เนื้อเรื่อง:
“เจ้าว่าอะไรนะ นางหนีออกนอกวังไปแล้วงั้นเหรอ นี่เจ้ากล้าพูดกับข้าอย่างนี้เหรอ ปล่อยให้มันหนีไป เจ้ากล้าปล่อยให้มันหนีได้ ไอ้สวะไม่ได้เรื่อง ไอ้ห่วยแตก” ฮีเจ ไม่พอใจ
“นี่เจ้าทำอะไร” โฮยอน ถาม
“ปล่อยข้า ดันทำงานไม่ได้เรื่อง”
“เค้าเป็นคนของข้า เจ้ามีสิทธิอะไรมาทำร้ายคนของข้า” โฮยอน เข้ามาขวาง
“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดเหรอ บอกให้ปล่อยไงเล่า”
“หยุดนะ คนที่ไม่จัดการเด็กคนนั้นซะแต่แรกก็คือเจ้า มันเป็นความผิดของเจ้า ได้ยินมั้ยทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้า”
พระมเหสีฮีบินเสด็จมาหาพระเจ้าซุกจง แต่พระองค์ไม่อยู่ โชซังกุงทูลรายงานว่า พระองค์เสด็จออกนอกวังไปเมื่อสองชั่วยามก่อนแล้วยังไม่เสด็จกลับมา ระหว่างนั้นฮีเจ ก็มาขอเข้าเฝ้า จึงได้รู้ว่าทงอีหนีไปได้อีกแล้ว
“พระมเหสี ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าจะต้องหาทาง” ฮีเจ ทูล
“พี่รู้มั้ยว่า ตอนนี้พระราชาไม่ได้อยู่ในวัง แถมพระองค์เสด็จไปไหนก็ไม่มีใครรู้ด้วย”
“พระมเหสี หมายความว่ายังไง?”
“ถ้าพระราชาเสด็จไปพบเด็กคนนั้นล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้น..”
“ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นไปได้เลย พวกข้าหาจนทั่วก็ยังไม่เจอ จะเป็นไปได้ยังไง” ฮีเจ กล่าว
“ให้เค้าตรวจร่างกายทงอี เพราะนางซูบผอมลงไปมาก ต้องตรวจดูว่านางบาดเจ็บตรงไหน หรือว่านางไม่สบายตรงไหนรึเปล่า จะใช้ยาชั้นดีแค่ไหนก็ให้ได้ เข้าใจรึเปล่า?”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“จริงสิ แล้วตอนนี้ทงอีอยู่ที่ไหน?”
“สวนด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ”
“รู้มั้ยว่าข้าตามหาเจ้าลำบากแค่ไหน ข้ากลัวจะไม่เจอเจ้าอีก มันร้อนใจเหมือนไฟเผา เหมือนหัวใจจะแหลกสลาย เจ้าไปอยู่ที่ไหนมาหา เมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ทำไมถึงไม่มาหาข้า”
“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าเฝ้า แต่ทำยังไงก็เข้าไม่ถึงฝ่าบาทเลย”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น จะขอให้ข้าให้อภัยได้ยังไง คนที่ต้องขออภัยก็คือข้าต่างหากล่ะ คนผิดที่ทำให้เจ้าต้องลำบาก ก็คือข้าคนนี้”
“ฝ่าบาท”
“ทงอี”
“ตอนนี้หม่อมฉันยังไม่กล้าเชื่อเลยว่า ฝ่าบาทจะหาหม่อมฉันพบเพราะเสียงซอที่หม่อมฉันเล่นนี่”
“ในช่วงนี้เมื่อหลายปีก่อน” พระเจ้าซุกจง ตรัส
“มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” ขันที ทูล
“เดี๋ยวก่อน หยุดอยู่ตรงนี้สักเดี๋ยว นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเสียงซอแบบนั้น ข้ายังไม่เคยลืมเสียงเพลงที่สดใสจริงใจแบบนั้นเลย ที่แท้เจ้าก็เป็นคนเล่นเพลงนั้น เจ้าอยู่ใกล้ข้าแค่เอื้อมแต่ข้ากลับไม่เคยรับรู้อะไรเลย จะว่าไปแล้ว ข้าก็ไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยคิดว่าไม่มีเจ้ามันทรมานขนาดนี้ และไม่เคยรู้ว่า การที่จะไม่ได้เห็นหน้าคนคนนึงตลอดไปมันน่ากลัวแค่ไหน”
“หลังจากที่เจ้าหายตัวไปแล้ว ข้าได้แค่ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากผู้บัญชาการซอ ในตอนนั้นข้าถึงได้รู้ว่า เจ้าเคยอยากบอกความจริงให้ข้าฟังตั้งหลายครั้ง แต่ข้ากลับไปห้ามเจ้าเอาไว้ ข้าทำให้เจ้าต้องตกระกำลำบาก ไม่รู้ว่าจะชดใช้ได้ยังไง”
“ไม่เลยเพคะฝ่าบาท ไม่ใช่อย่างนั้น ที่หม่อมฉันไม่ได้กราบทูลฝ่าบาทตั้งแต่แรก เพราะหม่อมฉันกลัวว่าจะทำให้ฝ่าบาทเสียพระทัย ทำไมตรัสว่า ชดใช้ล่ะ ทำไมถึงตรัสอย่างนี้เพคะ ตอนนี้ฝ่าบาท ก็มาหาหม่อมฉันแล้วไม่ใช่เหรอเพคะ หม่อมฉันก็กลัวไม่ได้กลับวัง กลัวว่าจะไม่ได้พบพระพักตร์ฝ่าบาทอีก หม่อมฉันกลัวมากเลยเพคะ แต่ว่าตอนนี้ฝ่าบาท เสด็จมาหาหม่อมฉันด้วยองค์เอง”
“ในที่สุดเจ้าก็ยิ้มแล้ว เฮ้อ ในที่สุดก็ได้เห็นเจ้ายิ้มอยู่ตรงหน้าข้าอีก คำว่าถึงตายก็ไม่เสียดายที่แท้ก็เป็นความรู้สึกแบบนี้เอง”
“ฝ่าบาท”
หลังรู้ข่าวของทงอีแล้ว ใต้เท้าซอก็ให้คนไปตามชอนซูมาพบ จากนั้นทั้งสองก็ไปยังที่ประทับของพระราชา แล้วชอนซูก็เข้าไปพบทงอีที่สวน
“ทงอี”
“พี่ชอนซูเหรอ พี่ชอนซู”
“บาดเจ็บมั้ย ไม่ได้บาดเจ็บ หรือว่าป่วยใช่รึเปล่า”
“ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะพี่ชอนซู ข้าขอโทษนะ ข้าบอกเองว่าให้พี่รีบกลับมา แต่ข้ากลับเป็นคนมาช้าซะเอง”
“ไม่เป็นไร พอแล้ว แค่นี้ก็พอ แค่ได้พบเจ้าพี่ก็พอใจแล้ว”
“แค่ทราบว่านางปลอดภัยก็พอแล้ว สองคนนั้นจากกันไปตั้งนาน กระหม่อมคงไม่เข้าไปรบกวนจะดีกว่า”
“โชคดีที่มีมือปราบชาอยู่ ข้าก็เลยวางใจขึ้นมาหน่อย เพราะยังไง เค้าก็ช่วยคุ้มครองทงอีได้ดีที่สุด ตอนนี้ วังหลวงกำลังจะมีเภทภัยครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ ทงอีอาจจะต้องเจอกับ อันตรายที่ร้ายแรงยิ่งกว่าที่เคยก็เป็นได้”
“อันตรายร้ายแรงกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“หลักฐานทำผิดของหัวหน้ากองพระคลัง ในนั้นระบุถึงหลักฐานที่เป็นตัวแปรในคดีปลดพระมเหสี แถมบันทึกว่าหมอหลวงเคยได้รับที่ดินที่หัวหน้ากองพระคลังดูแล”
“ดังนั้นฝ่าบาทคงจะทรงทราบดีว่าขุนนางระดับสูงกองพระคลังที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ เป็นขุนนางกลุ่มฝ่ายใต้พ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้ว นี่อาจเป็นหลักฐานที่สามารถระบุว่า กลุ่มฝ่ายใต้กับพระมเหสีเกี่ยวข้องกับคดีปลดอดีตพระมเหสี”
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องลุก นั่งก่อน ๆ เอาล่ะ อีกเดี๋ยวหมอหลวงก็จะมาถึงนี่แล้ว เค้าจะมาช่วยตรวจร่างกายเจ้าอย่างละเอียด ดังนั้นเจ้าต้องเชื่อฟังหมอนะ”
“ฝ่าบาท หมอหลวงหรือ ได้ยังไงกันเพคะ ถอนรับสั่งเถอะ”
“ดู เพิ่งกลับมาถึงก็จะขัดคำสั่งข้าแล้ว จะมีสักครั้งที่ข้าสั่งอะไรแล้วเจ้ายอมทำตามแต่โดยดีบ้างมั้ย?”
“ฝ่าบาท ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนี่ เพียงแต่หม่อมฉันไม่ได้เจ็บป่วย หม่อมฉันมีสิทธิอะไร ไปรับการตรวจจากหมอหลวงที่คอยดูแลพระวรกายฝ่าบาทล่ะ”
“มีสิทธิอะไรเหรอ นี่เจ้าไม่รู้ตัวจริง ๆ เหรอ?”
“เพคะ?”
“ก็สำหรับข้า เจ้าเป็น.. สำหรับข้า เจ้าก็เหมือนร่างกายข้า เพราะฉะนั้น หมอหลวงมาตรวจร่างกายเจ้าก็ถูกแล้ว อย่าทำให้ข้าทรมานกับเวลาที่ไม่มีเจ้าอีก ถ้าหากเจ้าห่วงความรู้สึกข้าก็ทำตามซะ”
“อ้อ มือปราบชามาแล้วเหรอ ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะคลี่คลาย เจ้าช่วยคุ้มครองทงอีให้ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำอย่างเต็มที่” ชอนซู ทูล
พระมเหสีฮีบินร้อนพระทัยที่พระเจ้าซุกจงเสด็จไปไหนไม่มีใครทราบ จึงจะให้องครักษ์ออกติดตาม แต่พระเจ้าซุกจงก็เสด็จกลับมาพอดี
“ดึกป่านนี้มีเรื่องอะไรหรือ?”
“เห็นฝ่าบาทยังไม่เสด็จกลับ หม่อมฉันเป็นห่วงก็เลยมาหาเพคะ”
“เจ้าเพิ่งจะหายป่วยจะมาทรมานตัวเองทำไม นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่อง..”
“ไว้ก่อน ไว้พูดวันหลังเถอะนะ ข้าว่ามันคงดีกว่า”
“ฝ่าบาท..”
หลังกลับมาจากเข้าเฝ้าพระมเหสีฮีบิน ตรัสกับโชซังกุงว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ฝ่าบาทใช้สายตาที่เย็นชาแบบนี้กับตนเอง จะต้องมีเรื่องอะไรแน่ พระราชาเสด็จไปนอกวังวันนี้ จะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ผลงานของใต้เท้าซอ ทำให้พระเจ้าซุกจงมีราชโองการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพประจำกององครักษ์ ทำให้พระมเหสีฮีบิน และฮีเจสงสัยว่าพระเจ้าซุกจงได้พบกับทงอีแล้ว
“มีราชโองการให้สืบคดีปลงพระชนม์พระมเหสีใหม่พร้อมปล่อยผู้ต้องสงสัย แล้วก็ให้สืบไปพร้อมกับอีกคดีนึงด้วย เมื่อก่อนนี้ท่านเคยเป็นคนที่มาสืบสวนข้า ตอนนี้เรากลับกันแล้ว โลกนี้นี่มันไม่เที่ยงแท้จริงจริงเลยนะใต้เท้า”
ที่ตำหนักของพระมเหสีฮีบิน ผู้ช่วยของใต้เท้าซอ ได้นำกำลังมาตรวจค้น และสอบสวนนางในในตำหนักทำให้โชซังกุงไม่พอใจเช่นกัน
“นี่เป็นการสืบสวนในคดีปลงพระชนม์พระมเหสี เพราะดีไม่ดี คนร้ายอาจซ่อนตัวอยู่ในตำหนักก็ได้นี่ โอ๊ย ทำไมที่นี่มันถึงได้มีกลิ่นอายน่าสงสัยเต็มไปหมดอย่างนี้นะ” จงคู กล่าว
“นี่เจ้าน่ะ…พูดจาให้ระวังหน่อย”
“พวกเจ้าสอบสวนกันต่อไป” จงคู สั่ง
โซซังกุง เข้ามารายงานพระมเหสีฮีบิน เรื่องที่ทหารองครักษ์บุกเข้าไปที่โรงซักล้าง แถมยังอายัดเสื้อผ้าที่ส่งซักจากตำหนักไปจนหมด ทำให้พระมเหสีสงสัยว่าองครักษ์ทำแบบนั้นเพื่ออะไร
“ถ้าสิ่งที่ข้าเห็นมาไม่ผิด บนฉลองพระองค์ที่ถูกส่งไปโรงซักล้าง มีร่องรอยเลอะเปลือกถั่วเขียวอยู่ค่ะ ถึงยังไม่สามารถฟันธงได้ แต่ถั่วเขียวก็มีฤทธิ์ในการช่วยถอนพิษได้ ถ้ามองคดีนี้จากมุมนี้ ก็เป็นได้ว่าตำหนักพระมเหสีวางแผนสร้างเรื่องใส่ร้ายอดีตพระมเหสี เป็นได้ว่าพระมเหสีอาจเสวยถั่วเขียวก่อน เพื่อให้พิษเจือจางให้มากที่สุด”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกที”
“ค่ะ”
“แต่ว่า สีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีเลยนะ”
“ข้าไม่เป็นไรค่ะ ใต้เท้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขอโทษที่ให้เจ้าต้องแบกภาระหนักอย่างนั้น เจ้าไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ให้พระราชากับข้าจัดการเรื่องทุกอย่างนี้เอง”
“ใต้เท้า”
“พระมเหสี ได้ยินว่าคดีวางยาในงานพิธี อาจจะเป็นพระมเหสีวางแผน สร้างเรื่องเพื่อใส่ร้ายพระองค์ก็เป็นได้ และได้ยินว่าตอนนี้ได้พบเบาะแสสำคัญบางอย่างแล้วเพคะ”
“ทำไมเหตุการณ์ถึงเปลี่ยนได้ขนาดนี้ มันแตกต่างจากเมื่อวานนี้ราวฟ้ากับดินเลยนะ”
“เป็นเพราะทงอีไงเพคะ ทงอีกลับมาเมืองหลวงแล้วพระมเหสี”
“ทงอีเหรอ เป็นความจริงเหรอ นี่ทงอียังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ใช่รึเปล่า?”
“เพคะพระมเหสี”
ข้าหลวงมาเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงเพื่อรายงานเรื่องที่ไปสืบ
“เป็นตามหลักฐานที่นางในชอนให้ ครอบครัวหมอหลวงที่เสียชีวิตเป็นผู้ครอบครองที่ดินผืนนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วคุ้มครองความปลอดภัยพวกเค้ารึยัง?”
“เท่าที่กระหม่อมทราบทางทหารองครักษ์จัดการเรื่องนี้แล้ว แต่ว่าฝ่าบาท หลักฐานแค่นี้จะใช้รื้อฟื้นคดีใหม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กลุ่มฝ่ายใต้ กุมอำนาจในราชสำนักไปจนหมด พวกเค้าคงไม่นิ่งเฉยยอมให้มีการสอบสวนคดีใหม่แน่พ่ะย่ะค่ะ”
“แน่นอน ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เพราะพวกเค้ากุมอำนาจของราชสำนักอยู่ พวกเค้าต้องรวมตัวกันมากดดันข้าแน่นอน แต่ข้า กลับคิดจะใช้การที่พวกเค้ามีอำนาจทำอะไรก็ได้นี่ให้เป็นประโยชน์”
“ฝ่าบาท ข้าหลวงฮันพ่ะย่ะค่ะ”
“เข้ามาได้”
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว มีข่าวส่งมาจากนอกวัง”
“มีเรื่องอะไร”
“นางในชอน นางในชอนกำลังอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”
จู่ ๆ ทงอี ก็ไม่สบายหนักแม้หมอหลวงจะช่วยให้ยารักษาก็ยังไม่ดีขึ้น
“สี่ชั่วยามได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ชอนซู ทูล
“อะไรนะ แล้วทำไม ทำไมถึงเพิ่งมาบอกข้า”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ เพราะนางไม่อยากจะให้ฝ่าบาทเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
“ทงอี ๆ ๆ”
พระเจ้าซุกจงรับสั่งให้หมอหลวงเข้าเฝ้าตรัสถามมีวิธีจะรักษาทงอีหรือไม่
“ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอมาก จนไม่สามารถจะให้ยาแรงได้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่บำรุงกำลังให้ดีขึ้นก่อน แต่ปัญหาก็คือ ต้องใช้ยาที่หายากมากพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าบอกว่าหายาได้ยากมาก มันคืออะไร?”
“ถ้าบำรุงกำลัง ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าโสมแดง แต่เพราะมีราคาสูงมาก ส่วนมากจึงส่งไปขายที่ต้าชิง ตอนนี้ในเมืองหลวงเลยหาซื้อไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้เจ้าบอกว่าโสมแดงเหรอ?”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“ถ้าหากเป็นโสมแดง ยาบำรุงที่ข้ากินทุกวันก็มีไม่ใช่เหรอ?”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ถ้างั้น ก็เอาโสมแดงนั่นมาปรุงให้นางกินก่อนสิ”
“เอ่อ..แต่ว่ายานั่นมีไว้สำหรับบำรุงพระองค์..”
“หมอหลวงฟังให้ดี นี่เป็นพระบัญชา ที่ข้าต้องการคือไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยชีวิตเด็กคนนั้น เข้าใจรึยัง ดังนั้นส่งคนไปเอายามาเดี๋ยวนี้ ยังไงก็ต้องช่วยนางไว้”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
หลังจากได้ให้หมอหลวงรักษา พระเจ้าซุกจงก็เฝ้าทงอีด้วยความห่วงใย
“ได้โปรดลืมตาขึ้นมาเถอะทงอี ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าอย่าต้องทรมานกับการไม่มีเจ้า เจ้าเสี่ยงชีวิตรักษาหลักฐานเอาไว้ ข้าไม่มีวันยอมให้มันสูญเปล่า ข้าขอร้องล่ะ ลุกขึ้นมาดูผลงานของเจ้าเถอะทงอี”
“ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินเรื่องนางในชอน อาการเป็นยังไงพ่ะย่ะค่ะ?”
“ยังอยู่ในอันตราย” พระเจ้าซุกจง ตรัส
“หา?”
“เด็กคนนั้น ทนลำบากเพื่อนำหลักฐานกลับมา เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ต้องสืบหาความจริงให้ได้ เรื่องที่ให้ไปเตรียมเรียบร้อยรึยัง”
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เหลือแค่รอให้พวกเค้าเผยความชั่วของตัวเองออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
พระเจ้าซุกจงให้ใต้เท้าซอสืบหาหลักฐานที่กองพระคลัง เพื่อนำมาดำเนินคดีกับพวกขุนนางฝ่ายใต้ คนของใต้เท้าซอไปตรวจพบสมุดบัญชีเก่าฝังอยู่ข้างกำแพงในที่ก่อสร้าง หัวหน้ากองพระคลังจึงรีบนำเรื่องนี้ไปบอกฮีเจ
“หมายความว่ายังไง บัญชีเก่าของกองพระคลังถูกค้นพบเหรอ? ไหนท่านว่าคราวก่อนหลักฐานถูกไฟเผาไปหมดแล้วไงล่ะ”
“เรื่องนี้คิดว่า สมุดบัญชีถูกซ่อนอยู่ใต้ดินอย่างมิดชิด เพราะมีคนแอบเอาไปฝัง แล้วซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน”
“ถูกคนซ่อนเอาไว้ เป็นใครล่ะ?” ฮีเจ ถาม
“คืนวันที่ห้องเอกสารถูกไฟไหม้ มีนาง ในฝ่ายตรวจการแอบเข้าไปไม่ใช่หรือขอรับ ข้าสงสัยว่า นางในคนนั้นจะพบหลักฐานก่อนที่ไฟจะไหม้ แล้วแอบฝังสมุดบัญชีไว้ ข้าถึงได้รีบมาหาใต้เท้านี่แหละ”
“แล้วยังไงล่ะ จะบอกว่าหลักฐานอาจจะอยู่ในสมุดบัญชีเล่มนั้นงั้นเหรอ?”
“นังเด็กคนนั้นมันเจ้าเล่ห์จนน่ากลัว เป็นไปได้มากว่ามันอาจจะทำแบบนั้น ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อขโมยหลักฐานนั้นกลับคืนมาให้ได้” ฮีเจ ทูล
“แต่จะขโมยกลับมายังไง ศาลตรวจการคิดว่าสมุดบัญชีเล่มนั้นมีความน่าสงสัยอยู่ คงเก็บไว้ในหอเอกสารวังหลวง และคงเตรียมเอามาตรวจสอบในวันพรุ่งนี้แล้ว”
“ดังนั้นก่อนถึงตอนนั้น ไม่ว่าต้องใช้วิธีอะไรก็ต้องแย่งมาให้ได้”
“ข้ารู้สึกเหมือนกำลังเดินลงสู่ก้นเหวลึก เรื่องราวทั้งหมด เริ่มหลุดจากการควบคุมไปทีละอย่าง”
“พระมเหสี” โชซังกุง กล่าวทูล
“ตอนนี้สถานการณ์ที่ตำหนักใหญ่เป็นยังไง ความเคลื่อนไหวของพระราชาล่ะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลยรึไง?”
“ครั้งนี้คงจะต้องเดิมพันด้วยชีวิตเลยเชียวนะ เข้าใจรึเปล่าเพราะว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงชีวิตเราทั้งสอง
คน”
“ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ลูกน้องข้าหลายคนพอจะมีฝีมืออยู่ ข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะชิงเอาหลักฐานกลับคืนมาให้จงได้”
ยองซอนนำเรื่องที่สายในตำหนักใหญ่รายงานเกี่ยวกับพระโอสถที่ปรุงให้พระราชามา บอกกับโชซังกุง จากนั้นทั้งสองก็เข้ารายงานพระมเหสีฮีบิน
“หะ เจ้าว่าพระราชาไม่ได้เสวยพระโอสถมาสองวันแล้วหรือ”
“เพคะพระมเหสี พระองค์ไม่เคยหยุดเสวยโอสถเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ใบสั่งยาก็ออกมาแล้วตัวยาก็เบิกมาแล้ว แต่ยากลับไม่ได้ถูกส่งไปตำหนักใหญ่”
“ทำไมถึงมีเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ แล้วยาที่ถูกเบิกออกมาพวกนั้นถูกส่งไปที่ไหนหา”
พระมเหสีฮีบินให้คนไปตามคนถวายโอสถพระราชามาเข้าเฝ้า ตรัสขู่เอาชีวิต จนคนถวายโอสถยอมสารภาพว่า โอสถที่ควรถวายให้พระราชา ถูกส่งไปตำหนักที่ประทับนอกวัง
“ส่งไปตำหนักที่ประทับนอกวัง มีใครไปอยู่ที่นั่นกันแน่ หรือว่าเด็กคนนั้น..”
“เล่มนี้แหละ นังเด็กนั่นเอาไปซ่อนไว้จริง ๆ จัดการที่นี่ซะ แล้วรายงานว่าห้องเก็บเอกสารกองพระคลังถูกคนบุกรุก ข้าจะไปทำลายมันก่อน” หัวหน้ากอง กล่าว
“ขอรับ”
“ถึงทำลายไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก หัวหน้ากองพระคลัง เพราะมันเป็นบัญชีปลอม หัวหน้าคัง” ใต้เท้าซอเข้ามา
“อะ อะไรนะ?”
“หัวหน้ากองพระคลัง”
“อะไรกัน นี่เจ้า มัวยืนทำอะไรอยู่ รีบไปจับมันสิ” หัวหน้ากอง สั่งลูกน้อง
“ย้าก…”
“ยอมให้จับเถอะท่านหัวหน้าคัง หลักฐานที่ท่านกำลังตามหา ตอนนี้อยู่ที่พระราชาหมดแล้ว”
“ใต้เท้าโปรดไปกับข้าแต่โดยดีดีกว่ามั้ง”
“นี่เจ้า อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ไง” ฮีเจ ถาม
“ท่านลืมคำพูดของข้าน้อยไปแล้วรึ ข้าบอกว่าจะต้องตามหาน้องสาวให้เจอ แล้วกลับเมืองหลวงมาหาท่านอีกครั้ง”
“อะไรนะ?”
พระมเหสีฮีบินทรงคิดว่าคนที่อยู่ในตำหนักนอกวังหลวง ก็คือทงอีอย่างแน่นอน และตอนนี้พระราชาทรงทราบเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว
* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี
หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่ (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา