ทงอีตามสืบรู้ว่าหมอหลวงฮอเป็นคนใส่ยาที่มีฤทธิ์ข่มจนเป็นพิษในพระโอสถของพระพันปี และรู้ว่าเบื้องหลังนี้เกี่ยวข้องกับตำหนักชีซอน พระสนมฮีบิน (อ๊กจอง) เรียกทงอีไปคุยเพื่อให้หยุดสืบสาวเรื่องนี้ต่อ แต่ทงอีกลับปฏิเสธไป
เนื้อเรื่อง:
“แผ่นที่ท่านส่งให้กับหมอหลวง มันคืออะไรกันล่ะ?” ทงอีถามสายตาจับผิด
ทงอีเห็นโหราเปลือกชะเอม ของยองซอน ก็ถามว่าจะเอาไปใช้ที่ไหน
“บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ท่านบอกให้หมอหลวง เอาให้พระพันปีเสวยใช่มั้ย?”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร ที่เจ้าพูดมาข้าไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิดเดียว” ยองซอน กล่าว
“ไม่จริง ท่านน่ะรู้ดีอยู่แก่ใจ ใครเป็นคนบงการให้ทำ พี่ชายของพระสนมฮีบินใช่มั้ย หรือว่าจะเป็น…”
“หยุดได้แล้ว นี่เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรหา?”
“ท่านฮังอา” ทงอี กล่าว“ปล่อยข้านะ เจ้ามันเป็นแค่ชนชั้นต่ำ พอได้มาเป็นนางในฝ่ายตรวจการ กล้ามาวางท่าใหญ่โตกับข้ารึ?”
“แน่นอน อนาคตของท่านสว่างไสวโรยไปด้วยกลีบกุหลาบเชียว” แทพุง กล่าว
“แต่ก็ยังได้แค่ตำแหน่งผู้บัญชาการเล็ก ๆ”
“ตอนนี้อาจเป็นผู้บัญชาการ ต่อไปเหรออย่าว่าแต่แม่ทัพใหญ่เลย ต่อให้ตำแหน่งสูงกว่านั้น ข้าก็เชื่อว่าไม่ยากเกินเอื้อม”
“นั่นสิ ถึงตอนนั้น ท่านอย่าลืมข้ากับพ่อเชียวนะ ข้ากับพ่อยินดีจะเป็น ปีกซ้ายขวาให้พี่ใหญ่เต็มที่เลย” โฮยาง กล่าว
“แต่ว่าถ้าปีกมันไม่เหมาะ ก็อาจหลุดลงมากลางทาง” ฮีเจ กล่าว“ฮึ่ย เจ้านี่น้า”
“ล้อพวกท่านเล่นหรอก ฮะ ๆ ๆ”
“พี่ใหญ่”
“ท่านนี่ชอบหลอกให้ตกใจนะ”
“มามา ดื่มคารวะท่านหน่อย ดื่ม ๆ ถ้าอยากจะเป็นปีกให้ข้า สติดีเกินไปไม่ได้”
“ถ้าพระองค์ยังคงหลับไม่ฟื้นแบบนี้ละก็ เรื่องการตั้งรัชทายาท คงจะคลี่คลายได้ง่ายขึ้นมาก” โฮยอน กล่าว
“ไม่ใช่แค่เรื่องตั้งรัชทายาท เพราะอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดของเราก็จะหมดไปด้วย ต่อไปเราก็จะไม่มีอะไรต้องกังวลอีก”
“แต่ว่าท่านลุง เรื่องนี้หลานรู้สึกกังวลขอรับ” โฮยอน กล่าว
“เรื่องอะไร?” แทซุก ถาม
“เรื่องนี้มัน…จะเกี่ยวข้องกับจางฮีเจรึเปล่าขอรับ ถ้าเจ้าหมอนั่นมีส่วนในการทำให้พระพันปีประชวร…”
“แกล้งเป็นไม่รู้ พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เราแค่รอกินอาหารที่จัดวางบนโต๊ะแล้ว” แทซุก กล่าว
ยองซอน มาเข้าเฝ้าพระสนมอ๊กจอง บอกเรื่องที่ทงอีกำลังตามสืบ
“อะไรนะ เจ้าหมายความว่ายังไงเนี่ย นี่เจ้าออกไปก่อเรื่องอะไรมา แล้วทงอีไปสืบเจอเรื่องอะไรมาบ้าง เจ้าลองพูดมาให้รู้เรื่องกว่านี้สิ”
“หม่อมฉันไม่คิดว่าจะกลายเป็นอย่างนี้ หม่อมฉันก็แค่ทำตามคำสั่งของใต้เท้าจางเท่านั้น หม่อมฉันแค่ช่วยเอาตำรับยาที่จะถวายพระพันปีไปให้ แต่สุดท้ายถูกแม่เด็กทงอีจับได้”
“พระโอสถที่ถวายให้พระพันปี หรือว่าอาการประชวรของพระพันปีตอนนี้ เป็นเพราะฝีมือพี่ชายข้าอย่างนั้นเหรอ?”
“ใต้เท้าบอกว่า เราไม่ได้ใช้ยาพิษเลย ดังนั้นจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนเพคะ หม่อมฉันเชื่อคำพูดใต้เท้า…”
“เจ้าบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเหรอ คิดจะเอาเหตุผลแค่นี้มาเป็นข้ออ้างรึ รู้รึเปล่าว่าเรื่องที่เจ้าทำมันร้ายแรงแค่ไหน”
“พระสนม” ยองซอน หน้าเสีย
“เจ้าทำเรื่องลับหลังข้าแบบนี้ได้ยังไง เจ้าทำได้ยังไง…”
“พระสนม พระทัยเย็นก่อนเพคะ พระสนม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาต่อว่ายองซอนเพคะ ที่สำคัญคือเด็กชื่อทงอี คือเด็กคนนั้น ตอนนี้เด็กคนนั้นรู้เรื่องนี้แล้วนะเพคะ” โช กล่าวทูล
ชอนซู คิดว่าตำหนักชีซอนอาจจะต้องการให้พระพันปีสิ้นพระชนม์จริง เพื่อให้ปัญหาการตั้งรัชทายาทคลี่คลาย
“นั่นน่ะสิ ถ้าพระสนมฮีบินทำสำเร็จ ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงพะวงอะไรอีกแล้วสิ” จูซิก กล่าว
“นั่นน่ะสิ ถ้าพระสนมฮีบินทำสำเร็จ ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงพะวงอะไรอีกแล้วสิ” จูซิก กล่าว
“ใต้เท้า ถ้าใครมาได้ยินจะทำไง” ยังดัล ถาม
“เจ้าบื้อ ที่นี่ยังจะมีใครอีก จะว่าไปแล้ว พระสนมอาจดีใจจนกระโดดโลดเต้นก็ได้ นี่พวกเจ้าได้ยินข่าวลือมั้ย พวกตำหนักชีซอนถึงกับเขียนคำสาปแช่งเพื่อให้ พระพันปีสิ้นพระชนม์” จูซิก กล่าว
“เฮ้ ท่านเชื่อข่าวลือบ้านั่นด้วยเหรอ ปกติพระสนมทรงเอ็นดูทงอีจะตาย ท่านจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง”
“เจ้าบื้อ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คนเราจะเป็นยังไงมันต้องดูกันถึงที่สุดถึงจะรู้ นี่ แล้วเจ้าคิดว่าเค้าเป็นยังไง บอกตามตรง ข้าดูเค้าไม่ออกเลย”
“มีคนบอกว่าดูคนได้ด้วยแววตานี่”
“ดวงตาของเค้า ดูล้ำลึกมาก ดูสิ ๆ” จูซิก กล่าว
เมื่อฮีเจ กลับมาถึงบ้าน ยูนก็รีบบอกให้เข้าวังด่วน พระสนมต้องการพบด่วนดูเหมือนในวังเกิดเรื่องใหญ่ เมื่อฮีเจไปถึงก็ถูกพระสนมต่อว่า
“ทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมพี่ถึงได้ทำเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้ลับหลังข้าได้”
“ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อท่าน” ฮีเจ กล่าวทูล
“ท่านบอกว่าทำเพื่อข้าเหรอ ทำเพื่อข้าคือวางแผนปลงพระชนม์พระพันปีเหรอ?”
“ใช่ อย่าว่าแต่พระพันปีเลย ต่อให้ร้ายแรงกว่านั้นข้าก็ทำได้”
“พี่ชายคะ”
“ข้าทำไปทั้งหมด ก็เพื่ออนาคตของท่านและองค์ชาย เพื่อให้ท่านได้สมหวังตามที่ฝันไว้ ทำเรื่องแค่นี้จะเป็นไร”
“เลยจะกำจัดพระพันปีออกไปเร็ว ๆ เหรอ พี่อย่ามาพูดว่าทำเพื่อข้าเลย ข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านทำแบบนี้”
“ไม่จริงหรอก ที่จริงท่านเอง ก็ต้องการอย่างนี้”
“พี่ชายคะ”
“ท่านแค่ไม่ยอมพูดออกมาเท่านั้น ที่จริง ท่านเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าคนที่อยากกำจัดหินขวางทาง ก็คือตัวของท่านเองไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ ท่านไม่ควรใช้วิธีสกปรกอย่างนี้”
“ผิดแล้ว นับจากนี้ไปท่านจำเป็นต้องทำแบบนี้ ที่นี่คือที่ไหน ในวังหลวงนี่..มันคือที่สกปรกใช้วิธีสกปรกที่สุด เพื่อให้สองมือได้ครอบครองอำนาจไว้นี่แหละวังหลวง ที่ที่ท่านอยากปีนป่ายขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงที่สุด อยากจะใช้วิธีที่ถูกต้องปีนขึ้นไป ไม่ยอมใช้วิธีสกปรกรึ? ท่านเดินมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะมีคนทำเรื่องสกปรกแทนท่านมาตลอดเวลาไม่รู้รึไง ได้โปรดหลับหูหลับตาเถอะ แล้วทำเป็นไม่รู้เรื่อง เด็กที่ชื่อทงอีคนนั้น ข้าจะไปกำจัดนางเอง และจากนี้ไป ข้าจะใช้วิธีสกปรกทุกอย่างเพื่อท่าน แล้วท่านก็จะ…” ฮีเจ กล่าวทูล
“พี่ชายคะ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้พี่ชาย”
“ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ท่านก็ต้องทิ้งพี่ชายคนนี้ไปซะ และท่านก็ต้องยอมทิ้ง..ความฝันของท่านด้วย นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการเหรอ ข้าถามว่าท่านทำได้จริง ๆ เหรอ พระสนม” ฮีเจ กล่าวแล้วออกไปพร้อมบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ทงอีรอดไปได้แน่
“เวลาที่หมอหลวงต้มยาจะต้องมาเบิกยาที่คลังเก็บยาไม่ใช่เหรอคะ เท่าที่ข้ารู้จะมีการบันทึกไว้หมดว่า หมอหลวงเบิกยาตัวไหนไปใช้บ้าง” ทงอี กล่าว
“ถึงจะอย่างนั้น แต่บันทึกนั้นจะเอาให้คนอื่นดูไม่ได้หรอก”
“นี่เป็นงานของฝ่ายตรวจการเจ้าค่ะ ท่านจะช่วย ได้รึเปล่าคะ?”
“ก็ได้ งั้นเจ้าลองไปทำเรื่องขออนุญาตดู”
“ทำเรื่องเหรอ แต่ตอนนี้คงจะลำบากสักหน่อยค่ะ”
“ต้องขอโทษด้วย อย่างนั้นคงไม่ได้หรอกท่านฮังอา”
จองซังกุง ถามหาทงอี แต่ไม่มีซังกุงคนไหนพบ โดยทงอีแอบเข้าไปค้นหาบันทึกการใช้ยา
“อยู่นี่เอง หมอหลวง หมอหลวง ฮอจูนอิล ไม่ผิดแน่ คน ๆ นี้เบิกเปลือกอบเชย กับโหราเดือยไก่เพื่อใช้ปรุงยาตั้งแต่เดือนก่อน” ทงอี กล่าวอย่างดีใจ เมื่อออกมา ก็ได้พบกับโชซังกุง บอกให้นางรีบไปเข้าเฝ้าพระสนม
“เจ้าไปสำนักหมอหลวงตามที่ข้าคิดไว้ นั่นสิ ข้าคาดไว้อยู่แล้ว คนอย่างเจ้า ไม่ว่าจะสงสัยอะไร เจ้าคงต้องตามหาความจริงจนถึงที่สุดแน่” พระสนมฮีบิน ตรัส
“บอกหม่อมฉันเถอะเพคะ เรื่องเป็นยังไงกันแน่ ฮังอาตำหนักพระองค์ ได้รับคำสั่งมาจากใต้เท้าจางพี่ชายของพระสนม ให้ไปบอกกับหมอหลวง ปรุงยาโหราเปลือกอบเชยขึ้น และคิดว่า ยานั้นปรุงขึ้นเพื่อ จะถวายเป็นโอสถให้กับพระพันปี และเป้าหมายคือ จะปลงพระชนม์พระพันปี พระองค์ รู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นรึเปล่า ไม่ใช่ใช่มั้ย ไม่ใช่เลยใช่มั้ย พระสนม ไม่เคยรู้เห็นเลยใช่มั้ย?”
“ไม่หรอก ข้ารู้มาแต่ต้น หมอหลวงคนนั้น เค้าไปปรุงยาตามคำสั่งของข้า”
“พระสนม ทำไมถึงได้” ทงอี กล่าวทูล
“สิ่งที่ข้าทำไปก็เพื่อองค์ชาย แต่ว่ามันไม่ใช่ เรื่องไร้สาระอะไรที่เจ้าพูดมาเมื่อครู่เลย”
“คะ?”
“สองสามวันนี้องค์ชายสุขภาพไม่ค่อยดี ข้าเลยสั่งให้สำนักหมอหลวงปรุงยามาให้ และที่ยองซอนไปพบหมอหลวงคนนั้น..ก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละ สิ่งที่เจ้าเห็นในวันนี้มีเพียงแค่นี้ ดังนั้นข้าไม่ต้องการให้ เจ้าทำเรื่องไร้สาระให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ เข้าใจรึเปล่า?”
“พระสนม”
“ทำไมไม่ตอบข้าล่ะ ข้าถามเจ้าว่าเข้าใจรึเปล่า?”
“ขอประทานอภัย หม่อมฉัน คงทำแบบนั้นไม่ได้เพคะ”
“อะไรนะ?”
“คำพูดของพระองค์ หม่อมฉันอยากเชื่อมากกว่าใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่.. ท่านตรัสมามันไม่ใช่ความจริงเลย”
“ทงอี”
“ยาที่ฤทธิ์แรงอย่างโหราอบเชย จะให้เชื่อว่าปรุงขึ้นเพื่อองค์ชายที่พระชนม์ร้อยวันหรือเพคะ พระองค์จะให้หม่อมฉันปล่อยเรื่องนี้ไปเพราะเหตุผลว่าไร้สาระหรือเพคะ เพราะอะไร ทำไมพระองค์ถึงทำได้แบบนี้ ทำไมพระสนม ทำไมคนอย่างพระองค์ถึงได้..”
“หุบปากเดี๋ยวนี้”
“พระสนม”
“เมื่อกี้ข้าบอกกับเจ้า ชัดเจนแล้วไม่ใช่ เหรอ ยานั้นปรุงขึ้นมา เพื่อให้องค์ชายเสวย ถ้าเจ้ายังดึงดัน จะทำให้เรื่องนี้เกิดวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้นข้าก็คงปกป้องเจ้าไม่ได้ ดังนั้นตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ ว่าเจ้าจะไม่สืบสาวเรื่องวันนี้ต่ออีก”
“ขอประทานอภัยเพคะ ได้โปรด อภัยให้หม่อมฉันด้วย” ทงอี ทูล พระสนมฮีบินจนพระทัย เมื่อสั่งให้ทงอีวางมือแต่นางไม่ยอมทำตาม
“เสด็จแม่ ทำไมเสด็จแม่ถึงได้ซูบผอมอย่างนี้ ทำไมทรุดลงกะทันหันแบบนี้ ลูกขอร้อง เสด็จแม่อย่าจากลูกไปเลย ไม่ว่าดุด่าอะไร ลูกก็ยินดีจะรับฟัง ท่านจะต่อว่ายังไง ลูกก็จะยอมรับฟังท่านทุกอย่าง แต่ได้โปรด ได้โปรดลืมตาขึ้นมาด้วย เสด็จแม่”
“ฝ่าบาท หมอหลวงบอกว่า เสด็จแม่ได้พ้นขีดอันตรายแล้ว ดังนั้น ฝ่าบาทเสด็จไปพักผ่อนเถอะเพคะ หม่อมฉันเกรงว่าฝ่าบาทจะประชวรไปอีกคน” พระมเหสีอินฮอน ทูล
“ข้าไม่เป็นไรหรอก”
“ฝ่าบาท สิ่งที่สำคัญที่สุด คือฝ่าบาทจะต้องดูแลพระวรกายนะเพคะ เสด็จแม่ก็คงต้องการอย่างนั้นเหมือนกัน เชิญเสด็จกลับไปพักก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังทรงมีงานบ้านเมืองที่ต้องตัดสินพระทัยอีกมาก
“หา…ฝ่าบาท”
“เจ้าเหรอ เจ้าก็อยู่ที่นี่เหรอ ทำไมวันนี้ เจ้าดูพูดน้อยกว่าทุกทีล่ะ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน เจ้าเงียบแบบนี้ข้ารู้สึกผิดหวังมากเลยนะ”
“ฝ่าบาท”
“ข้าไม่สบายใจ เรื่องเสด็จแม่ เลยอยากออกมาเดินตากลมเล่น แต่บังเอิญมาพบเจ้าเข้า”
“อย่างนั้นหรือเพคะ หม่อมฉันขอประทานอภัย หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
“อย่าเพิ่งไป มีเจ้าอยู่ด้วยดีกว่า ถึงเจ้าจะไม่พูด แต่แค่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว ดังนั้น ถ้าหากเจ้าไม่รังเกียจ ช่วยอยู่เป็นเพื่อนข้าก่อน ไม่รังเกียจใช่มั้ย?”
“ฝ่าบาท”
“เจ้ารู้มั้ย ในคืนที่เสด็จแม่ ประชวรจนหมดสติไป ข้ายังทะเลาะกับเสด็จแม่อยู่เลย ข้าพูดจาแรง ทำให้เสด็จแม่เสียใจ แถมยังโมโหใส่ท่าน”
“ฝ่าบาท”
“เฮ้อ…ข้ารู้สึกเจ็บปวด เสียใจในสิ่งที่ทำ นั่นจะเป็นคำพูดสุดท้ายของท่านรึเปล่า เสด็จแม่จะจากโลกไปด้วยความรู้สึกน้อยใจข้ารึเปล่า ข้ารู้สึกกลัวมาก…กลัวเหลือเกิน”
“หม่อมฉันเคยพูดว่าเกลียดท่านพ่อเหมือนกันเพคะ หลายปีก่อน ก่อนที่พ่อของหม่อมฉันจากโลกนี้ไป หม่อมฉันเคยโกรธ ที่พ่อไม่ยอมให้หม่อมฉันไปทำในสิ่งที่อยากทำจนถึงกับพูดว่าเกลียดท่านออกไป ตอนนั้นหม่อมฉันไม่คิดเลยว่า นั่นจะเป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้พูดกับท่านพ่อ แต่ถึงจะอย่างนั้น ท่านพ่อของหม่อมฉันเอง ก็ยังพูดกับหม่อมฉันว่าขอโทษ แถมเอาชุดสวย ๆ มาใส่ไว้ในห่อผ้าของหม่อมฉัน ลูกสาวอกตัญญูที่ไม่เคยรู้เรื่อง แล้วดีแต่ตัดพ้อท่านพ่อ พ่อก็ยังให้อภัย และกอดหม่อมฉันไว้ ด้วยความห่วงใยเพคะ หม่อมฉันเชื่อว่าพระพันปีจะทรงทำอย่างนั้น พระพันปีไม่มีทางโกรธฝ่าบาทหรอก เพราะฉะนั้น อย่าเสียพระทัยเลยเพคะ”
“นั่นสิ ท่านคงทำแบบนั้น เพราะว่าท่านเป็นแม่ เพราะท่านเป็นเสด็จแม่ของข้า แต่ข้าก็…คิดว่าท่านต้องเป็นแบบนี้เพราะข้า ข้ารู้สึกทรมานมาก คนที่แข็งแรงอยู่ดี ๆ ทำไมพริบตาถึงได้…กลายเป็นอย่างนี้ไปนะ เรื่องทุกอย่าง มันเป็นเพราะลูกอกตัญญูอย่างข้า นี่แหละที่ข้าเสียใจ”
“ฝ่าบาท”
“แต่ข้าก็…คิดว่าท่านต้องเป็นแบบนี้เพราะข้า ข้ารู้สึกทรมานมาก คนที่แข็งแรงอยู่ดี ๆ ทำไมพริบตาถึงได้…กลายเป็นอย่างนี้ไปนะ”
“ไม่ใช่เพคะ ไม่ใช่อย่างนั้น ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทั้งหมดไม่ได้เป็นความผิดของพระองค์แม้แต่น้อย”
“นี่อะไร จดหมายถูกส่งไปตำหนักพระมเหสีรึ?”
“ค่ะใต้เท้า”
“ถ้างั้น พระอาการประชวรของพระพันปี…”
“ก็ต้องเกี่ยวข้องกับคนที่ส่งจดหมายนี้แน่” ทงอี กล่าว
“ดังนั้น เราต้องตามหาตัวคนที่ส่งจดหมายนี้”
“ค่ะใต้เท้า ตอนนี้เหลือแค่ หาคนนี้เจอก็จะไขปริศนาทั้งหมดได้”
“ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง คงรู้ใช่มั้ยว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ น่าเป็นห่วงจริง ๆ”
“มีเรื่องอะไรหรือขอรับ”
“ในคดีลอบซื้อขายยาเถื่อน มีคนแจ้งว่ามีคนในสำนักหมอหลวงลักลอบซื้อขายยา” ใต้เท้าซอ กล่าว
“ห๊า”
“แต่ว่า ท่านก็ไม่ต้องตื่นตกใจ ก็ถือว่าข้ามาขอตรวจตามขั้นตอนก็พอ”
“ข้าน้อยจะช่วยอะไรได้บ้าง?”
“ข้ามีลายมือของคนที่เป็นคนในสำนักหมอหลวง ท่านช่วยให้เราไปเปรียบเทียบลายมือของทุกคนในสำนักหมอหลวงก็พอ”
“ขอรับ”
“เอามาแล้วขอรับ แล้วก็มีส่วนนี้” จงคู กล่าว
“ผู้บัญชาการซอเป็นคนที่พระราชาทรงเรียกให้เข้าเฝ้าอยู่เสมอ เกิดเรื่องแบบนี้โดยที่ข้าไม่รู้เรื่อง หรือว่าพระราชา….”
“ถ้าเป็นรับสั่งของพระราชาข้าจะต้องรู้แน่ ไม่ใช่แน่นอน” พระสนมตรัส
“งั้นก็ต้องปิดปากนังเด็กทงอีนั่นให้ได้ ข้าจะจัดการ…”
“ข้าทำตามแผนของข้าแล้วไม่ต้องเป็นห่วง”
“แค่ทำตามแผนยังไม่พอ ต้องตัดรากถอนโคนด้วย”
“ตอนนี้ มันยังไม่ถึงเวลา ก่อนอื่นต้องรู้ให้ได้ ว่าพวกเค้าสืบหาลายมือนี้ไปเพื่ออะไร” พระสนมฮีบินตรัส
จองซังกุง เป็นห่วงใต้เท้าซอที่อาจต้องเดือดร้อนในเรื่องตามสืบ
จองซังกุง เป็นห่วงใต้เท้าซอที่อาจต้องเดือดร้อนในเรื่องตามสืบ
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ถ้าคนที่ส่งจดหมายเป็นหมอหลวง หรือหมอหลวงหญิงในสำนักจริง เรื่องเร่งด่วนคือต้องตามหาคนคนนั้นให้เจอ เพราะถ้าเค้าเกิดมีอันตราย ที่พวกเราเหนื่อยกันมาก็จะสูญเปล่าหมด”
“ได้ยินที่ใต้เท้าซอบอกแล้วใช่มั้ย ต้องตาม หาให้เจอโดยเร็ว”
“ค่ะท่านซังกุง” จองอิม กล่าว
พระสนมฮีบิน มาปรึกษากับแทซุก “ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูฝ่ายตรวจการแล้ว อีกไม่นาน เรื่องนี้ก็จะถูกรายงานไปถึงพระมเหสีแน่”
“เรื่องนี้ข้าเองก็คิดเอาไว้แล้ว” พระสนมฮีบิน ตรัส
“ดังนั้น เราต้องรีบชิงลงมือก่อน ที่เรื่องมันจะแดงขึ้นมา”
“ในตอนนี้วิกฤติกำลังรออยู่ตรงหน้า อย่างที่ท่านพูดมาก็จริงอยู่ แต่วิกฤตินั้น ก็มักจะมีโอกาสแฝงเร้นอยู่ด้วย”
“โอกาสเหรอ?” แทซุก ทูล
จองกึมจากฝ่ายตรวจการ มาหาอันซังกุง รายงานว่าได้นำหนังสือมาถวายพระมเหสีอินฮอน อีกด้านหนึ่ง จองซังกุง ให้จองอิมเปรียบเทียบลายมือที่คล้ายกัน มีที่น่าสงสัยอยู่สองคน “ผู้บัญชาการซอพูดถูก ถ้าคนนั้นรู้ว่าเรากำลังหาตัวเค้า เค้าอาจตกใจจนหนีไปได้ ดังนั้น เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อน” จองซังกุง บอกกับทงอี
“ค่ะท่านซังกุง” ทงอีมาที่สำนักหมอหลวงอ้างว่ารู้สึกเป็นหวัด จากนั้นก็สอบถามหาหมอหลวงหญิงที่ชื่อยอนฮอง
“ยอนฮองเหรอ อ้อ มาแล้ว นางอยู่นั่นไง”
“ค่ะ คนคนนั้นมัน..”
“มีเรื่องอะไรเหรอเจ้าคะ” ยอนฮอง เดินเข้ามาถาม
“ผู้ช่วยของหมอหลวงฮอใช่มั้ย” ทงอี กล่าว
“รู้ใช่มั้ยว่านี่คืออะไร เจ้าใช่มั้ย ที่เป็นคนส่งจดหมายไปให้พระมเหสี อย่าเพิ่งไปสิ เฮ้อ..” ทงอี เรียกทงอี กลับไปรายงานจองซังกุงว่าผู้ช่วยของหมอหญิงหนีไปแล้ว “แปลว่า นางคงจะเป็นคนที่ส่งจดหมายไปจริง ๆ ตอนนี้นางคงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ต้องรีบตามหานาง”
“ท่านซังกุง ข้าน้อยมีเรื่องจะบอกท่านค่ะ” ทงอี กล่าว
“ตอนนี้จะช้าไม่ได้ ต้องตามหาหมอหญิงคนนั้นให้เจอก่อน”
“แต่เรื่องนี้มีความสำคัญกว่า เฮ้อ..เป็นอย่างที่ท่านซังกุงเคยคาดการณ์ไว้ คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เหมือนจะเกี่ยวกับตำหนักชีซอนค่ะ”
“นี่เจ้าพูดเรื่องอะไร?” จองซังกุง ถาม
“หมอหญิงที่หนีไป เป็นหมอผู้ช่วยของหมอหลวงชื่อ ฮอจูนอิลเจ้าค่ะ”
“แล้วยังไง?”
“เพราะหมอหลวงฮอ เคยนัดพบกับฮังอาในตำหนักชีซอน และข้าก็ไปพบเข้า”
“แค่นี้จะตัดสิน ว่าเกี่ยวข้องกันได้ยังไง” จองอิม ถาม
“คราวก่อนไปตรวจค้นตำหนักชีซอน ข้าพบแผ่นตำรับยาโหราอบเชยที่ห้องพักของยองซอน ยาโหราอบเชยนี่แหละค่ะ ที่เป็นตัวทำให้พระพันปีต้องประชวรหนัก”
“หา..” แทยุน มารายงานฮีเจว่าหมอหลวงหญิงผู้ช่วยหมอหลวงฮอหายตัวไปแล้ว มีฝ่ายตรวจการไปหาหมอคนนั้นที่สำนักหมอหลวง และหลังจากนั้นนางก็หายตัวไป
จองซังกุง จองอิม และทงอี รีบออกตามหายอนฮอง ที่เมื่อพบตัวนางกำลังจะตาย และมีจดหมายลาตายวางไว้ที่ข้างตัวด้วย ทงอีจึงรีบตามหมอมาดูอาการ ด้านฮีเจ กับสนมฮีบิน เริ่มกังวลมากขึ้น เมื่อรู้ว่าหมอหญิงที่หนีไปถูกจับตัวกลับมาที่ฝ่ายตรวจการแล้ว
ทงอี สามารถช่วยชีวิตของยอนฮองไว้ได้ทัน
“ทำไมถึงทำอะไรวู่วามแบบนี้ ถ้าช้าไปก้าวเดียว ผลมันจะเป็นยังไงหา พวกข้ารับรองว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลร้ายกับเจ้าแน่” ทงอี กล่าว
“นางพูดถูกแล้วล่ะ พวกข้า ไม่ได้พาเจ้ากลับมาเพื่อทำร้าย เจ้าแค่บอกสิ่งที่รู้ทั้งหมดก็พอ เรื่องนี้ เจ้าจะปิดปากไม่พูดไม่ได้ เจ้ายังเคยกล้าส่งจดหมายให้พระมเหสีเลยนี่นา ดึงความกล้ามาอีกครั้ง เอาละ เล่าเถอะ” จองซังกุง กล่าว
“ข้าน้อย..ได้เห็นมากับตา ว่าหมอหลวงฮอ ใส่ยาโหราอบเชยลงในถ้วยพระโอสถของพระพันปีค่ะ ข้าน้อยเห็นเองกับตาค่ะ” ยอนฮอง สารภาพ
“จองอิมแจ้งทหารองครักษ์ให้จับตัวหมอหลวงฮอ ส่วนข้าจะไปเข้าเฝ้าพระมเหสี” จองซังกุง สั่ง
“ค่ะท่านซังกุง”
“ทงอีอยู่ดูแลหมอหลวงหญิงนั่น บางทีนางอาจกลัวจนทำอะไรโง่ ๆ เฝ้านางไว้ให้ดี”
“ค่ะท่านซังกุง”
“หมอหลวงใส่ยาที่มีฤทธิ์ข่มกันลงในถ้วยพระโอสถของพระพันปีอย่างนั้นเหรอ?”
“เพคะพระมเหสี หมอหญิงผู้ช่วยหมอหลวงคนนั้นเห็นเองกับตา นางจึงตัดสินใจเขียนจดหมายมาถึงพระองค์”
“แล้วที่ว่าเป็นฝีมือตำหนักชีซอน หมาย ความว่ายังไง?”
“ห้องยองซอนนางในตำหนักชีซอน เราพบแผ่นยาโหราอบเชยซ่อนอยู่ในห้องของนาง และตรวจสอบแล้ว ว่านางในคนนั้นเคยพบกับหมอหลวงฮอ ตอนนี้ทหารองครักษ์ไปคุมตัวหมอหลวงฮอมาที่ฝ่ายตรวจการไม่นานก็จะรู้ตัวคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง พระองค์จะตัดสินพระทัยยังไง?”
“ถ้าเป็นเจ้าจะทำยังไง? เจ้าจะให้ข้าไปเอ่ยปาก ว่าพระสนมฮีบินคิดปลงพระชนม์พระพันปีรึ”
“เช่นนั้น ให้หม่อมฉัน”
“ไม่จำเป็น ข้าจะ ..ไปเข้าเฝ้าพระราชาเอง คนที่สั่งให้เจ้าสืบเรื่องนี้คือข้า”
“แต่ว่า ถ้าพระมเหสีทรงลงไปจัดการเอง อาจทำให้คนเข้าใจผิดได้เพคะ”
“เข้าใจผิด?”
“พระสนมฮีบินคงไม่ยอมรับว่านางเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หม่อมฉัน..เป็นห่วงว่าพระมเหสีอาจจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ข้าจะกลัวจนอยู่เฉยไม่ได้ ข้าต้องนำเรื่องทุกอย่างนี้ กราบทูลพระราชา” พระมเหสีอินฮอน ตรัส
จองอิม เห็นทงอีนั่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก็ข้าไปบอกกับนาง
“เจ้ากำลังห่วงเรื่องอะไรข้าพอเดาออก เพราะนางเคยช่วยเจ้าเปลี่ยนจากชนชั้นต่ำเป็นนางใน แต่ถึงจะอย่างนั้น เรื่องในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ไม่มีทางให้อภัยได้”
พระมเหสีอินฮอน เสด็จมาเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง
“เจ้าบอกว่า คนที่ใส่ยาไปข่มในยาของเสด็จแม่ คือตำหนักชีซอนอย่างนั้นรึ”
“หม่อมฉันเองก็ไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงเหมือนเป็นเช่นนั้นเพคะ”
“พระมเหสี เจ้ารู้รึเปล่าว่า เรื่องที่เจ้าพูดมามันน่ากลัวแค่ไหน?”
“หม่อมฉันต้องมากราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาท ก็เจ็บปวดเช่นกัน เวลานี้หม่อมฉันเองยังไม่อยากจะเชื่อ ในรายงานที่ได้รับมา ขอให้ฝ่าบาท ทรงคลี่คลายข้อสงสัย ด้วยพระองค์เองเถิด”
หมอหลวงฮอ กำลังจะถูกซังกุงสอบสวน แต่พระเจ้าซุกจงได้เสด็จมาถึงก่อน รับสั่งว่าต้องการพบคนคิดร้ายต่อพระพันปีด้วยตนเอง จองซังกุงจึงนำตัวหมอหลวงและผู้ช่วยออกมา
“หมอหลวงฮอเป็นคนใส่ยาโหราอบเชย ลงในพระโอสถของพระพันปีเพคะ” ยอนฮอง กล่าวทูล
“มันเป็นใคร คนที่สั่งให้เจ้าทำเรื่องนี้มันเป็นใคร ยังไม่รีบสารภาพมาอีกรึ? ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าทำแบบนี้”
“คน.. คนที่สั่งให้กระหม่อมทำแบบนี้คือ .. พระมเหสีพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงฮอ กล่าวทูล
“ว่าไงนะ นี่เจ้าพูดอะไร เจ้าบอกว่าคนบงการ คือพระมเหสีเหรอ”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี
หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่ (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา