วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 10




จางซังกุงมาช่วยทงอีไว้ก่อนที่จะถูกลงทัณฑ์ทรมาน ขณะที่พระเจ้าซุกจงก็มีรับสั่งให้ซอโยงกีแอบสืบคดีนี้ไปด้วย ขณะที่จางซังกุงถูกให้ร้ายจนดูเหมือนจะไม่รอด โฮแทซุกจึงตัดสินใจที่จะให้ทงอีมาเป็นแพะรับบาปในคดีนี้แทน

เนื้อเรื่อง:


พระมเหสีอินฮอนรับทราบรายงานเรื่องที่อ๊กจองไปสารภาพแทนทงอี ทำให้นางแปลกใจมากว่าทำไมอ๊กจองถึงไปสารภาพผิดเสียเอง ด้านอ๊กจอง บอกแทซุกเรื่องที่จะไปสารภาพผิดกับฝ่ายตรวจการ สร้างความไม่พอใจให้กับแทซุกเป็นอย่างมาก

 “ข้าบอกแล้วไงว่าไปไม่ได้เด็ดขาด”

 “ข้ารู้ดีว่าใต้เท้ากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่  เพราะทำแบบนี้ ความเชื่อถือและชื่อเสียงของข้าจะป่นปี้หมด การถูกสอบสวนถือเป็นความอัปยศมากที่สุดอย่างนึงของคนที่อยู่ในวัง”

 “ในเมื่อรู้แล้วทำไมยังคิดจะไปมอบตัวอีก? ท่านทำเพื่ออะไรกันแน่”

 “เพื่อเด็กคนนั้นเจ้าค่ะ”

 “โฮะ จางซังกุง” แทซุกไม่พอใจมาก

 “สำหรับข้า สิ่งที่สำคัญกว่าความเชื่อถือและชื่อเสียง ก็คือคนของข้าค่ะใต้เท้า เด็กคนนี้เสียสละเพื่อข้า ถ้าข้าทอดทิ้งคนของตัวเองไปง่าย ๆ

 วันหน้ายังจะมีใครยอมมาติดตามข้าอีก ชื่อเสียงเสียไปก็กอบกู้กลับมาได้ แต่ความเชื่อใจเมื่อเสียไปแล้ว ก็ยากจะทวงคืนกลับมาได้เจ้าค่ะ” อ๊กจองกล่าว

 ทงอีนำเรื่องที่อ๊กจองออกมารับหน้าแทนนางมาเล่าให้ยังดัลและจูซิกฟัง


“โชคดีมากนะที่คราวนี้รอดมาได้ ยังดีที่จางซังกุงยอมออกหน้าด้วยตัวเอง ไม่งั้นไม่รู้จะเป็นยังไง” ยังดัลบอก

 “แต่พูดจริง ๆ นะ ต่อให้ข้าทาสต้องตายไปสักกี่คน  พวกซังกุงเค้าก็ไม่สนใจหรอก แต่นี่กลับออกมาสารภาพกับฝ่ายตรวจการเพื่อช่วยทงอี”  จูซิก แปลกใจมาก

 “เพราะอย่างนี้ไง ข้าถึงกังวลจะแย่อยู่แล้วเนี่ย คนอย่างจางซังกุงจะไปถูกฝ่ายตรวจการไต่สวนได้ยังไง” ทงอีกล่าวด้วยความกังวลใจ

 “แต่เจ้าก็ไม่ต้องห่วงหรอกทงอี จางซังกุงเป็นใคร นางเป็นซังกุงพิเศษที่ถวายตัวให้ฝ่าบาทไปแล้ว ต่อให้เป็นฝ่ายตรวจการก็ไม่กล้าทำอะไรกับจางซังกุงตามอำเภอใจ”

 “ใช่เลย ท่านหัวหน้าพูดถูกที่สุด ก็แค่เอายาเข้ามาในวัง จะอะไรนักหนา” ยังดัลเห็นด้วยกับความคิดของจูซิก

 “พวกท่าน พูดจริงเหรอคะ” ทงอีค่อยคลายกังวล

 อ๊กจองคิดว่าฝ่ายตรวจการคงไม่กล้าทำอะไรนาง เพราะนางเป็นซังกุงพิเศษ ขณะเดียวกันพระพันปีจ้องจะเล่นงานอ๊กจองอยู่แล้วจึงคิดจะหาเรื่องใส่ร้าย

 “เตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้วใช่มั้ย?” พระพันปีตรัส

 “พระองค์ไม่ต้องทรงกังวล ในครั้งนี้ จะต้องไม่ให้ผิดพลาดอีก ทรงสบายพระทัยได้เลย” อินกุ๊กทูล

 “จางซังกุงเดินไปสารภาพกับฝ่ายตรวจการเอง เชื่อว่าอีกไม่นานนางจะต้องเจ็บใจที่ทำแบบนี้แน่” พระพันปียิ้มร้าย


หมอหลวงถวายรายงานต่อพระเจ้าซุกจงเรื่องตัวยาพันฮาที่ผสมอยู่กับยาของพระมเหสี และเมื่อรวมกับกระดองตะพาบจะทำให้เกิดพิษขึ้น

 “แล้วเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ยังไงหา?” พระเจ้าซุกจงตรัสถาม

 “เรื่องนี้กระหม่อมเอง..ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เพราะแต่เดิม พันฮาก็เป็นสมุนไพรที่มีพิษ สำนักหมอหลวง จึงเลิกใช้ตัวยาตัวนี้มานานแล้ว แต่ว่า ยาตัวนั้นกลับไปผสมอยู่ในถ้วยยา..”

 “เป็นยาที่สำนักหมอหลวงเลิกใช้แล้ว ถ้างั้น ก็หมายความว่ามีคนลอบนำมาจากนอกวังงั้นสิ” พระเจ้าซุกจงคาดคะเน

 “พ่ะย่ะค่ะ ก็คาดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

 ในเวลานั้นขันทีเข้ามาทูลว่าใต้เท้ามาเข้าเฝ้า “ฝ่าบาททรงหมายความว่า มีคนจะปลงพระชนม์พระมเหสีเลยลอบนำยาเข้ามาในวังงั้นหรือ?”

 “หมอหลวงบอกว่านั่นเป็นยาที่เลิกใช้มานานหลายปีแล้ว ดังนั้นต้องมีคนจงใจนำเข้ามาแน่ ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป ราชสำนักจะตกสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง และเรื่องนี้ กลุ่มฝ่ายใต้กับตะวันตกจะต้องขัดแย้งกันอีก ก่อนที่จะถึงตอนนั้น ข้าต้องสืบให้รู้ความจริงให้ได้ ช่วยลอบสืบเรื่องนี้ให้ข้าที”

 “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพยายามสุดความสามารถ” ใต้เท้าซอรับด้วยเกล้า

 “กล้าวางแผนฆ่าพระมเหสี ข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอน” พระเจ้าซุกจงตรัสอย่างมีอารมณ์

 พระเจ้าซุกจงทราบเรื่องที่อ๊กจองถูกฝ่ายตรวจการเรียกไปสอบสวน ขณะที่อ๊กจองให้การไปทั้งหมดแล้ว  แต่ก็ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว


“คงต้องรบกวนท่านอยู่ต่ออีกสักหน่อยเจ้าค่ะ”

 “อะไรนะ?”

 “เพราะคนของข้าพบยาพิเศษตัวนึงในตัวยาที่ท่านนำเข้ามาในวังด้วย จึงต้องเรียนถามต่อว่า ยานั้นท่านใช้เพื่อประโยชน์ใด?”

 ฝ่ายตรวจการพบว่าตัวยาที่อ๊กจองสั่งลัก ลอบให้นำเข้ามาในวัง เป็นยาตัวเดียวกับที่ปนมาในยาของพระมเหสี ทำให้อ๊กจองถูกมองว่าเป็นคนที่คิดทำร้ายพระมเหสี

 “นี่คือยาที่ชื่อพันฮา เป็นตัวยาที่อยู่ในโอสถของพระมเหสีคู่กับกระดองตะพาบ จนเกิดเป็นพิษขึ้นมา และยาพันฮานี้ คือยาที่พบในยาที่ท่านลอบนำเข้ามาในวังหลวง ข้าจึงอยากจะให้ จางซังกุงช่วยอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยค่ะ”

 “หมายความว่า คิดว่าข้าเป็นคนใส่ยาในโอสถพระมเหสี เพื่อหมายปลงพระชนม์พระองค์งั้นรึ?”

 “ก่อนหน้านี้ท่านอาจไม่ทราบว่าสำนักหมอหลวงได้ยกเลิกการใช้ยาตัวนี้ไปนานแล้ว ท่านถึงได้เลือกนำยาตัวนี้เข้ามา จนมีหลักฐานให้ถูกจับได้ ไม่ใช่หรือ?”

 “ระวังคำพูดหน่อยยูซังกุง กล้าพูดเหลวไหลอย่างนี้ออกมาเชียวรึ?”

 “คนที่ต้องระวังควรเป็นท่านมากกว่าตอนนี้ท่านกำลังถูกสอบสวนในข้อหาการวางแผนลอบปลงพระชนม์พระมเหสี ยังไม่รู้ตัวอีกรึ?” ยูซังกุงเสียงเข้ม

นายหญิงยูนได้ข่าวเรื่องที่อ๊กจองถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาพิษที่ลอบใส่อาหารพระมเหสีก็ตกใจ เป็นห่วงลูกสาว ขณะที่พระเจ้าซุกจงก็ได้รับการรายงานเช่นกัน

 “เจ้าหมายความว่ายังไง? จางซังกุง วางแผนปลงพระชนม์พระมเหสี มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?”

 “พระอาญาไม่พ้นเกล้า ฝ่ายตรวจการได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบหลักฐานทำผิดด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 “อะไรนะ?”

 เป็นเวลาเดียวกับขันทีเข้ามากราบทูลว่า ข้าหลวงฮัน ซังกุงสูงสุดแห่งฝ่ายตรวจการมาขอเข้าเฝ้า

 พงซังกุงและจองซังกุงคุยกับเรื่องความผิดของอ๊กจอง ทงอีพอรู้ว่าอ๊กจองถูกป้ายสีว่ามีตัวยาพันฮาจึงพยายามจะบอก จองซังกุงจึงเรียกทงอีมา สอบถาม


“ข้าน้อยเป็นคนถือยาเข้ามาเอง ข้าน้อยรู้ดีว่า ในนั้นไม่ได้มีพันฮาอยู่เลยค่ะท่านซังกุง”

 “เจ้าเห็นกับตารึไงหา?”

 “ถึงจะไม่ได้เห็นกับตา แต่ข้าน้อยจำกลิ่นได้ค่ะ ท่านคงจะรู้ว่า พันฮาจะมีกลิ่นเฉพาะตัวของมันแต่ว่าวันนั้นข้าน้อยไม่ได้กลิ่นพันฮาในห่อยาเลยแม้แต่นิดเดียว ได้โปรดเชื่อข้าด้วยเถอะ ได้โปรดเชื่อข้าน้อยด้วย จางซังกุงไม่มีทางเอายานั่นเข้ามาในวังแน่”

 “แต่ว่าพวกข้า..ไปค้นพบยาตัวนั้นที่เรือนชีซอน”

 “คงจะมีคน..คิดใส่ร้ายจางซังกุงเลยเอายาไปซ่อนไว้ที่นั่นแน่” ทงอีคาดคะเน

 “แล้วเจ้ามีหลักฐานรึเปล่า หลักฐานที่เจ้าพูดถึง มีแค่กลิ่นที่เจ้าจำได้เท่านั้นรึ? ฝ่ายตรวจการเรา ยึดแต่หลักฐานที่จับต้องได้ ไม่ยอมรับในสิ่งที่ไม่มีหลักฐาน”

 “แต่เรื่องนี้..” ทงอีจนแต้ม

 “เจ้านี่มันโง่จริง ๆ ถ้าหากข้าเป็นเจ้า คงต้องคิดหาทางหนีแล้วล่ะ ไม่เข้าใจอีกเหรอ นี่เป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก ถ้าเรื่องนี้ถูกตัดสินโทษขึ้นมา ต่อให้แค่ทำตามคำสั่ง ก็ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกัน ดังนั้น เจ้าอย่ามายุ่งจะดีกว่า กลับไปทำตัวให้สงบเสงี่ยม แล้วบอกว่าเจ้าไม่รู้อะไร..เพื่อรักษาชีวิตของตัวเจ้าเอาไว้” จองซังกุงเตือน

 “เฮ้อ ได้โปรดช่วยด้วยเถอะค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใส่ร้ายแน่ ดังนั้นข้าจึงอยากให้ท่านหาวิธีช่วยหน่อย” ทงอีพยายามขอร้อง

 สองพ่อลูกแทพุงและโฮยอนรู้ข่าวเรื่องที่อ๊กจองถูกนำตัวไปสอบสวน ก็มาพูดเอาหน้ากับแทซุกพี่ชาย 

“สงสัยว่าคิดปลงพระชนม์ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง?” แทซุกกังวลใจ


“ตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว  มันทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัวกันไปหมด ครั้งนี้..อาจจะมีโทษถึงขั้นกบฏเลยก็ได้ ถ้าเราไม่ระวังออกหน้าไปปกป้องจางซังกุง เราอาจจะถูกดึงไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็ได้ ท่านลุง เวลาอย่างนี้ท่านยังจะพึ่งจางซังกุงอยู่อีกหรือ จางซังกุงอาจเป็นตัวกำหนดความอยู่รอดของเราก็ได้นะ ดูอย่างในเรื่องนี้สิ ทั้งหมดก็แค่เพื่อปกป้องสาวใช้ต่ำ ๆ เพียงคนเดียว แบบนี้มันไม่ตลกเกินไปรึ?” โฮยอนบอก

 “เรื่องนี้ไว้..ค่อยคุยกันใหม่อีกทีวันหลัง เรื่องของจางซังกุงน่ะ รอให้ผลสุดท้ายออกมาก่อนค่อยตัดสินใจก็ไม่สาย สถานการณ์เป็นไงบ้าง พอมีทางจะแก้ไขมั้ย?”

 “ถ้าอยากจะพิสูจน์ ก็ควรจะต้องไปนำตัวหมอจากร้านขายยาคนนั้นมาเป็นพยานเพื่ออธิบายเรื่อง แต่ว่าเค้ากลับถูกฆ่าตายไปแล้ว”

 “แล้วคนที่ฆ่า เกี่ยวข้องกับคนที่บงการรึเปล่าล่ะ?”

“ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะว่าทางกองปราบจับฆาตกรได้แล้ว แล้วสาเหตุของการฆ่ามาจากความแค้นส่วนตัว ท่านลุง”

 “ไม่นาน  ฝ่าบาทคงจะต้องตัดสินพระทัย ก่อนหน้านั้น เราจะต้องช่วยนางให้ได้”

 “แต่เราจะช่วยยังไงขอรับ?”

 “เราคงต้องหาแพะ ที่จะมารับบาป..แทนตัวจางซังกุงยังไงล่ะ ถ้าหมดทางจะช่วยจางซังกุงจริง ๆ ก็ต้องหาคนที่จะมาเป็นแพะรับบาปแทนนางจริงมั้ยล่ะ?”


ทงอีมาปรึกษายังดัลและจูซิกเรื่องที่จองซังกุงให้ทงอีรีบหนีไป เพราะยังไงทงอีก็หนีความผิดเรื่องที่เป็นคนเอายาเข้ามาในวังให้กับอ๊กจองไม่ได้ ทั้งยังดัลและจูซิกเห็นด้วยเพราะทงอีไม่มีหลักฐานที่จะไปช่วยอ๊กจองได้ ทงอีจึงคิดจะไปชันสูตรศพหมอคนที่จัดยาด้วยตัวเองเพื่อหาหลักฐาน ทั้งสองคนตกใจเป็นอย่างมาก โดยบอกว่าจะให้ใต้เท้าคนหนึ่งช่วยเหลือ

ทงอีคิดจะให้พระเจ้าซุกจงช่วยเหลือและคิดว่าพระเจ้าซุกจงคือผู้ช่วยผู้ตรวจการ แต่เมื่อไปขอพบทหารกลับไม่รู้จักเพราะทงอีไม่รู้จักชื่อใต้เท้าคนนั้น ทงอีคิดหาทางช่วยอ๊กจองโดยนึกถึงใต้เท้าซอ แต่กลัวว่าใต้เท้าซอจะจำได้ว่านางคือเด็กผู้หญิงที่เขาตามหา ทงอีจึงคิดจะไปชันสูตรศพหาหลักฐานเพียงลำพัง

พระเจ้าซุกจงมาเยี่ยมอ๊กจองที่สถานกักกัน แม้พระองค์จะไม่เชื่อว่าอ๊กจองจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ แต่ก็จำเป็นจะต้องส่งตัวไปให้ศาลไต่สวนในวันรุ่งขึ้น

“แค่คืนเดียวเจ้าดูซูบไปมากเลย”

“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงเป็นห่วงหม่อมฉันเลย หม่อมฉันสบายดีเพคะ”

“สีหน้าของเจ้าเป็นแบบนี้ ยังจะบอกข้าว่าสบายดีอยู่อีกเหรอ จะให้ข้าเชื่อเจ้าได้ยังไงกัน เจ้ายังคงเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่เหมือนเดิมนะ นั่นสิ ข้าเองยังไม่เคยเจอ เจ้าร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเลย ถ้ารู้อย่างนี้ ตอนนั้นข้าคงยอมไม่เรียกเจ้ากลับเข้าวังดีกว่า ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้”

“ฝ่าบาท อย่ากังวลพระทัย เพราะเรื่องของหม่อมฉันอีกเลยเพคะ” อ๊กจองกล่าว

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนทำ เจ้ารักศักดิ์ศรี ไม่มีวันยอมทำเรื่องต่ำช้าแบบนั้นแน่ เรื่องนี้ข้าย่อมรู้ดีกว่าใคร แต่ว่าข้าเป็นพระราชา ในฐานะผู้ชายข้าเชื่อเจ้า แต่ในฐานะของพระราชา ข้าจำต้องเชื่อพยานหลักฐาน พรุ่งนี้หลังจากฟ้าสาง คดีนี้จะถูกส่งไปที่ศาลไต่สวน เมื่อถึงที่นั่น ก็น่าจะสืบหาความจริงออกมาได้”

“หม่อมฉันคาดแต่แรกแล้วว่า ฝ่าบาทจะทรงทำแบบนั้น ก็เหมือนที่พระองค์ทรงตรัสไว้ เพราะว่าพระองค์เป็นพระราชา เป็นบุคคลที่หม่อมฉันชื่นชม พระองค์ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป แต่เป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน แต่ว่าหม่อมฉันรู้ดีว่า พระองค์เสด็จมา ไม่ได้มาในฐานะของพระราชา เพียงแค่นี้หม่อมฉันก็..พอใจมากแล้วเพคะ”

ด้านแทซุกและโฮยอนรู้ว่าอ๊กจองกำลังจะถูกส่งตัวไปที่ศาลจึงเร่งหาคนมาเป็นแพะรับบาปแทนอ๊กจอง โดยให้คนไปตามทงอีมาหวังให้ทงอีมารับผิดแทน

ชอนซูมาทำงานเป็นสัปเหร่อในวังหลวง แต่ทงอีไม่ทราบจึงลอบเข้าไปในห้องเก็บศพและแอบซ่อนตัว พร้อม ๆ กับพยายามค้นหาหลักฐาน



“ถ้ามือเค้าจับพันฮามา มันต้องทิ้งร่อยรอยอะไรบนมือแน่ สีไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แสดงว่าหมอไม่ได้หยิบจับถูกพันฮาจริง ๆ

ระหว่างที่ทงอีแอบออกมาจากห้องเก็บศพ บังเอิญใต้เท้าซอมาพบเข้าจึงถูกใต้เท้าซอนำตัวมาสอบถามว่าเข้าไปในห้องเก็บศพทำไม พอทงอีบอกว่ามาดูศพ ใต้เท้าซอก็แปลกใจ 

“เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงต้องทำแบบนี้ ยืนอึ้งทำไม ข้าถามว่าเจ้ามีเหตุผลอะไรกันแน่?”

“เฮ้อ ข้าน้อยแค่อยากมาหาหลักฐานจากศพ ก็เลยมา”

“อะไรนะ หาหลักฐานจากศพ?” ทงอีบอกความจริง แต่ผู้ช่วยใต้เท้าซอกลับไม่เชื่อ 

“ใต้เท้า ไม่ต้องเสียเวลาฟังนางแล้ว นางกล้าลัก ลอบเข้ามาในกองปราบ ควรจับไปขังคุก”

“ลองฟังนางอีกนิด ไหนเจ้าบอกมาสิ ว่าเจ้าต้องการจะหาหลักฐานอะไรจากศพหมอคนนี้? ไม่เป็นไรเจ้าบอกข้ามาได้เต็มที่ บอกความจริงว่าเจ้ารู้อะไรบ้าง?” ใต้เท้าซอเปิดโอกาสให้ทงอีได้พูด


“สิ่งนี้แหละเจ้าค่ะ แค่เอาน้ำส้มชนิดเข้มข้น ทาลงไปบนตัวศพก็พิสูจน์ได้ว่าหมอคนนี้ได้หยิบจับพันฮาก่อนจะถูกฆ่าตายมั้ย?”

“หะ?” ใต้เท้าซอทั้งตกใจและแปลกใจ

“เพราะพันฮา เป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรง ถ้าใช้มาทำยาจะต้องผ่านขั้นตอนการเจือจางพิษออกก่อนจึงจะนำมาทำเป็นยาได้ค่ะ”

“แล้วยังไง”

“ถ้าหมอคนนี้ เคยจัดยาสมุนไพรพันฮามาก่อน มือของเค้าจะต้องมีร่องรอยของการ เจือจางพิษ หมายความว่าบนมือเค้า จะต้องเหลือน้ำขิงสดที่ซึมเข้าไปในมือค่ะ น้ำส้มสายชูถ้าถูกขิงสดก็จะกลายเป็นสีชมพูอ่อน ถ้าหมอคนนี้ ได้ทำกรรมวิธีเจือจางพิษ พอทาน้ำส้มสายชูลงปลายนิ้ว นิ้วเค้าจะต้องเปลี่ยนเป็นสีชมพูค่ะ” ทงอีบอก

“แต่นี่ไม่เปลี่ยนสีใช่มั้ย?” ใต้เท้าซอถาม มองเห็นความเฉลียวฉลาดในตัวทงอี

“ค่ะ ข้าน้อยลองพิสูจน์หลายครั้ง ปลายนิ้วของศพไม่เปลี่ยนสีเลยค่ะ”

“แปลว่า วันนั้นหมอคนนี้ ไม่ได้แตะต้องสมุนไพรพันฮาเลยใช่รึเปล่า?”

“ค่ะ ใช่แล้วเจ้าค่ะใต้เท้า เพราะฉะนั้น ในห่อยาที่ข้าถือมาวันนั้นไม่มีพันฮาแม้แต่น้อย ต้องมีคนใส่ลงไปทีหลัง โดยมีเป้าประสงค์จะใส่ร้ายจางซังกุงแน่เลยเจ้าค่ะ” ทงอีสรุป ใต้เท้าซอพยักหน้ายิ้มน้อย ๆ เชื่อในคำพูดทงอี และคิดหาทางคลี่คลายคดีนี้

ใต้เท้าซอแปลกใจที่ทงอีมีความรู้เรื่องการสืบสวนสอบสวนเช่นนี้ และเดินทางจะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงที่พระตำหนัก จงคูให้ทงอีกลับไปรอฟังข่าวที่กองดนตรี ระหว่างเดินกลับทงอีก็เจอกับคนที่แทซุกส่งมาจับตัวทงอี แต่บังเอิญพระเจ้าซุกจงซึ่งปลอมพระองค์เป็นสามัญชนเดินผ่านมาเห็นเข้าก็ช่วยไว้


 

“ปล่อยตัวนางเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้ปล่อยไง”

“ใต้เท้าเองเหรอ?”

“ไม่ได้ยินรึ ข้าบอกให้ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ”


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา