วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 17



พระเจ้าซุกจงแต่งตั้งจางซังกุงเป็นสนมขั้นที่สี่ และเลื่อนเป็นพระสนมเอกหลังจากที่ได้คลอดพระโอรสออกมา ในขณะที่พระพันปีกำลังคัดค้านเรื่องการตั้งรัชทายาท จู่ๆอาการประชวรก็ทรุดหนัก พระมเหสีอินฮอนสงสัยในเรื่องนี้ จึงให้ฝ่ายตรวจการคอยสืบว่าพระโอสถมีปัญหาหรือไม่

เนื้อเรื่อง:

 พระเจ้าซุกจงแต่งตั้งอ๊กจองขึ้นเป็นพระสนมขั้นที่สี่ เมื่อพระพันปีทราบเรื่องก็ไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก


“เมื่อกี้เจ้าว่ายังไงนะ? แต่งตั้งจางซังกุงเป็นพระสนม?”

 “พ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่า คำสั่งแต่งตั้งจางซังกุงให้เป็นพระสนมขั้นสี่ไปถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระพันปี จากนี้ พอจางซังกุงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสนมอย่างเป็นทางการ กลุ่มฝ่ายใต้ที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ก็คงจะอวดเบ่งกันเต็มที่แน่ คราวนี้จะทำยังไงกันดีพ่ะย่ะค่ะ”

 “ใครบอกว่าจะยอมล่ะ ใครบอกว่าจะยอมให้นังเด็กนั่นเข้ามาอยู่ในราชวงศ์”

 “พระทัยเย็นก่อนเพคะเสด็จแม่” พระมเหสีอินฮอนปลอบ

 “ข้าไม่ยอมนังเด็กคนนั้นเด็ดขาด ให้นางมาอยู่ในวังไม่พอ อะไร พระสนมเหรอ เฮอะ ๆ เรื่องนี้มีหรือคนอย่างข้าจะยอมอยู่เฉยน่ะ”

 พระพันปีมาเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงแม้จะยังมีอาการประชวร


 “เสด็จแม่ มาได้ยังไง เชิญประทับก่อน ลูกกำลังคิดจะไปหาเสด็จแม่อยู่พอดี”

 “แม่จะพูดสั้น ๆ เลยนะฝ่าบาท ถอนราชโองการที่สำนักราชเลขาร่างซะ ก่อนหน้านี้แม่บอกหลายร้อยหลายพันครั้งแล้ว ว่าจะตั้งผู้หญิงคนนั้นเป็นพระสนมไม่ได้” พระพันปีเสียงเข้ม

 “แต่ว่า คำตอบของลูกก็เหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ และการที่ลูกแต่งตั้งจางซังกุงเป็นพระสนม ก็ไม่ใช่เพราะความรู้สึกส่วนตัวเพียงเท่านั้น ลูกทำไปเพื่อส่งผลทางด้านการปกครองด้วย ดังนั้นขอให้เสด็จแม่อย่าห้ามเลย”

 “อืม แปลว่าทรงคิดจะให้กลุ่มฝ่ายใต้มีบทบาทขึ้นใช่มั้ย แม่เข้าใจ ถ้างั้นก็แต่งตั้งผู้หญิงของกลุ่มฝ่ายใต้คนอื่นมา ไม่รู้จริงเหรอว่าทำไมแม่ถึงได้ต่อต้านขนาดนี้ จนป่านนี้พระมเหสีก็ยังไม่ตั้งครรภ์ แล้วถ้าแม่ผู้หญิงคนนั้น เกิดตั้งครรภ์ในเวลานี้จะทำยังไง แล้วถ้านางได้ลูกชายขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างนั้นฝ่าบาท..คงจะแต่งตั้งเป็นรัชทายาทใช่มั้ย แม่พูดถูกรึเปล่าล่ะ นี่คือสิ่งที่ถึงตายแม่ก็ไม่ยอม ถอนราชโองการซะ ถ้าซังกุงจะได้เป็นพระสนม จะต้องมีชนชั้นฐานะที่คู่ควรพอ ถึงเป็นพระราชาก็ไม่ควรฝ่าฝืนกฎของฝ่ายใน จางซังกุงเคยทำอะไรถึงได้รับแต่งตั้งเป็นพระสนม”

 “แล้วถ้าจางซังกุงมีฐานะที่เหมาะสมแล้วจะเป็นยังไงพ่ะย่ะค่ะ อย่างนั้น เสด็จแม่จะไม่คัดค้านเรื่องนี้อีกใช่มั้ย?” พระเจ้าซุกจงตรัสถาม

 “หมายความว่ายังไง ฐานะของเด็กคนนั้นน่ะ หมายความว่ายังไงฝ่าบาท”

 “จางซังกุง ตั้งครรภ์ลูกของลูกแล้ว เรื่องการมีทายาทที่เสด็จแม่ทรงเป็นห่วงที่สุดนั้น ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ ตอนนี้ลูกคงแต่งตั้งนางเป็นพระสนมโดยไม่มีข้อกังขาได้แล้วใช่มั้ย?”

 พระเจ้าซุกจงตรัส สร้างความตกพระทัยให้กับพระพันปีเป็นอย่างมาก

 อ๊กจองนำเรื่องที่นางตั้งครรภ์มาบอกมารดานายหญิงยูน นายหญิงยูนดีใจมากบอกให้ดูแลครรภ์ให้ดี อ๊กจองบอกว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น


 “ถ้าสิ่งที่ข้าต้องการ คือเป็นแค่พระสนม ข้าไม่มีทางยอมเข้าวังมาแต่แรกแล้ว”

 “ใช่ เรื่องนี้แม่รู้ดี ท่านซังกุง อ้อ พระสนมเป็นคนระดับไหน”

 “ดังนั้นท่านแม่ต้องจำเรื่องนี้ไว้ และต้อง เตรียมตัวเตรียมใจด้วย ข้ายอมสงบเสงี่ยมเฝ้ารอมาหลายปี แต่หนทางข้างหน้า จะไม่มีการลังเลใด ๆอีกแล้ว” อ๊กจองยิ้มร้าย

 “แน่นอนจ้ะ มันแน่นอนอยู่แล้ว”

 “ทุกคนคงจะได้ยินข่าวแล้วว่าจางซังกุงได้ ตั้งครรภ์กับพระราชา ทั้งยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระสนม” แทซุกบอก

 “พระราชายังได้ประกาศเอาไว้ว่าจะร่วมบริหารบ้านเมืองกับขุนนางฝ่ายใต้ แถมตอนนี้จางซังกุงยังมาตั้งครรภ์ ท่าทางยุครุ่งเรืองของกลุ่มฝ่ายใต้จะมาถึงแล้วนะพี่ใหญ่ หึ ๆๆ” แทพุงยิ้มกว้าง

“ยุคของฝ่ายใต้เหรอ คงเร็วไปหน่อยที่จะพูดคำนี้ เพราะในราชสำนักยังมีคนที่เราต้องเตะออกไปอีกเยอะ” แทซุกหันไปเรียกโฮยอน “แผนการที่เราวางกันเอาไว้ ตอนนี้คงได้เวลาปฏิบัติแล้ว เริ่มลงมือได้เลย”

 “หมาย หมายความว่ายังไงเหรอขอรับ..” แทพุงถามอย่างสงสัย

 “เจ้าน่ะ ไม่ต้องรู้หรอก พูดมาถึงตอนนี้แล้ว ถ้าจางฮีเจไปเป็นแค่นายกองของกองปราบ คงจะเสื่อมเสียพระเกียรติของพระสนม ดูสิว่ามีตำแหน่งอะไรเหมาะกับเค้าบ้างมั้ย?”

“แต่ว่าเจ้าจางฮีเจคนนี้น่ะ แม้แต่ตำแหน่งนายกองยังไม่ค่อยจะรอด ถ้าเสี่ยงเอาตำแหน่งสำคัญให้คนแบบนั้น อาจยิ่งทำให้พระสนมเสื่อมเสียมากกว่านะ”

“ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่รู้จักจางฮีเจคนนี้ดีพอ เค้าน่ะไม่ได้ธรรมดาอย่างนั้นหรอก” แทซุกพูดพร้อมกับคิดแผนในใจ


ทงอีกำลังอ่านหนังสืออยู่ พระเจ้าซุกจงเสด็จมาและยื่นหนังสือมาตรงหน้า ทำให้ทงอีตกใจยกหนังสือขึ้นจะฟาด พอเห็นเป็นพระเจ้าซุกจงก็ตาค้าง “ฝ่า ฝ่าบาท มาได้ยังไงเพคะ?”

 “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เจ้าเอาหนังสือลงก่อนจะได้มั้ย ข้ากลัวเจ้าเผลอฟาดน่ะ เอาล่ะ นั่งก่อน ๆ ๆ ๆ พอดีข้าอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วคิดว่าต้องเอามาให้เจ้าก็เลยมานี่แหละ อ้ะ ลองอ่านดู เป็นยังไง เจ้าชอบหรือเปล่า?”

 “เพคะ” ทงอีตอบน้อยคำ ไม่เหมือนเมื่อก่อน

 “ทำไม แค่นี้เองเหรอ ข้าคิดว่าเจ้าเห็นแล้วจะดีใจมาก แต่ทำไมเจ้าถึงทำท่าเหมือนไม่ได้ชอบเลย?”

 “ไม่ใช่ ไม่ใช่นะเพคะ”

 “แล้วทำไมเจ้าถึงทำท่าเฉยนักล่ะ ข้านึกว่าเจ้าเห็นแล้วจะตาโต ดีใจจนกระโดดซะอีก”

 “ชอบสิเพคะ แต่รู้สึกตกใจนิดหน่อย ที่นี่ยังเป็นห้องหนังสือของพวกนางในด้วยบางทีอาจจะมีใครเดินเข้ามา”

 “ไม่ต้องห่วงน่าใครเข้ามาก็มา ข้ากำลังจะไปแล้ว แต่ว่า เจ้าตกใจมากใช่มั้ย?”

 “เพคะ หม่อมฉันตกใจมาก ๆ เลย ดูเหมือนฝ่าบาทจะมีความสุขในเวลาที่เห็นคนอื่นตกใจนะ ก็อย่างในงานเลี้ยงของพระสนม ฝ่าบาทก็ทำอย่างนี้”

 “ตอน ตอนนั้น”

 “ไม่ใช่แค่พระสนมนะคะ ตอนนั้น แม้แต่หม่อมฉันและคนอื่น ที่อยู่ในนั้นก็ยังตกใจหมดเลย”

 “เอ่อ คือว่า ตอนนั้นเพราะว่า จะพูดยังไงดี วันนั้นกำลังจะถึงวันเกิดจางซังกุง อีกอย่าง ก่อนก่อนหน้านั้นข้าก็เคยรับปากว่าจะแต่งตั้งนางเป็นพระสนม แต่ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเลยรู้สึกติดค้างนาง ข้าก็เลย ก็ก็เลย เอาเป็นว่ามันเป็นอย่างนั้นแหละ”

 “จริงสิเพคะ หม่อมฉันได้ยินมา ว่าพระสนมทรงตั้งครรภ์แล้วด้วย ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ”

 “อ้อ งั้น งั้นเหรอ ขอบใจเจ้ามากนะ เฮ้อ..”

 “เอ่อ ฝ่าบาท มีอะไรจะตรัสอีกหรือเพคะ?” ทงอีเห็นท่าทางเก้อ ๆ ของพระเจ้าซุกจงแล้วถามขึ้น “ก็ฝ่าบาทให้หนังสือแล้ว ยังมีเรื่องอะไรอีกรึเปล่าเพคะ?”

 “อ้อ ไม่มี ๆ ข้าก็กำลังจะออกไปอยู่พอดี เอาละ เจ้าดูยุ่ง ๆ นะ ถ้างั้น จริงสิเดี๋ยวก่อน เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” พระเจ้าซุกจงพยายามจะหาเรื่องคุยกับทงอี

 “เฮ้อ เชื่อเลย นี่อะไร ข้าต้องมีธุระอะไรถึงจะไปหานางได้รึ ยัยตัวแสบเอ๊ย ไม่ได้เจอหน้าตั้งนานแค่อยากคุยด้วยหน่อย ถึงนางจะยุ่งแค่ไหนมีรึจะยุ่งไปกว่าข้า จริง ๆ เล้ย เฮ้อ..”


ฮีเจได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการฝ่ายขวาของกองปราบ ขณะที่อ๊กจองได้เลื่อนขึ้นเป็นพระสนมเอก นามว่า พระสนมฮีบินหลังให้กำเนิดองค์ชายให้แก่พระเจ้าซุกจง

 “ท่านไปพบท่านเสนาบดีแล้วใช่มั้ย?” อ๊กจองถามพี่ชาย

 “ใช่ ตอนนี้กลุ่มฝ่ายใต้นำโดยท่านเสนาฯ รวมตัวกันทูลขอให้ฝ่าบาทตั้งองค์ชายเป็นรัชทายาท แต่ติดที่พระพันปีให้ตายก็ไม่ยอม และแน่นอนว่า กลุ่มตะวันตกเข้าข้างพระพันปี ตอนนี้ยัยจิ้งจอกเฒ่าเอาเรื่องอาการป่วยมามัดใจพระราชา ตอนนี้พระองค์เลยเหมือนไม่อาจตัดสินพระทัยได้ง่าย ๆ  หลังจากที่พระสนมคลอดพระโอรส ถึงพระราชาจะเลื่อนขั้นให้เป็นสนมขั้นสามแล้วเลื่อนเป็นพระสนมเอก แต่เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท พระราชาก็ยังไม่แสดงท่าทีเลย” ฮีเจบอก

 “อาการประชวรของพระพันปีเป็นไงบ้าง?”

 “เหอะ สงสัยคงยังไม่ตายในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นท่านก็อย่าไปเฝ้ารอเลย แต่ถ้าปล่อยไป ถ้าพระราชาตั้งพระสนมคนใหม่ตามที่นังจิ้งจอกเฒ่าต้องการ ก็คงจะยุ่งกันใหญ่แน่”

พระพันปียังมีอาการประชวร และต่อต้านที่พระเจ้าซุกจงจะแต่งตั้งองค์ชายลูกของอ๊กจองขึ้นเป็นรัชทายาท โดยบอกว่าต้องรอให้นางตายเสียก่อน พร้อมกับขอให้พระเจ้าซุกจงแต่งตั้งพระสนมคนใหม่ด้วย

 อาการพระประชวรของพระพันปีไม่ยอมหาย ทำให้พระมเหสีอินฮอนสงสัยจึงให้จองซังกุงไปสืบเรื่องราวเพราะคาดว่าอาหารที่พระพันปีเสวยจะมีพิษ จองซังกุงคิดจะให้ทงอีช่วยเหลือ โดยให้คนไปเรียกทงอีมาพบ

 “วันนี้ พระมเหสีเรียกข้าไปเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว” จองซังกุงบอก “พระมเหสีตรัสบอก เรื่องที่น่าตกใจกับข้าเรื่องนึง มีคนแอบ..เขียนจดหมายไปให้พระองค์ จดหมายบอกว่าพระโอสถที่ถวายให้พระพันปีน่าสงสัย”


 “น่าสงสัยเหรอเจ้าคะ?” ทงอีถามอย่างแปลกใจ

 “อาการประชวรของพระพันปีทรุดลงอย่างรวดเร็ว สาเหตุน่าจะมาจากพระโอสถนั่น”

 ทงอีตกใจมาก “แปลว่า ในพระโอสถ มียาพิษปนอยู่เหรอเจ้าคะ?”

 “มันอาจจะไม่ใช่ง่าย ๆ แค่นั้น เพราะถ้าในนั้นมียาพิษ พวกสำนักหมอหลวงจะไม่รู้ได้ยังไง พระมเหสีรับสั่งว่า ต้องการให้เราสืบเรื่องนี้อย่างเป็นความลับที่สุด ข้า..อยากให้เจ้ากับจองอิมช่วยสืบที เจ้าจะทำได้มั้ย ถ้าจดหมายฉบับนั้นเป็นจริง เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวพันถึงตำหนักชีซอนด้วย เจ้าคงรู้ว่าการแต่งตั้งรัชทายาท ทำให้ความขัดแย้งระหว่างพระพันปีกับพระสนมตึงเครียดขึ้น”

 “แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่น่าจะเกี่ยวมั้งคะ พระสนมฮีบินไม่ใช่คนแบบนั้นแน่เจ้าค่ะ” 

 ทงอี ออกรับแทน เนื่องจากคุ้นเคยกับพระสนมฮีบินดี

 “จากประสบการณ์ที่เรียนรู้จากการอยู่ในฝ่ายตรวจการมา คนที่มีความทะเยอทะยาน จะยิ่งเชื่อใจไม่ค่อยได้”

 “ไม่ค่ะ พระสนมฮีบินไม่ใช่คนบุ่มบ่ามแบบนั้นแน่ ให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ เพื่อพิสูจน์ว่า พระสนมฮีบินไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรดให้ข้าเป็นคนสืบเถอะ”

 ทงอีบอกอย่างหนักแน่น แม้จะไม่เชื่อว่าพระสนมฮีบินมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หากเป็นเช่นนั้น แม้พระสนมจะมีบุญคุณกับนาง นางก็ไม่มีทางปล่อยไว้แน่

 จองอิมกับทงอีช่วยกันตรวจสอบตัวยาที่ไปซื้อมาปรุงให้พระพันปี แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ  ใด ๆ

 “ตรวจสอบไปหมดแล้ว ยังไม่พบอะไรที่น่าสงสัยค่ะ” ทงอีบอกจองซังกุง

 “พระโอสถที่ปรุงจากนอแรดกับซึงมา ตรวจสอบจากสมุนไพรที่ใช้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ” จองอิมเสริม

 “เชื่อว่า นี่ต้องเป็นการใส่ร้ายแน่” ทงอีคาดคะแน

 “เป็นการใสร้ายเหรอ เจ้าจะบอกว่าพระมเหสี..” จองซังกุงมองหน้าทงอี ทงอีรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือพระมเหสี แต่ต้องมีใครสักคนที่จะใส่ร้ายพระสนมฮีบิน”

 “เข้าใจแล้ว ข้าจะไปถวายรายงานพระมเหสี ว่าในตอนนี้ยังไม่พบความผิดปกติ”

ในขณะนั้นพงซังกุงก็เข้ามารายงานว่าพระพันปีอาการทรุดหนัก ไม่รู้สึกองค์ เป็นตายเท่ากัน สร้างความตกใจให้กับจองซังกุง จองอิม และทงอีเป็นอย่างมาก

พระเจ้าซุกจงทราบข่าวเรื่องพระพันปีอาการทรุดหนักจึงรีบเสด็จมาที่พระตำหนัก


“เสด็จแม่ ๆ ลูกมาเยี่ยมแล้ว โปรดตื่นขึ้นมาเถอะเสด็จแม่ นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“ตอนนี้ยังไม่รู้สึกพระองค์เลยเพคะ” พระมเหสีอินฮอนตรัส

“ข้านึกว่าอาการจะดีขึ้นแล้วซะอีก ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้”

 “เดิมวันนี้สีพระพักตร์ก็สดใสมีพระกำลังขึ้นมาก จู่ ๆ ระหว่างเสด็จไปหาฝ่าบาท ก็ทรงหมดสติไปเพคะ”

พระมเหสีอินฮอนได้รับรายงานเรื่องการตรวจยาพิษในอาหารและยาที่พระพันปีเสวย แต่ผลการตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่พระมเหสีก็ไม่เชื่อ“พระอาการทรุดเร็วไปอย่างน่าใจหาย ทั้งหมดนี้จะถึงกับไม่มีสาเหตุอะไรเลยเหรอ?” พระมเหสีสีหน้ากังวล

 ทงอีพยายามสืบหาสาเหตุเรื่องที่พระพันปีประชวร จึงไปขอให้ชอนซูช่วยตรวจสอบตัวยา  แต่ผลออกมาก็เหมือนเดิม คือไม่พบความผิดปกติใด ๆ ทำให้จองอิมหนักใจมาก ชอนซูสงสัยจึงถามว่าทำไม ทงอีบอกว่าตัวยาที่ให้ชอนซูตรวจสอบเป็นตัวยาที่ใช้ปรุงโอสถถวายพระพันปี


“แปลว่าพระโอสถพระพันปีมีปัญหา เหรอ?” ชอนซูถามอย่างตกใจ

 “ค่ะ เพราะตอนนี้พระพันปี พระอาการทรุดหนักมาก เลยสงสัยว่าเป็นเพราะพระโอสถที่เสวย แต่ดูเหมือนพระโอสถไม่ได้มีปัญหาอะไร”

 “เดี๋ยวก่อนนะทงอี ยาซึงมากับนอแรด ถึงตัวมันไม่มีปัญหา แต่ถ้าพระพันปีทรงเสวย พร้อมกับตัวยาโหราแว่นดำเข้าไป ก็อาจจะมีปัญหาได้” ชอนซูบอก

 “หมายความว่ายังไงคะ?” ทงอีตาโตแปลกใจ

 “เพราะว่าตัวนอดแรดกับซึงมาน่ะ มีผลข่มสมุนไพรโหราแว่นดำ ถ้ามีใครที่คิดจะทำร้ายพระพันปีละก็ เค้าอาจถวายพระโอสถที่มีสมุนไพรโหราแว่นดำให้”

 “ตัวยาที่มีโหราแว่นดำ?” ทงอีพยายามคิดตาม

 “มันก็มีอยู่หลายตัว เช่น ยาโหราขิงแก่ โหราเปลือกอบเชย แล้วก็…” ชอนซูยังพูดไม่จบ ทงอีก็โพล่งขึ้น 

“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่ชอนซู เมื่อกี้ท่านว่าอะไรนะ ยาโหราเปลือกอบเชยเหรอ?”

 “ใช่แล้ว” ทงอีนึกถึงตอนที่เข้าไปค้นห้องยองชอนแล้วพบว่ามีตำรับยานี้วางอยู่บนโต๊ะ อีกทั้งคำพูดของ
จองซังกุงว่า หากจดหมายฉบับนั้นเป็นจริง ยาอาจเกี่ยวพันไปถึงตำหนักชีซอน ทงอีงง ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง


เรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนการของฮีเจ โดยฮีเจสั่งให้ยองซอนช่วยจัดการ และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ฮีเจเรียกยองซอนมาพบและให้เอาจดหมายไปให้หมอหลวง แต่บังเอิญทงอีมาพบยองซอนเตรียมเอาจดหมายของฮีเจไปให้หมอหลวงพอดี


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา