน ขอได้โปรด”
“พระมเหสี อย่าพูดอย่างนั้นสิพระมเหสี จากไปอะไร ไม่ได้เด็ดขาด ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ข้าไม่มีวันยอมปล่อยให้เจ้าไป”
“ฝ่าบาท”
“ขอร้องล่ะ ให้โอกาสข้าอีกครั้งได้รึเปล่า ข้ายังไม่เคย ได้ทำอะไรเพื่อเจ้าเลย จะให้เจ้าจากไปอย่างนี้ไม่ได้ ข้าขอร้องล่ะ”
“ไม่เลยเพคะ ฝ่าบาทได้ทรงประทานพระเมตตา ที่หม่อมฉันไม่คู่ควรมาเสมอ หม่อมฉันเป็นพระมเหสี แต่กลับไม่เคยทำอะไรเลย แต่ฝ่าบาทยัง โอบอุ้มหม่อมฉันอย่างอ่อนโยนเสมอ หม่อมฉัน ไม่รู้จะขอบพระทัยยังไงดี ขอให้ฝ่าบาท ทรง...เข้าพระทัย จิตใจของหม่อมฉันด้วย”
“พระมเหสี ข้าขอโทษนะ ข้าขอโทษ”
“มีเรื่องนึงเพคะ หม่อมฉัน อยากจะขอร้องฝ่าบาท เป็นครั้งสุด...สุดท้ายเพคะ”
“เรื่องอะไร พระมเหสี”
“องค์ชายยอนอิง ๆ โปรดคุ้มครองเค้าด้วยกับซุกอึย ขอให้ทรงคุ้มครอง”
“พระมเหสี”
“ซุกอึย”
“พระมเหสี ๆ เข้มแข้งไว้นะพระมเหสี” พระเจ้าซุกจงตรัส แล้วพระมเหสีก็สิ้นพระชนม์ต่อหน้าพระเจ้าซุกจง
กูซอน พาองค์ชายกึมขึ้นไปเรียนบนเขา เมื่อกลับมาถึงวังหลวงองค์ชายกึมก็ถามทงอีว่าพระมเหสีสิ้นพระชนม์แล้วเหรอ
“ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะกึม พระมเหสี แค่หลับสนิทไป..เพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง พระมเหสีไม่ได้สิ้นพระชนม์”
“ถ้างั้น พอทรงบรรทมอิ่มแล้ว จะตื่นมาใช่มั้ยพ่ะย่ะค่ะ เพราะลูกรับปากไว้ว่า กลับมาแล้วจะมาทูลเล่าเรื่องที่ได้ไปเรียนมาวันนี้ให้ฟัง ลูกรับปากไว้ว่าจะทำแบบนี้ทุกวัน เสด็จแม่”
“จ้ะลูก เดี๋ยวก็ทรงฟื้นขึ้นมา พระมเหสี ต้องรักษาสัญญาที่ให้กับกึมนะเพคะ ไม่ว่ายังไง ก็ต้องทรงฟื้นขึ้นมา”
“เสด็จแม่”
พระสนมฮีบินให้จางฮีเจเข้าเฝ้า
“พี่ชายคะ พี่ชายคะ ตอนนี้สวรรค์เข้าข้างเราแล้ว สวรรค์เปิดทางให้กับพวกเราแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้เรา ต้องตามหาหมอหลวงหญิงคนนั้นให้เจอ แล้วจับตัวนางมาให้ได้”
“พระสนม แต่ต่อให้เราทำสำเร็จ แต่ถ้าพระมเหสีฟื้นขึ้นมา”
“ไม่มีทาง จะไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาดพี่ อาการพระมเหสี มันทรุดหนักจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ดังนั้นนี่เป็นเวลาสุดท้าย นางไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีกแน่”
จางฮีเจ เดินทางมาหาหมอผี ซึ่งหมอผีได้บอกฮีเจว่าพระมเหสีได้ชะตาขาดสะบั้นลงเสียแล้ว
“แปลว่า ต่อให้พวกข้าไม่ทำอะไร นางก็ต้องตายงั้นรึ”
“ใช่ ท่านจะพูดอย่างนั้นก็ได้ เพียงแต่ว่า พระมเหสีคงจะไม่ตายไปอย่างสูญเปล่า”
“อะไรนะ?”
“ข้ามองเห็นว่า พระมเหสีจะพยายามดิ้นรนเพื่อตื่นขึ้นมา และถ้าหากพระมเหสีลืมตาขึ้นมาได้อีกครั้งนึง ถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้”
“เรื่องทุกอย่างสอดคล้องกันอย่างประหลาด และทุกอย่างเป็นไปตามที่..หมอผีคนนั้นบอกมา แต่เรื่องนี้เราจะกราบทูลพระสนมยังไงดี”
พระสนมฮีบิน เสด็จมาเยี่ยมพระมเหสี ทำให้ได้เจอกับทงอีหน้าตำหนัก
“ได้ยินว่าพระมเหสีประชวรหนัก ข้าก็เลยจะมาเยี่ยมน่ะ”
“อันซังกุงท่านหลีกไปก่อน” ทงอี สั่ง
“แต่ว่าพระสนม”
“เร็วสิ”
“สมกับเป็นเจ้าเป็นนาย ดีที่พระสนมพอจะรู้มารยาทอยู่บ้าง” พระสนมฮีบิน ตรัส
“อันซังกุง ข้ามีเรื่องอยากจะถามหน่อย”
“เพคะพระสนม”
“เจ้าคงจะเดาออก ว่าข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ทำไม”
“พระสนมซุกอึย” อันซังกุง กล่าวทูล
“บอกข้ามาเถอะ เมื่อคืนนี้พระมเหสีเสด็จไปตรัสอะไรกับพระสนมฮีบินกันแน่ แล้วเมื่อคืนนี้ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น พระมเหสีเคยตรัสว่า องค์รัชทายาทมีอาการประชวรที่ถูกปิดเอาไว้ สาเหตุนี้อาจทำให้องค์รัชทายาทอาจไม่ได้ขึ้นครองราชย์ หรือว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย”
“พระสนม”
“ขอร้องล่ะ ข้าขอร้องล่ะอันซังกุง ข้าจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้ เจ้าเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ”
รัชทายาทลียูน เห็นองค์ชายกึมกำลังนั่งขุดอะไรอยู่ก็เข้าไปสอบถาม เมื่อรู้ว่าองค์ชายกึมกำลังขุดต้นว่านน้ำที่มีสรรพคุณช่วยไล่โรคภัย เพื่อนำไปถวายพระมเหสีที่กำลังประชวรหนัก ก็ขอเข้าไปช่วยทำด้วย
อันซังกุงทูลทงอีว่าองค์รัชทายาทอาจจะให้กำเนิดทายาทไม่ได้
“เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่หม่อมฉันกราบทูลไปเพคะ นี่คือเรื่องที่พระสนมฮีบินพยายามปิดบังมาตลอด พระมเหสีกำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่เพคะ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ พระมเหสีจึงไม่ยอมตรัสบอกใครเลยแม้แต่พระสนม เพราะทรงกลัวว่า จะทำให้พระองค์มีอันตรายไปด้วย”
“พระมเหสี”
“เมื่อคืนเพราะพระมเหสี ทรงเห็นแก่องค์รัชทายาท จึงเสด็จไปเพื่อให้โอกาสพระสนมฮีบินเป็นครั้งสุดท้าย เพราะอยากให้พระสนมฮีบินพูดความจริงทุกอย่างด้วยพระองค์เอง แต่แล้ว.. กลับมาเกิดเรื่องอย่างนี้”
ยูนบอกให้ฮีเจ รีบลงมือก่อนที่พระมเหสีจะฟื้นขึ้นมา แต่ฮีเจคิดว่าเสี่ยงเกินไปหากใครมารู้เรื่องนี้ ด้านชอนซู ได้ไปสืบความเคลื่อนไหวของคนในตำหนักชีซอนและหมอ จนเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยก็มาทูลให้ทงอีทราบ
“พระมเหสีถึงได้ตรัสอย่างนั้นกับข้าตั้งแต่แรก ไม่แน่ว่าองค์ชายยอนอิง อาจต้องรับตำแหน่งรัชทายาทแทน”
“พระสนม ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พระมเหสีทรุดหนักกะทันหัน เป็นสาเหตุนี้รึเปล่า เวลาที่พวกเค้าเข้าตาจน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นนี่นา”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ จะทำกับพระมเหสีได้รึ?”
พระเจ้าซุกจงรู้สึกผิดที่ไม่เคยดูแลพระมเหสีอย่างดี ตั้งแต่นางเข้าวังมาไม่เคยลองมอบใจจริงให้กับนางเลยสักครั้ง อันซังกุง ทูลว่า ความจริงพระมเหสี ไม่เคยจะกล่าวโทษฝ่าบาทเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทรงคิดว่าการที่ไม่อาจมีทายาทให้แก่ราชวงศ์ เป็นความผิดของพระนาง พระมเหสีเอาแต่โทษองค์เองว่าทรงผิดต่อราชวงศ์
ชอนซู มาขอให้ใต้เท้าซอเพิ่มกำลังคุ้มกันตำหนักพระมเหสี และตำหนักชีซอน ตามที่ทงอีขอ ใต้เท้าซอรับปากว่าจะจัดการให้ ด้านยูนพาหมอผีเข้ามาในวังหลวงพบกับฮีเจ หมอผีบอกฮีเจให้พาเข้าไปใกล้ตำหนักพระมเหสีให้ได้มากที่สุด ส่วนมินที่เห็นนายหญิงยูนเข้าวังมา ก็นำเรื่องนี้ไปรายงานมูยอล แต่นางไม่ได้มุ่งไปที่ตำหนักชีซอน
ทงอีสอบถามพงซังกุงเรื่องข่าวจากตำหนักพระมเหสี แต่พอรู้ว่าพระมเหสียังไม่ฟื้นหลังผ่านไปสองวัน ก็รีบเดินทางไปที่ตำหนักพระมเหสีในขณะที่ฮีเจและหมอผีกำลังทำพิธีบริเวณใกล้พระตำหนัก เมื่อทงอีจะเดินทางกลับก็เห็นเป็นแสงไฟบริเวณนั้น แต่พงซังกุงมองไม่เห็น ทูลว่าพระสนมคงเฝ้าพระมเหสีจนเหนื่อยเกินไป ควรรีบเสด็จกลับไปบรรทมก่อน
ทงอี รับสั่งให้ใต้เท้าซอ และวูนเทค เข้าเฝ้า แล้วเล่าเรื่ององค์รัชทายาทไม่สามารถมีบุตรได้ให้ทั้งสองฟัง
“องค์รัชทายาท มีปัญหาแบบนี้ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?” วูนเทค ทูล
“พระสนมฮีบินถึงได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อปิดบังเรื่องนี้ พระสนม ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ พวกเค้าคงไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไปแน่”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ บางทีพระมเหสีทรุดหนักกะทันหัน อาจเป็นเพราะ”..
“เรื่องนี้เราจะสรุปในตอนนี้คงไม่ได้ ที่สำคัญคือตอนนี้ต้องระวังกันให้มาก ก่อนอื่นต้องพยายามทำให้พระมเหสีทรงหายประชวรโดยเร็วที่สุด อีกอย่างนึง พระมเหสีทุ่มเทไปมากกว่าจะได้หลักฐาน เราจะต้องรักษาไว้ให้ดี ข้าเชื่อว่าพวกเค้ากำลังพยายามจ้องชิงตัวไปแน่”
“ตอนนี้หมอหลวงหญิงคนนั้นอยู่ไหนพ่ะย่ะค่ะ”
“มีนางในที่ชื่อจองกึมคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ พระมเหสีต้องการให้แน่ใจว่าจะเป็นความลับ ไม่ถูกแพร่งพรายออกไป จึงมีแต่เด็กคนนั้นเท่านั้นที่รู้ที่อยู่นาง” ทงอี บอกทั้งสอง
“ถ้างั้นเราต้องคุ้มครองเด็กที่ชื่อจองกึมคนนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเองก็คิดอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน ข้าส่งพงซังกุงไปแล้ว อีกเดี๋ยวคงพานางมาถึงตำหนักโบคยอง”
องค์ชายกึม พายังดัล มาหาต้นว่านน้ำ แต่ก็ยังหาไม่เจอ ยังดัล และหญิงรับใช้เลยทูลให้กลับไปพักดีกว่า แต่องค์ชายกึมไม่ฟัง ตรัสว่าพระมเหสียังประชวรหนักอยู่ จะมัวนั่งกินข้าวสบายใจอยู่ได้ยังไง จากนั้นก็กลับเข้าไปหาว่านน้ำต่อ
“ดูนั่นสิ มีจริงด้วย ที่นี่มีต้นว่านน้ำเต็มเลย คราวนี้ ได้ทำพวงมาลัยสำเร็จแน่ เอ๊ะ นี่อะไรน่ะ ยอฮึงตระกูลมิน”
“องค์ชาย แหะ ๆ มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ยังดัล เข้ามาถาม
“ยังดัล นี่อะไรเหรอ?”
“นี่ นี่มัน..” ยังดัลตกใจ เมื่อเห็นตุ๊กตาผ้าที่องค์ชายกึมพบ
“เป็นอะไรไปเหรอยังดัล”
“องค์ชาย”
เอจองนำเรื่องมีคนทำไสยศาสตร์ สาปแช่งพระมเหสี ไปทูลให้ทงอีทราบ
“นี่เพคะพระสนมองค์ชายยอนอิงไปเจอเข้า บริเวณแถวตำหนักพระมเหสี”
“ยอฮึงตระกูลมิน นี่มัน” ทงอี อ่านชื่อ และนามสกุลของพระมเหสี
“มีคนที่ทำไสยศาสตร์ สาปแช่งพระมเหสีเพคะ”
“รีบไปตามจองซังกุงกับนัมซังกุงมาเดี๋ยวนี้ ไปเร็ว” ทงอี สั่ง
“เพคะพระสนม”
“ทำไมนะ.”
“เสด็จแม่ มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ตุ๊กตาผ้านี่ มันเป็นของน่ากลัวมากเหรอ?”
“องค์ชาย เฮ้อ ๆ ทำไมนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”
เมื่อจองซังกุงรับทราบเรื่องจากทงอี ก็สั่งเหล่าซังกุงให้ตามสืบว่า การทำไสยศาสตร์สาปแช่งพระมเหสีในวังหลวงเป็นฝีมือของใคร
“ยูซังกุงพาชิบิอึนกึมไปตรวจสอบว่าช่วงที่ผ่านมามีใครแอบเข้าวังมามั้ย ตอนนี้คนร้ายยังไม่รู้ว่าหลักฐานถูกค้นพบ ขอให้ลงมืออย่างรอบคอบ อย่าให้คนร้ายไหวตัว” จองอิม สั่ง
“เข้าใจแล้ว พวกเจ้าตามข้ามา”
“ค่ะท่านซังกุง”
“ต้องเป็นฝีมือของตำหนักชีซอนแน่” จองซังกุล กล่าว
“ท่านซังกุง”
จองซังกุง เข้ามารายงานทงอีว่า ซังกุงพาพวกเด็กไปสืบว่าช่วงที่ผ่านมามีใครแอบเข้าวังหลวงมาบ้าง
“ดูจากรอยไหม้ของตุ๊กตาผ้า กับเศษดินที่ติดอยู่กับป้ายยังเปียกชื้น น่าจะเพิ่งทำไปได้ไม่นาน จะต้องเป็นภายในวันสองวันนี้แน่ ต้องตรวจสอบว่าใครที่เข้าวังมาเมื่อวานหรือเมื่อวานซืน”
“เพคะพระสนม”
“พระสนม ๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”
“เกิดอะไรขึ้นพงซังกุง”
“นางในของพระมเหสีจองกึม จู่ ๆ ก็หายตัวไปเพคะ”
“อะไรนะ?”
ทงอีรีบมาหาอันซังกุง สอบถามเรื่องจองกึมหายไปได้ยังไง
“เด็ก ๆ บอกว่า เมื่อครึ่งชั่วยามมีทหาร รีบร้อนมาพาจองกึมไปสำนักหมอหลวงเพคะ แต่ว่า พอไปถึงที่นั่น หม่อมฉันก็ไม่เจอจองกึมเพคะ ต้องเป็นฝีมือของตำหนักชีซอนแน่”
ใต้เท้าซอสั่งทหารให้รีบตามจับตัวคนร้ายแต่คนร้ายเป็นคนของสำนักหมอหลวงอ้างกับทหารยามว่า นำยามาผิดต้องไปเปลี่ยนยาเพื่อมารักษาพระมเหสี จึงหนีออกจากวังไปได้ ชอนซู มาทูลให้ทงอีรู้ว่า คนร้ายหนีออกจากวังไปได้แล้ว ต้องเป็นฝีมือของพวกนั้น และต้องรู้ว่าหมอหลวงหญิงคนนั้นถูกซ่อนอยู่ไหน ทงอีเรียกอินกุ๊กเข้าเฝ้า สอบถามเรื่องหมอหลวงหญิงคนนั้นถูกนำไปซ่อนอยู่ที่ไหน แต่อินกุ๊กก็ไม่รู้ ทูลว่าพระมเหสีทรงเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับสูงสุด และไม่เคยบอกให้ตนรู้
ฮีเจมาสอบถามจองกึม ว่าหมอหลวงหญิงอยู่ไหน แต่จองกึมบอกว่าตนเองไม่รู้อะไร
“ยัยเด็กคนนี้นี่ อยากถูกฟันจนเละถึงจะยอมเปิดปากรึ รีบบอกข้ามาเร็ว เท่าที่ข้าไปสืบมา เจ้ายังมีน้องสาวกับพ่อที่ป่วยอยู่ ถ้าเจ้ายังไม่ยอมบอกละก็ พวกมันก็จะต้องตายไปพร้อมกับเจ้า รู้อย่างนี้แล้ว เจ้ายังจะปากแข็งอยู่อีกมั้ย?”
ใต้เท้าซอ สั่งให้ทหารในวังออกตามหานางในที่ชื่อจองกึมให้เจอ ส่วนทงอีก็ได้ไปที่ตำหนักพระมเหสี เข้าไปดูที่ห้องของจองกึม
“ไม่มีอะไรเลยเพคะ ไม่พบอะไรที่น่าจะบอกที่ซ่อนของหมอหลวงหญิงคนนั้นเลย” พงซังกุง ทูล
“หม่อมฉันก็ไม่พบอะไรเลยเหมือนกัน” เอจอง ทูล
“พระมเหสี”
ทงอีกลับมาที่พระตำหนักของพระมเหสีอินฮอน กล่าวกับพระมเหสีว่าสิ่งที่พระมเหสีพยายามปกป้องไว้ด้วยชีวิต ตอนนี้กำลังสูญเสียไปแล้ว ตนไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ระหว่างนั้นพระมเหสีก็ได้สติ ฟื้นขึ้นมาเรียกทงอี นางจึงรีบเรียกให้หมอหลวงเข้ามาดูอาการ
ฮีเจ รู้ที่อยู่ของหมอหลวงหญิง ว่าถูกซ่อนตัวอยู่ที่ถ้ำทงฮัก บ้านเชิงเขาทาลัก ก็รีบเดินทางไป ด้านวูนเทคเมื่อรู้จากพระมเหสีที่ฟื้นแล้วว่าหมอหลวงหญิงถูกซ่อนตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน ก็รีบไปบอกใต้เท้าซอและชอนซูให้รีบเดินทางไปที่นั่น พวกของฮีเจมาถึงก่อน แต่ก็พบว่าทหารที่คุ้มครองถูกฆ่าตาย และหมอหลวงหญิงก็หายตัวไป
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ จะเป็นไปได้ยังไง” ฮีเจ ตะลึง
“ใต้เท้า พวกทหารมากันแล้ว ทหารองครักษ์มากันเต็มเลย”
“หะ ต้องตามหานางให้เจอ รีบไปตามหานางให้เจอเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า ๆ”
“ใต้เท้ารีบไปหลบก่อนดีกว่าขอรับ หนีเร็วเข้า”
“ย้าก...ฮึ่ย”
ชอนซูมาถึง ไม่พบหมอหลวงหญิง ก็รีบสั่งให้ทหารออกค้นให้ทั่ว อย่างน้อยต้องมีหลักฐานทิ้งเอาไว้ ด้านฮีเจรีบกลับมารายงานพระสนมฮีบิน
“หะ ท่านว่าอะไรนะพี่ชาย หมอหลวงหญิงหนีไปได้เหรอ พระมเหสี พระมเหสีฟื้นขึ้นมาแล้ว พระมเหสีเอาตัวหมอหลวงนั่นไป..”
“ไม่น่าจะใช่พ่ะย่ะค่ะ ไม่น่าจะเป็นพวกเค้าแน่ เพราะชาชอนซูที่สนมซุกอึยส่งมา ยังมาช้ากว่าพวกข้าไปก้าวนึง”
“ถ้าอย่างนั้นมันเป็นใครกัน ใครเป็นคนเอาตัวหมอหลวงหญิงคนนั้นไปกันแน่”
มิน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชิงตัวหมอหลวงในครั้งนี้เค้าสั่งให้ลูกน้องนำตัวนางไปขังที่โกดังอย่าให้ใครมาพบเข้าเด็ดขาด
“รัชทายาท ไม่สามารถจะให้กำเนิดทายาทได้ เรื่องสำคัญอย่างนี้พวกมันกลับปิดบังข้า พวกมันกล้าปิดบังข้า ที่คอยปกป้องพระสนมฮีบินกับรัชทายาท” มูยอล กล่าว
“ใต้เท้า ตอนนี้ท่านคิดจะทำยังไงต่อขอรับ” มิน ถาม
พระมเหสีฟื้นขึ้นมาแต่ก็ยังมีอาการแน่นพระอุระ ทงอีจึงสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมา
“เจ้าช่วยกุมมือข้าไว้ได้รึเปล่าหา?” พระมเหสีอินฮอน ตรัส
“พระมเหสี”
“รับปากข้า ซุกอึย รับปากข้าได้มั้ย เจ้ากับองค์ชายยอนอิง ต้อง...ต้องมีชีวิตต่อไป เจ้าต้องรักษาสัญญา ในข้อนี้กับข้า”
“พระมเหสี”
“ข้าต้องการ ต้องการฟัง...จากปากเจ้า”
“เพคะพระมเหสี หม่อมฉันจะทำให้ได้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น หม่อมฉันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพระมเหสีให้ได้”
“ขอบใจมากนะ ขอบใจมากซุกอึย”
“พระมเหสี”
“อย่าลืมนะซุกอึย ว่าข้า ข้าโชคดีมาก...ที่ได้รู้จักกับเจ้า และข้าดีใจ ที่มีเจ้า...เป็นคนรู้ใจ รู้สึกมีความสุขมากเลย”
“พระมเหสี พระมเหสี ทำไมถึงตรัสอย่างนี้เพคะ พระมเหสี ฝ่าบาท หม่อมฉันจะไปตามหมอหลวงเพคะ ต้องรีบไปตามหมอหลวงมา”
“พระมเหสี” พระเจ้าซุกจง เสด็จเข้ามา
“ฝ่าบาท”
“พระมเหสี พระมเหสี พระมเหสี”
“โปรดอภัย ให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ในวันนี้ หม่อมฉัน ต้องจากฝ่าบาทไปก่อน ขอได้โปรด”
“พระมเหสี อย่าพูดอย่างนั้นสิพระมเหสี จากไปอะไร ไม่ได้เด็ดขาด ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ข้าไม่มีวันยอมปล่อยให้เจ้าไป”
“ฝ่าบาท”
“ขอร้องล่ะ ให้โอกาสข้าอีกครั้งได้รึเปล่า ข้ายังไม่เคย ได้ทำอะไรเพื่อเจ้าเลย จะให้เจ้าจากไปอย่างนี้ไม่ได้ ข้าขอร้องล่ะ”
“ไม่เลยเพคะ ฝ่าบาทได้ทรงประทานพระเมตตา ที่หม่อมฉันไม่คู่ควรมาเสมอ หม่อมฉันเป็นพระมเหสี แต่กลับไม่เคยทำอะไรเลย แต่ฝ่าบาทยัง โอบอุ้มหม่อมฉันอย่างอ่อนโยนเสมอ หม่อมฉัน ไม่รู้จะขอบพระทัยยังไงดี ขอให้ฝ่าบาท ทรง...เข้าพระทัย จิตใจของหม่อมฉันด้วย”
“พระมเหสี ข้าขอโทษนะ ข้าขอโทษ”
“มีเรื่องนึงเพคะ หม่อมฉัน อยากจะขอร้องฝ่าบาท เป็นครั้งสุด...สุดท้ายเพคะ”
“เรื่องอะไร พระมเหสี”
“องค์ชายยอนอิง ๆ โปรดคุ้มครองเค้าด้วยกับซุกอึย ขอให้ทรงคุ้มครอง”
“พระมเหสี”
“ซุกอึย”
“พระมเหสี ๆ เข้มแข้งไว้นะพระมเหสี” พระเจ้าซุกจงตรัส แล้วพระมเหสีก็สิ้นพระชนม์ต่อหน้าพระเจ้าซุกจง
* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี
หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่ (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา