วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 15



ทงอีรู้ฐานะที่แท้จริงของพระราชาก็รู้สึกหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ ขณะเดียวกันซอโยงกีก็สามารถนำรหัสลับที่ทงอีหามาไปจับกุมของกลางได้ แต่กลับกลายเป็นว่าขุนนางของต้าชิงกลับฆ่าตัวตาย ทำให้ทูตต้าชิงร้องของให้โชซอนมอบตัวทงอีไปให้ สุดท้ายทงอีจึงตัดสินใจไปมอบตัวที่เรือนรับรองของคณะทูตด้วยตัวเอง

เนื้อเรื่อง:


“แต่ยังไง ก็เป็นนางในโชซอน ควรให้พวกข้าเป็นคนสอบสวนที่มาที่ไปเอง ใต้เท้า มัวยืนทำอะไรอยู่ รีบนำตัวนางไปสิ” พระเจ้าซุกจง ตรัส

 “พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากช่วยทงอีไม่ให้ถูกจับตัวแล้ว พระเจ้าซุกจงก็ตรัสถามว่านางอยู่ที่ไหน

 “ทหารองครักษ์ คุ้มครองนางกลับวังแล้ว ฝ่าบาท นางในฝ่ายตรวจการที่เคยถูกจับตัว ตอนนี้มาอยู่ในเรือนรับรอง เกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศมีปัญหา”

 “ข้าจะรับผิดชอบเอง  เด็กคนนั้นกลับมาที่นี่จะต้องมีเหตุผลอะไรอยู่แน่ ไปตามผู้บัญชาการกองปราบมาพบข้า ต้องให้เค้าสืบหาข้อเท็จจริงให้ได้”

 “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ซูเทค เข้ามาบอกฮีเจ เรื่องที่ ทงอีบุกเข้าไปในเรือนรับรองห้องคิมยูนดัล และยังไปค้นห้องจนทั่ว

 “ร้ายกาจมาก ข้าดูคนไว้ไม่ผิดเลย ข้าคิดแล้วว่าเด็กคนนี้ ต้องเป็นตัวขัดขวางงานข้า แล้วนางไปค้นเจออะไรบ้างรึเปล่า?”

ซอ ทูลพระเจ้าซุกจงถึงสิ่งที่ทงอีค้นพบ


“เป็นรหัสลับหรือ?” “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท สิ่งที่ทงอีค้นเจอ คือสิ่งนี้ พ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นวิธีที่ผู้คนแถบซีอี้ใช้เอากระดาษแผ่นยาว พันไว้รอบไม้  ก็จะเห็นข้อความที่ต้องการจะสื่อถึง”

 “ซัมกอนวอลทูพี”

 “เป็นการแยกคำพ่ะย่ะค่ะ”

 “งั้นเหรอ?  ชองพา  ชองพาคืออะไร?”

 “น่าจะหมายถึง เขตที่อยู่ติดกับสุสานหลวงทางใต้ ตรงนั้นอยู่ติดแม่น้ำเป็นจุดขนย้ายสินค้าได้ง่าย แถมมีคนน้อย ไม่เป็นจุดสนใจของคน”

 “เป็นไปได้  ถ้าไปที่นั่นเราอาจจะได้หลักฐานมัดตัวคิมยูนดัลก็ได้”

 “ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

 “ก็ดี  ในเมื่อมีไอ้นี่อยู่ในมือแล้วจะรออะไร  ลงมือเลย ต้องหาหลักฐานมัดตัวคิมยูนดัลให้ได้ ก่อนที่ต้าชิงจะถามหาความรับผิดชอบกับเรื่องในวันนี้”

 “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ซอ กล่าว จากนั้นสั่งจงคู ให้ระดมมือปราบมาทั้งหมด และตามตนไปตรวจค้นเขตชอนพา

 ทงอี คิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ตนเองได้เจอและรู้จักพระเจ้าซุกจง ก็โทษตัวเอง



 “ยัยบื้อ ยัยบื้อเอ้ย เชทงอี ทำไมไม่เคยสงสัยเลยนะ แต่ว่าพระราชาก็เกินไป ทำไมต้องปิดบังเรื่องนี้ด้วย ทำไมบอกว่าเป็นผู้ช่วยผู้ว่า..ถ้ารู้แต่แรก คงไม่ทำแบบนั้น” ทงอี กล่าวจากนั้นจูซิกและยังดัลเข้ามาหา

 “เจ้า  เจ้าปลอดภัยใช่มั้ย?” จูซิก ถาม

 “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ เจ้าเป็นอะไรไป  ได้ยินว่าที่เรือนรับรองวุ่นวายใหญ่เลย” ยังดัล ถาม

 “นั่นสิ  เมื่อกี้พระราชาเสด็จมาด้วย” จูซิก กล่าว

 “นั่นสิ รู้มั้ยทงอี เมื่อกี้ข้าเห็นพระราชาแล้ว จริง ๆ นะ  พระพักตร์เหมือนผู้ช่วยผู้ว่าเปี๊ยบเลย”

 “พวกท่านเห็น..พระราชาแล้วเหรอ?” ทงอี ถาม

 “ใช่สิ ไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ย ฮะ ๆ เกือบเข้าใจผิดว่าพระราชาเป็นผู้ช่วยผู้ว่า ผู้ช่วยผู้ว่าเป็นพระราชาแล้ว ฮะ ๆๆ”

 “ก็นั่นน่ะสิ  ข้าน่าจะไปอำว่าข้าเคยนั่งกินเหล้ากับพระราชา ฮะ ๆๆ” “ท่านทั้งสอง  ใต้เท้า.. ใต้เท้าคนนั้น”

 “ทำไม มีอะไรเหรอ?”


 

“ใต้เท้าคนนั้นแหละพระราชา  ผู้ช่วยผู้ว่าที่นั่งดื่มเหล้ากับพวกท่านนั่น เค้าเป็น..เค้าเป็นพระราชาจริง ๆ” ทงอี กล่าว

 “ฮะ ๆๆๆ แหม.. ฮะ ๆๆ

 “นี่พวกท่าน นี่ข้าพูดจริง ๆ นะ” ทงอี ย้ำ

 “หะ เจ้าว่าเป็นพระราชาจริง ๆ เหรอ?”  ยังดัล กล่าว

 “ค่ะ” “เจ้า.. เจ้าว่าไงนะ  ยังดัล  เจ้าเด็กคนนี้พูดเรื่องอะไรเนี่ย?” จูซิก กล่าว

 “ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจ เหมือนจะบอกว่าใต้เท้าคนนั้นคือพระราชา” ยังดัล ถาม

 “ทงอี เจ้าอย่าเล่นของสูงสิ เอาพระราชามาล้อเล่น เดี๋ยวก็โดนหรอก”

 “ใต้เท้า ข้าไม่ได้ล้อเล่นค่ะ ข้าก็จะเพิ่งรู้วันนี้  แล้วก็กำลังสติแตกอยู่เนี่ย”

 “โอ๊ย แล้ว แล้ววันนั้นข้า  ข้ายังลงโทษให้เค้าดื่มเหล้า  เอ้ามา กินอีกคำสิ อ้ำ..  แถมยังป้อนหนังหมูให้ด้วย” ยังดัล ย้อนความหลัง แต่ทงอีบอกว่าทั้งสองดีกว่าตนเองที่เคยขึ้นไปเหยียบหลังพระราชา จากนั้น
นางในก็มาตามทงอีเข้าเฝ้า

ใต้เท้าซอ นำมือปราบมา มาค้นหาหลักฐานในบ้านร้างเก่า ๆ โดยมีจงคู กับฮีเจ ร่วมด้วย ทั้งสองรู้สึกเป็นกังวลที่ใต้เท้าซอสามารถพบหลักฐาน กลัวว่างานใหญ่ของทั้งสองเสียหาย จึงคิดที่จะกำจัดทงอีก่อนเรื่องจะบานปลายไปใหญ่ ทงอีถูกนางในจับมาแต่งตัวให้เหมาะสมจากนั้นจึงถูกนำตัวไปเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจง


 

 

 “เจ้าเข้ามานั่งสิ ไม่ได้ยินเหรอ  ข้าบอกให้นั่งไง”

 “ใต้ฝ่าพระบาท” ทงอี ทูล

 “ตกใจหมดเลย” พระเจ้าซุกจง ตรัส

 “ไม่ใช่สิ ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ”

 “เฮอะ”

 “โปรดอภัยด้วยนะเพคะ  หม่อมฉันไม่รู้ถึงได้ทำไปอย่างนั้น แม้แต่ฝันก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่า เป็นแค่ท่านผู้ช่วยผู้ว่าเท่านั้น” ทงอี ทูล

 “เฮอะ  ทงอี”

 “โปรดประทานอภัยด้วย หม่อมฉัน รู้ดีกว่าต้องมีโทษถึงตาย  แต่ว่า.. โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ”

 “ฮะ ๆๆ ตอนแรกข้ายังห่วงว่าถ้าเจอเจ้าข้าจะพูดยังไง ใต้ฝ่าพระบาทเหรอ สมกับเป็นเจ้าจริง ๆ พงซาน  เวลาอย่างนี้ยังทำให้ข้าหัวเราะได้ ฮ่า ๆๆ ดูเจ้าตกใจเข้าสิ  เอาเถอะเงยหน้าขึ้นได้แล้ว  คนที่ต้องขอโทษคือข้าต่างหากเล่า

 มาก้มหัวแบบนี้  ยิ่งทำให้ข้าลำบากใจนะ” พระเจ้าซุกจง ตรัส “ถ้าอย่างนั้น  ที่ฝ่าบาทเรียกหม่อมฉันมา ไม่ใช่เพื่อเรียกมาลงโทษหรือ?”

 “ลงโทษเหรอ? เอาอะไรมาพูด คนที่ปิดบังฐานะว่าเป็นผู้ช่วยผู้ว่าก็คือข้านี่ ที่จริงแล้ว  ข้าอยากจะบอกความจริงกับเจ้านานแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ถึงผลัดวันไปเรื่อย ๆ จนเป็นอย่างนี้  ดังนั้น  ถ้าข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจ ก็อย่าถือสาเลยนะ”

“หม่อมฉันไม่กล้าหรอกเพคะ หม่อมฉันจะกล้าไม่พอใจได้ยังไงเพคะ”

“เจ้าพูดจริงเหรอ?  เฮ้อ  ข้ายังกลัวอยู่เลย ว่าเจ้าจะพูดว่าทำไมถึงมาโม้แบบนี้แล้วก็โมโห จนชกหน้าข้าเข้า”

“ชก ชก ชกฝ่าบาทเหรอ หม่อมฉันจะกล้าได้ยังไง?”

 “ขนาดหลังข้าเจ้ายังกล้าเหยียบเลย ยังมีอะไรไม่กล้าอีก”

 “ฝ่าบาท  เรื่องนั้นมัน  เพราะว่าหม่อมฉันไม่รู้ว่าฝ่าบาทเป็น เป็นพระราชานี่เพคะ”

 “ถ้างั้น  เจ้าจะช่วยแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป จะได้รึเปล่าหา?”

 “หา?”

 “เจ้าอย่าเห็นข้าเป็นพระราชา พูดคุยกับข้าเป็นธรรมชาติเหมือนตอนที่ข้าเป็นผู้ช่วยผู้ว่าได้รึเปล่า?”

 “ฝ่า ฝ่าบาท”

 “รู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงไม่บอกเจ้าแต่แรก ก็เพราะกลัวว่าเจ้าจะเป็นอย่างนี้แหละ  กลัวว่ารู้แล้วเจ้าจะเอาแต่เคารพนบนอบแบบนี้  จริงอยู่  ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นพระราชา  ทำเหมือนเดิมคงไม่ง่าย  แต่ที่จริง  ไม่รู้ทำไมเวลาที่ได้อยู่กับเจ้า  ข้าไม่อยากเป็นพระราชาแต่อยากเป็นคนธรรมดา  ดังนั้น  ข้าอยากจะเรียกเจ้าว่าพงซานต่อไป เจ้าช่วยเห็นข้าเป็นผู้ช่วยผู้ว่าเหมือนตอนเจอกันจะได้รึเปล่า?” พระเจ้าซุกจง ตรัส

 “แต่ว่าฝ่าบาท  หม่อมฉันจะกล้าได้ยังไง?”

 “เจ้าต้องทำได้สิน่า ไม่สิ เจ้าจะต้องทำด้วย  นี่ถือเป็นคำสั่ง เข้าใจรึเปล่า? ฮะ ๆ ๆ”

 “ฝ่าบาท”


 ใต้เท้าซอหาหลักฐานเพื่อเอาผิดกับยูนดัล ได้ แต่ฮีเจกลับบอกยูนดัลตนเองจะคุ้มครองยูนดัลหนีออกไปจากโชซอนเอง ด้านซอสอบถามจงคู เรื่องคุมตัวนักโทษ เขาจึงนำกำลังไปเรือนรับรองโมฮวา

พระเจ้าซุกจงทราบเรื่องกองปราบนำกำลังไปจับตัวคิมยูนดัลจากข้าหลวงจากนั้น ผู้นำคณะทูตของต้าชิง มาขอเข้าเฝ้า


 “หมายความว่ายังไง คิมยูนดัลฆ่าตัวตายงั้นเหรอ?”

 “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท  เป็นอย่างที่กระหม่อมกราบทูล  เขาเป็นขุนนางต้าชิงแต่กลับเลือกมาปลิดชีวิตตัวเองในโชซอนแบบนี้  และนี่เป็น จดหมายลาตายของคิมยูนดัล  เพราะว่าเค้าถูกใส่ร้ายจึงยอมฆ่าตัวตายแทน เพราะคิดว่าคงหมดหนทาง เรียกร้องความเป็นธรรมในโชซอนได้” ทูตของต้าชิง กล่าวทูล

 “ว่าอะไรนะ?”

 “ตอนเกิดเรื่องไม่สมควรที่เรือนรับรอง กระหม่อมไม่เคยแสดงความไม่พอใจฝ่าบาทแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะ ยังอยากจะรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันเอาไว้  แต่ตอนนี้โชซอนได้ใส่ร้าย  ปรักปรำขุนนางของต้าชิง  จนเค้าต้องฆ่าตัวตายไปเช่นนี้  กระหม่อมคงไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป”

 “จะว่าเป็นการปรักปรำได้ยังไง  เขาทำการค้าของเถื่อนในแผ่นดินโชซอนจริง  และทางเราก็พบหลักฐานแล้ว”

 “หลักฐานงั้นหรือ รหัสลับที่นางในคนนึง ไปพบเข้าน่ะหรือ โชซอนสงสัยในตัวคิมยูนดัล  และพุ่งเป้าสืบค้นเค้าแต่แรก  ดังนั้น  นี่อาจเป็นกับดักใส่ร้ายคิมยูนดัลก็ได้”

 “ใต้เท้า ท่านพูดเกินไปแล้วนะ”

 “ไม่เลย ไม่เกินไปเลยสักนิด ไม่งั้น คิมยูนดัลที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ จนฆ่าตัวตายจะว่ายังไง”

 “แล้วยังไง สิ่งที่ท่านทูตต้องการคืออะไรล่ะ?”

 “โปรดส่งตัวนางในฝ่ายตรวจการให้กระหม่อม”

 “ท่านว่าอะไรนะ?”

 “กระหม่อมอยากสืบหาความจริงว่านี่เป็นกับดักที่วางไว้ใส่ร้ายคิมยูนดัลหรือไม่ ดังนั้นจะต้องคุมตัวนางในคนนั้นกลับไปยังต้าชิง เพื่อไต่สวนเรื่องนี้ให้กระจ่างพ่ะย่ะค่ะ”

 “ท่านว่ายังไงนะ?”

 ทงอีตื่นมาตอนเช้า จองอิมก็บอกให้นางรีบไปพบจองซังกุง

 “หมายความว่าไงคะท่านซังกุง คณะทูตต้าชิง จะเอาตัวข้าไปไต่สวนที่ต้าชิงเหรอ ท่านซังกุง ท่านซังกุง” ทงอี ตกใจเมื่อรู้จากจองซังกุง

 แทซุก เข้าเฝ้าพระราชาซุกจง ทูลให้รอให้เรื่องสงบแล้วคอยสอบสวนหาความจริงในคดีนี้ต่อไป


“แล้วยังไงหา ตอนนี้พวกท่าน ต้องการให้ส่งตัวนางในฝ่ายตรวจการให้เค้าใช่มั้ย?”

 “ฝ่าบาท ขุนนางที่มากับคณะทูตฆ่าตัวตายแบบนี้ อาจจะทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศขาดสะบั้นลงได้ ดังนั้น จึงควรส่งตัวนางในไปก่อนแล้วค่อยค่อย..”  อินกุ๊ก ทูล

 “หยุดพูดได้แล้ว ข้าไม่อยากจะฟัง นางในฝ่ายตรวจการ ก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเอง แต่คนที่ผิดคือขันทีคนนั้น แต่พวกท่านกลับพูดออกมาได้ ว่าให้ส่งตัวนางในที่ไม่มีความผิดไป”

 “แต่ว่าฝ่าบาท … ถ้าไม่ทำแบบนี้เราจะแก้ไขสถานการณ์ยังไง คณะทูตต้าชิงไม่มีทาง ยอมกลับไปมือเปล่าแน่พ่ะย่ะค่ะ  ถ้าพวกเค้ายืนยันจะอยู่ในโชซอน ทหารชิงที่ประจากอยู่ที่เสิ่นหยาง จะต้องเข้ามาในโชซอนเพื่อคุ้มครองพวกเค้าอย่างแน่นอน เช่นนี้ พวกเราจะหยุดสถานการณ์ได้อย่างไร  ขอให้ฝ่าบาททรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” แทซุก ทูล

อันเข้ามารายงานพระมเหสีอินฮอน ว่าฝ่าบาททรงปฏิเสธคำของต้าชิง พระพันปีมองซอง ไม่พอพระทัยที่เพื่อนางในคนเดียวถึงกับยอมเอาบ้านเมืองไปเสี่ยงอันตราย แต่อินฮอนทูลว่า ฝ่าบาทตัดสินพระทัยถูกแล้ว นางในคนนั้นก็เป็นประชาชนของฝ่าบาท

 พง บอกกับจองซังกุงว่า พวกขุนนางใหญ่ ทูลเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ฝ่าบาทส่งตัวทงอีไป จองซังกุงเห็นว่าทงอียอมเสี่ยงชีวิตเพื่อบ้านเมือง แต่พวกขุนนางกลับกลัวทูตต้าชิงขู่ จึงคิดจะเดินทางไปหาผู้บัญชาการกองปราบ

 ยูนจะไปหาซังกุงถึงเรื่องที่ทงอีทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ฮีเจเข้ามาห้ามบอกว่าเป็นฝีมือของตนเอง

 “ตั้งแต่เด็กจนโต เคยเห็นข้ายอมปล่อยให้คนที่มาอวดดีต่อหน้าลอยนวลเหรอ พวกมันต้องถูกข้าอัดจน
แทบพิการ  จนเดินไม่ได้ไปนั่นแหละ”

 “เจ้า เจ้าไปทำอะไรกันแน่?” ยูน ถามลูกชาย

 “ตอนนี้ข้ายังบอกกับท่านแม่ไม่ได้หรอก ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อท่านซังกุง  เพียงแต่ตอนนี้ท่านซังกุงยังไม่รู้ว่า เด็กนั่นอันตรายแค่ไหน”


ทงอี มาขอพบท่านผู้บัญชาการกองปราบเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องที่เรือนรับรองโมฮวา แต่ชอนซูได้มาดักรอพบทงอีก่อนหลังจากรู้เรื่องต้าชิงต้องการตัวทงอีจากยังดัล เมื่อพบกับทงอี ก็บอกให้นางไปจากเมืองหลวง

 “แต่ข้าเป็นนางในในวัง  นางในจะหนีไปไม่ได้หรอกค่ะพี่”

 “ถ้าอย่างนั้น  เจ้าจะกลับไปต้าชิงกับพวกมันรึ ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องตายแน่ ไม่ต้องพูดแล้วทำตามที่พี่บอก  เราไปจากเมืองหลวงคืนนี้  ตกลงตามนี้ เจ้าก็เตรียมตัวเอาไว้”

 “พี่ชอนซู”

จองซังกุงมาพบกับซอ ขอร้องไม่ให้ส่งตัวทงอีไปให้ต้าชิง แต่ซอบอกว่าฝ่าบาทก็วิตกกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เรื่องมันบานปลายถึงขั้นที่แก้ไขไม่ได้แล้ว จางซังกุงมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงทูลว่าเรื่องของทงอีเป็นความผิดของตน และขอให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัยอย่างรอบคอบและชาญฉลาด


“ใช่แล้ว ก็ต้องเป็นแบบนั้น  แต่พวกขุนนางกลับยืนยัน จะให้ส่งตัวเด็กคนนั้นให้ต้าชิง ไม่รู้ว่ามีวิธีไหนคลี่คลายวิกฤติได้บ้าง?”

 “แปลว่า  ไม่ว่ายังไงพระองค์ก็จะไม่ยอมส่งตัวทงอีไปหรือเพคะ” จางซังกุง  ทูลถาม

 “เรื่องนั้นแน่นอน  เด็กคนนั้นทำผิดอะไร  ไม่ว่า จะต้องแลกด้วยอะไรข้าก็ต้องทำไปตามหลักการที่ควรจะเป็นจะปล่อยให้นางในไร้กำลัง มาแบกความรับผิดชอบไม่ได้”

 ชอนซูกลับมาก็พบกับยังดัลบอกว่าทงอีได้ทิ้งจดหมายเอาไว้ โดยที่ทงอีเปลี่ยนใจเพื่อตัดปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเดินทางไปมอบตัวกับพวกต้าชิงที่เรือนรับรองด้วยตัวเอง เมื่อพระเจ้าซุกจงรู้ก็รับสั่งให้ขันทีเข้าเฝ้าเพื่อตรัสถาม


 “นี่เป็นฝีมือของใครกันแน่ ใครกล้าส่งตัวเด็กคนนั้นไปเรือนรับรองโดยที่ไม่มีคำสั่งข้า”

 “เด็กคนนั้น  ไปที่นั่นเองพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

 “อะไรนะ?”

 “นางในชอนทงอี  ไปรายงานกับซังกุงฝ่ายตรวจการเอง  และบอกว่านางตัดสินใจจะไปมอบตัวกับทูตต้าชิง”

 

* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่  (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา