วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ตอนที่ 40



ทงอีขอเดินทางไปยังเรือนประทับนอกวังที่พระมเหสีอินฮอนได้จัดไว้ แล้วร่วมมือกับชิมวูนเทคไปสืบยังบ่อนที่พวกต้าชิงชอบไปเล่น เพื่อสืบหาความหมายสัญลักษณ์มือที่ผู้ตรวจการณ์จางในอดีตได้ทิ้งไว้ ขณะเดียวกันกลุ่มชนชั้นสูงก็ยังถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง หลายคนคาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคอมเก

เนื้อเรื่อง:




ทงอีจะไปพักฟื้นนอกวังโดยอ้างว่าพักหลังจากคลอด  พระมเหสีอินฮอนจึงจัดการจัดที่พักให้ โดยให้พงซังกุงคอยดูแล
    
“เรื่องพระสนม เสด็จมาประทับอยู่ที่นี่ ต้องกำชับพวกนางในเป็นพิเศษว่าอย่าแพร่งพรายออกไปอย่างเด็ดขาด เข้าใจรึเปล่า?”
    
“ค่ะท่านซังกุง”
    
“เอาล่ะทุกคนรีบแยกย้ายกันไปจัดเตรียมที่พัก อ้อ พระสนมล่ะ” พงซังกุงถาม
    
“พระสนมกำลังจัดของอยู่ในห้องค่ะ” เอจองบอก
  
“เจ้าอยากจะไปพักฟื้นที่นอกวังสักระยะรึ?” พระมเหสีอินฮอนถาม


“เพคะ ก่อนหน้านี้พระมเหสี เคยตรัสถามเรื่องนี้กับหม่อมฉันตอนที่เพิ่งคลอดพระโอรส” 
    
“นั่นสิ ข้าเคยถามเจ้า ในวังเรื่องมากคนก็เยอะ ถ้าหาที่สงบพักฟื้นร่างกาย จะดีกับเจ้ามากกว่า แต่ว่า ทำไมเพิ่งคิดจะไปล่ะ หรือว่าเจ้ารู้สึกไม่สบาย”
    
“ไม่ใช่อย่างนั้นเพคะ”
    
“งั้นหรือ แล้วเป็นเพราะอะไร”
    
ทงอีมองหน้าอย่างมีเรื่องจะพูด 
    
อันซังกุงถามเรื่องที่ทงอีจะขอไปพักบอกวัง โดยไม่ยอมบอกเหตุผล 
    
“ข้าเชื่อว่านางไม่มีทางทำแบบนี้โดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นข้าเองก็จำเป็น จะต้องเชื่อใจนางด้วย” พระมเหสีอินฮอนบอก
  
พระมเหสีอินฮอนขอเข้าเฝ้าพระเจ้าซุกจงเพื่อทูลเรื่องที่ทงอีจะขอไปพักผ่อนนอกวัง


“แต่ทำไม ถึงกะทันหันจังล่ะ พระมเหสี”
    
“เพราะหลังจาก พระสนมประสูติพระโอรสก็ดูจะเหน็ดเหนื่อยเกินไป นางอยู่ในวังคงไม่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ เลยให้ไปพักผ่อนนอกวัง”
    
“เจ้าก็เลย อนุญาตให้นางไปเหรอ”
    
“เพคะ”
    
“เข้าใจแล้ว แต่ว่า ช่วงนี้มีเหตุร้ายในเมืองหลวง เลยไม่รู้ว่าจะเหมาะรึเปล่า”
    
“เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลเพคะ หม่อมฉันส่งทหารติดตามไปรักษาความปลอดภัยด้วย คงไม่มีอะไรเพคะ”
  
เมื่อมาถึงเรือนพักนอกวัง  เหล่าซังกุง กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมทุกอย่าง  ทงอีจึงปลอมตัวออกจากที่พัก สร้างความโกลาหลให้กับบรรดาซังกุงมาก พงซังกุงรีบสั่งให้ทหารออกตามหา
    
ทงอีปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาและเดินทางไปหาซอลฮี ระหว่างนั้น ยังดัลและจูซิกซึ่งออกมาหาเหล้ากินก็เหลือบไปเห็น


“ผู้หญิงคนนั้นเหมือน ทงอีของเราตอนอยู่กองดนตรีไม่มีผิด”
    
“ใต้  ใต้เท้า เหมือนจะเป็นพระสนมจริง ๆ นะ โอ๋ จริง ๆ ด้วยแฮะ”
    
“พระสนมมาทำอะไรในที่แบบนี้กันแน่นะ”
    
“ก็นั่นน่ะสิ เอ่อ..”
      
“พระสนม ทำไมถึงแต่งองค์อย่างนี้มาที่นี่เพคะ” ซอลฮีกล่าวอย่างดีใจ


“ข้าขอโทษที่ต้องมากะทันหัน แต่ว่าข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะถามท่านหน่อย”
    
“ท่านจะถามเรื่องที่มีคนตายในหลายวันนี้ใช่มั้ย ที่จริงหม่อมฉันก็กำลังกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะมีหลายคนเดาว่า นี่น่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มคอมเกน่ะ”
    
“ข้าถึงได้มาเพื่อสืบเรื่องนี้ไง คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องในหลายวันมานี้ รวมถึงเมื่อหลายปีก่อน แล้วโยนความผิดไปให้กับกลุ่มคอมเกมันเป็นใครกันแน่?”

ทงอีได้พบกับชอนซูและหารือเกี่ยวกับเรื่องกลุ่มคอมเก


“หมู่บ้านพันเหรอ?”
    
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ คำสั่งของกลุ่มคอมเก ปกติท่านหัวหน้าจะออกคำสั่งที่หมู่บ้านพัน ตรงทางเข้าจะมีสะพานไม้เก่า ๆ อยู่ตรงนั้น ถ้ากลุ่มคอมเกก่อตั้งขึ้นมาใหม่จริง ที่สะพานไม้ตรงนั้นต้องมีความเคลื่อนไหวอะไรแน่”
    
ชอนชูบอก  ทงอีครุ่นคิดหนัก
  
การที่ทงอีออกไปพักนอกวังสร้างความสงสัยให้กับพระสนมฮีบินเป็นอย่างมาก  จึงให้ยองซอนไปสืบเรื่องหาความจริง


“พระมเหสีเป็นคนอนุญาตให้ไปพักฟื้นนอกวังรึ?”
    
“เพคะ และดูเหมือนตอนแรกพระราชาเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้ด้วย”
    
“แต่ว่ามีเรื่องนึงที่น่าแปลกเพคะ ถ้าเสด็จออกจากวังไปเพราะร่างกายไม่แข็งแรง แต่ช่วงที่ผ่านมาที่ตำหนักโบคยองไม่มีการถวายโอสถเลย” โชซังกุงตั้งข้อสังเกต
    
“ยังไม่ทันได้ทูลพระราชาก็รีบออกไปจากวังหลวงโดยอ้างว่าป่วยงั้นรึ ยองซอนรีบไปสืบเรื่องนี้ให้ละเอียดกว่านี้ โชซังกุงส่งคนไปแจ้งท่านเจ้าเมืองที ว่าข้าจะไปพบกับพวกเค้าในวันนี้”
    
“เพคะพระสนม”
    
“เพราะอะไรทงอี เหตุผลที่รีบออกจากวังคืออะไร?” พระสนมฮีบินกล่าวอย่างสงสัย
  
ทงอีลอบไปพบกับวูนเทค


“ทำไมถึงแต่งองค์แบบนี้ โธ่ ทำไมถึงแต่งองค์แบบนี้มาที่นี่ได้ล่ะ?” วูนเทคแปลกใจที่เห็นทงอีแต่งกายบ้าน ๆ มาก
    
“ตกใจใช่มั้ย?” ทงอีบอกถึงสิ่งที่เธอจะให้วูนเทคช่วย
    
“เอ๊ะ?  พระสนมหมายความว่า ท่านทรงนัดกระหม่อมมาที่นี่เพื่อจะมาบ่อนที่พวกพ่อค้าต้าชิงชอบมาเล่นกันน่ะหรือ?”
    
“ใช่ ถ้าสัญลักษณ์มือนี้หมายถึงตัวเลขของต้าชิง พวกพ่อค้าพวกนี้ก็น่าจะรู้ดีที่สุด ข้าไปถามที่หอนางโลม  ได้ยินว่าพวกพ่อค้าต้าชิงชอบมาที่นี่กันที่สุดเลย”
    
“ถ้างั้น เรื่องนี้ก็ให้กระหม่อมเป็นคนไปสืบเองพ่ะย่ะค่ะ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านขึ้น..”
    
“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าปลอมตัวมาเป็นสาวใช้ของล่ามชิมวูนเทคแล้ว ข้าแต่งตัวแบบนี้ใครจะไปจำข้าได้ล่ะ
    
วูนเทคอึกอัก แต่ทงอียืนยันว่าจะไปด้วย “แต่จะว่าไป มันก็จริงอยู่นะ”
    
“อีกอย่างนะ ถ้าท่านไปคนเดียว เกิดเจอปัญหาจะทำยังไงล่ะ เพราะท่านชอบก่อเรื่องอยู่เรื่อย  ให้ข้าอยู่ช่วยดีกว่า”
    
“พระสนม กระหม่อมจะก่อเรื่องได้ไง ไม่ใช่ซะหน่อย..กระหม่อม..”
    
“รีบไปดีกว่า” ทงอีเร่ง
    
“พระสนม คราวก่อนกระหม่อมก็สืบเรื่องมาได้เพราะปลอมตัวเป็นล่ามนี่..”
    
“ใช่ ๆๆ”
  
วูนเทคและทงอีเข้ามาในเมืองและตรงไปที่บ่อนซึ่งพ่อค้าต้าชิงชอบไปเล่นพนัน


“โอ้ว สวรรค์ นึกไม่ถึงเมืองหลวงจะมีพ่อค้าต้าชิงเยอะแบบนี้”
    
“ได้ยินว่าส่วนใหญ่ที่มากัน ก็มาเพื่อจะเล่นการพนันกันทั้งนั้นเลย”
    
“พวกผู้ชายนี่เหมือนกันหมด โชซอนหรือต้าชิงก็ผีพนันทั้งนั้น”
    
“ในกลุ่มคนพวกนี้ อาจมีใครที่รู้ความหมายของเลขพวกนั้นก็ได้”
    
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ถ้างั้นเรามาเริ่มกันทีละคน ไปกันเถอะ รอสักครู่”

วูนเทคเดินเข้าไปคุยกับพ่อค้าคนหนึ่งด้วยภาษาถิ่น “เป็นไง เสียไปเยอะเหรอพี่ชาย ข้าว่าพักก่อนสักตาดีกว่านะ”
    
พ่อค้าคนนั้นไม่ยอมคุยกับวูนเทค และเดินไป  วูนเทคและทงอีจึงเดินเข้าไปหาพ่อค้าอีกคน
    
“ไปเลย ๆ ๆ มา ๆ ๆ ๆ เล่นต่อ ๆ ๆ” พ่อค้าไม่อยากจะคุย
    
“บอกให้เค้าเปลี่ยนไพ่ใบใหม่” ทงอีดูพ่อค้าเล่นสักพักก็กระซิบบอกวูนเทค วูนเทคแปลกใจ แต่ก็ยอมทำตามที่ทงอีบอก “มานี่ ลองเปลี่ยนอันนี้ ลองดู”
    
“หา อ้อ ใช่ ๆ ๆ อย่างนี้ดี ๆ ๆ” พ่อค้าทำตามที่วูนเทคบอกก็เล่นได้
    
“พระสนม ทำไมท่านถึงเล่นเป็น” วูนเทค หันไปถามทงอี
    
“ตอนเป็นคนใช้เคยมีโอกาสได้เรียนมาบ้างน่ะ”
    
วูนเทคตาโต แปลกใจ “อะไรนะ  เรียนเล่นไพ่?”
    
“ลองไปถามเค้าดูสิ” ทงอีไม่ปล่อยโอกาส วูนเทคจึงหันไปถามพ่อค้าคนนั้น “เฮ้ ขอถามหน่อยสิ”
    
“มีอะไร?” พ่อค้ายอมคุยด้วย
  
มูยอลเรียกประชุมขุนนางฝ่ายใต้กลางดึก เหล่าขุนนางผู้ใหญ่ต่างก็แปลกใจ



“ใต้เท้า จางมูยอลเป็นเด็กหนุ่มคนนึง จะมาเรียกประชุมได้ยังไง อย่างนี้ใช้ได้หรือใต้เท้า?”

“ใต้เท้า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ หืม?”
    
“ต้องขอโทษที่ปล่อยให้ทุกท่านรอนาน ต้องขออภัยที่เชิญพวกท่านมากลางดึกอย่างนี้ ขอให้ใต้เท้าทุกท่านโปรดอภัยด้วย” มูยอลเริ่มพูด
    
“ว่าไง เจ้ามีเรื่องอะไร เรียกพวกข้ามาด้วยเรื่องอะไร?” แทซุกเสียงเข้ม
    
“ความจริงคนที่เชิญพวกท่านมาไม่ใช่ข้าน้อย เชิญเสด็จ”
    
มูยอลหันไปโค้งคำนับ สนมฮีบินเดินเข้ามา “ทุกท่าน เราไม่ได้พบกันนานเลยนะ ข้าเป็นคนเชิญพวกท่านมาเอง เพราะตอนนี้ตำหนักชีซอนตั้งอยู่ที่ไหน พวกท่านคงจะจำไม่ได้แล้วละมั้ง พวกท่านถึงได้กล้าให้ข้าต้องออกมาหาพวกท่านที่นี่ด้วยตัวเอง”
    
“พระสนม ๆ”
    
“แต่ท่านไม่ต้องกังวลหรอกท่านเสนาฯ เพื่อสิ่งที่ต้องการ แม้แต่คนที่ฆ่าพ่อก็ยังร่วมมือได้ หรือแม้แต่ยิ้มให้คนที่แทงข้างหลังข้าก็ยังได้ นี่เรียกว่าการเมืองไม่ใช่หรือ?” พระสนมกล่าวด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา
  
วูนเทคพูดคุยกับพ่อค้าต้าชิงหลายคน แต่ก็คว้าน้ำเหลว  เพราะทุกคนไม่ทราบเรื่อง  
    
“เฮ้อ พ่อค้าต้าชิงตั้งหลายคน แต่กลับไม่มีใครรู้เลยสักคน” ทงอีบ่น


“ขอประทานอภัยด้วย บางทีที่เดาว่าเป็นตัวเลขต้าชิง มันอาจจะผิดก็ได้”
    
“ข้าว่าไม่ใช่ ข้าคิดว่าไม่น่าจะผิด เพียงแต่ตัวเลขนั้นหมายถึงอะไร ยังตีความไม่ออกเท่านั้น?” ทงอีแน่ใจ  “ผู้ตรวจการจางทำสัญลักษณ์นี้ให้ข้าดูเพื่อจะบอกอะไรบางอย่างกับข้า ท่านพ่อเคยบอกว่า เรื่องตอนนั้นอาจจะเป็นฝีมือของขุนนางในกลุ่มฝ่ายใต้ก็ได้”
    
“เรื่องนี้กระหม่อม ได้ยินใต้เท้าซอบอกมาเหมือนกัน ถึงอย่างนั้น  ขุนนางฝ่ายใต้มีเยอะ มันจะเป็นใครล่ะ? พระสนม กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้...”
    
วูนเทคถอดใจ แต่ทงอียังไม่ย่อท้อ “ไม่ได้ ข้าจะทิ้งไปไม่ได้ นี่เป็นหลักฐานสุดท้ายที่ผู้ตรวจการจางทิ้งไว้ ก็แสดงว่าจะต้องเป็นเบาะแสที่สำคัญมาก จะทิ้งไปไม่ได้เด็ดขาด ข้าต้องหาความหมายของมันให้ได้”
  
ทงอีกลับมาที่พัก สร้างความดีใจให้กับเหล่าซังกุงเป็นอย่างมาก


“อะไรนะ พระสนม ๆ  ๆ นี่ท่านทำอะไรของท่านเนี่ย ท่านทำอย่างนี้ได้ยังไง” พงซังกุงบ่น ๆ
    
“ขอโทษนะพงซังกุง ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย”
    
“ไม่หรอกเพคะ ไม่เป็นไร เสด็จกลับอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว”
    
“พงซังกุง” ทงอียิ้ม
    
“แต่ตอนนี้ รีบเสด็จเข้าไปจะดีกว่า พระราชากำลังรอท่านอยู่ข้างใน”
    
“พระราชาหรือ?” ทงอีอุทานอย่างนึกไม่ถึงว่าพระเจ้าซุกจงจะเสด็จออกนอกวังเช่นนี้
    
พระราชารอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ

“ไหนบอกว่าแค่ออกไปเดินเล่นในเมือง ดึกไปรึเปล่า?”
    
“ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมจะออกไปดูพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรีบบอก
    
“ก็ดี เจ้าไปดูหน่อยก็ดี”
    
ขันทีจะเดินออกไป แต่พงซังกุงเดินเข้ามาและกราบทูล

“ฝ่าบาท พระสนมเสด็จแล้วเพคะ”


“ทงอี” พระเจ้าซุกจงดีพระทัยมาก
    
“ฝ่าบาท เสด็จมาที่นี่ได้ยังไงเพคะฝ่าบาท” ทงอีถวายคำนับ
    
“ข้าออกตรวจการลับ พอไปรอบ ๆ เมืองเสร็จก็เลยแวะมา เพราะได้ยินว่าเจ้าพักอยู่ที่นี่น่ะ” พระเจ้าซุกจงตรัส
    
“ขอประทานอภัยที่ออกมาโดยไม่ได้กราบทูล ทรงเป็นห่วงหรือเพคะ?”
    
“เป็นห่วงเจ้าเหรอ ยังจะมาถามข้าอีก ได้ยินว่าเจ้าไม่ค่อยสบายข้าเลยได้แต่ห่วง.. คิดว่าเจ้าเป็นอะไร สุดท้ายก็หนีออกไปเที่ยวจนค่ำ” 
    
“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันกลัวเบื่อ เลยออกไปตากลมเล่นเพคะ” ทงอีพูดยิ้ม ๆ

“ก็นั่นสิ เจ้ามาอยู่นอกวังแล้วนี่นา ข้าดันโง่ที่เชื่อว่าเจ้าจะเจี๋ยมเจี้ยมอยู่แต่ในบ้าน ถึงอย่างนั้น ข้าก็ขอให้เจ้าอดทนเพื่อข้าหน่อยเถอะ  ในเมืองหลวงมีเรื่องอยู่ เจ้ากลับหนีออกมานอกวัง ข้าเป็นห่วงจนวางใจไม่ลงจริง ๆ แต่ว่า สีหน้าเจ้าดูไม่ดีจริงด้วย ไม่สบายมากเลยใช่มั้ย?” พระเจ้าซุกจงเป็นห่วงทงอีมาก
    
“ไม่ ไม่เพคะฝ่าบาท ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
    
“ไม่จริงมั้ง แม้แต่รอยยิ้มเจ้าก็หายไป ต้องมีอะไรสักอย่างแน่ โอย.. จริง ๆ เลย  ถึงข้าจะอยากพาเจ้ากลับวังไปซะเดี๋ยวนี้ แต่ได้ยินว่าน้ำที่นี่เหมาะกับการรักษา วันนี้ข้าจะอดทนกลับไปคนเดียว ดังนั้น ในวันที่เจ้ากลับเข้าวัง เจ้าต้องยิ้มให้สดใสอย่างที่เจ้าเคยเป็นได้มั้ย ข้าต้องเห็นรอยยิ้มของเจ้าถึงจะมีแรง  เข้าใจรึเปล่า?” พระเจ้าซุกจงตรัส
    
ทงอียิ้มให้ “เพคะฝ่าบาท แน่นอนเลยเพคะ พอหม่อมฉันกลับเข้าวังแล้ว หม่อมฉันจะให้ฝ่าบาทได้เห็นรอยยิ้มสดใสทุกวันเพคะ”
    
“อืม ดีมาก หึ ๆๆ”
    
ก่อนเสด็จกลับ พระเจ้าซุกจงสั่งให้เพิ่มกำลังการคุ้มกันอย่างเข้มงวด

“ข้ารู้สึกสังหรณ์ว่า ในเมืองหลวงยังดูไม่ปกติ เจ้าเมืองฮันยางบอกว่าการฆ่าชนชั้นสูงตอนนี้ เหมือนจะเป็นฝีมือของกลุ่มคอมเก หรือว่าพวกเค้าจะกลับมาทำความผิดซ้ำเดิมกันอีกครั้งนึง เฮ้อ”


คืนนั้นชอนซูถึงกับนอนไม่หลับ เพราะคิดเรื่องผ้าโพกหัวแดงที่เจอ เพราะเป็นสัญลักษณ์สั่งรวมพลของพวกคอมเก “คอมเกจริง ๆ กลุ่มคอมเกก่อตั้งขึ้นใหม่เหรอ?”
    
ด้านทงอีก็เช่นเดียวกัน ไม่เชื่อว่าจะเป็นฝีมือกลุ่มคอมเก อีกทั้งขุนนางผู้ใหญ่ก็ต้องมาตาย อยู่เรื่อย ๆ นางจึงคิดที่จะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง
    
“ใช่แล้ว ยังไงก็ต้องสืบ ถือว่าเพื่อพระราชา และแผ่นดินนี้จะต้องไม่มีผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตายอีก”
  
สนมฮีบินให้มูยอลไปสืบเรื่องราวของทงอี


“นางออกจากวังไปพักอยู่ที่ไหน  แล้วนางทำอะไรบ้าง..”
    
“อยู่ที่บ้านลุงของพระมเหสีที่แจตงพ่ะย่ะค่ะ และเรื่องนั้นกระหม่อม..ก็ได้ส่งคนไปสืบดูแล้ว สิ่งแรกที่กระหม่อมทำหลังจากมาถึงเมืองหลวง ก็คือสืบประวัติความเคลื่อนไหวพระสนมซุกวอนและคนรอบตัว เพราะศัตรูสำคัญที่สุดของพระองค์ ก็คือพระสนมซุกวอน ถ้าความประสงค์ของนางเป็นเช่นนี้ หน้าที่การขับไล่ศัตรูก็เป็นหน้าที่สำคัญของกระหม่อม ดังนั้น  ขอให้ทรงวางพระทัยได้ ไม่นานคนข้างกายพระองค์จะกลับมา และหนามยอกอกในวังของพระองค์ก็จะต้องหายไป” มูยอลพูดขึงขังสร้างความพอใจให้กับพระสนมเป็นอย่างมาก

“ข้าคิดว่า..ข้าดูเจ้าไม่ผิดเลยจริง ๆ” 
    
มูยอลให้ยูซังกุงไปสืบเรื่องของทงอี แม้จะไม่ค่อยอยากทำนัก  แต่ยูซังกุงก็ปฏิเสธไม่ได้
  
ชอนซูสืบจนรู้ว่ากลุ่มคอมเกได้ถูกตั้งขึ้นใหม่จริง ๆ


“เมื่อกี้ท่านว่าอะไรนะพี่ กลุ่มคอมเกเหรอ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มคอมเกจริงเหรอคะ พี่ชอนซูคะ”
    
“ข้าไปสืบมาแล้วพระสนม ค่ายบนเขา ของคอมเกที่ถูกเผาไปเมื่อหลายปีก่อน พวกเค้ารวมตัวกันที่นั่น สัญลักษณ์เดียวกัน และมีโครงสร้างเหมือนคอมเกในอดีต”
    
“แต่ว่ากลุ่มคอมเกที่พ่อข้าก่อตั้งขึ้น ไม่เคยฆ่าคนไม่ใช่เหรอคะ? แม้แต่กับพวกชนชั้นสูงที่รังแกพวกเรา” ทงอีตกใจมาก
    
“ข้าจะลองไปพบกับพวกเค้าด้วยตัวเอง พวกเค้าเป็นใครกันแน่ มีเป้าหมายอะไรถึงทำแบบนี้ ข้าจะไปถามพวกเค้าด้วยตัวของข้าเอง ก่อนจะถึงตอนนั้น ขอให้ท่านช่วยอดใจรออีกหน่อย” ชอนซูตัดสินใจ

   
ที่จริงแล้ว หัวหน้ากลุ่มคอมเกก็คือ แคดอรา เพื่อนสมัยเด็ก ๆ ของทงอี ที่หลังจากเกิดการกวาดล้างกลุ่มคอมเก ได้ถูกส่งตัวไปอยู่ที่อื่น  แต่พอโตขึ้นจึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกตั้งกลุ่มคอมเกขึ้นมาอีกครั้ง 
    
“ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงเป็นยังไง?” ดอราถาม
    
“พวกชนชั้นสูงเริ่มหวาดกลัวกันมาก จนถึงกับมีหลายคนให้ทหารติดตามคุ้มกันตลอดเวลา”
    
“หึ พวกมันก็รู้ว่าชีวิตมีค่ารึ? แล้วจวนว่าการล่ะ”
    
“เจ้าเมืองฮันยางที่ดูแลคดีนี้ดูจะเป็นคนเก่ง ความเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารก็ดูน่าสงสัยมาก”
    
“เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่คาดกันไว้ก่อนแล้ว ให้กำลังใจทุกคน เพื่อไม่ให้พวกเค้าหวั่นไหว” ดอราสั่ง
    
“ท่านหัวหน้า เป้าหมายต่อไปล่ะ” ลูกน้องถาม

“ที่ข้าเรียกทุกคนมาก็เพื่อเรื่องนี้ พวกเราจะเปลี่ยนเป้าหมายกันสักหน่อย”
    
“เปลี่ยนเป้าหมายหรือ หรือว่าจะให้พวกเราหยุดกันแค่นี้”
    
“ไม่ใช่ ข้าไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก อย่างที่พวกนั้นชอบทำกับเรา ก่อนที่จะฆ่าชนชั้นสูงจนหมดเมืองหลวง ศึกครั้งนี้จะไม่มีวันจบสิ้นแน่ แต่ว่าเป้าต่อไปไม่ใช่ชนชั้นสูง” 
    
“อะไรนะ ไม่ใช่ชนชั้นสูงงั้นหรือ?” ลูกน้องถามอย่างแปลกใจ
    
“คนที่สูงกว่านั้น คนที่จะทำให้ทั้งประเทศ เกิดความหวั่นไหวได้เลยทีเดียว” ดอรายิ้มอย่างมีแผน เพราะคนที่เขาคิดจะให้สังหารคือพระสนมซุกวอน
  
จองซังกุงพบชุดหญิงรับใช้ที่ทงอีใส่ออกไปสืบเรื่องราวด้านนอกจึงเอามาเก็บไว้ ทงอีพยายามขอคืนเพราะต้องใช้ออกไปสืบอีก


“ทำไมแต่งองค์แบบนี้ออกไปในเมืองที่เต็มไปด้วยอันตรายพระองค์เดียว” จองซังกุงถามตรง ๆ 
    
“พระสนม ได้โปรดบอกพวกหม่อมฉันด้วยเถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องสืบ จองซังกุงกับหม่อมฉันจะไปทำเอง” จองอิมบอก
    
“เรื่องนี้คงไม่ได้ เรื่องนี้ข้าต้องทำด้วยตัวเอง จะปล่อยให้พวกเจ้าไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้”
    
“พระสนม” จองซังกุงและจองอิมอุทานพร้อมกัน
    
“ข้าขอร้องล่ะ เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกทุกอย่างกับพวกเจ้า แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกพวกเจ้า ได้โปรดให้ข้าไปเถอะ”
    
“ต้องให้หม่อมฉันสองคนตามไปด้วย เมื่อพระองค์ลำบากพระทัย พวกหม่อมฉันก็จะไม่ถามอะไรเลย แต่ขอให้เราสองคนได้ไปคุ้มครองพระองค์ด้วย”
    
“คงจะไม่ได้ เรื่องนี้ข้าต้องไปทำคนเดียว ขอร้องล่ะ พวกเจ้าทำเหมือนไม่รู้อะไรเลยได้มั้ย จองซังกุง” ทงอีพยายามอ้อนวอน
    
“ขอประทานอภัยเพคะ”
    
“จองซังกุง”
    
“ถ้าอันตรายถึงขนาดทรงห่วงความปลอดภัยพวกหม่อมฉัน ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันก็ยิ่งปล่อยให้พระองค์ไปเสี่ยงคนเดียวไม่ได้ ขออภัยที่ขัดรับสั่ง หลังจากกลับถึงวังแล้วหม่อมฉันจะไปขอรับโทษเพคะ แต่ว่าในตอนนี้ หม่อมฉันจะปล่อยให้เสด็จไม่ได้” จองซังกุงยืนยัน
  
มินลูกน้องคนสนิทของมูยอลแอบเห็นทงอีปลอมตัวเป็นชาวบ้าน และเข้าไปในบ่อนพนัน จึงมารายงานต่อมูยอล


“ใส่ชุดสามัญชนเข้าไปในบ่อนที่พวกต้าชิงชอบเล่นกับชิมวูนเทครึ?”
    
“ขอรับใต้เท้า ดูเหมือนว่าจะไปสืบหาข้อมูลอะไรสักอย่าง แถมไม่ใช่แค่นั้น กองทหารองครักษ์ก็น่าสงสัยเหมือนกัน”
    
“ข้ารู้ เค้าสนใจคดีนี้อยู่มากทีเดียว คราวก่อนมาหาข้าก็แสดงท่าทีไม่สบายใจ แล้วชาชอนซู พี่ชายพระสนมล่ะ”
    
“คนนั้นติดตามไม่สำเร็จ ฝีมือไม่ธรรมดา จะสะกดรอยตามเค้าไม่ใช่เรื่องง่าย”
    
“จะต้องรู้ความเคลื่อนไหวเค้าให้ได้ พวกเค้าต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ตั้งแต่เกิดคดีนี้ขึ้นมา พวกนั้นก็ดูตึงเครียดกันไปหมด”
    
“แต่ว่าจะกวาดล้างกลุ่มคอมเกเมื่อไหร่ขอรับ”
    
มูยอลครุ่นคิด “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ยังไม่ใช่ ต้องให้คนตายมากอีกหน่อยก่อน เมื่อไหร่ที่เมืองหลวงวุ่นวายถึงที่สุด เมื่อขุนนางของกลุ่มตะวันตกทำอะไรไม่ถูก พระราชาก็ต้องหันมาพึ่งกลุ่มฝ่ายใต้ของเรา ข้าคิดว่า เราค่อยออกกวาดล้างพวกมันตอนนั้น” มูยอลยิ้มร้ายในแผนการของตนเอง
  
พระเจ้าซุกจงให้อินกุ๊กไปสืบเรื่องราวที่เหล่าขุนนางชั้นสูงถูกฆ่าตายบ่อย ๆ แต่เรื่องก็ไม่คืบหน้ามากนัก


“นี่เหรอคำตอบของพวกท่าน น่าจะเป็นกลุ่มคอมเก แต่ยังไม่รู้จะทำยังไงดี งั้นก็หมายความว่า ให้ทุกคนหลบซ่อนกันไปงั้นรึ”

“อย่าเพิ่งกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกกลุ่มชนชั้นสูงทั้งหลาย..”
    
“ไม่ต้องพูดแล้ว ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือชีวิตของชนชั้นสูง เรื่องนี้ทำให้คนทั้งเมืองหลวงอกสั่นขวัญแขวนกัน ตอนนี้มีกลุ่มคน..ที่กล้ามาสั่นคลอนบ้านเมือง เข่นฆ่าชนชั้นสูงรายวัน จนประชาชนหวาดกลัวไม่เป็นสุข แต่คนที่เป็นขุนนางของราชสำนัก กลับดีแต่หัวหดคิดหาวิธีแก้ไขไม่ได้เลยรึ” พระราชากริ้วมาก
    
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”
   
ชอนซูตามมาจนพบกลุ่มคอมเก แต่ถูกกลุ่มคอมเกจับได้ ชอนซูทิ้งดาบไม่ยอมสู้รบกับกลุ่มคอมเก ทำให้ดอราแปลกใจมาก


“เพราะอะไร ทำไมเจ้าถึงทิ้งดาบในมือไป?”
    
“เจ้า.. เป็นใครหา? ทำไมถึงทำให้กลุ่มคอมเกของท่านหัวหน้ากลายเป็นองค์กรฆ่าคนอย่างป่าเถื่อน” ชอนซูโกรธจัด ที่ทำให้กลุ่มคอมเกต้องด่างพร้อย
    
“ท่านหัวหน้า?” แคดอราทวนคำ และครุ่นคิด ก่อนจะแสดงความดีใจออกมา “พี่ชอนซู ท่านใช่มั้ย พี่ชอนซูใช่มั้ย ข้าเอง แคดอรา จำไม่ได้แล้วเหรอ ข้าเป็นเพื่อนของทงอีตอนเด็ก แคดอราไง”
    
แคดอราดีใจมากที่ได้เจอชอนซู ขณะที่ชอนซูก็แปลกใจและดีใจเช่นกัน


“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริง ๆ ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้ายังคิดว่าทุกคนในกลุ่มถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว ได้มาพบกับท่านอีกครั้ง เหมือนความฝันเลยจริง ๆ”
    
“นี่มันเรื่องอะไร ทำไมถึงทำให้คอมเก...”
    
แคดอาราจึงเริ่มเล่าเรื่องราวของเขาให้ชอนซูฟัง “เรื่องราวในปีนั้น ภาพที่เห็นท่านพ่อต้องนอนตายจมในกองเลือด ข้าไม่มีวันลืมมันเลย ข้าเห็นทุกคนถูกฆ่าตายไปกับตา ข้า..ต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดบาป ความโดดเดี่ยว ไม่เคยมีความสุขเลยสักวัน นับตั้งแต่นั้นมา ข้าก็มีแต่ความรู้สึกสับสน พวกท่านลุง พี่ ๆ และพ่อข้า พ่อแม่พี่น้องเราทุกคน รวมไปถึงทงอี ข้าอยากแก้แค้นให้ทุกคน ที่ต้องตายไปอย่างไม่เป็นธรรม”
    
“ทงอี..ยังไม่ตายแคดอรา นางยังมีชีวิตอยู่”
    
“หา แต่ว่า.. ตอนที่ข้ากลับไปหานางที่เมืองหลวง นางไม่อยู่ ข้าเลยคิดว่าทงอีตายแล้ว”
    
“ไม่หรอกยังไม่ตาย ทงอียังมีชีวิตอยู่ในวังหลวงน่ะ”
    
“หา? อยู่ที่ไหน ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน ตอนนี้ทงอีอยู่ที่ไหนกันแน่ พี่ชอนซู”
    
ชอนซูจึงเล่าเรื่องทงอีให้ดอราฟังทั้งหมด แคดอราตกใจมาก


“ท่าน ท่านหมายความว่ายังไงนะ ทง ทงอีได้รับแต่งตั้งเป็นพระสนม”
    
“ใช่แล้ว เรื่องมันยาวมาก พระสนมซุกวอนในตอนนี้ ก็คือทงอีเอง”
    
“อะไรนะ เป็น เป็นไปไม่ได้ เป็นแบบนี้ไม่ได้” แคดอรามีสีหน้าตื่นตระหนก ที่รู้ว่าทงอียังไม่ตาย และยังเป็นคนเดียวกับสนมซุกวอน ทำให้ชอนซูแปลกใจมาก “มีอะไรแคดอรา”
    
“ข้าไม่รู้เรื่องเลย ข้าไม่รู้ว่าทงอีคือพระสนมที่เราวางแผนฆ่า”
    
“เจ้าว่าอะไรนะ คิดจะฆ่าทงอีเหรอ แคดอรา ๆ” คราวนี้ชอนซูตกใจยิ่งกว่า เมื่อแคดอราบอกว่าเขาวางแผนให้ลูกน้องลงมือตอนเที่ยงคืนคืนนี้


“ในเมื่อมีสัญลักษณ์อยู่ ก็จะต้องมีคนที่เข้าใจความหมายของมันอย่างแน่นอน พ่อบอกว่า อาจจะเป็นพวกขุนนางฝ่ายใต้ที่ฆ่าพวกเดียวกันเอง มีแต่..ขุนนางฝ่ายใต้ที่จะเข้าใจ มันคืออะไรกันแน่นะ คืออะไรนะ? อะไร.. “ทงอีพยายามคิด แต่ก็คิดไม่ออก

“พงซังกุง”
    
“พระสนม ไม่ได้เพคะ เชิญเสด็จกลับเถอะ”

“เปล่าข้าไม่ได้จะออกไป ข้าแค่มีเรื่องอยากให้ท่านช่วย  ข้าอยากให้ช่วยหาอะไรอย่างนึง” 
    
ทงอีอยากหาจดหมายที่เคยเจอ พงซังกุงจึงสั่งให้ทุกคนค้นหา เป็นเวลาเดียวกับลูกน้องดอราลงมือจับกุมทงอี

    
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหา? นะ..นั่นใครน่ะ มีใครอยู่ข้างนอก  พวกเจ้าเป็นใคร?”
    
“ท่านคงเป็นพระสนมจากวังหลังสินะ”
    
“พวก  พวกเจ้าเป็น..”
    
“ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะส่งท่านไปอย่างสบาย”


* ข้อมูลจากเดลินิวส์ / ภาพ captures จากละครเอ็มบีซี


หมายเหตุ: ละคร "ทงอี จอมนางคู่บัลลังก์" ถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น. และ 19.15-20.15 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่ (ยกเว้นเย็นวันศุกร์ สามารถรับชมได้ในเวลา 19.00 - 20.00น.) ออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพื่อป้องกันสแปม ความเห็นของคุณจะปรากฏทันทีที่ได้รับการตรวจสอบจากเรา