เนื้อเรื่อง:
พระเจ้าซุกจงไม่เชื่อว่าพระมเหสีอินฮอนมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงมาสอบถามกับพระสนมฮีบิน นางแสร้งบีบน้ำตาว่าถูกใส่ร้าย พระเจ้าซุกจงไม่รู้จะเชื่อใครดีจึงให้ใต้เท้าซอช่วยสืบเรื่องนี้
“ทั้งพระมเหสี พระสนม ข้าจะไม่เชื่อใคร คำตอบนี้คือข้อสรุปของข้า แต่ว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีใครสักคนปิดบังความจริงอยู่แน่ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าความจริงมันจะน่ากลัวขนาดไหน ข้าก็จะต้องรู้ให้ได้ เจ้าช่วยไปสืบความจริงเรื่องนี้ให้ที ไม่มีเวลาแล้ว เจ้าต้องรีบสืบหาความจริง ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกว่านี้”
“ได้ยินว่าพระราชารับสั่งให้ซอโยงกี เป็นคนไปช่วยสืบคดีนี้ใช่รึเปล่า? จะไม่เป็นไรแน่นะ หรือต้องให้คน
ศาลไต่สวน..” แทซุกบอกฮีเจ
“ไม่จำเป็นหรอกใต้เท้า เรื่องนี้ต้องให้ผู้บัญชาการซอทำคดีถึงจะเหมาะสม”
“เจ้าหมายความว่าไง ถ้าคนคนนั้นสืบความจริงได้ขึ้นมาเราจะทำยังไงหา?”
“ไม่มีทางมีเรื่องแบบนั้นแน่ ใต้เท้าวางใจได้เลย”
“ทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจนัก ถ้ามีอะไรผิดพลาดไม่ใช่แค่เจ้า แม้แต่พระสนมก็จะต้องพลอยลงเหวด้วย”
“ข้าบอกแล้วว่าเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย แล้วท่านจะยังมัวกังวลไปทำไมล่ะ ท่านวางใจได้อย่างเต็มที่ อย่างนี้จะได้อายุยืนไงใต้เท้า หึ ๆ ๆ ๆ”
ฮีเจกล่าวอย่างมั่นใจ
“ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้าไปสืบเรื่องนี้มาอย่างละเอียด” ใต้เท้าซอบอก
“แต่ทำไม หมอหลวงฮอถึงจงใจพูดโกหกอย่างนั้นล่ะ แล้วเค้าจะยอมสารภาพความจริงหรือคะ?”
“ข้าจะพยายามแต่คิดว่าคงไม่ง่าย ถ้าไม่มีหลักฐานอะไร เราก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าคำสารภาพของเค้าไม่จริง ความจริงในใจของข้าก็คิดเหมือนกับเจ้า แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าพระมเหสีบริสุทธิ์ เจ้ารู้ใช่มั้ยว่า.. ถ้าสุดท้ายหาหลักฐานไม่ได้ เจ้ากับนางในฝ่ายตรวจการที่ร่วมสืบ ก็อาจเดือดร้อนไปด้วย” ใต้เท้าซอกล่าวอย่างหนักใจ
“ข้าน้อยเข้าใจดี แต่ว่าเราจะนิ่งเฉยเพราะกลัวไม่ได้หรอกคะ ข้าคงยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้พระมเหสีถูก
คนใส่ร้าย และข้าก็ไม่ยอมถูกลงโทษโดยไม่ทำอะไรเหมือนกัน”
ฮีเจมาเล่าสถานการณ์ให้พระสนมฮีบินฟัง “เป็นไปตามที่ท่านคาดไว้เลย พระราชารับสั่งให้ผู้บัญชาการซอสืบคดีนี้”
“พระราชาเป็นคนที่รอบคอบเสมอ ข้าบอกแล้วว่าพระองค์ต้องทำแบบนั้นแน่ คงไม่อยากเชื่อว่าพระมเหสีที่เรียบร้อย หรือแม้แต่ข้าจะทำเรื่องแบบนั้นไปได้” พระสนมฮีบินกล่าว
“ใช่ แต่ถ้าพระองค์ทรงเห็นหลักฐานที่มัดตัว จะต้องรู้สึกเหมือนถูกทรยศแน่ ท่านว่าจริงรึเปล่า ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่วางใจเด็กที่ชื่อทงอีอยู่ดี ข้าได้ยินว่า พระราชาไปพบปะกับนางบ่อย ๆ ถ้าหากว่า เด็กคนนั้นไป..พูดอะไรที่ทำให้พระราชาเกิดหวั่นไหว..”
“เรื่องนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่พี่ชาย ข้าอยู่เคียงข้างพระองค์มาตลอดสิบปี พระองค์จะทรงเชื่อเด็กคนนั้นมากกว่าข้าหรือ?”
“แต่ถึงจะอย่างนั้น..เพื่อป้องกันไว้ก่อน เรารีบจัดการกับนังเด็กนั่นซะดีกว่า” ฮีเจแนะนำ
“ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ ข้ามีวิธีจะจัดการกับเด็กคนนั้น พี่แค่ไปทำเรื่องที่ควรทำต่อไปก็พอ”
ทงอีบอกจองซังกุงเพื่อขอเข้าเฝ้าพระมเหสีอินฮอน
“หม่อมฉันไร้ความสามารถ ทำให้พระมเหสีต้องทรงตกที่นั่งลำบาก ขอขอประทานอภัยเพคะ” จองซังกุงกล่าว
“หม่อมฉันไร้ความสามารถ ทำให้พระมเหสีต้องทรงตกที่นั่งลำบาก ขอขอประทานอภัยเพคะ” จองซังกุงกล่าว
“ไม่ใช่หรอก ถ้านี่เป็นแผนที่ตำหนักชีซอนวางเอาไว้ มันก็คือกับดักที่ถูกวางเอาไว้ตั้งแต่เริ่ม แต่ครั้งนี้ข้ากลับดึงพวกเจ้า ให้ต้องเข้ามาเดือดร้อนไปด้วย ข้าต้องขอโทษด้วยนะ ข้าได้ยินจองซังกุงบอกว่า เจ้าต้องพยายามไม่น้อยกับการยอมบาดหมางกับตำหนักชีซอน คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ขอบใจเจ้ามากนะ” พระมเหสีอินฮอนหันไปตรัสกับทงอี
“มิได้เพคะพระมเหสี”
“พระมเหสี ที่จริง พวกหม่อมฉันมาเข้าเฝ้า ก็เพราะมีเรื่องอยากทูลถาม” จองซังกุงเริ่มเรื่อง
“จดหมายที่พระองค์ทรงให้พวกหม่อมฉันดูเพคะพระองค์..เคยให้ใครพบเห็นจดหมายฉบับนั้นมาก่อนรึเปล่า?” ทงอีรีบถามขึ้น
“จดหมายฉบับนั้น ก่อนจะเอาให้พวกเจ้าดู ข้าเคยเอาไปปรึกษากับญาติของข้ามาก่อน ถึงพวกเค้าสงสัย ว่าจะเป็นการกระทำของตำหนักชีซอน แต่ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงได้ฝากให้พวกเจ้าช่วยไปสืบเรื่องนี้ แต่ว่า…ทำไมถึงถามเรื่องนี้มาล่ะ?” พระมเหสีอินออนถามอย่างแปลกใจ
“เฮ้อ.. ข้ารู้สึกกลัวกับความจริงที่รออยู่ตรงหน้า ขณะที่นางเป็นมเหสี และเป็นพระมารดาขององค์ชายในอนาตคต สำหรับข้าแล้วนางเป็น..เหมือนภรรยาที่ข้าต้องรู้สึกติดค้าง พระสนมเป็นผู้หญิงที่ข้าคอยปรับทุกข์เสมอ แต่ว่าในตอนนี้ ข้ากลับไม่อาจเชื่อใจใครได้สักคน มันทำให้ข้า..รู้สึกเจ็บปวด เมื่อคิดว่าสักวันข้าต้องลงโทษ ใครสักคนในคนทั้งสองนี้ ข้าก็รู้สึกทำไม่ลง”
“ฝ่าบาท ที่จริงหม่อมฉันมีเรื่องนึงที่ต้อง.. ” ทงอีจะอธิบายเรื่องพระมเหสี แต่พระเจ้าซุกจงก็ตัดบทเสียก่อน
“นี่ข้า..พูดเพ้อเจ้ออะไรต่อหน้าเจ้าเนี่ย ข้าบ่นอะไรของข้านะ เฮ้อ..แย่จัง พระราชาอย่างข้านี่แย่จัง ข้าไม่ได้เรียกเจ้ามาบ่นซักหน่อย หึ ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกเพคะ อย่าไปใส่พระทัยกับมันเลย ตอนนี้หม่อมฉันแค่..กำลังฟังใต้เท้าผู้ช่วยปรับทุกข์เท่านั้น ดังนั้นท่านพูดมาให้เต็มที่เลยเจ้าค่ะใต้เท้า”
“ใต้เท้า? ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ไม่เสียทีที่เป็นพงซาน ทำข้าหัวเราะได้อีก ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทงอี ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนเดียวในวังหลวง ที่ข้าสามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้ ถึงข้าจะเชื่อใครในวังไม่ได้เลย แต่อย่างน้อย ก็อยากให้เจ้าเป็นเพื่อนที่..ข้าเชื่อใจและไว้ใจได้ตลอดไป”
พระเจ้าซุกจงรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้อยู่กับทงอี พระสนมฮีบินมาเฝ้าพระเจ้าซุกจงและเห็นความสนิทสนมหยอกล้อระหว่างพระเจ้าซุกจงและทงอี ทำให้นางหวั่นไหวมาก
ทงอีนำเรื่องมาปรึกษากับชอนซู พร้อมกับขอให้ชอนซูช่วยสืบหาความจริง ชอนซูสืบเรื่องราวทำให้รู้ว่าหมอหลวงฮอเกี่ยวพันกับพระมเหสีอินฮอนมาตั้งแต่ต้นตระกูล
“ท่านหมายความว่ายังไง หมอหลวงฮอมีความเกี่ยวพันกับคนในตระกูลของพระมเหสี” ทงอีกล่าวอย่างแปลกใจเมื่อชอนซูบอก
“หมอหลวงฮอเป็นคนในตระกูลหมอหลวงหลายชั่วคน พ่อของเค้าก็เคยทำหน้าที่รักษาญาติผู้ใหญ่ในตระกูลของพระมเหสีด้วย คนที่มีความเกี่ยวพันกันอย่างนี้ กลับสารภาพว่าพระมเหสีเป็นคนบงการเรื่องนี้ซะเอง ถือว่าไม่เป็นผลดีกับพระมเหสีอย่างมาก” ชอนซูกล่าวอย่างหนักใจ
“หมอหลวงฮอเป็น คนในตระกูลหมอหลวงหลายชั่วคน พ่อของเค้าก็เคยทำหน้าที่รักษาญาติผู้ใหญ่ในตระกูลของพระมเหสีด้วย”
ด้านใต้เท้าซอได้ให้ผู้ช่วยไปพาหัวหน้ากลุ่มพ่อค้าลิมซังจูมาพบเพื่อไถ่ถาม “เท่าที่ข้ารู้กองร้านค้าของเจ้า คบค้าอยู่กับตระกูลของพระมเหสีมาโดยตลอด เป็นความจริงรึ?”
“ใช่ เป็นความจริงขอรับ หลายปีก่อนที่ค้าขายกับต้าชิง ข้าเคยได้รับความช่วยเหลือมา จากนั้นมาพวกเค้าก็ช่วยข้ามาตลอด แต่ว่า ทำไมใต้เท้าถามเรื่องนี้ล่ะ?”
ใต้เท้าซอสืบหาความจริงและก็พบว่า เป็นลักษณะเดียวกับที่ชอนซูพบจึงเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง
“อะไรนะ หมอหลวงฮอมีความเกี่ยวข้อง กับตระกูลพระมเหสีมาโดยตลอดรึ? แต่ แต่ว่า ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ตัดสินไม่ได้ว่าที่พูดมาเป็นความจริง”
“แต่ว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่นั้นพะยะค่ะ หลังจากที่ได้ค้นบ้านหมอหลวงฮอ ในสมุดเล่มนี้ยังมีการบันทึกเรื่องที่ หมอหลวงฮอช่วยเหลือตระกูลพระมเหสี และได้รับค่าตอบแทนในการช่วยเหลือ และหนึ่งในนั้น ค่าตอบแทนเป็นตั๋วเงินก้อนโตหมื่นตำลึง แถมตั๋วเงินนั้น เพิ่งจ่ายออกไปก่อนที่พระพันปีจะล้มป่วยพ่ะย่ะค่ะ และคนที่จ่ายเงินเป็น ลูกพี่ลูกน้องของพระมเหสี และ เป็นตั๋วเงินที่จะต้องขึ้นเงินจากกองร้านค้า ที่ใกล้ชิดกับตระกูลด้วยพ่ะย่ะค่ะ พระอาญามิพ้นเกล้า” ใต้เท้าซอถวายรายงาน
“ทำไม ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ยังไง?” พระเจ้าซุกจงไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
ทงอีมาพบใต้เท้าซอเพื่อถามความจริงเรื่องที่พบหลักฐานว่าหมอหลวงฮอเกี่ยวข้องกับตระกูลพระมเหสี ทงอีไม่อยากจะเชื่อ แต่ใต้เท้าซอบอกให้ทงอีเลิกปกป้องพระมเหสี เพราะทงอีอาจต้องโทษฐานสมรู้ร่วมคิดด้วย
ด้านพระเจ้าซุกจงก็มาตรัสถามพระมเหสีอินฮอนด้วยพระองค์เอง
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เจ้าอธิบายให้ฟังได้มั้ย? แล้วตระกูลของเจ้าล่ะ ญาติพี่น้องของเจ้าก็..ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ วันก่อนเจ้าเคยบอกข้าว่า คดีนี้เจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่มีอะไรปิดบังข้าอีกแล้ว จำได้มั้ย ข้าจะขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเคยพูดคุยเรื่องนี้..กับคนในตระกูล ของเจ้าบ้างรึเปล่า พระมเหสี พระมเหสี”
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เจ้าอธิบายให้ฟังได้มั้ย? แล้วตระกูลของเจ้าล่ะ ญาติพี่น้องของเจ้าก็..ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ วันก่อนเจ้าเคยบอกข้าว่า คดีนี้เจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่มีอะไรปิดบังข้าอีกแล้ว จำได้มั้ย ข้าจะขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเคยพูดคุยเรื่องนี้..กับคนในตระกูล ของเจ้าบ้างรึเปล่า พระมเหสี พระมเหสี”
“เคยเพคะ วันที่หม่อมฉัน ได้รับจดหมาย หม่อมฉันตกใจเลยไปปรึกษากับญาติ ๆ”
“พระมเหสี แล้วทำไมเจ้าถึง เพิ่งมาบอกข้าป่านนี้ เจ้าปิดบังข้ารึ?”
“หม่อมฉันไม่ได้ปิดบังฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องทูลรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาท เรื่องที่ญาติผู้ใหญ่ไปเกี่ยวข้องกับหมอหลวงฮอนั่น หม่อมฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฝ่าบาท..” พระมเหสีอินฮอนตรัส
พระเจ้าซุกจงโอนเรื่องการสืบข้อเท็จจริงไปให้ศาลไต่สวน โดยโฮยอนสั่งให้จับนางในและคนในตระกูลของพระมเหสีไปสอบปากคำ
ด้านทงอียังไม่ยอมเลิกราบอกจะออกจากวังค้นหาความจริง จองอิมรู้เข้าจึงห้ามไว้
“ไม่ได้นะทงอี อีกเดี๋ยวศาลไต่สวนก็จะมาสอบปากคำพวกเรา ถ้าพวกเค้ารู้ว่าเจ้ายังเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่ เจ้าจะถูกลงโทษไปไปด้วย”
“ไม่ได้นะทงอี อีกเดี๋ยวศาลไต่สวนก็จะมาสอบปากคำพวกเรา ถ้าพวกเค้ารู้ว่าเจ้ายังเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่ เจ้าจะถูกลงโทษไปไปด้วย”
“ถ้างั้นข้าก็ยอมถูกลงโทษ” ทงอีกล่าวอย่างมุ่งมั่น “มันแปลกเกินไป เรื่องนี้ยังมีจุดน่าสงสัยอยู่ตั้งหลายอย่างนะ หมอหลวงคุ้นเคยกับตระกูลพระมเหสี ทั้งยังได้รับเงินก้อนใหญ่มาแล้ว ทำไมเค้าถึงไม่สารภาพเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก มีหลักฐานอะไรที่เด่นชัดไปกว่านี้อีก คนพวกนั้น จงใจรอให้พวกเราไปสืบเจอ เจ้าไม่เข้าใจอีกเหรอ ว่าพวกเค้ารอให้เราตามสืบเจอ แล้วนำหลักฐานไปให้พระราชา เพื่อเป็นการขจัดความลังเลของพระราชาไป”
“เอาล่ะ ต่อให้ที่เจ้าพูดมาไม่ผิด ตอนนี้เจ้าจะทำอะไรได้ ถ้าไปยุ่ง เจ้าจะยิ่งตกสู่บ่อโคลนลึกมากขึ้นนะ”
“ข้าจะไม่ยอมหนีมันแน่ ถ้าทำเพื่อหนีจากบ่อ เแล้วต้องเห็นความน่าสมเพชของตัวเอง ข้ายอมเดินสู่บ่อโคลนนั้น แทนที่จะเลือกหนีค่ะท่านฮังอา” ทงอีบอก
พระมเหสีอินฮอนให้โชซังกุงมาตามพระสนมฮีบินไปพบ เมื่อเผชิญหน้ากันพระมเหสีอินฮอนก็ตรัสให้พระสนมฮีบินเลิกแผนการเพราะส่งผลร้ายกับคนอื่น แต่พระสนมฮีบินแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง หลังจากพบกับพระมเหสี พระสนมฮีบินก็มาปรึกษากับฮีเจผู้เป็นพี่ชาย
“เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ ข้ามีความสุขเลยดื่มไปสักหน่อยน่ะ หึ ๆ ๆ” ฮีเจหัวเราะ
“ยังไม่ถึงเวลาที่จะวางใจได้หรอก เรื่องเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นพี่ชาย”
“เรื่องนี้เหรอ มันถูกกำหนดให้สำเร็จตั้งแต่ต้นแล้ว เชื่อข้าเถอะพระสนม ข้าใช้เวลามากมาย เตรียมการทุกอย่างมาก็เพื่อวันนี้ หึ ๆ ๆ
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น ข้ามีเรื่องอยากจะขอพระสนมหน่อย ก็คือเด็กคนนั้น ท่านคิดจะปล่อยนางไปอย่างนี้เหรอ เรื่องที่เกิดขึ้นข้าได้ยินจากโชซังกุงแล้ว พระสนม ตำหนักกลางอาจเป็นของพระมเหสี แต่คนที่ได้ครอบครองพระทัยอาจจะเป็นเด็กคนนั้นก็ได้ พระสนมไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก ข้าจะจัดการอย่างขาวสะอาด ยกให้เป็นหน้าที่ของข้าก็พอ พระสนม” ฮีเจคิดแผนที่จะจัดการทงอี
ทงอีพยายามสืบเรื่องโดยไปถามจงคูว่าจะเอาตั๋วแลกเงินไปขึ้นที่ร้านไหน เพราะนางเจอตั๋วแลกเงินที่บ้านหมอหลวงฮอ
“ร้านค้าที่ต้องขึ้นเงิน ก็คือร้านค้าของลิมซังจูไงล่ะ แต่ว่าเจ้าถามถึงเรื่องนี้ทำไม?”
“ร้านค้าที่ต้องขึ้นเงิน ก็คือร้านค้าของลิมซังจูไงล่ะ แต่ว่าเจ้าถามถึงเรื่องนี้ทำไม?”
“ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากรู้เท่านั้น”
“เจ้าช่างเป็นนางในที่กระตือรือร้นดีจริงเลย ไม่มีอะไรปิดบังตาคู่นี้ข้าได้ แค่เห็นครั้งแรกข้าก็มองทะลุปรุโปร่งได้แล้ว แฮะ ๆ ๆ”
“ใต้เท้าคะ ข้าอยากจะรบกวน ให้ท่านช่วยเก็บเรื่องที่ข้ามากองปราบได้มั้ยคะ? ข้ามีเหตุผลความจำเป็นนิดหน่อย”
“อ้อ เจ้าคงได้กลิ่นอะไรอีกล่ะสิ ข้าเข้าใจแล้วล่ะ เจ้าวางใจข้าได้เต็มที่”
“ถ้างั้นฝากท่านด้วยนะคะ”
“เชื่อใจฮวังจงคูคนนี้ได้เลย” ชอนซูเป็นห่วงทงอีมากขอให้ทงอีออกจากวังหลวงไปกับตนเอง แต่ทงอียังมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง
“ขอโทษค่ะพี่ชอนซู ข้าทำแบบนั้นไม่ได้ มีความจริงบางอย่างที่มี แต่ข้า ..เท่านั้นที่รู้เรื่องนั้นน่ะ ข้าจะปิดบังความจริง แล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะพี่”
“นั่นสิ เพราะเจ้าเป็นลูกสาวของท่านหัวหน้า และเป็นน้องสาวของทงจู เจ้าจะไปเหมือนใครล่ะ มาเถอะ ให้พี่ร่วมด้วยอีกคน”
“พี่ชอนซู”
“ข้าเสียเจ้าไปไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจห้ามเจ้าได้ ถ้าเจ้าต้องการทำงานของเจ้า พี่ก็มีหน้าที่ที่จะต้อง…คอยปกป้องเจ้าเอาไว้ นั่นคือหน้าที่” ชอนซูบอก ทั้งคู่จึงออกไปสืบหาร้านแลกตั๋วเงิน
ฮีเจกลัวว่าแผนการลอบปลงพระชนม์พระพันปีจะถูกเปิดโปง จึงคิดจะกำจัดทงอีทิ้ง โดยให้ซูเทคไปจับตัวทงอีมาขังไว้ ขณะที่ชอนซูก็ถูกคนของใต้เท้าซอจับไปสอบสวนเช่นกัน
* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี
หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่ (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา